ซีเกตระบุกับเว็บ ArsTechnica ว่าบริษัทเตรียมวางตลาดฮาร์ดดิสก์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat Assisted Magnetic Recording (HAMR) ขนาด 20TB ภายในปีนี้ หลังจากบริษัทประกาศวิจัยเทคโนโลยี HAMR มาตั้งแต่ปี 2002
ประกาศของซีเกตครั้งนี้ใกล้เคียงกับ Western Digital ที่ประกาศ วางขายฮาร์ดดิสก์ขนาด 20TB ภายในปีนี้ เช่นกัน แม้ว่าทาง Western Digital นั้นจะส่งมอบฮาร์ดดิสก์ให้ลูกค้าบางรายไปก่อนแล้ว
ซีเกตเคยส่งมอบฮาร์ดดิสก์ขนาด 16TB ให้ลูกค้าไปทดสอบมาก่อนแล้ว โดยระบุว่าฮาร์ดดิสก์ HAMR นั้นควรทดแทนฮาร์ดดิสก์แบบเดิมได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาที่เท่าเทียมกัน และความเร็ว อย่างไรก็ดีทาง ArsTechnica เตือนว่าตัวฮาร์ดดิสก์ HAMR นั้นใช้เทคโนโลยี Shingled Magnetic Recording (SMR) ประกอบด้วย และที่ผ่านมาก็มีรายงานว่าฮาร์ดดิสก์ SMR นั้นมีประสิทธิภาพต่ำลงมากในบางกรณี
ที่มา - ArsTechnica
ภาพจาก ซีเกต
Comments
จะมี 8TB ราคาย่อมเยา สำหรับผู้ใช้ตามบ้านมั้ยครับ Seagate :)
ตั้งแต่มีระบบสตีมมิ่ง ก็เลิกซื้อ hdd 4-5 TB เลย
เสียที จุกกันแน่
ข้อมูล20TB
ต่อให้ raid ก็ rebuildกันเป็นเดือนละม้าง
ถ้าเยอะแบบนี้ ความเสี่ยงคงเยอะน่าดู ถ้าทำ raid นี่ จะ rebuild กันนานแค่ใหน
น้ำตาจะไหล
hdd ข้อเสีย ช้า พังง่าย และ เสียงดัง ผมนี้ลาขาดเลย hdd
เอาจริง ๆ SSD นี้ไปไม่รู้ตัวเลยนะครับ ฮาร์ดดิสยังมีเสียงมีอาการให้เห็นก่อน ของผม 256 GB หายไปเฉย ๆ เลย หลัง่จากใช้มา 3 ปี ตอนนี้ใช้ 512 2 ลูก กับ ฮาร์ดดิสจานหมุน 1 TB เป็นตัวแบคอัพ
HDD ลูกเดียวๆ อ่านเขียนได้เกิน ~100 MB/s ยังเนี่ย ถ้าช้างี้ลูกใหญ่ๆ กว่าจะเอาไฟล์เข้าออกอีกรอหลับ
แปลกใจตรงที่เทคโนโลยี HDD มันคลานอยู่ที่ 10 12 14TB มา หลายปีละ
ทำไมถึงกดดันให้ต้องผลิด HDD ที่มีจานข้อมูล 2 จาน ทั้งๆ ที่ถ้าเพิ่มจานเป็น 4 จาน ก็เก็บได้ 2 เท่าแล้ว แค่หนากว่าเดิมแค่นั้นเอง
ถ้าทำแบบนี้ ราคาก็ไม่น่าจะโดดไปมาก แต่ได้ความจุเพิ่มมาเท่าตัวเลย
นั่นสิ อยากได้เหมือนกัน ทำเป็นอีก segment นึงไปเลยก็ได้ เป็น HDD ทรงสูงแบบ externalเก็บข้อมูลได้เยอะๆมากๆไปเลย สัก 100TB อัพขึ้นไป มีระบบไฟดีๆในตัว แล้วมาต่อ UPS เพิ่มเอง
เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ HDD ปัจจุบันที่เกิน 12TB นี่เป็น 8-9 platter กันทั้งนั้นนะครับ มากกว่านี้คือยัดไม่เข้าแล้ว
hdd มันอัด platter กันจนอัดไม่เข้าแล้ว ต้องไปใช้พวกฮีเลียม เพื่อยัด platter ให้มันชิดกว่าเดิมเข้าไปอีก ผมว่าแทบจะตันแล้วนะ
