BEM ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าระบบ MRT ได้แจ้งผ่านช่องทางเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ MRT Bangkok Metro ให้ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสาร MRT และ MRT Plus ทุกประเภทต้องมาแสดงตัวตน (KYC) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมเป็นต้นไป
ในขั้นตอนการลงทะเบียน ผู้ใช้งานบัตรโดยสาร MRT จะต้องติดต่อห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินหรือสายสีม่วงทั้ง 53 สถานี หรือจุดลงทะเบียนตามกำหนด โดยยื่นบัตรรถไฟฟ้าและบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางสำหรับชาวต่างชาติ พร้อมแจ้งหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมล โดยทาง BEM ระบุว่า บัตรโดยสารเมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วสามารถใช้งานได้ตามปกติและไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำอีกครั้ง
สำหรับบัตรที่ใช้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ทั้งสองสาย ปัจจุบันมีจำหน่าย 2 ประเภท คือบัตร MRT ที่ออกโดยบริษัท BEM และ MRT Plus เป็นบัตรที่ออกโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.
เมื่อปีที่แล้ว BTS ก็เพิ่งแจ้งให้ลงทะเบียนบัตรแรบบิท เช่นกัน
ที่มา - @BEM_MRT
ภาพจาก Shutterstock
BEM แจ้งให้ผู้โดยสารลงทะเบียนบัตรโดยสาร MRT เพื่อแสดงตัวตน เริ่ม 8 สิงหาคมนี้เพิ่มเติม : https://t.co/wjtJoX2LbO pic.twitter.com/fvsUgQ9q0M
— MRT Bangkok Metro (@BEM_MRT) July 23, 2020
Comments
ไหนมีคนบอกบัตร MRT ใช้เดินทางอย่างเดียวไม่เกี่ยว เลยไม่ต้องลงทะเบียน
"จริงๆ เขาเขียนเรื่องนี้ไว้นะครับ ว่าไม่ต้องเพราะบัตรพวกนั้นไม่สามารถจ่ายอย่างอื่นได้ เช่นเดียวกับบัตร MRT ที่ไม่สามารถจ่ายอย่างอื่นได้"https://www.blognone.com/node/107921#cid-1095063
ปล. ใช้บัตรประชาชนยังพอเข้าใจ นี่เอาเบอร์โทรอีก จะมีประกันโทรมามั้ย
อาจมีแผนเปิดบริการใช้จ่ายอย่างอื่นได้หรือเปล่า เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า
ผมเข้าใจว่ามากับ หลักเกณฑ์การรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) สำหรับการเปิดใช้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ นะครับ ประกาศเมื่อ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา และผ่อนผันไปได้อีก 180 วัน (ก็ประมาณพฤศจิกายนนี้) แต่อ่านแล้วยังไม่แน่ใจว่ามันตกข้อไหน น่าจะ 4.4.2 (1)
แต่กรณีนี้เข้าใจว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างเปลี่ยน ไม่กฎหมายก็บริการเปลี่ยนครับ เขาถึงต้องเปลี่ยน (มีอีกอย่างคือเขาทำผิดกฎหมายมานานก็ไม่น่าใช่)
lewcpe.com , @wasonliw
เอา data เฉพาะการใช้บัตร/ขึ้นรถ มาเป็นฐานข้อมูลไทยชนะได้มั๊ยนะถ้าได้ก็น่าจะดี สะดวกกว่าต้องสแกนเองบนขบวนรถ
พนันกันว่าไม่ได้ครับ :D
ตามนั้นเลยอย่างน้อยๆก็เรื่อง พรบ. ข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ไม่ได้ก็เพราะชาว liberan น่าจะออกมาต่อต้านด้วยแหละครับรณรงค์ไม่ให้ใช้แอปไทยชนะ ใส่ชื่อปลอม ใส่เบอร์ปลอม แต่พอมีเคสระยองก็รีบดาหน้ากันออกมาทวงถามว่า แอปไทยชนะไม่ได้ผลเหรอ…
พูดซะ นึกถึงจอห์น วิญญูแอนด์ฮีสเฟรนด์เลย 55
ก็ถูกนี่ครับ รบ.บังคับให้ใช้ แล้วพอเกิดเหตุจริงๆ มันใช้ได้ผลแค่ไหน
งบประมาณจากภาษีของประชาชนนะครับ ต้องตรวจสอบเสมอ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการใช้งาน
แต่เคสระยองพูดตรงๆ เหตุเกิดเพราะความเคยตัวของรบ.นั่นแหละ ให้อภิสิทธิ์จนเคยตัว ขู่ประชาชนจนเคยตัว พอหลุดleakขึ้นมาไปไม่เป็นเลย วันแรกออกมาขอโทษ อีกวันออกมาด่า ว่าจะกลัวอะไรกันนักกันหนา เอ้า ขู่อย่าการ์ดตกอยู่ทุกวันเองแท้ๆ
หลายคนไม่รู้ว่าหลายๆจังหวัดสั่งกักตัว คนที่ไประยอง 14 วันนะครับ สื่อหลักแทบไม่ลงกัน
ประเด็นคือถ้าใส่ชื่อจริง นามสกุลจริงแล้วจะได้ผลมั้ย
แล้วมันใช้ได้ผลมั้ยล่ะครับ หรือต้องใช้ตามที่เค้าบอกทุกอย่างโดยไม่ต้องตรวจสอบ หรือถ้าจะขอตรวจสอบก็คือห้ามใช้ งี้เหรอ?
