Akio Toyoda ประธานบริษัท Toyota ผู้เป็นหลานของผู้ก่อตั้งบริษัท ได้กล่าวเปรียบเทียบ Toyota กับ Tesla ระหว่างการแถลงข่าวผลประกอบการไตรมาสที่สอง ในประเด็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า
เขาเปรียบเทียบโมเดลธุรกิจของ Tesla ว่าเป็น "ครัว" กับ "พ่อครัว" โดยบอกว่า Tesla พยายามชูจุดขายว่ามีสูตรอาหารใหม่และพ่อครัวก็เที่ยวประกาศว่าสูตรนี้จะเป็นมาตรฐานของโลกในอนาคต แต่กลับยังไม่เคยทำธุรกิจอย่างจริงจัง ในขณะที่ Toyota นั้นมีพร้อมทั้ง "ครัวของจริง" และ "พ่อครัวตัวจริง" ที่ทำอาหารเสิร์ฟให้ลูกค้าแล้ว
ประเด็นที่นาย Toyoda พยายามชูขึ้นมาทับ Tesla คือจำนวนรถยนต์ของ Toyota ในตลาดที่เยอะกว่า Tesla มาก เพราะ Tesla เคยประกาศว่าจะผลิตรถยนต์จำนวน 500,000 คันในปีนี้ แต่ Toyota ทำยอดขายไปได้ถึง 10 ล้านคันทั่วโลกในปี 2019
ทั้งนี้ มูลค่ากิจการของ Tesla แซง Toyota ขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่มา - CNBC
Tesla Model X
Comments
BB, Nokia ลอยเข้ามาในหัว
น่าจะตามรอย kodak ไปมากกว่าหยิ่งผยองในกล้องฟิล์ม กล้องดิจิตอลก็แค่ของเด็กเล่น
Kodak ไม่ได้ตายเพราะไม่เอากล้อง digital (เอาเข้าจริงๆ Kodak เป็นคนทำกล้อง digital ออกมาคนแรกด้วยซ้ำ) แต่ตายเพราะเอาทุกอย่างไปผูกกับการพิมพ์รูปออกมาครับ
กล้อง digital ตัวแรกผมก็ kodak นะครับ ชอบโทนสีกล้องเค้ามากเลย มันซอฟต์ๆ นุ่มๆ ดี
พูดแบบนี้เปลี่ยนจากเชียร์ให้แข่งกันเป็นแช่งเลยจ้า
เห็นด้วยนะว่ามี "ครัวของจริง" และ "พ่อครัวตัวจริง" แต่ยังขาดสูตรอาหารของเทสล่านี่แหละ หรือบางทีก็มีสูตรเด็ดๆ อยู่แล้วแต่มันไม่แมส หรือแม้แต่ไม่ทำออกมาให้ลูกค้ากิน หรือเพราะสูตรเด็ดของตัวเองนี่แหละที่จะทำให้ "ครัวของจริง" ที่มีเยอะปรัีบตัวไม่ทัน
ภาพมันลอยมาเลยครับ
ขิงเก่งจริงๆ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ที่พูดอาจไม่ได้หมั่นไส้ Tesla แต่หมั่นไส้อีลอนมัสคาร่า
พ่อครัวที่อายุเยอะจนลี้นเสื่อม กับครัวเก่าแก่สนิมขึ้นอะเหรอครับ เปรียบเทียบแบบนี้มีแต่พังอะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
จริงอย่างที่ว่า โตโยต้าเป็นครัวตัวจริง
อุปกรณ์ครัวและเทคนิคการทำช่ำชองถึงขีดสุด
ทำอาหารรวดเร็ว ราคาเหมาะสม บริการเป็นเลิศ
ทำงานดีทั้งนอกในครัว และการตกแต่งร้านอาหาร
เพียงแต่ว่า...
