โครงการรถยนต์ไฟฟ้าของ Porsche เริ่มมาจากโปรเจ็ค Mission E ตั้งแต่ปี 2015 และต่อมาได้ออกรถรุ่นวางขายจริงในชื่อ Taycan ซึ่ง Porsche ก็ได้ปล่อยน้ำจิ้มเกี่ยวกับรถรุ่นนี้มาเป็นระยะ
ล่าสุด Porsche ได้โชว์ผลการทดสอบนำ Taycan ไปวิ่งที่สนาม Nardò ประเทศอิตาลีด้วยความเร็วสูง 195 ถึง 215 กม./ชม. ติดต่อกันนาน 24 ชั่วโมง ได้ระยะทางรวมทั้งสิ้น 3,425 กิโลเมตร โดยหยุดพักแค่ชาร์จแบตด่วนและเปลี่ยนตัวนักขับเท่านั้น
หากหารเฉลี่ยออกมาแล้ว แปลว่า Taycan ถูกขับด้วยความเร็ว 142 กม./ชม. ตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมง
Stefan Weckbach ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์รถ Taycan ระบุว่า Taycan ผ่านการทดสอบความอึดโดยไม่มีปัญหาใดๆ แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีไฟฟ้า 800 โวลท์ที่ใช้งานในรถรุ่นนี้สมบูรณ์แล้ว และภายในสิ้นปีนี้ก็จะวิ่งทดสอบทั่วโลกกว่า 6 ล้านกิโลเมตรด้วย
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคืออุณหภูมิของสนามแข่ง โดย Porsche ระบุว่าบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงสุดที่ 42 องศาเซลเซียส และผิวสนามแข่งสูงถึง 54 องศาเซลเซียส
ก่อนหน้านี้ Porsche ก็ โชว์ทดสอบออกตัว 0-200 กม./ชม. ติดต่อกัน 30 ครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่าระบบไฟฟ้าสามารถให้แรงสูงๆ ได้ติดต่อกันโดยไม่มีปัญหา
Porsche Taycan จะเปิดตัวรุ่นวางขายจริงในวันที่ 4 กันยายนนี้ ดูคลิปการทดสอบได้ท้ายข่าว
ที่มา - Electrek
รูปทั้งหมดโดย Porsche
Comments
อยากให้รถยนต์ไฟฟ้าราคาจับต้องได้แล้วครับ อยากขับรถเสียงเงียบๆ ไม่มีควัน
เรื่องเสียงเงียบคงเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัตินะครับ เพราะยังไงคงต้องมีกฎหมายควบคุมให้ผู้ผลิตใส่เสียงสังเคราะห์ในระดับที่อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสม ตราบใดที่รถไฟฟ้า รถยนต์อัตโนมัติยังใช้เส้นทางร่วมกับรถทั่วไป และมนุษย์อื่นๆ เพราะสมองมนุษย์เรา ถ้าเป็นการทำงานซ้ำๆ ระบบจะทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งเสียงเป็นองค์ประกอบร่วมที่ทำให้ประสาทอัตโนมัติทำงานในการตัดสินใจ ซึ่งการได้ยินเสียงจะทำให้ผู้ร่วมทาง หรือผู้เดินถนนระวัง ถึงจะยังมองไม่เห็นตัวรถชัดเจน
