TSMC เริ่มติดต่อรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อขอซื้อวัคซีนหลังจากเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมารัฐบาลไต้หวันเห็นชอบให้ทั้ง TSMC และ Foxconn เป็นตัวแทนรัฐบาลเจรจาซื้อวัคซีนจาก Pfizer รวม 10 ล้านโดส
ทั้งสองบริษัทพยายามจัดหาวัคซีนด้วยตัวเองเพื่อมาฉีดให้พนักงานและครอบครัวระยะหนึ่งแล้ว แต่ระบุว่าจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มรูปแบบ และหลังจากเข้าพูดคุยกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน คณะรัฐมนตรีไต้หวันก็ประกาศอนุญาตให้ทั้งสองบริษัทเป็นตัวแทนรัฐบาลจัดหาวัคซีนเป็นทางการ
รัฐบาลไต้หวัน ระบุว่าพยายามจัดซื้อวัคซีนจาก Pfizer มาแล้วแต่ถูกทางการจีนปิดกั้น อย่างไรก็ดีรัฐบาลจีนปฎิเสธข้อกล่าวหานี้
ที่มา - Reuters
Comments
แค่ก แค่ก
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
คงยอมหรอก ผลประโยชน์ก็ตกไปที่ผู้รับมอบอำนาจดิ
ไม่ขายมาก็ Chipหายไปด้วยกัน
สหรัฐฯ ให้วัคซีนไปแล้ว 2.5 ล้านโดสครับ ฟรีๆ เลยไม่ต้องขาย อีกสักพักอาจจะให้อีก นี่เขาจะซื้อกะให้พอใช้เลย
lewcpe.com , @wasonliw
อ่านแล้วนึกถึงมุขนี้https://www.facebook.com/159979400719195/photos/pb.100050306027304.-2207520000../822800161103779/?type=3
คิดว่าคงให้ Deal เพื่อให้ทั้งจีน ทั้ง US สนับสนุนด้วยละครับ เพราะว่าถ้าเกิดปัญหา Production ขึ้นมาอีกจะยิิ่งแย่กันไปใหญ่ ดีไม่ดีอาจจะได้มี Trade Off เรื่อง Priority การผลิตในอนาคตเพิ่มด้วย
เฟกนิวส์ เขาขายเฉพาะรัฐบาล ไม่ขายเอกชน
คนบางคนจะบอก
จริงๆ พวกนี้ที่เขาขายให้รัฐบาล เพราะเขาอยากได้คนรับผิดชอบกรณีมีคนเสียชีวิตเพราะวัคซีนน่ะครับ ซึ่งก็ต้องเป็นระดับรัฐบาล (ไม่งั้นก็อาจจะโดนรัฐฟ้อง)
แต่ผมเข้าใจว่า เคสนี้คือ ถ้าไปดีลมาได้ รัฐก็จะรับรองให้ (เป็นการมอบอำนาจ ไม่ใช่ใครก็ไปสั่งซื้อได้)พวกการ fast track แบบนี้ ที่ไหนก็ทำกันครับ
บ้านเรา Astra ก็ยังเป็น SCG ไปคุยมาให้เลย
จะต้องรับผิดชอบอะไร ไม่มีใครตายด้วยวัคชีนหรอกคุณ เอาอะไรมาพูด ฮา
สลิ่มถูกใจสิ่งนี้
ผมว่าทะเลาะกันเรื่องวัคซีนนี่ ทำเอา อาจารย์หมอ
ที่เคยนับถือกันทั้งประเทศ อนาคตดับมืด (เหมือนความหวังของประชาชน)
ไปหลายคนเหมือนกันนะครับ แบบว่า ที่บอกเก่งอย่างโง้นอย่างงี้
พอมาทำงานเป็นที่ปรึกษา หรือ ชอบออกสื่อบ่อยๆ เห็นผลงานที่จับต้องได้
แล้วทำไมมันออกมาเป็นแบบนี้ฟะ เก่งจริงหรือเปล่าเนี่ย ?
หรือ พวกคุณคืนความรู้ที่เรียนในมหาลัย ให้อาจารณ์ที่สอนท่านมา พร้อมใส่ดอกเบี้ยแถมไปอีก 7% ต่อปีเหมือนผมไปแล้ว
เอาจริงๆ นะ Covid-19 มันเป็นโรคอุบัติใหม่ ผมว่าคงไม่มีหมอคนไหนเคยได้เรียนจากอาจารย์ของท่านเหมือนกัน มันก็เหมือนเอาประสบการณ์เก่าๆ มาปะติดปะต่อเพื่อสู้กับโรคอุบัติใหม่ อยู่ที่ไหวพริบ และความกล้าที่จะต่อสู้กับปัญหามากกว่า เวลานี้ในห้องทดลองคงมีงานเป็นมือระวิง มันก็ต้องมีคนนึงคอยรับหน้า คอยโดนด่า เพื่อให้คนใน Lab ได้มีเวลาหาคำตอบ มันเป็นหน้าที่นึงของคนที่เป็นหัวหน้าคน
ผมยังเคยนังคุยเล่นๆ กับคนในครอบครัวเลย ว่าบางเคสหมอก็คงอยากพูดเหมือนกันว่า "กรูก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีใครสอนโดยตรงเรื่องโรคนี้" มีแต่หมอในโซเชียลเก่งๆ กันทั้งนั้น ถ้าพูดเพื่อสะท้อนปัญหาไม่มีใครว่าหรอก แต่พูดเพื่อบั่นทอนกำลังใจคนทำงานผมว่าระยะยาวก็จะไม่มีใครอยากจะมาสู้กับโรคนี้เหมือนกันนะ
ปัญหาของหมอออกสื่อ นั่งหน้าไมค์ทั้งหลายจากฝั่งรัฐบาลคือ "ไม่มีใครกล้าพูดความจริง" ปกติหมอควรจะเป็นอาชีพที่พูดโดยการอ้างอิงจากหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ เช่น ตัวเลข สถิติ งานวิจัย ด้วยซ้ำ แต่เห็นหลายคนนี่ใช่ความเชื่อล้วน ๆ ไม่มีอ้างอิงอะไรที่มันน่าเชื่อถือได้เลย
ระดับอาจารย์แพทย์บางคนยังแชร์เฟคนิวส์ในกรุ้ปไลน์อยู่เลยครับ เถียงด้วยนะว่าข่าวจริง ได้มาจากเพื่อนรพ.อื่น พอถามหาevidenceก็ไม่มี พวกผมทำงานด่านหน้าได้แต่ปวดหัวกุมขมับกับความคิดผู้ใหญ่ในววการครับ
ใช่จาก group MMT หรือเปล่า คุ้นๆ ?
