หลังจากสหรัฐฯ แบนไม่ให้หัวเว่ยใช้เทคโนโลยีสหรัฐฯ ทางหัวเว่ยก็พยายามแสดงความพร้อมที่จะใช้เทคโนโลยีของตัวเองตลอดมา โดยระบบปฎิบัติการ HarmonyOS นั้นมีหัวใจสำคัญคือ Ark Compiler ที่จะมาทดแทนจาวาคอมไพล์เลอร์ในแอนดรอยด์ แต่นักพัฒนาจีนที่ทดลองใช้งานก็พบว่ามันยังไม่สามารถใช้งานได้จริง
Max Zhou อดีตหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Mobike ที่ออกมาตั้งบริษัท MetaApp ระบุว่า Ark Compiler เป็นแค่การประชาสัมพันธ์
ผู้ใช้ บอร์ด Zhihu (เหมือน StackOverflow ของจีน) ที่ชื่อว่า He Zhiyuan แสดงความเห็นว่าหัวเว่ยควรยอมรับความผิดพลาดที่เร่งปล่อยโครงการออกมาในสภาพใช้งานแทบไม่ได้ แล้วนำไปประชาสัมพันธ์ และชุมชนนักพัฒนาพร้อมจะรอให้โครงการพร้อมกว่านี้
ผู้ใช้หลายรายพยายามนำโค้ด Ark มารันแล้วพบว่าแม้แต่ตัวอย่างก็ยังไม่สามารถรันได้ ผู้ใช้บางรายระบุว่าสามารถคอมไพล์เป็นแอสแซมบลีได้ แต่ก็ไม่มีรันไทม์ที่จำเป็นสำหรับการรันโค้ดมากับโครงการ
ที่มา - Abacus
Comments
สู้ต่อไป ทาเคชิ
ควรยอมความผิดพลาด > ควรยอมรับความผิดพลาด
งานเร่ง
คนเชียร์มาเร็วๆๆ
จะมาทดแทบ > จะมาทดแทน
มุ้งมิ้ง~*
Google มีปัญหากับ Oracle ยังตัด Java ทิ้งไม่ได้เลย
ก็มีย้ายไป OpenJDK แล้วไม่ใช่เหรอครับ และ Fuchsia OS ก็เริ่มพัฒนามาทดแทนแล้วนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
Google คือเปลี่ยนตัวภาษาเลยครับ (พยายามอยู่เช่นกัน)
ส่วนที่ Oracle ฟ้องนี่คือ เรียกร้องส่วนแบ่งจากสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ซึ่ง Oracle อ้างสิทธิ์การใช้รูปแบบ syntax ของ Java API มาใช้ในการทำ Java บน Android เพื่อใช้พัฒนาซอฟต์แวร์บน Android ฉะนั้น Google สร้าง runtime ตัวเองหรือตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Oracle ก็อาจไม่ช่วย แต่โชคดีว่าศาลไม่ฟัง Oracle เลยรอดมาได้
ใช่ครับ ถ้าเกิดว่าฟังขึ้นมาจริง ๆ ถ้าผมสร้าง Method toString() ขึ้นมาก็โดนฟ้องได้ละ (ถ้าเกิดเขม่นกันขึ้นมา)
เขาเรียกว่ามีความตั้งใจ แต่ยังอ่อนหัด
อ๊าาาาากกกก
ว๊าาาาากกกก
บอกได้เลยว่างานเผา
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ถ้ามันง่ายขนาดที่อวยๆเพ้อๆกัน
จีนคงทำไปนานแล้ว
บอกแล้วว่าโครงการมันมีแต่ชื่อ
สิ่งเดียวที่ใช้ได้จริงคือ powerpoint ที่ใช้พรีเซนท์
แถมเป็นคอนเซ็ปเดียวกับที่เหล่ายักษ์ใหญ่ซุ่มทำอยู่(และอาจจะก้าวหน้ากว่า)
ไม่น่ารอด
ยังดีที่มีข่าวออกมาเบรกกองอวยหน่อย ตอนนั้นพูดกันเหมือนมันง่ายมาก
ก็ยังเบรคได้บางตัว ส่วนมากยังอวยหลับหูหลับตาต่อไปเห็นละเหมือนสลิ่มนิดๆ
