ปลายเดือนนี้กำลังจะมีหนังสือเล่มใหม่ Androids: The team that built the Android operating system( Amazon , Google Play ) เล่าประวัติของระบบปฏิบัติการ Android ในยุคแรกๆ ออกวางขาย หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Chet Haase หนึ่งในทีมวิศวกร Android ยุคถัดมาเล็กน้อย (เริ่มงานปี 2010) ที่อาศัยการสัมภาษณ์ข้อมูลทีมงานยุคแรกๆ มาสรุปเป็นหนังสือ
บางส่วนของหนังสือเล่มนี้ถูกนำมาเผยแพร่เพื่อโปรโมทหนังสือ ทำให้เราได้ทราบเรื่องราวของ Android ในปี 2005 ช่วงที่กำลังระดมทุน และสุดท้ายขายให้กูเกิล จนกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่เรารู้จักกันดี
ทีมงาน Android ในยุคแรกเริ่มเป็นทีมจากบริษัท Danger ที่ก่อตั้งในปี 1999 และพัฒนามือถือ T-Mobile Sidekick ออกขายในปี 2002 จากนั้นทีมงานหลักที่นำโดย Andy Rubin ก็ลาออกมาตั้งบริษัท Android ในปี 2003 ด้วยวิสัยทัศน์ว่าต้องการสร้างระบบปฏิบัติการมือถือ ที่โอเพนซอร์สและไม่ขึ้นกับโอเปอเรเตอร์รายใด
ในฐานะสตาร์ตอัพ บริษัท Android จำเป็นต้องระดมทุนจากนักลงทุน VC ซึ่งเริ่มกระบวนการนำเสนอ (pitching) ในช่วงต้นปี 2005 แต่ในช่วงเดียวกันนั้น ทีม Android ก็ได้รับการติดต่อจาก Larry Page ที่ชื่นชอบ T-Mobile Sidekick และทราบว่า Rubin กำลังพัฒนา OS ตัวใหม่ เลยอยากรับทราบว่า Rubin ทำอะไรอยู่บ้าง
ทีม Android พบกับกูเกิล 2 ครั้งในเดือนมกราคมและมีนาคม 2005 แต่ก็แค่นำเสนอความคิดและเดโมเท่านั้น จากนั้นทีม Android หันไปคุยกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนฝั่งเอเชีย เพื่อเสนอ OS ให้ใช้งาน โดยบินไปเกาหลีเพื่อเจอซัมซุง และไต้หวันเพื่อเจอ HTC
การพบปะกับซัมซุงได้เจอกับ K.T. Lee ประธานฝ่ายมือถือที่ชอบ Sidekick เช่นกัน และบอกว่าไม่อยากพลาดโอกาสนี้อีก เขาจึงสนับสนุน Android เต็มที่ แต่เมื่อทีม Android ไปพบกับผู้บริหารระดับรองๆ ลงมากว่า 10 คน ก็มีคำถามว่าทำไมทีม Android ถึงมีแค่ไม่กี่คน เพราะทีมพัฒนา OS ของซัมซุงมีคนมากถึง 300 คน พร้อมทั้งหัวเราะใส่ และบอกว่าทีม Android ฝันเฟื่องไปหรือเปล่า
สุดท้ายทีม Android ไม่ได้เซ็นสัญญากับซัมซุง แต่การพบปะครั้งนี้ทำให้มือถือ Android รุ่นแรกสุดมีโค้ดเนมว่า "Dream" (ภายหลังคือ T-Mobile G1) จากคำดูถูกของซัมซุงนั่นเอง
จากนั้น ทีม Android บินไปไต้หวันและได้เจอกับ Peter Chou ซีอีโอคนดังของ HTC (ในตอนนั้น) ที่ต้องการ exclusivity ให้ฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกทำโดย HTC รายเดียว ซึ่งแนวคิดนี้ขัดกับวิสัยทัศน์ของ Android ที่ต้องการให้เป็นระบบเปิด ถ้าผูกกับผู้ผลิตรายเดียวก็จะซ้ำรอย T-Mobile Sidekick อีก
เมื่อทีมงานกลับมาอเมริกา ก็นำเสนอผลงานต่อ VC ต่อและเริ่มมีคนสนใจ ตอนนั้นกูเกิลก็นัดพบขอคุยเป็นครั้งที่สาม ระหว่างที่ Rubin และทีมกำลังนำเสนอความคืบหน้าของทีม ก็โดนคนของกูเกิลขัดจังหวะ และบอกว่า "เราอยากซื้อพวกคุณ" (‘Let us interrupt you there. We just want to buy you.’)