หมอที่แถลงให้รัฐบาล กับหมอหน้างาน หมอในโรงพยาบาลต่างกันลิบเลยคับ
.
อันนี้ไม่เกี่ยวกับความรู้ต่อโรคอุบัติใหม่นะคับ แต่เป็นการสื่อสารโดยมีหลักฐานทางวิชาการรองรับ และตรงไปตรงมา ยิ่งแถลง หมอหน้างานยิ่งแย่
ผมเห็นด้วยนะ มันควรจะเป็นแบบนั้นมากกว่าแต่หมอที่ออกหน้างานนี้ดันชอบแสดงความมั่นใจกันเต็มเปี่ยมซะงั้นหรือไม่ก็ชอบสร้างวาทกรรมสวยหรูให้คนหมั่นไส้กันแทน
"กรูก็ไม่รู้เหมือนกัน" อันนี้เป็นสิ่งที่นักวิชาการทุกคนควรพูดเสมอครับ แยกชัดจากกันระหว่างหลักฐานและความเห็น
จริงๆ หลายคำพูดแม้แต่ "มีหลักฐานจางๆ" เช่น "วัคซีนกันตาย 100%" แต่จำนวนเคสมันน้อยมากๆ ก็ควรเลี่ยงหรือพูดด้วยความระมัดระวังมากๆ เช่น "มีข้อมูลบ่งชี้ว่าน่าจะป้องกันการเสียชีวิตได้ดี" การยก 100% มาโม้นี่มันกำลังกลายเป็นการโฆษณาแล้ว
ถ้ายังเป็นนักวิชาการ lab ยังทำไม่เสร็จ ผลยังไม่ออก อย่าพูดครับ ถ้าเป็นสมมติฐานเพื่อเริ่มทำวิจัยอันนั้นพูดในหมู่นักวิชาการด้วยกันไม่แปลก แต่อย่าพูดออกสาธารณะในลักษณะที่ชี้นำไปว่าผลมันออกแล้ว
lewcpe.com , @wasonliw
ตัวอย่างเช่น หมอบางคนที่พูดว่า "ฉ๊ด Sinovac 3 เข็มแล้วได้ภูมิคุ้มกันระดับน้องๆ Pfizer" ใช่ไหมครับ :-)
แม้แต่โฆษณาสินค้าทั่วไปยังเว้นช่องไว้ 0.01% - 0.1% ไว้เสมอ แม้ว่าใน practice แล้วมันได้ผล 100% ก็ตาม
บอกว่าไม่รู้หรือขอเวลาไปปรึกษาคนอื่นๆ แบบนี้คนยังรู้สึกดีกว่าอวยจนออกนอกหน้าเช่น ฉีด Sinovac 3 เข็มแล้วได้ภูมิคุ้มกันระดับน้องๆ Pfizer"
ไม่รู้ก็คือไม่รู้อ่ะครับ ปัญหาที่เกิดทุกวันนี้มันไม่ได้มาจากการไม่รู้ แต่มันมาจากการรู้แล้วปิดบัง, บิดเบือน ไม่ชี้แจงตามข้อมูลที่มีอย่างตรงไปตรงมา
หมอหน้างานจริงๆ เค้าก็ปฏิบัติตัวตามจริยธรรมของเค้าปกติ คนทั่วไปไม่ได้มีปัญหากับเค้าแถมยังให้กำลังใจอีกต่างหาก แต่อ.หมอชื่อดังๆ ที่ได้มีโอกาสออกสื่อทุกวันๆนั่นแหละที่มีปัญหา
หลักๆ พวกออกมาช่วงนี้คือพวก ขงเบ้งหลังเกิดเรื่อง นะครับออกมาตอนผลการทดลองต่างๆ เริ่มออกมากัน
ขณะที่หมอใหญ่เขาต้องตัดสินใจตั้งแต่ปีที่แล้ว
ซึ่งข้อมูล mRNA แทบเป็นศูนย์มันก็เข้าใจได้ว่า ไม่อยากเอาประชาชนไปเป็นหนูทดลอง mRNA
จึงต้องเลือก Virus Vector ซึ่งดีที่สุดเท่าที่มีข้อมูล ณ ตอนนั้น
พอมาปีนี้ ผลลัพธ์ mRNA เหมือนออกมาสวย
(แต่ก็ยังไว้ใจเรื่องผลข้างเคียงไม่ได้)
ก็ออกมาทำเป็นเก่ง มาจวกหมอใหญ่ ว่ามีอคติกับ mRNA/ไม่ตัดสินใจด้วยข้อมูล บลา บลา บลา
ถ้าตอนนั้นเอา ไฟเซอร์เข้ามา เชื่อเหอะว่า โดนด่าว่าเอาประชาชนเป็นหนูลองยาอยู่ดีคนพวกนี้ แค่รอว่า รบ.ทำอะไร ก็ออกมาพูดแต่ด้านแย่ เพื่อสะกดจิตหมู่ให้คิดว่า รบ.ตัดสินใจผิดเสมอ
ตอนข้อมูลออกมาแล้วก็ยังตัดสินใจได้หนิครับ ทำไมยังสั่ง sinovac เพิ่มอยู่สำหรับปีหน้า ของที่สั่งไปแล้วและสั่ง mRNA ไม่ทันอันนั้นก็พอเข้าใจได้ แต่ผลออกมาแล้วก็ยังจะสั่ง sinovac เพิ่ม และไม่เร่งกระบวนการสั่ง mRNA เลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สั้นๆ นะ มีแต่คำแก้ตัว
ตอนนั้นเอาไฟเซอร์เข้ามาไม่โดนด่าหรอกครับ ตอนนั้นเขาบอกให้เอาเข้ากันครับตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่าแต่งเรื่องเองสิ
หรือยึดถือคติ หลอกกันเองครื้นเครงจะตาย
แล้วตอนนี้เราก็ยังซื้อซิโนแวคสำหรับปีหน้านะครับ ข้อมูลมีแล้ววววววววววว ก็ยังซื้อรัวๆ หยุดเลอะเทอะเถอะครับแล้วทำไม viral vector น่ากลัวน้อยกว่า mrna ทั้งๆ viral vector มันเข้าไปใน nucleus เซ็ลล์เราเลยนะครับ แล้วก็ไปสร้าง mrna ขึ้นมาในตัวเราอีกที ขนาดที่วัคซีน mrna ยังไม่เข้าไปในนิวเคลียส
มันเป็นการบริหารความเสี่ยงครับ และจริงๆแล้ว ขณะนั้นต้องบอกว่าผลทดลองกับกลุ่มประชากรตัวอย่างจริง เอาแบบ peer review ตีพิมพ์ได้นะ ยังไม่ออกสักกะราย
วัคซีนที่ใช้เทคนิคเก่า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากผลข้างเคียง มีหลายตัวที่ผลิตแล้วก็ยกเลิกใช้งาน เช่น วัคซีนโปลิโอในปี 60 เพราะ Viral vector ที่ใช้ (SV40) ทำให้เป็นมะเร็ง
