หลังโรงแรมในเครือ Starwood ออกมาเปิดเผยว่าถูกแฮกตั้งแต่ปี 2014 ทำ ข้อมูลลูกค้ากว่า 327 ล้านรั่วไหล ล่าสุดดูเหมือนการแฮกดังกล่าวจะไม่ได้เป็นแค่การโจมตีด้วยเหตุผลด้านธุรกิจหรือเพื่อข้อมูลอย่างเดียวแล้ว แต่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในสงครามไซเบอร์ระหว่างสหรัฐและจีนเลยก็ได้
The New York Times รายงานอ้างอิงคนวงในการสืบสวนระบุว่า ทีมสืบสวนคาดว่าแฮกเกอร์น่าจะมาจากจีน จากการวิเคราะห์โค้ดและรูปแบบที่โจมตีแล้ว คล้ายกับที่แฮกเกอร์จีนใช้ โดยถึงแม้จะยังไม่สามารถระบุเจาะจงลงไปได้ แต่ก็คาดว่าแฮกเกอร์น่าจะทำงานให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานสายลับของรัฐบาลจีน
ขณะที่ข้อมูลของลูกค้าโรงแรมในเครือ Starwood ไม่ได้มีแค่ชื่อและข้อมูลบัตรเครดิต แต่ยังมีข้อมูลพาสปอร์ตด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงสหรัฐชี้ว่าข้อมูลพาสปอร์ต สามารถนำไปติดตามได้เลยว่าใครเดินทางเข้าออกสหรัฐและหน้าตาเป็นยังไง พร้อมชี้ว่าการโจมตีนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเดียวกันที่แฮกสำนักงานจัดการบุคลากรของรัฐ เมื่อปี 2015 ที่ถูกโยงกับรัฐบาลจีนเช่นกัน
ข้อมูลที่ถูกแฮกเมื่อปี 2015 เป็นข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีทั้งข้อมูลการเงิน ครอบครัวไปจนถึงรายละเอียดการพบปะคนต่างชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่รัฐบาลจีนสามารถใช้วิเคราะห์และค้นหาสปายหรือเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐได้ ขณะที่การแฮกโรงแรมในเครือ Starwood ครั้งนี้ที่น่าจะนำไปประกอบการวิเคราะห์ได้คือนิสัยการท่องเที่ยว
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนออกมาปฏิเสธข้อมูลนี้ พร้อมยืนยันว่าต่อต้านการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบและพยายามจัดการตามกฎหมายอยู่ตลอด หากสหรัฐมีหลักฐาน หน่วยงานของรัฐบาลจีนที่เกี่ยวข้องก็พร้อมจะสืบสวนต่อตามกฎหมายให้
ที่มา - The New York Times
Comments
เกิดไรขึ้นนี่สงสัยจีนไว้ก่อนเลยแหะ 555
จีน รัซเซีย เกาหลีเหนือ โดนแฮคเมื่อไหร่โดนพาดพิงวนๆกันไป
สหรัฐฯ มองประเทศพวกนี้เป็นศัตรูและคู่แข่ง (ก้างขวางคอ) มานานแล้วครับ ไม่แปลกที่จะชี้ไปแบบนั้น แต่อาจจะเงิบได้ ถ้าผลออกมาเป็นคนในสหรัฐฯทำเสียเอง
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เมกาไม่เคยแฮคครับ แค่เอาข้อมูลเราไปใช้เลย(Facebook,google)ไม่มีใครรู้ตัวเราได้ดีกว่า facebook อีกแล้วแม้กระทั่งตัวเรา
โทษเป็นโฆษกรัฐบาลคนเก่าของประเทศแถวนี้เลย
อ่านข่าวทำนองนี้จากสื่อหลักทีไรก็เห็นแต่โทษจีนโทษรัสเซีย อยากรู้ว่าข่าวจากอีกฝั่งมีอะไรแบบนี้มากน้อยแค่ไหน
จีนนี่ใันร้ายจริงๆเนอะ
บอกว่าจีนก็ยังโอเคนะแต่บอกว่าคาดว่ารัฐบาลจีนหนุนหลังก็ใส่ร้ายไป
CIAพยายามล้วงข้อมูลทุกชาติมาตลอดตั้งแต่หลังWWIIไม่นาน สงสัยจะลืมกันไปแล้ว
จริงแล้วเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเล่น Social Media ก็น่าจะมีข้อแนะนำก็ดีนะครับ เดี๋ยวนี้ AI มันฉลาด หา Pattern ได้สบายว่าใครทำอาชีพอะไร รู้อาชีพแล้ว เข้าถึง Location ได้ก็เข้าถึงสถานที่ลับบางแห่งกันได้ ได้เป้าหมายแล้ว ก็ Hack เฉพาะเครื่อง เพื่อเปิดการเข้าถึง HW น่าจะง่ายกว่าเดาสุ่ม
ส่วนของโรงแรมผมว่าน่าจะมีจุดประสงค์อื่นด้วย โรงแรมเครือใหญ่อย่างนี้ข้อมูลบุคคลหลุดไป ก็เข้าถึงข้อมูลได้ทั้ง CEO, เจ้าหน้าที่ระดับสูง แล้วค่อยหาต่อยังได้เลย เพื่อเข้าถึงระบบอืนๆ ต่อได้ โดยเฉพาะอีเมล์น่าจะเป็นเป้าหมายหลักเลยทีเดียว ต่อไปโรงแรมน่าจะเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่จะโดนในอนาคต
NSA ใสๆ