คนทั้งโลกกำลังจะเลือกรับประทานอาหารสำเร็จรูปแบบใหม่
ที่ทันสมัยและสะดวกกว่าเนี่ยสิ
ร้านอาหารเก่าแก่นี้ ราคาและคุณภาพ แค่คุ้มค่าครับ ถึงรสชาติถูกปากแต่ยังชอบกั๊กเครื่องปรุง แล้วก็มีแต่เมนูแนวเดิมๆ แต่สิ่งที่ได้หากินง่ายและบริการดีเพราะทุนหนา เปิดมานานผมเห็นร้านอาหารใหม่ๆมา เปิดเมนูแย่งลูกค้ารุ่นใหม่ไปเยอะ จนบางเมนูแทบไม่มีคนกิน
ครัวเทพ อาหารเทพ แต่คนไม่กิน ก็ไม่มีประโยชน์นะ บางทีของใหม่ กินง่าย ย่อยง่าย อาจจะตอบโจทย์คนยุตนี้มากกว่า
อยู่ดีๆ ก็ไป Provoke ใส่มอนซะงั้น
อันนี้อาจไม่ใช่แค่มอน Provokeใส่บอสใหญ่ 555+
ผมเสริมให้ครับ
อยู่ดีๆ ก็ไป Provoke ใส่บอส "ใหม่" ซะงั้นยังไม่รู้เลยว่า แพ้ธาตุ แพ้ทาง หรือมีสกิลลับอะไรซ่อนอยู่บ้าง
ดูจากข่าวที่ผ่านมา ผมว่าสกิลบอสตัวนี้คือนักปั่น meme ใส่เกราะกันกระสุน แต่เกราะดันแพ้ลูกเหล็กปาด้วยมือ ครับ
เค้าก็ต้องให้ความมั่นใจกับคนฝั่งเค้านะครับ รวมไปถึงนักลงทุนด้วย
รถไฟฟ้ารอเวลากราฟชันขึ้นหรือเปล่า พอถึงจุดหนึ่งกราฟจะพุ่งจนโลกเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าหมด
เหมือน smart phone พอเปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนทั้งโลกจนดูไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นไปได้
toyota อย่าคิดว่าขายรถน้ำมันได้เยอะแล้วจะประมาทได้นะ ถึงเวลาเปลี่ยนมันจะโหดสัสไปเลย
อ่านคอมเม้นของข่าวนี้แล้วจะเข้าใจได้เลยว่า ทำไมคนที่โตมาจากสายไอทีถึงก้าวไปเป็นผู้บริหารไม่ได้ หรือได้ก็ห่วย เพราะมุมมองด้านธุรกิจนี่แทบจะเป็นศูนย์ ไม่เข้าใจถึงองค์ประกอบของธุรกิจในด้าน operation, finance หรือ marketing สักนิด
ก็ว่ากันไป
ทำไมเหมารวมแบบนั่น คนจากสาย IT ที่เปิดบริษัทเองก็เยอะแยะ (FB google MS นี่ผู้บริหารไม่ได้มาจากสาย IT หรือ)
ทำไมไม่มองบางธุรกิจ ไม่เหมาะกับด้านนี้ หรือ ผู้บริหารบางคนอาจจะมาจากสาย IT แต่เราไม่รู้ก็ได้
หรืออย่างรัฐมนตรีฯไต้หวัน ยังเป็นคนจากสาย IT เลย นั่นระดับบริหารประเทศเชียวนะ
จริง เคยอีกก้าวก็บริหารแล้วแต่คุยเรื่องเงินมันปวดหัวนะ เลยให้คนอื่นทำไป เราก็มาสาย technical แต่ปีนี้ ใครทำ บริหารปีเชงนะ ลองทำยอดให้ได้ดูสิแล้วก็ -1,000,000 กับคนชื่อ จิมมี่ ผมอยู่ตั้งแต่อมยิ้มมีเลขแค่ 4 หลัก จิมเป็นคนโชคดี รุ่นเดียวกับ หนุ่ยแบไต๋ ที่เอางานอดิเรกมาทำเป็นอาชีพได้ แต่การรีวิว ถ้าเราถอยออกมาแล้วตั้งสติดีๆ เราจะพบว่ามันมีอะไรแปลกๆเยอะ เช่น หา 0-100 คุณเติมน้ำมัน 95แท้ ปั๊มคาลเท็กซ์ ที่แทบๆม่มีใครเติม (ทำไมไม่ ปตท e20?) อะไรแบบนี้เยอะ ถ้าจะดูจริงจังนะ บนยูทูป นิธิ ท่วมประถม ,โก้ เลวยันเงา , แมน ไทยเรสซิ่ง เถอะเกินสามคนนี้ก็ต่างประเทศแล้ว อย่าง model 3 ที่บอกประกอบห่วย เจ้าของ 0 นิสสันที่รับทำ GTR ที่0นิสสันแท้ดันซ่อมไม่ได้ เค้าสั่งมารื้อแต่งทั้งคันไปแล้ว เร็วๆนี่เองเชื่อคนมีรถจริงในมือเถอะหาดูได้