ลอกเพื่อนบ้านอย่างสิงค์โปร์ก็ได้ รายนั้นเค้าเริ่มเจรจามากกว่าหนึ่งรายแน่ๆ แล้วเลือกเฉพาะผลชัดเจนเป็นวัคซีนหลัก ซึ่งก็ยังให้เลือกถึงสองยี่ห้อ ไม่ใช่ตัวเดียว เพราะกันปัญหาซัพพลาย และกระจายความเสี่ยงกรณีมีผลข้างเคียง
เทคโนโลยี mRNA มันไม่ได้เพิ่งคิดได้ก็จับทำวัคซีนฉีดให้คนทั่วไปเลยนะครับ มันมีมานานแล้วมีทดลองเยอะแยะแค่ฉีดให้คนทั่วไปครั้งนี้ครั้งแรกแค่นั้นเอง เพราะงั้นผมไม่เชื่อว่าข้อมูลเทคโนโลยี mRNA แทบจะเป็นศูนย์แน่นอน
โอเค ถ้าจะบอกว่าวัคซีนตัวนี้มันแทบจะไม่มีข้อมูลเลยมันก็ใช่ แต่วัคซีนตัวอื่นก็เหมือนกัน ถึงจะเทคโนโลยีเก่าแต่สำหรับวัคซีนโรคนี้ทุกอย่างมันคือใหม่และแทบไม่มีข้อมูลเหมือนกันทั้งนั้น
คนที่เขาตำหนิกันไม่ใช่เรื่องเอาหรือไม่เอาวัคซีนตัวนั้นตัวนี้เข้ามาหรือบอกว่าตัวนั้นดีตัวนี้ห่วยเลยนะครับ (ยกเว้นรัฐบาลไทยที่กล้าพูดว่าตัวเองแทงม้าเต็งอยู่) ที่ตำหนิกันคือเรื่องของการบริหารความเสี่ยงหรือเรื่องที่เอาเข้ามาตัวเดียวล้วนๆครับ
แล้วก็ คนที่เปิดประเด็นเรื่องเชื้อตาย vs mRNA มันก็ฝั่งที่เชียร์ซิโนแวคเองทั้งนั้นครับ คนอื่นเขาไม่สนหรอกครับว่ามันเทคโนโลยีอะไร เขาแค่ดูว่าผลมันออกมาเป็นยังไงแค่นั้นก็พอ
ท้ายที่สุดแล้ว คนเหล่านี้เขาก็แค่อยากรอดตาย อยากพ้นวิกฤตนี้ อยากได้ของที่ดีที่สุด มันก็แค่นั้น มีแค่อีกฝั่งแค่นั้นแหละครับที่อคติว่าคนเหล่านี้เกลียดรัฐบาลหรืออวยฝรั่งอะไรพวกนั้นอยู่
ตอนนี้มีข้อมูลแล้ว (เช่น จากประเทศชิลี) ตัดสินใจยกเลิก เลิกสั่งซื้อ Sinovac 28 ล้านโดสแล้วเปลี่ยนเป็น Pfizer, Moderna แทนได้หรือยังครับ ?
อีกเรื่องคือจริง ๆ แล้ว AstraZeneca ก็ใช้ mechanism ของ mRNA ในการกระตุ้นภูมินะครับ มันต่างแค่สิ่งที่ใช้เป็นพาหนะในการนำสารตั้งต้นเข้าร่างกายเท่านั้นเอง ถ้าให้เทียบกันจริง ๆ ของ AstraZeneca น่าเป็นห่วงเรื่องผลข้างเคียงมากกว่า Pfizer, Moderna อีกครับ เพราะต้องนำส่ง DNA เข้านิวเคลียสของเซลล์จากนั้นค่อยสร้าง mRNA ออกมา
ลองไปหาบทความเกี่ยวกับการทำงานของวัคซีนแบบต่าง ๆ มาอ่านดูครับ
That is the way things are.
Virus Vector มันก็ไปสร้าง mRNA ในร่างกายเหมือนกัน มันจะดีกว่า mRNA ได้ยังไง
แล้วทุกวันนี้ก็รู้แล้วว่า Sinovac มันห่วย ก็จะดันทุรังให้ฉีดเพิ่มเป็น 3 เข็มอยู่นั่น ชิลีเค้ายกเลิกการสั่งซื้อไปแล้ว แต่รัฐบาลยังจะเอาเข้ามาเพิ่มอีกเรื่อยๆไม่ด่าจะให้สรรเสริญเหรอ
แบบนี้คือตัดสินใจได้ดีแล้ว?
ถ้าเป็นการสั่งตอนก่อนที่ผลวิจัยเทียบประสิทธิภาพตัวต่างๆจะออก ข้อแก้ตัวนี้้พอฟังขึ้นครับแต่ตอนนี้ผลออกแล้วยังสั่งเพิ่มอีก มันเลยใช้ข้อแก้ตัวนี้ไม่ได้แล้วน่ะครับ
เท่าที่อ่าน หลายความเห็น คือ คิดแบบนักบริโภค
แต่เป้าที่เราทำคือ เป็นผู้ผลิต
(ผมย้ำตลอดว่า
เกณฑ์วัดประเทศเจริญ ไม่ใช่มีบริโภค แต่คือมีปัญญาผลิต)
การดีล AZ ทำให้เราได้เทคผลิต Virus Vector ได้ขณะที่ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า เราจะมีโรงงาน mRNA ขนาดเล็ก
นั่นหมายถึง ท่ามกลางการกลายพันธุ์ในปีหน้า
เราจะไม่ต้องดิ้นรนไล่ซื้อ+นำเข้าวัคซีนรุ่นกลายพันธุ์กันวุ่นวาย แบบปีที่แล้วอีก
แค่อัพเดทเชื้อ โรงงานเราจะผลิตออกมาได้ทันที
และถ้าเทคไหนผลวิจัยออกมาว่าอันตราย ก็ยังมีโรงงานอีกเทคฯ
ถ้ายี่ห้อไหนผลิวิจัยออกมาว่าอันตราย ก็สลับผลิตต่างยี่ห้อในเทคเดียวกันได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือคิดเผื่อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วก่อนข้อมูลจะชัด
และการผลิตจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคิดแต่จะซื้อ+นำเข้ามาบริโภคกัน
จนไม่เหลือตลาดให้คนที่มาผลิตในไทยอยู่รอดได้
เหมือนกันที่พยายามจะขย่มให้รัฐลดภาษี EVซึ่งถ้ารัฐบ้าจี้ตาม คงไม่มีใครมาตั้งโรงงาน EV แล้วเราจะกลายเป็นประเทศนักบริโภคเต็มตัว
แล้วปัญหาซื้อ SinoVac เพิ่มเนี่ย มันอยู่นอกแผน
เพราะดันเกิดคลัสเตอร์เร็วกว่าที่คาด ก็ต้องซื้อมาปูพรมพื้นที่สีแดงตอนนี้ ต้องได้ของทันทีจะดีลกับยี่ห้ออื่น เขาก็ส่งของให้เราทันทีแบบ Sinovac ไม่ได้
(Availbility ไม่มี)
ทำไมเราถึงเป็นทั้งผู้ผลิตและนำเข้าวัคซีนไปพร้อมๆกันด้วยไม่ได้เหรอครับ?