แต่ถ้าควบคุมเรื่องเสียงภายในรถ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเงียบมากๆ จะทำให้ง่วงหรือเปล่านี้ก็อีกเรื่องนึง
เรื่องง่วงนี่ต่อให้ดังแค่ไหน ถ้ามันน่าเบื่อผมก็ง่วงครับ ผมอยากให้เสียงส่วนเกินมันเงียบลงน่ะครับ บางรุ่นราวลิ้น พัดลม cylinder ดังแบบหงุดหงิด
อย่างรถ vios ก็จะมีเสียงสายพานกับเสียงคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ได้ยินแล้วรู้เลยว่าวีออส เสียงพวกนี้รวมๆ กันแล้วเป็นมลพิษต่อสังคมมากครับ รถที่จอดติดไฟแดง หรือรถติด ผมยังไม่เห็นว่าควรจะมีเสียงใดๆ ในมุมของความปลอดภัยนะครับ
แต่ทุกวันนี้มันดังมากไง ทั้งเสียง ทั้งควัน ทั้งความร้อนที่ผลิตออกมาในขณะรถติดนี่ทำให้มลพิษโดยรวมเพิ่มขึ้นมากเลยครับ
อยากใช้ชีวิตแบบคนเดินเท้าในเมือง แต่ตัวเลือกเหลือไม่มาก
ย้ายมาอยู่ติดออฟฟิส แต่คงไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดไม่ต้องเดิน ยังไงก็ต้องเดินอยู่ดี แล้วคนทั้งจังหวัดคงย้ายไปอยู่ใกล้ ออฟฟิสตัวเองทั้งหมดไม่ได้อ่ะครับ
อยากหนีมลพิษ ต้องไปอยู่ขอบเมือ
หรือไม่ก็อยู่ในเมืองแล้วทน
ทำงานรีโมท แต่ไม่ใช่ฮิคิโคโมริ ยังไงก็ต้องออกไปซื้อของ
ยากจัง หรือมีแค่ผมที่รู้สึกว่ามันยากหว่า
ความเห็นที่ผมมีต้องข้อ 1. ของคุณนะครับแทนที่จะให้คนส่วนใหญ่ย้ายมาอยู่ใกล้ Office ตอนนี้ผมย้าย Office ออกไปนอกเมืองแทนครับ
ความเห็นแถม...
สมัยหนุ่มที่ผมยังขับรถเองไกลๆ (เพราะชอบ) วิ่งข้ามประเทศตั้งแต่จีนลงไปสิงคโปร์ ผมมีวิธีแก้ง่วงครับ ได้ผลดีด้วย
"ชวนคนนั่งข้างๆ ทะเลาะ" ครับ ตาสว่าง เลือดสูบฉีด หายง่วงป็นปลิดทิ้ง
โอ้ย ฮ่าๆๆๆๆ
เรื่องเสียง น่าจะเปิดช่องไว้เวลาวิ่งบน MOTORWAY เพราะมันไม่มีความจำเป็น
เมื่อปีที่แล้วผมไปฮ่องกง ระหว่างยืนถ่ายรูปอยู่ข้างถนน ก็รู้สึกถึงเสียงบางอย่างจึงหันไปดู ก็พบว่า Tesla ขับมาจอดข้างๆแล้ว
เสียงที่ว่าคือเสียงล้อรถบดกับถนนซึ่งเบามากๆยังคิดว่า ถ้าเขามาเร็ว แล้วหลุดการควบคุม ก็สามารถชนเราโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเป็นรถทั่วไปมาเร็วๆ เสียงคงดังมาแต่ไกล ซึ่งเราจะรู้ตัวก่อน
กฎหมายส่วนใหญ่จะพัฒนาไปในทาง ให้รถต้องปล่อยเสียงออกมาคนจะได้รู้ว่ามีรถ แต่สเป็คเสียงต้องยังไงดูเหมือนยังไม่ได้กำหนดกัน แต่คงไม่น่ารำคาญเหมือนรถปัจจุบัน
ยืนถ่ายรูปข้างถนนบริเวณที่รถเข้ามาจอดข้างๆ ได้ ... ผมไม่ได้กวน แต่เท่าที่อ่านคือคุณยืนบนถนนในบริเวณที่รถต้องสัญจรไปมา หรือเป็นบริเวณที่จอดรถใช่มั้ยครับ
