หลังรถยนต์ไฟฟ้า Nissan LEAF ประสบความสำเร็จอย่างสูง ล่าสุดนิสสันเปิดตัว Nissan LEAF NISMO ที่ดึงเอาแผนก Nissan Motorsport มาร่วมพัฒนาและปรับแต่ง ออกมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรงสปอร์ต พร้อมวางจำหน่ายวันนี้ในญี่ปุ่น
LEAF NISMO เป็นการปรับแต่งจาก LEAF รุ่นใหม่ที่เปิดตัวปีที่แล้ว มาในดีไซน์ใหม่ที่สปอร์ตขึ้น ดีไซน์ภายนอกใช้แอโรพาร์ทแบบ double layered wings ที่เป็นลักษณะเฉพาะของรถนิสโม ที่ช่วยเพิ่มแรงกด โดยไม่ลดค่าสัมประสิทธิ์การต้านอากาศ มาพร้อมล้อที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อลดแรงต้านของอากาศขนาด 18 นิ้ว
นอกจากนี้ยังได้รับการปรับแต่งตั้งแต่ระบบควมคุมเพื่อเพิ่มอัตราเร่งให้ตอบสนองรวมเร็วยิ่งขึ้น ปรับสเปคล้อ และยางแบบเฉพาะ ระบบกันสะเทือนที่เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม และคงความนุ่มนวลในการขับขี่
ฟีเจอร์บน LEAF NISMO ไม่แตกต่างจาก LEAF 2018 ทำให้คาดว่าขนาดแบตเตอรีน่าจะเท่ากันด้วย ส่วนราคาและวันเวลาที่จำหน่ายนอกญี่ปุ่นยังไม่ประกาศครับ
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
Comments
ชอบรถรุ่นนี้ครับ สวยดี
..: เรื่อยไป
พูดได้เลย ดีไซน์ Nissan เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ Nissan Note แล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ชอบเหมือนกันนนน อยากขอเพิ่มอีกอย่างคือ เปลี่ยนภายในทีเถอะ มันอัลเมร่ามากกกกกกก ดูไม่สวยเลยอ่าา
เห็นรถยนต์ไฟฟ้ามันมีแบบชาร์ตไฟ กับเห็นว่าเติมน้ำมันแล้วเอาน้ำมันไปปั่นไฟ อันนี้เป็นแบบไหนหรอครับ
Leaf ทางนิสสันวางตลาดไว้เป็น EV ครับ คือเสียบปลั๊กชาร์ตพวกเติมน้ำมัน ชื่อการตลาดของนิสสันจะเป็น e-Power ครับ เติมน้ำมันปั่นไฟใส่แบต เช่น Nissan Note e-Power ที่เพิ่งผ่าน BOI น่าจะเปิดตัวในไทยปีหน้าแหละครับ
พูดถึงว่าการปั่นไฟฟ้าเข้าแบต (ทั้งเครื่องปันไฟดีเซล/เบนซิน) กับการสันดาบจากน้ำมันในเครื่องยนต์โดยตรง อันไหนมีประสิทธิภาพและประหยัดในกันขับมากกว่ากันครับ
ปล. เห็นรถไฟฟ้าเริ่มเป็นทีค่สนใจและคึกคักกันมากขึ้น ก็มีบางคนที่กังวลและยังเห็นข้อเสียของรถไฟฟ้าอยู่เหมือนกัน เจอในหน้านี้สักพักแล้วครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
nissan note e-power เหมือนเห็นเว็บ headlightmag คำนวณมาได้ที่ราวๆ 18-19 Km/L ครับ ชนะรถในกลุ่มเดียวกันส่วนใหญ่ แต่ไม่ขาดเท่าไหร่
ส่วนข้อเสียในเว็บนั้นเกินครึ่งเป็นเรื่องของ "ข้อเสียต่อส่วนอื่น" ครับ ไม่ใช่ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าเลย