คุณคิดว่าธุรกิจวัคซีนมันอ่อนแอขนาดพอนำเข้าปุ๊ปผู้ผลิตจะเจ๊งปั๊ปเลยเหรอ? ทั้งไทยและประเทศอื่นๆ ต่างก็มีสินค้าที่ทั้งผลิตและนำเข้าทั้งนั้น ก็ยังอยู่รอดกันได้ (ทั้งวัคซีนและสินค้าประเภทอื่นๆด้วย) ทำไมถึงคิดว่าวัคซีนถ้านำเข้าผู้ผลิตจะต้องเจ๊งแน่นอน?
ในปัจจุบันที่เราผลิตทั้ง AZ และนำเข้า SV มันทำให้ผู้ผลิต AZ จะเจ๊งงั้นเหรอ? ผมก็ไม่เห็นแบบนั้นเลยนะ
ก็จริงที่ถ้านำเข้าวัคซีนจนทุกคนได้วัคซีนกันหมด วัคซีนที่เราผลิตจะขายออกได้น้อยลง... แต่คุณจะบอกว่าชีวิตคนมีค่าน้อยกว่ารายได้ที่หายไปของบริษัทหนึ่ง งั้นเหรอครับ?
ผิดแผน? คนก็ออกมาพูดกันนักต่อนักตั้งแต่วางแผนแล้วว่าแผนมันมีความเสี่ยงมีช่องโหว่ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ไม่เตรียมการรับมืออะไร และความเสี่ยงที่ว่ามันก็เกิดขึ้นจริง มันไม่ใช่เหตุสุดวิสัยแต่มันเป็นความสัพเพล่าครับ และมันเป็นความสัพเพล่าที่เกี่ยวพันถึงชีวิตคนด้วย
บ้าบอดี เอารถ EV ซึ่งเป็นสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ไม่ตาย มาเทียบกับวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนบรรทัดบนบอกอยากเป็นผู้ผลิต เผื่อเชื้อกลายพันธุ์ปีหน้าก็ยังผลิตได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ต้องสั่งซื้อ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, J&J ตั้งแต่ปีที่แล้ว พอธนาธรวิจารณ์ว่าบริหารความเสี่ยงไม่เป็น เอื้อนายทุน ก็ไปยัด 112 ใส่เค้า ไงล่ะ ทุกวันนี้ยอดคนติด-ตายทำลายสถิติทุกวันแล้วนะ รู้ตัวหรือยัง
ผู้ผลิตเก็บคำพูดพวกนี้ไปบอกญาติผู้เสียชีวิตเถอะครับ
อยากให้ศึกษาเพิ่มจริง ๆ นะครับ
ที่บอกว่าเราผลิตได้เองเนี่ย เราเป็นแค่ผู้รับจ้างผลิตนะครับ ไม่ได้มีอำนาจในการขายแต่อย่างใด ต่อให้ผลิตในประเทศเราแต่เราก็ต้องขอ "ซื้อ" จาก AstraZeneca อีกทีนะครับ ถ้าเขาไม่ขายเราเพราะติดสัญญาขายกับที่อื่นอยู่ เราก็ทำอะไรไม่ได้นะครับ
เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย มีความสูญเสีย ผมว่ามันสำคัญกว่าการได้รับผลประโยชน์ know how เล็ก ๆ น้อย ๆ จากการเป็นผู้ผลิตนะครับ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเราจะได้ความรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน เพราะเรารับจ้างผลิตรถยนต์มาหลายสิบปีก็ยังไม่เห็นจะมีรถยนต์ยี่ห้อของตัวเองสักที ที่สำคัญทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อผลิตวัคซีน กับการสั่งซื้อวัคซีนมาฉีดเพื่อรักษาชีวิตคนในชาติ สองอย่างนี้มันทำไปพร้อมกันได้นะครับ
"งานด่วนมาก่อนงานใหญ่" เคยได้ยินวลีนี้ไหมครับ ?
That is the way things are.
+1 แถมต่อให้ผลิตวัคซีนได้ ไมได้หมายความจะมีความเป็นเจ้าของในวัคซีนที่ผลิตได้
.... แต่ว่า ... คลองโอ่งอ่างสวยมากเลยนะครัช
1) เราทำ Virus Vector ได้ เราจะทำยี่ห้ออื่นได้ เช่น Sputnikหรือแม้แต่อาจมี Virus Vector สูตรไทยเราเองก็ได้
2) สถานการณ์ปีที่แล้ว สั่งไปก็ส่งมอบกันกลางปีนี้ครับ
การซื้อเขา กับ เราผลิตเอง มันไม่เร็วไปกว่ากันเลย
จะ bid ราคาให้แพงสู้กับประเทศร่ำรวยก็ไม่คุ้ม
แถมเขาประเมินความเป็นไปได้ว่า
อาจมีการกันการส่งมอบวัคซีนจากประเทศต้นทางได้
การผลิตเองในประเทศจะเป็นการรับประกันว่าเราจะได้วัคซีนแน่ๆ
ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ทั้งจากฝั่งอเมริกาและอินเดีย
ที่มีการกันไว้ใช้ในประเทศตัวเองก่อน
จนหลายประเทศไม่ได้รับมอบตามกำหนดจนถึงตอนนี้เลย
ไม่คุ้ม? นี่ชีวิตคนนะครับ?
อีกอย่าง.. ไม่มีใครเลยที่ต่อต้านหรือขัดขวางเรื่องที่ไทยจะผลิตวัคซีนเองเพราะงั้นไม่ต้องอวยหัวชนฝาขนาดนั้นก็ได้ครับ ที่เขาถามกันคือทำไมถึงไม่เอาวัคซีนอื่นเข้ามาพร้อมๆกับผลิตไปด้วยต่างหาก
อ้อ.. มันไม่คุ้มสินะ.. เงินตรงนี้สำคัญกว่าชีวิตคนในชาติเนอะ
1) รู้ได้ยังไงว่าตัวไหนเวิร์คไม่เวิร์ค
2) สั่งพร้อมผลิตก็ได้เยอะกว่าอยู่ดีนะครับ นี่ก็ยังต้องสั่งด้วยอยู่นี่?