นอกจากไม่เหมาะกับสายบริหารแล้ว การสื่อสารก็ไม่ค่อยโอเคนะครับถ้าอ่านจากเม้นต์นี้แล้ว อ่านไม่รู้เรื่องเลย
มีซิ! ฉันใช้ฉันเติมอยู่
แน่นอนถ้าเป็นรถยนต์สมัยใหม่กล่อง ecu มันฉลาดพอที่จะปรับการฉีดน้ำมันให้เหมาะกับปริมาณอากาศเพื่อความสมบูรณ์ของการจุดระเบิดได้
แต่กับมอเตอร์ไซค์หลายรุ่น**เดิมๆจากโรงงานและไม่ได้จูนกล่อง ซึ่งถ้าอ่านในสมุดคู่มือและมี recommended ให้ใช้ RON91 หรือ RON95 แล้วล่ะก็ มันจะเห็นผลชัดเจนมากในการเปิดคันเร่ง จังหวะการพุ่งของการออกตัวจะไหลลื่นไม่กระตุก ไม่แห้งเหี่ยว เครื่องเดินเรียบบบบิดสนุกมือ ไม่มีอาการของกำลังเครื่องยนต์หดหาย หรือมาสำลักดับกลางถนน การปล่อยคันเร่งเป็น 0 engine brake จะมาเต็มกำลังทำให้กะระยะการหยุดของรถได้โดยง่าย กำเบรกได้เบามือและนิ่มนวลมากกว่า และยิ่งถ้าใช้น้ำมันเครื่องเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ อู้ยยยย ขี่อย่างสนุกเลยยย
และถ้าอ่านในคู่มือต่อไปอีกจะพบว่าสามารถเติมน้ำมันจำพวก e10 ได้ แต่แน่นอนกำลังเครื่องยนต์จะแห้งเหี่ยวกะจังหวะยาก จะชนมันหลายทีก็อีพวก gasohol นี่แหล่ะ ถ้าจับอาการรถไม่ออกบอกไม่ได้คุณไม่ควรเหมารวมหรือมาสบประมาทเรื่องนี้นะ
ป.ล. ถ้าจะถามว่า gasohol ค่ายไหนดีอันนี้แต่ละค่ายก็มีจุดเด่นของมันอยู่ เท่าที่ลองมามีประมาณนี้
1. Caltex Gasohol 95 with Techron - อันนี้ความรู้สึกถึงแรงจุดระเบิดรุนแรงใกล้เคียงกับ caltex gold 95 พละกำลังเครื่องยนต์ + engine brake น้อยกว่า caltex gold 95 แต่จะไปใกล้เคียง esso supreme 952. Esso Synergy™ Supreme+ Gasohal 95 - อันนี้ความรู้สึกถึงแรงจุดระเบิดและพละกำลังเครื่องยนต์ + engine brake มากกว่า caltex gosohol 95 เล็กน้อย ความรู้สึกใกล้เคียง caltex gold 95 แต่ไม่แรงเท่า
3. Shell V-Power Gasohol 95 - ตัวนี้ออกผู้ดีหน่อยการจุดระเบิดไม่รุนแรงเครื่องสั่นน้อยทำให้รู้สึกว่าเครื่องเดินเรียบ แต่พละกำลังเครื่องยนต์ + engine brake น้อยสุดเทียบกับ 2 ตัวแรก ตอนเติมครั้งแรกๆนี่กะจังหวะการเปิดคันเร่งยากมาก จะดับเอาทุกแยกไฟแดง ตอนออกตัวต้องเปิดคันเร่งมากกว่าเดิมเพื่อส่งแรงให้ออกตัวได้
ทั้งหมดนี้ถ้าเป็นคนชอบบิดมอเตอร์ไซค์และมีเงินมากพอแนะนำเลือก Caltex Gold 95 with Techron + น้ำมันเครื่องเกรดสูงหน่อยเช่น Motul 7100 - Recommended**
ป.ล. 2 ไม่นับรถเล็กหรือจำพวกที่โรงงานเขาติดกล่องที่จูน e10 e20 e85 มาให้แล้วนะ เพราะถ้ามันรองรับจำพวกนี้แล้วเรื่องที่เล่าข้างบนก็ให้ข้ามไป
Steve Jobs, Matk Zuckerberg, Bill Gates, Steve Ballmer, Steve Wozniak, Micheal Dell, แจ๊ค หม่า, หม่าฮั่วเถิง, Sergey Brin, Larry Page, Larry Ellison, Jeff Bezos, etc.
