การทำงานในระดับองค์กรใหญ่ ๆ มักจะต้องใช้ไคลเอนต์ที่เซ็ตอัพไว้ตามนโยบายเฉพาะขององค์กร ที่รันอยู่บนเครือข่ายภายในเพื่อเข้าถึงข้อมูลหรือใช้งานแอปบางตัว ทางแก้ของข้อจำกัดดังกล่าวคือเทคโนโลยี Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานหรือเข้าถึงระบบหลังบ้านอื่น ๆ ขององค์กรได้โดยง่าย
ที่ผ่านมา VDI แบบเดิมอย่างการตั้งเซิร์ฟเวอร์ ติดตั้งเครือข่ายและโซลูชัน Virtualization ในองค์กรมักมีค่าใช้จ่ายสูง ขยับขยายก็ยาก และไม่ปลอดภัยมากนัก
Windows Virtual Desktop จาก Microsoft Azure ที่ยกเอา VDI ทั้งหมดขึ้นไปไว้บนคลาวด์ มีความยืดหยุ่นสูง มีความปลอดภัย ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายถูกกว่า จึงตอบโจทย์องค์กรมากกว่า โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์ที่หลาย ๆ องค์กรต้องทำงานที่บ้านเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
อะไรคือ Windows Virtual Desktop
Windows Virtual Desktop เป็นบริการ virtualization ที่ยกเอาเดสก์ท็อป ทั้งแอป ข้อมูลและไฟล์ต่าง ๆ ขึ้นไปรันเอาไว้บนคลาวด์ Microsoft Azure ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้จากที่บ้าน จากเครือข่ายไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องยกแล็บท็อปของพีซีกลับบ้าน และองค์กรก็ไม่ต้องเปิดเซิร์ฟเวอร์หรือพีซีของออฟฟิศเอาไว้ตลอดเวลา
Windows Virtual Desktop รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ Windows 10, Windows 10 แบบ Multi-session, Windows Server ไปจนถึง Windows 7 (ในกรณีที่องค์กรยังคงใช้ Windows 7 แบบซื้อซัพพอร์ทอยู่) องค์กรที่มีไลเซนส์ Microsoft 365, Microsoft 10 Enterprise หรือ Windows VDA อยู่แล้วสามารถนำไลเซนส์มาใช้บน Windows Virtual Desktop ได้ด้วย
ประสบการณ์ใช้งานที่เหมือนเดสก์ท็อปจริง
ในมุมของผู้ใช้งานการใช้ Windows Virtual Desktop สะดวกเพียงแค่ล็อกอินผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น แอดมินสามารถกำหนดได้ว่าให้ผู้ใช้แต่ละคนจากแต่ละฝ่ายงานสามารถใช้งานแอปอะไร หรือเข้าถึงข้อมูลในเดสก์ท็อปได้มากน้อยแค่ไหน เช่น ฝ่ายบุคคลมีเฉพาะแอป HR, ฝ่ายจัดซื้อหรือฝ่ายบัญชีใช้งาน Excel เป็นต้น
หน้าตาของ Windows Virtual Desktop เหมือนกับเดสก์ท็อปตัวเต็มทุกประการ มีฟีเจอร์และฟังก์ชันต่าง ๆ เหมือนการใช้งานพีซีวินโดวส์จริงๆ ทำให้การทำงานไม่สะดุด ผู้ใช้งานไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่มากมายนัก
ต้นทุนที่ถูกกว่าบนความปลอดภัยที่มากกว่า
การที่ Windows Virtual Desktop เป็นการรันเดสก์ท็อปบน Microsoft Azure จึงได้ประโยชน์จากคลาวด์มาเต็ม ๆ ตั้งแต่ความยืดหยุ่น สามารถเพิ่มหรือลดจำนวนฮาร์ดแวร์ virtualization ได้ตามการใช้งานจริง เมื่อต้องการขยายสามารถสั่งซื้อเพิ่มได้ทันทีในไม่กี่คลิก ไม่ต้องซื้อไว้ก่อนเผื่อเอาไว้ขยายทีหลัง ตอบโจทย์องค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ประหยัดต้นทุนเพราะองค์กรไม่ต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ virtualization ล่วงหน้า และตัดปัญหาเรื่องบำรุงรักษาด้วย
การที่องค์กรตั้งเซิร์ฟเวอร์ VDI ของตัวเอง แล้วเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกตลอดเวลา อาจมีความเสี่ยงของการถูกโจมตีได้ แต่ Windows Virtual Desktop เหนือกว่าตรงที่มีระบบความปลอดภัยระดับโลกของไมโครซอฟท์ ที่ใช้งานอยู่บน Azure อยู่แล้ว เช่น ระบบล็อกอินหลายชั้นและระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ machine learning ในการเรียนรู้แพทเทิร์นและภัยคุกคามใหม่ ๆ จากข้อมูลนับล้าน ๆ บนโครงข่ายและบริการของไมโครซอฟท์อยู่ตลอดเวลา ทำให้มั่นใจได้ทั้งความปลอดภัยและความเสถียรของระบบสูงกว่า VDI แบบดั้งเดิมมาก
สรุป
Windows Virtual Desktop เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กร ไม่ว่าจะช่วงเวลาที่ทุกคนต้องทำงานที่บ้านแบบนี้ หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาปกติก็ตาม ด้วยเหตุผลด้านราคา ความง่ายในการใช้งาน ความยืดหยุ่นสามารถปรับได้ตามการใช้งานจริง และความปลอดภัยที่มากกว่า
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถ ดูข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองใช้งานฟรีได้ที่นี่
เพื่อช่วยลูกค้าในช่วง Work from Home ตอนนี้ Microsoft ประกาศมอบสิทธิพิเศษให้องค์กรได้ใช้ Windows 10 Enterprise E3 บน Windows Virtual Desktop ฟรีนานถึง 6 เดือน* และ Azure แจกฟรีเครดิตให้ 6,000 บาท สามารถใช้ VDI หรือ Windows Desktop as a Service ได้ฟรี 1 เดือนสำหรับ 100 users โดยมี concurrent ที่ 20 คนใช้งานพร้อมกันช่วงพีค รูปแบบการใช้งานเป็นแบบไลท์ (light) คือใช้งานเว็บทั่วๆไป สามารถดูช่องทางการซื้อโซลูชันได้ ที่นี่ หรือจะทดลอง คำนวนค่าใช้จ่ายตามการใช้งานก่อนก็ได้
ผู้สนใจสิทธิ์ในการใช้ Windows 10 Enterprise E3 สามารถติดต่อทีมงานไมโครซอฟท์ประเทศไทยได้ที่ aka.ms/ContactMSFTTH (Facebook Messenger) ซึ่งฟรีจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 เท่านั้น
Comments
PC ที่บ้านเป็น Windows 10 Home , มัน RDP ไปใช้ VDI ได้มั้ยครับ สงสัย
ได้นะครับ เปิดโปรแกรม Remote desktop ได้เลยแต่ที่ไม่ได้คือ Windows 10 Home จะถูกเครื่องอื่น Remote เข้ามาใช้ไม่ได้ครับ
ราคา