3) ผมว่าแทบไม่มีใครที่นี่บ่นว่าจะไม่ผลิตเองหรือค้านเรื่องผลิตเองนี่ครับ มีความรู้มาผลิตได้น่ะดีแล้วแต่ทำไมไม่สั่งตัวอื่นด้วย
ขอแจมนะครับ ผมอ่านทุกความเห็นของคุณแล้วมันตะหงิดตรงที่คุณพยายามยกความเห็นทางวิชาการมาเป็นชุดๆ ให้ดูแน่นในการโต้แย้งกับท่านอื่นๆ
แต่ทั้งหมดคุณเรียก "Viral vector" ว่า "Virus vector" ในทั้งหมดทุกความเห็นของคุณ (ดังนั้นจึงไม่ใช่การพิมพ์ผิดในบางครั้งคราวแน่นอน)ในแง่ความน่าเชื่อถือทางวิชาการแล้ว ความผิดพลาดตรงนี้สำคัญจนทำให้เหตุผลทางวิชาการที่คุณพยายามนำมาอ้างมันดูไร้น้ำหนักไปหมดเลยครับ
อารมณ์คล้ายๆ คนที่กำลังคุยเหมือนตัวเองรู้ดีเรื่องอาหารไทย แต่ดันเรียกโหระพาว่ากระเพราซะอย่างงั้นครับ
ทักท้วงด้วยความเคารพ!
คุณ iqsk131 พูดไปแล้วเรื่องชีวิตคนขอเรื่องเศรษฐศาสตร์บ้าง
คุ้มไม่คุ้มไม่ได้ดูที่เงินลงทุนอย่างเดียวครับ มันดูที่ ROI ด้วย จะซื้อมาราคารวม 5 แสนล้านก็ได้หากมันทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้
ไม่คุ้มจนเศรษฐกิจพัง กู้มาแจกไปเท่าไหร่แต่ไม่ได้แก้ปัญหา จะต้องกู้อีกเท่าไหร่ แล้วคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น?
อ้อ คำตอบของคุณคงไม่พ้นแบบเดิมๆสินะครับ เป็นความผิดประชาชน ไม่เชื่อฟังรัฐบาล ไม่ดูแลตัวเองให้ดี :)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อย่าลืมไปฉีด Sinovac เข็ม 3 นะครับ ฉีดแล้วน้องๆ Pfizer เลย
ปล. คลองโอ่งอ่างสวยมาเลยครัช
คุ้มไม่คุ้มนี่คุณตีมูลค่าอย่างไรครับ ?
เพื่อนสมาชิกท่านอื่นได้พูดถึงเรื่องคุณค่าของชีวิตมนุษย์และมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไปแล้ว ผมเองก็จะขอพูดถึงราคาวัคซีนบ้าง
ราคาของวัคซีนนั้นถูกกว่าค่ารักษาพยาบาลที่ต้องใช้กับผู้ป่วยโควิดคนหนึ่ง ๆ มากมายครับ ตอนนี้สปสช.ช่วยออกรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยโควิดฟรี ไม่ว่าจะรักษาที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนก็ตาม ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากนะครับ แพงกว่าราคาวัคซีนที่ราคาแค่หลักพันบาทแน่นอน
นี่ยังไม่นับว่าเรายังสั่งซื้อวัคซีนที่แพงที่สุดในโลกแต่ประสิทธิภาพต่ำที่สุดในโลกมาใช้เป็นวัคซีนหลักของประเทศด้วย
แบบนี้เรียกว่าคุ้ม ?
That is the way things are.
ทำไมไม่เอายี่ห้ออื่นเข้ามา?หลักๆคือ ประเทศต้นทาง กั๊กวัคซีนครับ
อเมริกานี่ เพิ่งเลิกห้ามส่งออกวัคซีนเมื่อเดือน พค. นี่เองhttps://www.brighttv.co.th/news/global/usa-export-vaccines
ยุโรป กับ อินเดีย ก็ด้วย
ตัวอย่างคนที่ซื้อแล้วไม่ได้ของคือไต้หวัน
bidแพง สั่งซื้อ+จ่ายเงินไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
ป่านนี้เพิ่งได้ของแค่ระดับแสนโดสเอง
การที่เราเลือกสร้างโรงงานเองแล้วได้วัคซีนพร้อมๆกัน ในจำนวนที่มากกว่า และถูกกว่า จึงถูกต้องแล้ว
ชีวิตจริงมันไม่เหมือนเกม
ที่อยากได้อะไร ก็กดเงิน/เพชร ลงไปแล้วมันจะเด้งขึ้นมาให้ทันที
โลกความจริงมันซับซ้อนกว่านั้นมาก
อาจจะซับซ้อนถึงขนาด "แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น" อะไรอย่างนี้ใช่มั้ยครับ
ทำเป็นว่าคนอื่นเป็นขงเบ้งหลังเกิดเรื่อง
แล้วคุณล่ะ รู้ได้ยังไงว่าถ้าเราสั่งไปประเทศต้นทางเขาจะกั๊กไม่ส่งให้เราแน่ๆ? หรือต่อให้เขาบอกว่าจะกั๊กแล้วรู้ได้ยังไงว่ามันจะมาช้ากว่าเราผลิตวัคซีนฉีดเองได้ครบทั่วประเทศแล้วแน่นอน?
แล้วอีกอย่าง คุณยกตัวอย่างไต้หวันที่เพิ่งได้วัคซีน แล้วประเทศอื่นๆที่เขาไม่ได้ผลิตเองล่ะเขาได้วัคซีนมาได้ไง คุณรู้ได้ไงว่าถ้าไทยสั่งไทยจะไม่มีทางได้เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้วัคซีนก่อนแน่ๆ?