ที่พูดมานี่ เกือบครึ่งไม่ใช่คนไอทีครับ
Mark Zuckerberg กับ Bill Gates สาย IT แน่นอนไม่ต้องสืบเพราะเขียนโปรแกรมเอง
Steve Jobs กับ Woz มาสาย IT เต็มๆ Woz สาย Software ส่วน Jobs ทำ Electronics ตอนเรียนยังเริ่มตั้งแต่ทำกล่องโทรศัพท์ blue box กันสองคน แล้วไปทำงานใน Atari ด้วยก่อนจะมาประกอบคอมขาย
Dell เรียน Pre-med ตามใจพ่อเขาแต่ประกอบคอมพิวเตอร์ขายเองตอนมหาลัยเหมือนกับ Jobs
หม่าฮั่วเถิง จบ Computer Science จากเสิ่นเจิ้น
Sergey Brin จบ Computer Science จาก MarylandLarry Page จบ Computer Science จาก Stanford
Jeff Bezos จบ Computer Science จาก Princeton
Larry Ellison เรียนไม่จบ แต่เรียนมาทางด้านด้านคณิตศาสตร์กับ PhysicsBallmer สายคณิตศาสตร์กับธุรกิจ จบ Harvard
มีแจ็คหม่าคนเดียวที่จบอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ ข้างบนนี้คือสายที่เกี่ยวกับ IT หมดครับ หรือถ้าจะไม่นับคนที่จบคณิตศาสตร์ ก็เกินครึ่งอยู่ดีที่เรียน Computer Science โดยตรง
ถ้าในไทยก็มี
คุณวันฉัตร เจ้าของพันทิป จบวิศวะ แต่ทำงานเป็น System Programmer ของการบินไทย
คุณยอด เจ้าของวงใน จบ Computer Engineering จุฬา
คุณกษิดิศ เจ้าของ lnwshop จบ Computer Engineering เกษตร
คุณศาตนันทน์ เจ้าของ Bangmod จบ IT พระจอมเกล้าธนบุรี
คุณฮอนด้า เจ้าของ PromptNow จบ Computer Engineering จุฬา
ฯลฯ
อะไรคือนิยามของคำว่า "คนไอที" ครับ?
แข่งแบบได้แต้มต่ออย่างขายในไทย มันก็ชนะ แต่ถ้าเปิดหน้าสู้แบบยุโรป ก็สู้เขาไม่ได้นะ
จะคาดหวังอะไรในเว็บไอทีครับ
คนเรามีความสามารถต่างกันผมจบ mba ก็ชอบอ่านคอมเม้นที่นี่ ดูคนไอทีคุยกัน
มันเป็นมุมมองของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ที่เพียวนะครับ
การพูดอย่างนี้ ถ้าผมมองว่าเป็นการ "เหยียด" นี่ผิดไหมครับ
ไม่ผิดครับ ถ้าเราเมื่อย
;D
เสียง อื๊ดดดดดดด ตามมาเลยครับ ;p
ปากดี!!!