ถ้าใช่ผมว่าเค้าควรมีกฎหมายจับคนแบบคุณนะ ขอแสดงความเห็นตรงๆ ครับ
ยืนอยู่ข้างถนน = บนฟุตบาทครับ เค้าขับมาจอดข้าง ๆ ไม่ได้มาชนครับ เค้าพูดในกรณีรถเสียหลักพุ่งเลยขอบฟุตบาทมาชนเค้าครับ ถ้าเป็นรถธรรมดาเราจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์และอาจจะหลบทันครับ
ปล ในความเป็นจริง ต่อให้ได้ยินก็หลบไม่ทันครับ ดูจากหลาย ๆ คลิป
ผมเข้าใจว่ายืนบนถนนที่มีทางเดินสองข้างทางที่ไม่ได้ยกระดับขึ้นไปนะครับ
บนฟุตบาทครับ ขออภัยถ้าพิมพ์ไม่กระจ่าง ทำให้เข้าใจผิด
อ้อ ผมนึกว่าจอดข้างๆ แบบข้างตัวบนถนนเลย ขออภัยที่เข้าใจผิดครับ พอดีเจอลักษณะนี้บ่อย
คือเดินเล่นมือถือ หรือถ่ายรูปกันในทางสัญจร จอดรถรอนานแล้วแต่ยังถ่ายรูป หรือเล่นมือถือโดยไม่รู้ว่ารถมารอ (รถวีออสผมเก่าและดัง) จนต้องบีบแตรใส่ก็ทำหน้าหงุดหงิดอีก
ผมนึกถึงเสียงเพลงแดนซ์รถกระบะเลยหวังว่าคงไม่มีคนโมลงเสียงแบบนั้น
ผมเคยเม้นแสดงความกังวลต่อการโมเสียงลงไปไว้แล้วครับ เพราะผมเชื่อว่าคนเรายังไงๆ ก็ชอบ abuse system ครับ
และการใช้เสียงที่มีระดับความดัง เป็นการแสดงถึงอีโก้อย่างนึง
ซึ่งผมเชื่อว่าโดยมากแล้ว ระดับอีโก้จะแปรผกผันกับระดับ self esteem ครับ
ผมไม่ชอบรถเสียงดัง แต่ชอบเสียงไพเราะครับ
หนึ่งในเหตุผลที่ชอบ Alfa Romeo ยุค Pininfarina ก็คือเสียงที่ย้อนผ่าน Carburetor ขึ้นมาที่กรองอากาศ
เป็นเสียงที่คนเล่น Alfa ไทยสมัยก่อนเรียกว่า เสียง "รางข้าวหมา" ในตำนาน (เพราะกรองอากาศรูปร่างละม้ายรางข้าวหมา)
มันเป็นเสียงคำรามหนักแน่น แต่นุ่มนวล ออกมาจากห้องเครื่อง ไม่ได้มาจากท่อ (เสียงที่ปลายท่อกลับเบาแผ่ว)
เสียงคำรามจะดุดันขึ้นตามรอบเครื่องที่สูงขึ้น แต่ไม่มีเสียงฟี้ดแสบหูเหมือนเสียง Turbine สูบอากาศครับ
รำลึกถึงอรรถรสในการขับขี่
ผมชอบเสียงเดิมๆ ของรถสี่สูบมาก (แต่ก่อนเรียกรถ bigbike ว่ารถสี่สูบ อวดแก่บ้าง) แต่ถ้าต้องได้ยินกลางคืน หรือเจอกลุ่มใหญ่ๆ ก็ไม่ไหวครับ
เพลงที่ผมชอบที่สุด ถ้าเปิดเสียงดังๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกันอ่ะครับ
ใครสาย mod ลำโพงนี่จะรู้ดีว่าพลังเสียงที่ต้องใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าถ้าอยากให้ได้ยินขนาดนั้นต้องใช้พลังงานเท่าไหร่ซึ่งอนาคตต้องมีแน่ๆพวกโมให้มีสวิตช์เปิด-ปิดเพื่อใช้ปิดเวลาวิ่งทั่วไป ไม่อยากเปลืองแบต และค่อยเปิดเวลาผ่านด่านตรวจหรือผ่านตำรวจ
หรือว่า 25 ชั่วโมงพังนะ ?