แน่นอน ณ เวลานั้น ผมไม่รู้ ธนาธรไม่รู้ แทบทุกคนในกระทู้นี้ไม่รู้ เพราะโลกนี้มันซับซ้อนอย่างที่คุณว่า มันไม่มีอะไรแน่นอน เพราะงั้นหลายคนเขาถึงเรียกร้องให้ "กระจายความเสี่ยง" สร้างโรงงานไปด้วย สั่งวัคซีนจากหลายๆที่ไปด้วย นอกจากเสียเงินเยอะกว่ามันมีอะไรไม่ดีเหรอครับ? ชีวิตจริงไม่เหมือนเกมที่พอรู้อนาคตคุณจะย้อนเซฟไปเริ่มใหม่ได้นะครับ
คุณบอกว่า "การที่เราเลือกสร้างโรงงานเอง แล้วได้วัคซีนพร้อมๆกัน ในจำนวนที่มากกว่า และถูกกว่า" มันถูกต้อง
แล้ว "การที่เราเลือกสร้างโรงงานเองและนำเข้าวัคซีนด้วย แล้วได้วัคซีนพร้อมๆกันหรืออาจจะไวกว่า ในจำนวนที่มากยิ่งกว่าเดิม แต่เสียเงิน(ครั้งแรก)เยอะกว่า" มันแย่กว่าเหรอครับ??
ท้ายที่สุดนี้... ผมขอทวนคำถามที่พวกผมถามกันอีกรอบ ทำไมเราถึงไม่"สั่ง"วัคซีนเข้ามาครับ? ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องการสร้างโรงงาน (เพราะถึงสร้างก็สั่งวัคซีนได้) ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ประเทศอื่นกั๊กไม่กั๊ก (ถึงเขาจะกั๊กก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไปต่อคิวสั่งไม่ได้) และผมหวังว่าผมจะเห็นคำตอบอื่นนอกจาก "เงิน" นะครับ...
ถ้าสั่งมาเผื่อไว้ก่อน แล้วทุกเจ้าส่งทันเวลา เราก็ผลิตได้ตามแผน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เราก็มีไม่ได้เยอะ น่าจะมีวัคซีนหมดอายุแบบญี่ปุ่น,อิสราเอลจนต้องโละทิ้ง ก็จะโดนด่าอยู่ดีว่าเอาเงินไปลงกับวัคซีนเยอะเกิน ทำไมไม่เอามาเยียวยาประชาชน สรุปคือมันอยู่ที่การประเมินสถานการณ์ของผู้บริหาร จะเรียกว่าไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดก็ได้ เพราะไม่มีใครรู้อนาคต แต่ผู้บริหารชุดนี้คงมองโลกสวยไปหน่อย คิดว่าจะได้ตามแผนไปหมดทุกอย่าง
ไม่ว่าจะทำอะไร(หรือไม่ทำอะไร)ต่อให้มีเหตุผลดีแค่ไหน ยังไงก็หนีไม่พ้นโดนด่าไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว เพราะงั้นการโดนด่ามันจึงไม่ใช่เหตุผลที่จะทำหรือไม่ทำครับ มันอ้างไม่ขึ้น
แน่นอนว่าการกระทำทุกอย่างมีความเสี่ยง ซึ่งถ้าเป็นความเสี่ยงในธุรกิจทั่วๆไปมันก็ไม่มีถูกไม่มีผิดแล้วแต่ผู้บริหารในขณะนั้น แต่อย่าลืมว่าในเคสนี้ความเสี่ยงที่ว่าคือความเสี่ยงต่อ "ชีวิตคน" นะครับ
แต่ถ้าคุณมองว่าการเลือกเสี่ยงชีวิตคนแทนที่จะเสี่ยงกับเงินมันไม่ได้ผิดอะไร... ผมก็ยอมรับความคิดของคุณครับ แต่ผมกับคุณคงไม่สามารถสนทนาต่อได้ เพราะเราให้ความสำคัญของชีวิตคนไม่เท่ากันครับ
แล้วก็... ไม่ใช่ผมคนนึงครับที่จะด่าเรื่องนี้ เอาจริงๆถ้าสมมติเรามีวัคซีนเพียงพอและฉีดได้ตามเป้า ก็อาจจะไม่มีล๊อคดาวน์และธุรกิจก็อาจจะดำเนินต่อไปได้ปกติ อาจจะไม่จำเป็นต้องมีการเยียวยาด้วยซ้ำ
ทุกวันนี้ที่บุคลากรต้องรับภาระหนักคือภาระจากคนติดเชื้อครับ ไม่ใช่ภาระจากการไปฉีดวัคซีน ที่เค้าเรียกร้องเรื่องวัคซีนก็เพื่อแบ่งเบาภาระของบุคลากรหน้างานครับ ส่วนฝั่งที่ฉีดวัคซีนเค้าก็จัดการกันเป็นระบบๆไป ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรติดขัดนอกจากวัคซีนมาๆขาดๆอ่ะครับ
บุคลากรเราพร้อมครับ สถานที่เรามีเยอะแยะ จัดคนจัดที่รอฉีดมาตั้งนานแล้วครับตั้งแต่ยังไม่ส่งวัคซีนไปให้ฉีดเลย (ซื้อมาเก็บไว้ทำไมตั้งหลายเดือน) แถมยังของขาดตอนไปเต็มๆอยู่ช่วงนึงจำไม่ได้หรือครับ การกระจายวัคซีนทั่วประเทศก็แย่มาก มากระจุกอยู่แต่กรุงเทพหมด
แผนการฉีดวัคซีนมันมีรูปร่างอะไรมากกว่าการประกาศเป้าหมายที่ไม่มีขั้นตอนไหมล่ะครับ วัคซีนมันก็เหมือนยา มันมีวันหมดอายุ มันมีมาตรฐานการจัดเก็บ ซึ่งนั่นแปลว่ามันสามารถวางแผนได้ไงครับ และ "ชีวิต" ของคนในประเทศมันสำคัญกว่าเรื่องความคุ้มค่าของ "เงิน" มากนะครับ ประเทศที่คุณว่าเค้าให้ความสำคัญกับประชาชนไงเค้าถึงสั่งๆไปก่อน เผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาด
ไอ้ที่คุณว่าถ้าสั่งมาเหลือคนจะด่า คือคุณอาจจะมองว่ารบ.ทำอะไรก็ถูกด่า ใช่ครับ แล้วมันเรื่องปกติไหม? ในเมื่อคุณมีหน้าที่บริหารประเทศให้รอดในภาวะวิกฤติแบบนี้ ถ้าทำอะไรแล้วกลัวคนด่าก็ออกไปให้คนอื่นเค้าทำครับ ซึ่งดูจากร่างพรบ.ทั้งหลายแหล่ที่ทะยอยกันออกมานี่เค้าไม่น่าจะกลัวคนด่านะครับ
แล้วผมก็อยากจะรู้จริงๆว่าจะมีคนด่าสักกี่คน คุณแยกประเด็นได้เลยระหว่างเงินค่าวัคซีนกับเงินค่าเยียวยาประชาชน เพราะทุกวันนี้วัคซีนก็สั่งกะปริบกะปรอย แถมสั่งของแพง คุณภาพห่วย ในขณะที่ประชาชนก็ไม่ได้รับการเยียวยาอะไรอยู่ดีนี่ครับ ในเชิงเศรษฐศาสตร์มันอาจจะคุ้มกว่าก็ได้ถ้าคุณลงทุนกับวัคซีนตั้งแต่แรกแล้วไม่ต้องมีภาระกับการเยียวยามาก แต่แน่นอนว่าเค้าไม่คิด ไม่ได้หมายถึงเชิงเศรษฐศาสตร์ แต่หมายถึงภาระการเยียวยาประชาชน ไม่งั้นคงไม่ประกาศปิดร้านรัวๆแต่ไม่ประกาศล็อคดาวน์ (ไม่ต้องเยียวยา)
ที่พูดนี่ พอดีมีคนในครอบครัวเป็นพยาบาลอยู่ศูนย์ฉีดวัคซีนครับ เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์พร้อมทำงานมาตั้งแต่ระบบยังไม่มีอะไรเลย มีแต่คำสั่งและรูปอนุทินที่ไปเปิดงานน่ะครับ
ผมจะใช้ความพยายามกับคุณเป็นครัั้งสุดท้ายนะครับ
ลองดูตามความเป็นจริงนะครับ ณ ตอนนี้เข้าสู่เดือนกรกฎาคมแล้ว เราได้วัคซีน AstraZeneca เป็นจำนวนทั้งหมดกี่โดสครับ ตรงตามสัญญาที่รัฐทำไว้หรือไม่ (คงไม่มีใครรู้เพราะรัฐไม่ได้เปิดเผยสัญญา) ตรงกับคำคุยที่โฆษกและคนจากคณะรัฐบาลได้เคยพูดไว้ก่อนหน้าเมื่อต้นปีหรือไม่ ?