จริงๆก็ดีนะ Toyota จะได้ตื่นขึ้นมาเล่นเกม EV แท้ๆสักที
ถ้าจำไม่ผิด Toyota ไม่แก้ปัญหาเทคโนโลยีสำหรับรถไฟฟ้าจริงจัง ไปเผาเงิน เดิมพันอยู่กับ Fuel Cell เป็นสิบปี ซึ่งมีข้อจำกัดเยอะ ตัวมันเองก็ราคาสูงเพราะมันต้องใช้โลหะแพลตตินั่มเป็น catalyst แล้วไหนจะทั้งสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ต้องทำโครงสร้างพื้นฐานใหม่หมด มีน้อยไป ลูกค้าซื้อไปก็ลำบากการใช้งานจริง ทำให้เข็นอยู่นานมันก็ไม่ติดตลาดเสียที - Mirai ไง จำได้ไหม? ขายได้กี่คัน? ทั้งโลกไม่ถึงหมื่นคัน?
แถมพอเงยหน้ามา เจอเด็กเมื่อวานซืนอย่าง Tesla แก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้เลือกใช้แบต ที่ลูกค้าสามารถใช้ไฟบ้านชาร์จได้เลย ไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างสถานีเชื้อเพลิง (มีใครขับ Mirai ในไทย?) ตอนนี้เริ่มส่งมอบรถไฟฟ้าล้วนได้ระดับห้าแสนคันต่อปี และจะเริ่มจับตลาดแมส เลยเพิ่งจะนึกออกว่าตลาดเค้าไม่เอาของเล่นราคาแพง อย่าง Fuel Cell ของตัวเอง
เลยเพิ่งจะมาประกาศว่าจะ(เริ่ม)เอาจริงจังด้าน EV แบบที่ใช้แบต ก็เร็วๆนี้เอง
ก็ดีครับ ผู้บริโภคจะได้มีทางเลือก
แต่ Daimler Volvo Volkswagen ที่ก็ไม่น่าใช่มือใหม่ละ เค้าไป EV หมดละนะพี่
เทคโนโลยี hybrid ของ toyota มันซับซ้อนกว่า EV อีกนะ ถ้าตัดเครื่องยนต์ออก แล้ววิ่งไฟฟ้าอย่างเดียวคิดว่า toyota คงดันออกมาได้ในเวลาไม่นาน
ผมมองว่า Toyota มีของนะ แต่ยังไม่ปล่อยของ เพราะผมมองว่าถ้าเขาปล่อยของตอนนี้ "ครัวเลิศรถ" ของเขามันจะปรับตัวไม่ทัน สังเกตุได้จากการพยายามบังคับขายรถไฮบริดในหลายๆรุ่น เพื่อเตรียมความพร้อมกิจกรรมของบริษัทที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าให้เติบโตก่อน
ตาโตโยดะนี่เป็นพวกบ้ารถด้วย ไม่น่าพลาดง่ายๆหรอก
พี่โตเขาก็ปรับตัวทำ โปรดักส์คุณภาพออกมาเรื่อยๆ ทำให้แข่งขันในสนามที่เขาได้เปรียบเช่นเมืองไทยเป็นแต้มต่ออยู่แล้ว
ผลิตรถยนต์มาตั้งนาน แต่ไม่เคยจริงใจกับสิ่งแวดล้อมโลก ถ้าไม่มี Elon Musk โลกก็คงถูกบังคับให้ใช้เชื้อเพลิง fossil ต่อไปสินะ
เรื่องสิ่งแวดล้อมนี่ Toyota เริ่ม hybrid มาเร็วนะครับ นับการลดมลพิษจาก hybrid นี่น่าจะเยอะอยู่นะครับ เพราะเริ่มเร็ว และยอดขายรวมเยอะ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ติดที่ supplier เปล่า ลงทุนไปเยอะ ปรับเปลี่ยนทันทีกระทบไปหมด แต่รถ Hybrid แค่ตัดเครื่องสันดาบออกก็จบแล้วนี่ ทำไมไม่ทำ
เพราะทำมาแล้วขายไม่ออกครับ ที่พูดๆกันว่าดีๆยังงั้นยังงี้เนี่ยเอาจริงไม่ซื้อหรอก ไม่งั้น นิสสัน Leaf, Hyundai Ioniq, Fomm ขายกระฉูดแล้ว
ก็ราคาแพง ระยะทางที่วิ่งได้ต่ำ อัตราเร่งช้า เทียบกับ Model 3 นะ
Leaf > แพง ระยะน้อย ต้องตัวใหม่ๆ
Ioniq > แพง
Fomm > ดูหน้าตามันสิ
พอ MG ZS EV เปิดราคามาแบบนั้น ตัวเลือกด้านบนมันเลยดูแย่ไปหมด แต่ยุโรปและเมกาตัวเลือกอื่นๆนอกจาก Tesla มันก็ขายได้เยอะนะ ไม่ว่าจะ Leaf, VW, Hyundai รุ่นอื่น
Leaf ลดราคาเหลือล้านสี่นานแล้วครับIoniq ตอนนี้แทบล้านเศษนิดเดียว
Fomm...