ใช้งานทั่วไป โดยใช้ HDD แค่ตัวเดียว ผมว่าไม่ดี 100% เสียทีมีจุก เพราะขนาดแค่ 2TB ผมเสีย ผมยังเสียดายข้อมูลที่หายไปไม่หายเลย ถ้าจะใช้แบบนี้ต้องใช้แบบ 2-3 ตัวเท่านั้น เผื่อเวลาที่ลูกนึงเสีย อีกลูกก็ยงคงมีข้อมูลใชงานอยู่
เอาตังไปจ่ายค่า HDD มาจ่ายค่า Cloud จะคุ้มกว่าไหมนะ
ดิฉันก็คิดว่าซื้อ Cloud คุ้มกว่า
ถ้าพวกสายตัดต่อวิดีโอ/หนัง/เสียง ยังไงก็ต้องมีฮาร์ดดิสก์ประเภทนี้ไว้ครับ Cloud ในเวลานี้ทดแทนได้ไม่หมด
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เสี่ยงกับไฟล์ ลิขสิทธิ์ที่จะโดนลบ เช่น เพลงหรือหนังที่ซื้อมา
เท่าที่ลองคำนวนนะครับ สมมติ HDD 4TB หนึ่งลูก ราคาลูกละ $112 (อ้างอิง Neweggs, บ้านเราถูกกว่าหน่อย ประมาณสามพันห้า) ใช้ได้ประมาณ 3 ปี
Amazon S3 ให้เช่าอยู่เดือนละ $0.023/GB เท่ากับที่ 4TB จะต้องจ่ายเดือนละ $94.2 หรือ $3,391.2 ต่อสามปี
อันนี้เว่อร์ไป เอาจริง ๆ (ฮา) เอาใหม่
Office 365 Home ปีละสองพันกว่าบาท มาพร้อมกับ OneDrive ขนาด 6TB ครับ :) แต่เห็นว่าไม่ใช่แอคเคาท์เดียวได้ 6TB นะ คือมันซื้อครั้งเดียวใช้ได้ 6 แอคเคาท์ ก็ต้องใช้ 6 แอคเคาท์มาแชร์ที่รวมกันครับ วุ่นวายสุดๆ
สรุปคือ จริงๆ มันก็มีไอ้ที่ถูกกว่า และแพงกว่า ความคุ้มก็เลยขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกวิธีไหน ทั้งนี้ส่วนตัวผมใช้ RAID 12TB น่ะครับ ถ้าใช้ไอ้ที่เป็นรายเดือนนี่อาจจะไม่พอ (ฮา)
s3คิดแค่ค่าเช่า มันก็ไม่ถูกแระ เพราะมันมีค่าlinkด้วยและอย่าลืมว่าใช้ s3 latencyทำได้ไม่มีทางต่ำกว่า 10ms
ส่วน raid 12TB ก็ต้องคิดอุปกรณ์ raidด้วย ไม่ใช่แค่ hdd และยังมีเรื่องค่าสาย ค่าไฟอีก
ถ้าอยากจะcompareต้องเอามาทุกมุม ไม่ใช่แค่ยกส่วนใดส่วนหนึ่งของแต่ละsolutionมาดู
ถ้าใช้พวก Software RAID ก็ลดต้นทุนได้อีกหน่อย อย่าง NTFS หรือ ZFS ก็ทำ Mirror ได้ แล้ว RAID Card หรือ MB ที่รองรับ RAID มาใส่ PC ที่ใช้งานก็ไม่ได้แพงแล้วนะเดียวนี้
หรือถ้าง่ายๆ เลยก็ไปตู้ NAS ที่มีพวก RAID ในตัวพร้อมพวก Features ต่างๆ ในราคาถูกก็มี อย่าง QNAP, Buffalo เป็นต้น (แต่ HDD ต้องซื้อต่างหากนะ)
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมเทียบกันในมุมใช้ในบ้านครับ และคิดที่ 4TB ซึ่ง HDD ลูกเดียวพอไง (12TB นั่นมันคืออันที่ผมใช้เอง อันนี้เล่าเพิ่มเฉยๆ) แล้วผมก็บอกอีกว่าถ้าใช้ One Drive ก็อาจจะคุ้ม ได้ถึง 6TB แต่อาจจะต้องเล่นแร่แปรธาตุพอสมควร (เพราะต้องใช้ 6 account แชร์ directory กัน)