ชอบๆ 25 ชม.ไม่พังหรอกครับ หมดประกันอะพังเลย 555
ดูจากการทดสอบแสดงว่า เน้นเรื่องความอึดว่าจะไม่ร้อนจนกำลังตก ซึ่งเป็นจุดอ่อนข้อใหญ่ของรถ EV
อยากเห็นคลิปทดสอบ ไปวิ่งNurburg ring
เพราะเหมือนเคยเห็นคลิปพวก Tesla ที่วิ่งคู่กับ BMW M series ตอนต้นๆ Tesla จะนำ แต่หลังๆ พอแบตร้อนแล้วกำลังตก เจอ M series แซงหมด
update คคห.ตัวเอง ไปเห็นข่าวเปิดตัวจากอีก
ที่นี่ เจอประโยคนี้
"ผมคงไม่พูดว่า Tesla เป็นคู่แข่งของ Taycan โฟกัสเฉพาะที่รถของเราแล้วกัน สิ่งที่เราเน้นนอกเหนือจากความแรงก็คือ ความแรงที่ทำซ้ำได้หลายๆครั้ง เรานำมันไปวิ่งที่สนาม Nurburgring ซึ่งมีทั้งการสาดโค้งแบบรุนแรง สภาพพื้นแทร็คที่คาดเดายาก และมีช่วงทางตรงที่ต้องกดแช่นานๆ Taycan Turbo S ทำเวลาได้ 7 นาที 42 วินาที ซึ่งก็เร็วเท่ากับ 911 GT3 บอดี้ 99"
สุดๆเลยครับ ยอมรับเลยว่า Porsche แก้ไขสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของ EV ที่เน้นเรื่องสมรรถนะ ได้ตรงประเด็น
แต่อย่าลืมว่า เทสล่าถูกกว่าครึ่งนึงเลย แถมแบตยังเป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่ากว่า(แบตลิเทียมแบบกลมขนาด18650 พันๆก้อน เรียงกัน) เทียบกับแบตของพอร์ช นี่เทคโนโลยีต่างกันหลายปีอยู่ (แบตลิเทียมแบบสี่เหลี่ยม)
เทสล่าล่าสุดก็ปรับแบตจาก 18650 มาเป็น 21700 (แต่ยังเป็นแบตกลมอยู่ แต่เทคโนโลยีดีขึ้น) รวมไปถึงร่วมมือกับบริษัทแบตจากจีน อาจจะทำแบตในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่แบบ18650/21700-เดาว่าน่าจะแบบเหลี่ยนเหมือนพอร์ช)รวมถึงแก้จุดอ่อนในเรื่องการระบายความร้อนของแบตด้วย
อาจจะมีเซอร์ไพรส์จากเทสล่ามาแก้เกมส์ก็ได้
ใช่ครับ ด้วยราคา Tesla เป็นต่อ
แต่ที่ผ่านมาเนื่องจากสมรรถนะของ Tesla เองก็มีผู้พยายามไปเปรียบเทียบกับ High performance street car แบบ BMW M2 M4 อยู่เสมอ ซึ่งรถพวกนี้ความแรงก็เทียบเท่ากับ exotic car เริ่มต้นของ Porsche นั่นแหละ
ซึ่งผู้ใช้ Tesla เองก็มีการเปรียบเทียบ ถ่ายคลิป วิ่งทดสอบ คู่กันประจำเต็ม youtube คงไม่แปลก หากจะมีการเปรียบเทียบ Tesla กับ Porsche EV ที่ทำมาเพื่อเน้นสมรรถนะการขับขี่
อันที่จริง spec หลายอย่างของ Taycan ก็ด้อยกว่า Tesla นิดๆ ในเรื่องอัตราเร่ง หรือระยะทาง แต่ไปเน้นเรื่องความสนุกในการขับขี่ รวมไปถึงสมรรถนะใน track มากกว่า ซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนของ Tesla ที่ผ่านมาเอง
แต่นั่นแหละ เห็น Tesla พยายามทำชุดขับเคลื่อนชุดใหม่ ก็อาจมี surprise เหนือกว่าไปอีกขั้นก็ได้ เพราะเป็นเจ้าเทคโนโลยีของ EV เอง
แต่การดึงให้car maker ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถสมรรถนะสูงมาเล่นในตลาดนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดที่ดี และน่าจะมีอะไรให้แข่งขันกันอีกเพียบ
อยากให้ชุดแปลงรถน้ำมันเป็นรถไฟฟ้าของ กฟผ. ใช้งานได้จริง และออกจำหน่ายในราคาจับต้องได้จังเลยไม่อยากเปลี่ยนรถใหม่
ราคาแบตมันแพง เปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตอนที่ราคาถูกลงง่ายกว่าครับ