เอาเป็นว่าทั้งหมดมันคือเหตุจะไม่ซื้อน่ะครับ จะเ้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
รถไฟฟ้าตอนนี้เหมาะกับคนรวยเท่านั้น แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ใช้ไม่ดีก็ไปใช้คันอื่น คอยดู เดี๋ยว Taycan ขายกระฉูด
ถ้ามองแต่ประเทศไทยอย่างเดียว ก็แน่นอนครับ ด้วยภาษีทำให้รถไฟฟ้ามันคือของเล่นคนรวย
Leaf อย่างที่บอก ด้วยสเปคมันแพงครับ ราคากับระยะของ MG นั่นคือสิ่งที่ผมว่าคนไทยรับได้
แต่ต่างประเทศมันมีให้เลือกเยอะแยะ แต่โตโยต้าก็ยังไม่ทำ นั่นคือประเด็นของผมครับ (เพราะเราพูดถึง Toyota ในระดับ Global ตามข่าวนี้อยู่) แล้วอย่าง Leaf ที่คุณยกมาต่างประเทศมันก็ขายได้ ดังนั้น Nissan ทำก็ขายได้ Hyundai Kona ก็ขายได้ Renault Zoe (ที่ Nissan ก็มีเอี่ยว) ก็ขายได้
จะบอกว่า โตโยต้า ไม่ทำผมก็ไม่เห็นด้วยนัก โตโยต้า น่าจะเป็นเจ้าแรกด้วยซ้ำ ที่สร้างรถไฮบริด (รถครึ่งไฟฟ้า) แต่วิสัยทัศน์ของโตโยต้าเป็นคนละแบบ เพราะในยุคสมัยนั้นโตโยต้า ไม่ได้เห็นทางออกของข้อจำกัดทางแบตเตอรี่ จึง ทำ Hybrid นี้ขึ้นมาเพื่อปูทางไป FCEV ซึ่งดูเหมือนว่าปัจจุบัน โตโยต้าก็ยังคงพยายามไปในแนวทางนี้ ดูจากการเปิดตัวรถรุ่น Mirei อย่างไรก็ดีพอดี เทสล่า ดันไปเจอวิธีสร้างแบตความจุเยอะๆ คนที่พอจะติดตามข่าวสารรถยนต์ก็ยังลืมๆ FCEV ไปแล้ว และมองว่าไฮบริดคือรูปแบบนึงของรถน้ำมัน ไม่ใช่รูปแบบนึงของรถไฟฟ้า ซะงั้น
ในส่วนของยอดขาย ผมอยากจะชี้แบบนี้ มันจะมีกลุ่มประเทศที่รายได้ต่อหัวสูงแต่ซื้อรถได้ถูก และ ประเทศที่รายได้ต่ำแต่ต้องซื้อรถราคาสูง ซึ่งสองอย่างนี้ คนซื้อรถไฟฟ้าได้ ก็คือคนที่มองว่ารถมันเป็นของไม่แพงสำหรับเขาครับ นี่น่าจะเป็นที่มาของบางที่รถไฟฟ้าขายได้มาก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร รถไฟฟ้าก็ยังไม่ใช่รถที่มียอดขายแบบ Majority เทียบกับรถน้ำมันนะครับ นอกจาก Tesla ซึ่งแทบทุกรุ่นของเขาไปอยู่ใน Segment ของรถคนรวยขอกลับมาในประเทศไทยเราผมคุยกับคนสายสินเขื่อรถยยต์ เขามีความเห็นว่า คนซื้อ MG นี่เครดิตดีนะครับ อัตราขาดผ่อนน้อยมาก แต่ต่อเดือน MG ก็ยังไม่ได้ขายรถไฟฟ้าได้เยอะอยู่ดีอ่ะครับ เทียบกับรถน้ำมัน
จากทั้งหมดทั้งปวงนี่ผมจึงอนุมานเอาว่า ยังไงมันก็คือของเล่นคนรวยใน ณ เวลานี้ครับ ไม่ว่าจะมองจากมุมมองของประเทศใด