ซึ่งถ้ามองในมุมว่า "เข้าถึงจากที่ไหนก็ได้" ด้วย ผมว่า external hdd มันก็หิ้วไปไหนมาไหนได้แฮะ แต่ไม่สะดวก (อย่างผมมี 2.5" 2TB สองลูกติดตัวอยู่ตลอด) หรือถ้าจะใช้วิธีทำ vpn เองก็ใช้คอมเครื่องนึงเปิดไว้ตลอดเวลา เป็นคอมเครื่องเดียวกับที่ใช้งานประจำก็ได้ หรือจะแยกเป็นอีกเครื่องแบบที่ผมทำก็ได้ ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะหลาย ๆ คนแถวนี้เองก็มีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องอยู่ละ (ผมใช้คนเดียว 5 เครื่อง)
ปล. ไอ้ที่เปิดด้วย S3 เนี่ย บอกตรง ๆ เล่นมุขครับ แต่หลายท่านไม่เก็ต ผมผิดเอง :P แต่เหมือนมีคนทำจริง ๆ นะ เพราะมันสะดวกกว่า cloud storage solution อื่นที่จำกัดด้วยขนาดน่ะครับ
แต่ถึงจะเอา RAID มารวมในสมการด้วยผมว่ามันก็ยังถูกกว่า S3 นะ เพราะ S3 นี่ค่าใช้เดือน ๆ นึงซื้อ HDD ได้ลูกนึงเลยน่ะครับ
อยู่ที่ใช้เจ้าไหน และรูปแบบการจ่ายเงินเป็นแบบไหน
ตัวอย่าง AWS S3 ไม่ได้คิดค่า storage อย่างเดียว มีการคิดยิบย่อยกว่านั้น เช่น I/O, API Request และ B/W out ด้วย
ฉะนั้น ถ้าเราเก็บไฟล์ 100,000 ไฟล์ โดนคิดค่า I/O + API Request ประมาณ 100,000 ครั้ง และหากต้อง recovery เยอะๆ โหลดกลับลงมาจาก Cloud คิดค่า B/W out 0.05USD/GB อะไรแบบนั้น (ราคาคราวๆ) หากไฟล์เยอะๆ ขนาดใหญ่ๆ ก็โดนกันอ้วกหล่ะครับ เคยมีเพื่อนผมโดนมาแล้วเอาไฟล์กลับมา 4-5TB โดนค่า B/W out หน้าหงาย สุดท้ายย้ายลงมาหมด แล้วไปลงทุนกับ NAS แทน แล้วเอาไฟล์จำเป็นไปทำ DR บน Cloud แค่บางส่วน
ใครว่า HDD ใกล้ตายแล้วเพราะ ssd
มันก็ยังมีความจำเป็นกับงานเก็บข้อมูลที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อยอยู่นะครับ เช่นเฟสบุค ระบบคลาวต่าง ๆ ก็ใช้ฮาร์ดดิสก์ประเภทนี้แหล่ะครับ หรือศูนย์ข้อมูล เป็นต้น
ใช้ 10TB อยู่หลายตัวบน synology rebuild ครั้งนึงประมาณ อาทิตย์นึง ซึ่งก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และคิดว่าคนที่ใช้ตัวใหญ่ๆแบบนี้อยู่ก็คงไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะตอนมัน rebuild ก็ยังทำงานได้ปกติ :)
หลายคนใช้เป็น backup อยู่แล้วด้วยใช้เแทนเทป ขอแค่ข้อมูลไม่หายก็ยังไปต่อได้
lewcpe.com , @wasonliw
ของผม 8Tb สองตัว ใช้วิธี copy สองครั้งเอาฮะ ของเดิม 4Tb ประมาณ 8 ลูกก็เอามา backup file เก็บยาวๆ
ทุกวันนี้แม้แต่ Cloud ก็ยังไม่ไว้ใจครับ เลยต้องเก็บลง ext hdd แต่ต้องเปลี่ยนใหม่ทุก 3-5 ปี แบบนี้ก็ไม่ไหว เสียดายทรัพยากร
กำลังคิดว่าถ้าซื้อ LTO Tape มาเก็บข้อมูลแทนจะดีกว่าไหมครับ ประมาณว่าเก็บข้อมูลแล้วก็ใส่ถุงซีลสุญญากาศเลย
แผ่นดินไหว โดนขโมยขึ้นบ้าน นี่ก็ไม่ช่วยครับ ยังไงก็ต้องหา DR location ไว้ ซึ่ง cloud ตอบโจทย์กว่า