ปกติการสันดาปเครื่องยนต์ต่อเนื่องเนี่ยเวลาเราไม่ได้เคลื่อนที่รถเลยจะเป็นการสันดาปเพื่อรักษารอบเดินเบาครับ ปัญหาตรงนี้คือความสิ้นเปลืองโดยตรงเลย การเอากำลังส่วนนั้นมาชาร์จถือว่าดีครับ แต่ถ้าหากรถไม่ได้เคลื่อนที่ช้าหรือไม่ได้หยุดนิ่งกับที่ การเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าก่อนแล้วค่อยส่งขับมอเตอร์นี่สูญเสียมากกว่าการใช้เครื่องยนต์ส่งกำลังแน่นอนครับ เนื่องจากการเปลี่ยนรูปพลังงานยิ่งมาก การสูญเสียก็จะยิ่งมากขึ้นเช่นเดียวกันแต่. . การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าไปขับเพลาโดยตรงทำให้ไม่ต้องมี Powertrain ครับ ซึ่งเดิมการส่งกำลังโดย Powertrain เกิด Friction Loss ที่สูงมาก ถ้าใครเคยวัด Torque Loss จะรู้ดีว่าสุญเสียเยอะแค่ไหน ทำให้โดยรวมการเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าก่อนแล้วจึงส่งไปขับมอเตอร์ไฟฟ้า การสูญเสียรวมน้อยกว่าการส่งกำลังโดยตรงจากเครื่องยนต์ผ่าน Powertrain ครับ(ตามผลทดสอบ)
แบบเดียวกับเรือใหญ่ๆ เปล่าครับ ที่ใช้เครื่อง turbines ไม่เอาดีเซลไปขับเพลาตรงๆ
เสริมคุณ lockinlive05 ว่านอกจากเรื่องลดความศูนย์เสียในช่วงรอบเดินเบาแล้วนั้น อีกเหตุผลนึงที่ทำให้รถ Hybrid ทุกค่าย มันประหยัดน้ำมันกว่าก็คือเครื่องยนต์ในรถ Hybrid จะถูกควบคุมให้ทำงานทีช่วงความเร็วรอบที่มีประสิทธิภาพที่สุดอยู่ตลอดเวลา(และรอบค่อนข้างนิ่ง) เมื่อเทียบกับรอบเครื่องยนต์รถยนต์ทั่วไปที่ต้องมีการหยุด ออกตัว การเร่งแซงซึ่งทำให้รอบไม่ค่อยคงที่ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์โดยเฉลี่ยแพ้ระบบ Hybrid ในการขับขี่ในเมือง (อันนี้คือไม่นับว่าระบบ Hybrid สามารถเก็บพลังงานตอนเบรค อะไรได้อีก) แต่ถ้าขับทางไกลก็จะพบว่าอัตราความสิ้นเปลืองอาจจะไม่ต่างกันนัก
วีดีโอไม่เจอคามเป็นสปอร์ตเลยอ่ะ - - วิ่งเนิบ ๆ นิ่ม ๆ
ออกตัวเร็วมากนะครับ หลังติดเบาะ แต่ความสปอร์ตมันมีแค่นั้นแหละ
Sport มันต้องแต่งท่อด้วย ติดเทอโบ แต่พอเป็นไฟฟ้า T_T สงสัย ต้อง พันรอบมอเต้อใหม่ 555+
รถใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ไม่ใช้น้ำมันเนี่ย ผมพูดตรง ๆ เลยนะครับ จริง ๆ Solution ที่ใช้ Hydrogens ของ Toyota อ่ะดีที่สุด ถ้าเรามอง ถัง Hydrogens เป็น Battery ก้อนหนึ่ง (ชาร์ตไฟใส่เครื่องทำ Hydrogens นานหลายชั่วโมง แล้วเท Hydrogens ลงถังใน ไม่กี่นาที, เสียบที่ชาร์ตไฟใส่ Battery ของรถ นานหลายชั่วโมง)
แต่ปัญหาของ Toyota คือ ดันไปเซ็นสัญญากับ Shell ให้สร้างเครื่องทำ Hydrogens ที่สถาณีบริการน้ำมัน แล้วให้รถเข้าไปเติม นั่นแหละถ้า Pack คู่มาพร้อม เครื่องทำ Hydrogens ที่บ้านแบบ เสียบไฟตอนไปทำงาน กลับบ้านก็เติม Hydrogens ไส่รถลงไป อาจจะเกิดไปแล้ว
Hydrogen มันอันตรายมากนะครับติดไฟง่ายมากแถมไฟที่เกิดจากการเผาใหม้ของ Hydrogen ก็แทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ถ้าเกิดมีเครื่องทำ Hydrogen ตามบ้านคงได้มีข่าวบ้านระเบิดแน่ๆ
ไฮโดรเจนแค่รวมตัวกับออกซิเจนก็สามารถสันดาปได้ด้วยตัวเองแล้วครับ รั่วหรือชนนี่มีบึ้มแน่นอน
เสริม https://sciencing.com/happens-hydrogen-oxygen-combine-8515474.html
รูปนิ่งอย่างสวย พอดูคลิปเท่านั้นแหละ Drop ไป 30%
+1 ตัวรถเหมือนเดิมแหละแต่ขับไม่สปอร์ตเลย ไปหาคนขับมาใหม่เถอะ Ford ranger raptor ยังโฆษณาได้เร้าใจสะอยากซื้อกระบะทั้งมี่ไม่เคยมองเลย