หรือว่าในความเป็นจริงเราได้วัคซีนจาก AstraZeneca น้อยกว่าที่คิดไว้ จนต้องหันไปสั่งนำเข้าวัคซีน Sinovac เป็นการด่วนด้วยจำนวนมากถึง 28 ล้านโดส ถึงตรงนี้ได้ลองคิดไหมครับว่าทำไมนำเข้า Sinovac ได้แต่นำเข้า Pfizer ไม่ได้ ?
แล้วก็เลิกยกตัวอย่างไต้หวันได้แล้วครับ ส่วนหนึ่งที่ไต้หวันได้วัคซีนช้าเพราะการเมืองระหว่างประเทศ ไต้หวันบอกว่าจีนมีส่วนในการกีดกันไม่ให้นำส่งวัคซีน Pfizer ให้กับไต้หวัน แต่แน่นอนว่าทางการจีนย่อมออกมาปฏิเสธ หากเลิกมองไต้หวันแล้วมามองประเทศใกล้ ๆ เราอย่างฟิลิปปินส์อินโดนีเซียดูบ้างครับ ว่าเขาได้ Pfizer กันไปบ้างกี่โดสแล้ว สั่งจองตั้งแต่เมื่อไร มีกำหนดการจัดส่งได้เมื่อไร จำนวนกี่โดส แล้วลองเทียบกับประเทศไทยดูครับ
Google ดูเองนะครับ ไม่น่าจะยากเกินความสามารถ
อีกเรื่องหนึ่งที่รู้สึกขัดใจนะครับ ผมว่าสมาชิกส่วนมากที่ Blognone รู้ดีครับว่าโลกมันซับซ้อน ไม่ต้องพิมพ์อะไรพูดจาเหมือนคนอื่นไม่รู้เรื่องรู้ราวเถอะครับ มันยกตนข่มท่าน และมันดูตลกมาก ๆ ครับเมื่อคนที่พูดประโยคเหล่านี้กลับเป็นคนที่ไม่สามารถแสดงข้อมูลเหตุผลตรรกะได้ดีเท่าไรในการถกเถียง คอยหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่ตัวเองตอบไม่ได้ตลอด
ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลอง Google อีกคำครับ "Cognitive Dissonance"
That is the way things are.
ย่อหน้าสุดท้ายนี่เหมือนด่าร้าบานเลยนะครับ
"ชีวิตจริงมันไม่เหมือนเกม
ที่อยากได้อะไร ก็กดเงิน/เพชร ลงไปแล้วมันจะเด้งขึ้นมาให้ทันที
โลกความจริงมันซับซ้อนกว่านั้นมาก"
ทุกคนในนี้ที่เค้าท้วง เหตุผลนึงก็ตามที่คุณว่ามานี่ไงครับ เรื่องผลิตนี่เค้าทักกันตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ใช่จะยึดว่าผลิตได้แล้วจบ มันซับซ้อนไงครับมันเลยต้องวางแผนให้มันรัดกุมที่สุด ไม่ใช่ "แทงม้าเต็ง" แล้วจบ ผมอ่านแล้วก็เหนื่อยแทน ไม่ใช่ว่าทุกคนเค้าไม่ฟังคุณนะ ที่เค้าพิมพ์ตอบกันยาวๆได้เพราะเค้าอ่านทำความเข้าใจคุณกันหมดนั่นแหละ แต่ความเห็นคุณมันไม่ valid เลย มันกลับไปกลับมา แถมมาทิ้งท้ายย้อนแย้งเข้าตัวเองอีกอ่ะ
ยอมรับได้แล้วว่ารบ.เค้าไม่ได้บริหารงานเพื่อประชาชน
ปัญหาคือ
การตัดสินว่า สธ./รบ. ผิดพลาด ด้วยข้อมูลของปีนี้
ทั้งๆที่ผลของปีนี้ คือ เกิดจากการตัดสินใจเมื่อปีที่แล้วที่มีข้อมูลจำกัด
ถ้ามองด้วยใจเป็นกลางซักนิด
ถ้าตัวเองเป็น รบ. ณ ปีที่แล้วที่มีข้อมูลแค่นั้น
มันก็ต้องตัดสินใจแบบนั้น คือ
หลีกเลี่ยง mRNA ที่ยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัย +
มีโรงงานผลิตได้น้อย เสี่ยงโดนกั๊กวัคซีน
แล้วเลือกจะตั้งโรงงานผลิตวัคซีนเอง
โดนใช้ เทคที่ดีที่สุดที่มีข้อมูลตอนนั่นคือ Viral Vector
จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือคือ Oxford ด้วยราคาที่ดีกว่าคือ AZ
ไม่ใช่ ปีที่แล้วเงียบเป็นเป่าสาก
พอเห็นข้อมูลปีนี้ว่า mRNA ดีกว่า
ก็ด่าว่า สธ./รบ.ตัดสินใจผิด
และตะแง้วจะให้ รบ.เอาเข้ามาให้ได้ "ทันที เดี๋ยวนี้"
ทั้งๆที่คิวการผลิต/ส่งมอบ mRNA เต็มยาวไปอย่างน้อยก็ปลายปี-ต้นปีหน้า
ไม่รวมความไม่พร้อมด้านตู้เย็นเก็บรักษา และ รถตู้เย็นขนส่ง ที่รองรับ -70c
อ่านๆด่าๆในเน็ตมันง่ายแต่การทำงานจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น
ผมขอถามคำถามเดิมอีกรอบ
"ทำไมต้องเลือก ทำไมไม่ทำทั้งหมด"
เกือบทุกคนในนี้มองว่านี่คือแผนที่ดีกว่าแผนที่รัฐบาลเลือก (ยกเว้นคุณ) และมันไม่ใช่แผนจากโลกอนาคต เพราะแผนนี้ประเทศอื่นๆเขาก็ทำกันก่อนไทยด้วยซ้ำ ในไทยก็มีคนถามมีคนเสนอมากมายว่าทำไมถึงไม่ใช่แผนนี้ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ บางคนโดนฟ้องปิดปากไปแล้วก็มี เงียบเป็นเป่าสากหรือคุณต่างหากที่อยู่แต่ในกะลา?