ผมไม่เคยใช้ครับ ผมกรอกอย่างเดียว ใส่ชื่อนามสกุลจริง เบอร์โทรศัพท์จริง แต่คนที่ใช้สแกนจริงจังก็มีอีกเยอะมาก ไม่เห็นเค้าจะได้ประโยชน์อะไรจากแอพเลยครับ หรือประโยชน์คือแค่อนุญาตให้เข้าห้างได้ก็พอแล้ว?
คือใครอยากใช้ก็เซ็นให้ BEM ยิงให้ ไทยชนะ หนะ
ทางเทคนิคดูแล้วไม่น่ายาก
มีแค่ เบอร์โทร กับ รหัสสถานที่แตะเข้าสถานีก็ แจ้งเข้า
แตะออกสถานีก็ แจ้งออก
น่าจะสะดวก แค่ไม่ละเอียดระดับว่า อยู่ในรถขบวนไหนถ้าสแกนเองบนขบวนจะละเอียดกว่า
ข้อมูลพิกัดโทรศัพท์ที่น่าจะสำคัญพอกัน (มีข้อมูลลงทะเบียนเหมือนกัน data point เยอะกว่าขึนลงรถมาก) ก็ใช้อยู่นะครับ
รอบล่าสุดผมยังไม่เห็นการประกาศแจ้งเตือนจากข้อมูลนี้
lewcpe.com , @wasonliw
ต้องแอป หมอชนะ มั๊งที่จะมีข้อมูลพิกัด
แต่ตอนนั้นดันออกมาต้านหาว่าไม่มีความเป็นส่วนตัว จนเขาถอยทำไทยชนะที่มีแค่ เบอร์ คู่กับ รหัสสถานที่ แล้วก็เวลา ง่อยๆเลย
หลังจากนั้นรัฐก็โปรโมทแต่ไทยชนะ
หมอชนะเลยไม่มีใครใช้ = ไม่รู้จะแจ้งเตือนยังไง
ไม่ใช่ครับ ข้อมูลพิกัดโทรศัพท์ (อย่างหยาบ) จากเสาโทรศัพท์เลย เรื่องนี้ทำกันเงียบๆ ไม่แถลงข่าวด้วยจนกระทั่งเอกสารหลุดออกมาตอนหลัง
lewcpe.com , @wasonliw
เท่าที่อ่านคือ เมื่อเจอคนติดเชื้อ จะทำเรื่องขอพิกัดผู้ติดเชื้อ+คนอื่นที่อยู่ใกล้จากโอเปอเรเตอร์ นะครับไม่ใช่แอปไทยชนะเก็บเอง
เคยคิดเหมือนกัน แต่พอลองใช้งานรถไฟฟ้าจริงๆแล้ว ประเด็นคือบัตรมันน่าจะรู้แค่ว่าคุณเข้าสถานีไหนตอนกี่โมง และออกที่สถานีไหนตอนกี่โมง แต่มันบอกไม่ได้ ว่าเราขึ้นรถขบวนไหนตอนกี่โมง
ถ้าเราเข้าสถานีแบ้วไม่ได้ขึ้นรถทันที เช่น รถเต็ม, ขบวนนี้คนเยอะ,ไม่อยากขึ้นไปเบียด, ฉันมีเวลารอได้อีก 2-3 ขบวน
ก็จะกลานเป็นว่า บอกไม่ได้ว่าจริงๆแล้วถ้าเจอคนติดเชื้อ คุณขึ้นขบวนไหน ใครขึ้นกับคุณในขบวนเดียวกัน
ทำไมไม่ทำแบบบัตรซุยกะหว่า?
บัตรแมงมุมต้องลงทะเบียนด้วยมั้ยนะ
ยังใช้ได้อยู่หรอครับ? (คำถามจริงจัง)
ผมใช้ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ครับ ตอนนี้ไม่แน่ใจแต่คิดว่าน่าจะได้อยู่ครับ
ผมก็ใช้อยู่ครับ ทุกวันนี้ผมใช้เป็นบัตรหลักขึ้น MRT เลยนะ
ใช้ได้ครับแค่ตอนนี้ไม่มีแจกใหม่แล้ว เป็น Limited Edition จริงๆ
ใช้ได้แค่กับ MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงหลังจากนี้คงต้องรอสายสีชมพู เหลือง ส้ม (ซึ่งโดนบังคับในสัญญาสัมปทาน) ที่จะรองรับ
รถเมลขสมก. ใช้ได้ด้วยไหมครับ?
ก็ทำแยกไปเลยสิครับ ใบไหนไม่ลงทะเบียน ใช้ขึ้นลงรถไฟได้อย่างเดียว
น่าจะเตรียมการเพื่อทำให้เป็น account based ticketing ในไม่ช้า
ผมว่านอกจากบัตรเติมเงินกับบัตรรายเดือน ก็ควรรับพวกบัตร PayWave ได้แล้วนะ ทั้ง Visa และ Mastercard มีคนใช้เยอะกว่าและได้ฐานลูกค้ามากกว่าด้วย ไม่ต้องลงทินเอง แค่เพิ่ม EDC ติดกับ Gate ทางเข้า - ออกรถไฟฟ้าก็จบแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ลงทะเบียนแล้ว ถ้าบัตรหาย จะได้บัตรและเงินในบัตรคืนมั้ยครับ