จริงๆ แล้วยังมีอีกปัจจัยที่ไม่ค่อยใส่ใจนัก คือที่ชาร์จในบ้านครับ
การซื้อรถไฟฟ้าใช้งาน ยังไงก็ต้องมี wall charge ของตัวเองที่บ้าน ให้ชาร์จได้เร็ว นอกจากปลั๊กชาร์จ 230V แบบปกติที่ชาร์จนานมาก และที่ชาร์จสาธารณะที่ยังมีไม่ค่อยเยอะ บางที่ก็ใช้งานไม่ได้ บางที่ก็ต้องรอคันอื่นใช้งานอีก
ถ้าคนขับรถอยู่คอนโดก็หมดสิทธิ์ใช้งาน ไหนจะต้องไปแย่งที่จอดพร้อมจุดชาร์จไฟที่มีน้อยมากๆ อีก หรือบ้านเก่าที่ไฟยังไม่รองรับ เช่น มิเตอร์ 5 แอมป์ ก็ต้องรื้อทำระบบไฟฟ้าใหม่กันเลย เพิ่มมิเตอร์เป็น 15 แอมป์ขึ้นไป แล้วต้องคำนวณเส้นทางและจุดชาร์จตอนใช้งานที่วุ่นวายกว่ารถ Hybrid ที่ไม่มีระบบชาร์จมาให้ และรถสันดาบปกติอีก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้าจะพูดกันถึงว่า ในเมื่อมีดีตั้งมากมายแล้วทำไมคนฐานะปานกลางส่วนใหญ่ยังไม่ซื้อรถไฟฟ้าใช้?
อันนี้ร่ายได้เป็นหน้าๆครับ และ ผมพบว่าในแต่ละประเทศก็มีข้อจำกัดที่คล้ายคลึงกัน สรุปๆ ที่ผมพอจำได้คือ
1 ราคาส่วนต่างของรถ EV ยังไม่จูงใจ เทียบกับการซื้อรถน้ำมัน (แม้แต่เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น ก็มีปัญหานี้)2 จุดชาร์จมีไม่แพร่หลาย อันนี้ก็ตามที่คุณเข้าใจ
3 การชาร์จใช้เวลานาน ทำให้คนจะซื้อ EV ใช้เป็นรถคันเดียวในบ้านต้องปรับพฤติกรรมตัวเองอย่างมาก ต้องวางแผนการเดินทางดีๆ
4 คนรายได้ปานกลางบางคนถึงอยากซื้อก็ซื้อไม่ได้ ตลาดรถอีวีจริงๆแล้วแคบมาก คนลงทุนไม่กล้าผลีผลาม เช่น ในบ้านเรา คนตจว นี่ขับรถทีคือขับข้ามอำเภอซึ่งอีวีไปได้ แต่กลับไม่ได้ ฉะนั้น เท่ากับตลาด อีวี จริงๆ ไม่ใช่ทั้งประเทศแต่เหลือแค่หัวเมืองใหญ่ๆ แล้วในหัวเมืองคนเขาก็ขี่มอไซสะดวกกว่า สำหรับต่างประเทศที่เจริญหน่อย ประชากรชนชั้นกลางก็ใช้การขนส่งสาธารนะอยู่แล้วอีก
4 ราคาขายต่อตก เพราะแบตเสื่อม5 คนหาเช้ากินค่ำไม่ได้สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมขนาดนั่นครับ
6 นโยบายสนับสนุนอีวีของภาครัฐ ไม่ได้มีผลโดยตรงกับคนซื้อ มีแค่บางประเทศที่อัดฉีดส่วนลดลงไปตรงๆ แต่เหมือนไฟไหม้ฟาง มีทีก็ขายดีที พอหมดแคมเปญคนก็เลิก
ผมเคยเห็นงานวิจัยของค่ายรถ เขาไล่มา 20 กว่าข้อที่เป็นโจทย์ต้องตีให้แตก แต่ผมจำได้แค่นี้