ถ้าเอามาเทียบกับ Android กับ iOS ตอนนี้ก็คงยาก ต้องไปดูด้วยว่าตอน Android กับ iOS ออกใหม่ๆ สภาพยังไง แถมวิสัยทัศน์ยังต้องการให้ทำงานได้ทุกที่ มันก็ยิ่งยากทวีคูณ ถ้าเป็นก่อนเกิดสงครามการค้าอาจพอมีหนทาง เพราะทิศทางของทาง Google ก็คล้ายกัน เพียงแต่ตอนนี้ resource ต่างๆ ก็ถูกควบคุม ต้องวิจัยเอง มันก็ลำบากหน่อยล่ะ คิดว่าคงเกิด แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร อาจจะคล้าย iOS ช่วงออกใหม่ๆ ที่ถูกควบคุมฟีเจอร์ก่อนจะมีโอกาสเกิดมากกว่าเปิด Open จนควบคุมยาก
กลัวพังแบบ Windows Phone และระบบที่ไปไม่รอดมากกว่า แม้ Windows PC กับ Xbox จะรอดก็ตาม
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ นักลงทุนส่วนใหญ่จะกล้าเสี่ยงกับสิ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้อยู่แล้ว เอาแค่ความเป็นไปได้ 10% ก็หรูแล้ว ถ้าวันนึงได้มีโอกาสเป็นนักลงทุนจะรู้ว่าความเสี่ยงมากที่สุด คือ การไม่ลงทุนอะไรเลย ผมเองขายสินทรัพย์จนเรียบก็เคยมาแล้ว 555
harmonyOs.pptx
ใน FB Group คนใช้หัวเว่ย อวยกันมากเรื่อง Micro Kernel บอกว่าจะมาปฏิวัติโลก Linux แม่งกาก บลาๆๆ
คือ Micro Kernel มันพูดกันมาเป็น 20-30 ปีแล้วนะ มันคงมีความยากอะไรสักอย่างกับการนำมาใช้ในโครงการใหญ่
และ Monolithic Kernel อย่าง Linux ยังคงกระพันมาถึงบัดนี้
I need healing.
ผมจำได้ว่า Symbian ก็เป็น Micro Kernel นะครับ ... และก็ตายแล้ว
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
เรื่อง อวย micro kernel ขี้แตกขี้แตนนี่ มีมาตั้งนานละคับ พอ ๆ กับ Monolithic Kernel เลย
Linus ก็ไม่ชอบ Micro Kernel ถ้าเคยอ่าน Just for fun จะรู้
ส่วน ไอ้เอามาใช้ในโครงดารใหญ๋ ๆ นี่ ถ้า Symbian ยังใหญ่ไม่พอ ก็ยังมี QNX หรือไม่ก็ HURD กับ Minix
โครงการตั้งใข่ก็มี Redox os
ข้อดีมันใหญ่ไงคับ คนเลยอวยกันเยอะ แต่เขาไม่ได้นึกถึงข้อเสียที่ใหญ่เป็นเงาตามตัวไปด้วย
ผมว่าความยากคงเป็นความซับซ้อนของตัว kernel เองส่วนหนึ่งอาจจะด้วย code ที่ยาวด้วย ถ้าออกแบบมาไม่ดีก็จะเฮียตั้งแตกแรกเลยได้
คนเลยไม่เอาด้วย
ส่วนคนที่บอกว่า linux กาก ผมจะบอกว่า ถ้ากากจริง linux จะไม่มีวันนี้
การเปลี่ยนผ่านต้องใช้เวลาเสมอไงคับ รถแคมเดี่ยวเอย 32 บิตเอย เครื่องยนต์สันดาปเอย เดี๋ยวถึงแก่เวลามันก็จะค่อย ๆ หายไปเองแหละคับ แบบเครื่องจักรไอน้ำไง
แหมมม ไอ้นิสัยเข็นของที่ยังทำไม่เสร็จออกมาขายเนีย คุ้น ๆ นะคับ--- วงไมโคร ที่มีนักร้องชื่อ วิน---
ถือเป็นจุดเริ่มที่ดีมาก