ครับ https://facebook.com/story.php?story_fbid=1429661880733006&id=364198967279308
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เอามาแบบนี้ก็ตอบไม่ถูกสิครับ กำลังจะแถว่าเป็นข่าวปลอม อนุทินก็ดันไม่เตี๊ยมกับเพื่อนไปยอมรับซะได้
รัฐเพิ่งแถลงแผนปลายปีคนก็เริ่มๆ บ่นกันแล้วนะครับว่าเริ่มช้า แล้วก็เริ่มบ่นว่าทำไมสั่งแค่เจ้าเดียว
Viral Vector ไม่ได้มี AZ เจ้าเดียวนะครับ
คิวส่งมอบ Sinovac ที่เห็นจะสั่งเพิ่มก็ของปีหน้าไม่ใช่เหรอครับ?
รู้ครับ และจริงๆ จะไม่โดนขนาดนี้เลยถ้าสร้างความเชื่อมั่นถูกวิธีกว่านี้
ว่าจะพิมพ์ แต่เจอคนพิมพ์ไว้แล้วTimeline การซื้อวัคซีนของประเทศต่างๆ คือ ประมาณนี้
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4200176763411636&id=100002580619414
พูดง่ายๆคือ แต่ละประเทศไม่ได้จะซื้อกว้านมาตั้งแต่ต้น
ทำไมแต่ละประเทศไม่เลือกทุกทาง?มันมีเรื่อง economy of scale ครับ
ปีที่แล้ว ถ้าดีลมันทุกยี่ห้อ ยี่ห้อละนิดละหน่อย จะต้องจ่ายแพงกว่า เผลอๆเค้าไม่ขายด้วย
นั่นคือ ถ้าตามข่าวมาตั้งแต่ต้น ไล่ Timeline ดีๆจะพบว่าแต่ละประเทศต้องเลือกแทงม้า เลือกวัคซีนหลักทั้งนั้น
แม้แต่อิสราเอลก็เลือก Pfizer โดดๆ
ซึ่งถ้าเกิด Pfizer มีอาการข้างเคียงจนต้องหยุดฉีดไป
รับรองต้องมีดิ้นหายี่ห้ออื่นกันตาเหลือก เพราะแทงม้าเต็งผิด
สรุปคือเวลารัฐบาลไทยจะซื้อวัคซีน เค้าใช้ข้อมูลเก่าเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว(july-dec)มาตัดสินใจ และเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดใช่ไหมครับ?
ผมจะได้รู้ไว้ว่าพวกผมโง่(ตาม url fb ที่คุณอ้างอิงมา) แต่สลิ่มอย่างพวกคุณนั้นแสนฉลาด :)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เป็นบทความที่จับแพะชนแกะและตีความเข้าข้างตัวเองมาก แต่เอาเถอะ เพื่อที่จะไม่เปลี่ยนเรื่องผมขอไม่พูดถึงเรื่องในบทความละกัน
และในบทความก็เห็นชัดเจนนะครับว่าประเทศเหล่านั้นเขามีแผนสำรองเสมอ ถึงแม้จะชวด AZ แต่เขาก็ไม่ได้หาวัคซีนตัวอื่นแค่ตัวเดียว เขาหาอีกหลายๆตัวจากหลายๆช่องทาง นั่นคือการกระจายความเสี่ยงที่เราเรียกร้องกัน (และเผลอๆเขาอาจจะดีลทุกตัวไปพร้อมกับ AZ ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ ไม่ได้เริ่มดิ้นรนหลังจากชวด AZ แบบที่ตีความกันไปเอง)
ใช่ วัคซีนวิจัยในโลกมันมีเยอะ เราไม่มีทางอุดหนุนทุกตัวได้ ยังไงเราก็ต้องเลือกม้าเต็ง แต่เราไม่ควรแทงม้าตัวเดียว เพราะนั่นมันความเสี่ยงสูงเกินไป และประเทศเหล่านั้นถึงเขาจะแทงม้าเต็งแต่เขาก็ดีลวัคซีนอื่นๆไว้ด้วย ไม่ได้แทงม้าตัวเดียว
"อิสราเอลเลือก Pfizer โดดๆถ้ามีผลข้างเคียงต้องมีดิ้นหายี่ห้ออื่นกันตาเหลือก เพราะแทงม้าเต็งผิด" คุณก็รู้นี่? แล้วคุณยังคิดว่าการเลือกแทงม้าเต็งตัวเดียวเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดอีกเหรอ?
ผมหละนึกถึงตอนสินามิ ที่มีหมอลงไป คนนีง แหละ ดังมาก โปรโมทคนดี หลงไหลได้ปลื้มไปเยอะพอมาเจอ GT 200 นี่ จบเลย
GT200 ตอนโดนเปิดโปงจังๆ นี่กลายเป็นตราบาปไปหลายคน โดยเฉพาะคนที่ยังปกป้องและยืนยันที่จะใช้มันอยู่ ทั้งที่มีผลการทดสอบแล้วว่าใช้งานไม่ได้ พอๆ กับแกว่งไม้หาแหล่งน้ำ และทำให้เกิดความมั่นใจที่ผิดอย่างร้ายแรงถึงชีวิตเลยนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
:)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขึ้นอยู่กับว่าเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ครับ :)
ผมถึงกับต้องเอาไปเซิชแล้วก็หัวเราะออกมา หึหึ
คำว่า "ทำตัวแย่" ของพวกเราคงมาตรฐานสูงไปสำหรับเค้ามั้งครับ