ที่ผมว่าไม่ทำ ก็เพราะเห็นโตโยต้าไปทำ Hybrid กับ FCEV นี่แหละครับ อ่านตามบอร์ดต่างประเทศนี่คนอยากได้ Toyota/Honda EV จะตาย ก็คือรถราคาถูก, mass ตามสไตล์ Toyota/Honda ในราคาที่ Tesla ยังทำไม่ได้ แต่พี่โตถลำลึกไปกับ FCEV แล้วยังไมไ่ด้อะไรออกมามาก ผมถึงมองว่าเป็นการพูดแก้เก้อว่าถ้าเราทำเมื่อไหร่ เสร็จ! (ก็ทำสิพี่ มีคนรอซื้อ ยิ่งตอนนี้เทคโนโลยีแบตก็พัฒนาไปมากแล้ว)
แต่จริงๆผมมองว่า Hybrid นี่คือของเล่นคนมีเงินเลยนะครับ มันคือรถน้ำมัน ที่ไม่ได้มีข้อดีทุกอย่างของรถไฟฟ้า การดูแลรักษา, อัตราเร่ง, มลพิษ, การไม่ต้องแวะเวียนไปปั๊ม) แถมยังเพิ่มราคาแบตเข้ามาให้ดูแลเพิ่มเติมจากเครื่องยนต์อีก
Hybrid ของเล่นคนมีเงินนี่ผมว่าไม่ใช่นะครับ ตอนแรกๆ อาจจะใช่ แต่ตอนนี้ราคาแทบไม่ต่างเลย อะไหล่ก็ถูกลงมาแล้ว ส่วนที่แพงว่าผมว่าค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ก็ชดเชยหมดแล้ว
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ราคาปัจจัยหลักเปล่าครับ MG ยังขายออกเลย
มันไม่ใช่แค่ตัดเครื่องออกครับ ไหนจะเกียร์ ครัช ปั๊มติ๊ก ถังน้ำมัน ไดชาร์จ ฯลฯ แถมต้องออกแบบสมดุลรถใหม่อีกเพราะน้ำหนักน่าจะหายไป 4-5 ร้อยโลได้ ถ้าใส่แบตเพิ่มศูนย์ถ่วงก็เปลี่ยนอีก
I need healing.
MG ยังทำได้เลยนะครับเอารถเดิมมาทำ จริงฝั่งโตโยต้าขนาดออกแบบอะไรใหม่ๆ ก็มาหมด TNGA งี้ ก็น่าจะเผื่อรถไฟฟ้าไว้ด้วย
Toyota ก็มีทำครับ แต่ขายที่จีน CHR EV เดี๋ยวถ้าตลาดพร้อม ลูกค้าพร้อมเมื่อไหร่ toyota ก็คงเข็นออกมาได้หลายรุ่น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ของดีในจีนอีกแล้ว ขอบคุณครับ
ถ้า Toyota มอง Tesla ว่าเป็นคู่แข่งก็สร้างนวัตกรรมรถไฟฟ้าออกมาแข่งกันดีกว่าพูดประชดกันดีกว่านะแต่ถ้ามองว่าไม่ใช่คู่แข่งก็อย่าไปสนใจสิเดียวก็หายไปแบบ BB,nokia เองแหละครับ
Tesla นำทุกคนในโลกนี้ เป็นเรื่องแบตนะครับ เครื่องใครๆ ก็ตามทันยกเว้นเครื่องฟอร์ด
บางคนกินร้านเดิมๆ นานๆ เขาก็เบื่อเหมือนกันนะ เจอร้านใหม่เมนูเร้าใจในราคาเท่ากันก็ต้องไปลองบ้างล่ะ
สุดท้ายขี้แตก หยอกๆ 555
ตอนแรกคิดจะลองขับโตต้าซักคัน เจอผู้บริหารปากดีแบบนี้ขอบายเลยแล้วกัน
สาธุ ขอให้ตาม Nokia ยุคซิมเบียนไปเลยครับ