ข้อเสนอของกูเกิลน่าสนใจ เพราะกูเกิลบอกว่าทีม Android จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการวิ่งหาเงินลงทุน มาอยู่กับกูเกิลแล้วมีเงินเหลือเฟือ กูเกิลสามารถใช้กำไรจาก search มาแบ่งให้กับโอเปอเรเตอร์เพื่อจูงใจให้ใช้ Android ได้ ทั้งสองฝ่ายเจรจากันอยู่หลายเดือน (โดย Larry Page มีส่วนร่วมโดยตรง) และจบด้วยทีมงาน Android กลายเป็นพนักงานกูเกิลในวันที่ 11 กรกฎาคม 2005
หลังจากนั้นไม่นาน Page พา Rubin มาแนะนำตัวกับทีมผู้บริหารภายในกูเกิล ซึ่งทีมก็โชว์เดโมไปตามปกติ แต่ตอนพูดถึงสไลด์หน้าที่เกี่ยวกับโมเดลการหาเงินของ Android ก็โดน Page ตัดบท แล้วบอกว่าอย่าเป็นห่วงเรื่องนั้นเลย ผมอยากให้พวกคุณสร้างโทรศัพท์ที่ดีที่สุด แล้วพวกเราจะจัดการเรื่องอื่นเอง
ที่มา - Ars Technica
Comments
คิดถึง htcใช้ nexus one เป็นandroid เครื่องแรกเลย
พารากราฟสุดท้ายนี้ มีพ่อรวยสบายเลยยยยย เงินไม่ต้องห่วงเดียวหาให้เอง
หากมีเงินมากพอก็ใช้เงินแก้ปัญหา เป็นวิธีการที่เสียเวลาน้อยสุดแล้วในการแก้ไขปัญหาจุกจิกโดยเฉพาะถ้าเป็นระดับบริหารเนี่ย ถ้านำเสนอแผนแก้ไขปัญหาต้องมาพร้อมกับแผนจัดการด้านการเงิน ถ้ามาแบบบอกผมเก่ง ผมแก้ไขได้ โดนปัดตกหมดแหล่ะ
น่าสนใจหนังสือเล่มนี้ สรุปได้ว่ามีพ่อแม่รวยจะมีลูกกี่คนก็ได้ เรียนๆไปเหอะ ไม่ต้องทำงานหาเงิน เดี๋ยวหาให้ใช้เอง
มันเป็นก้าวสำคัญไปซะหมดกว่าจะเป็น Android ในทุกวันนี้ได้
จำได้ว่า UI Android รุ่นแรกๆออกมาเพื่อสู้กับ Blackberry ตรงๆเลย จนกระทั่ง iPhone เปิดตัวเท่านั้นแหละ หน้าตา Android ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ฟ้องกันแม่กระทั่งฟีเจอร์ slide to unlock เนี้ยะ
จริงๆ ต้องบอกว่าหน้าตามันเหมือน Sidekick ครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับ Blackberry เลย
อยากรู้เลยว่าผู้บริหารซัมซุง 10 กว่าคนนั้นตอนนี้เป็นไงมั่ง
เชื่อว่าน่าจะรีบประชุมด่วน แล้วปล่อย Samsung Bada ออกมา สเป็คเท่ารุ่น galaxy แต่ยอมขายในราคาถูกกว่าแต่ก็ไปไม่รอดดดด
"ผู้บริหารระดับรองๆ ลงมากว่า 10 คน"
ต้องมีหลายคนที่พูดว่า... ถ้ารู้งี้นะ
ผมว่าตรงนั้นน่าจะอีโก้แหละประมาณว่าข้าก็ทำ ข้าก็รู้ เผลอๆ บางคนอาจจะไม่รู้จัก sidekick ด้วยมั้ง
ยิ่ง samsung os ยุคนั้นนี่ อย่างกาก
ยุคก่อนเริ่มแอนดรอยด์นี่ซัมซุงทำ Symbian ได้ค่อนข้างดีเลยนะครับ
lewcpe.com , @wasonliw
ผมลืมไปเลยว่า samsung เคยทำ symbian ด้วยภาพจำของผมนี่คือ feature phone ที่อัดฟีเจอร์มาเยอะมากๆ ตอนนั้นแฟนผมใช้อยู่
แต่ในแง่การตลาดสมัยนั้นก็สู้ Nokia ไม่ได้ด้วย ผมจำได้ว่าฟีเจอร์บางตัวก็ล็อกไว้กับ Nokia อย่างเดียว เหมือนกับ Pixel/Android สมัยนี้เลย
lewcpe.com , @wasonliw
ก็ต้องบอกว่าเพราะได้ google แหละถึงได้เกิด gmail gmap search youtube ถ้าไปในคนมือไม่ถึงก็ไม่เกิดแหละ
+1 เพราะก็นึกไม่ออกว่าถ้าไม่ได้กูเกิล หรือจับพลัดจับผลูไปอยู่กับซังซุง จะมาไกลเท่าทุกวันนี้ไหม
+1 จริง ๆ ถ้า Samsung สนใจซื้อไปตอนนั้น Samsung ก็ไม่ได้เกิดเหมือนตอนนี้เหมือนกัน เพราะคงทำเจ๊ง คิดถูกแล้วที่ปล่อยไป
นั่นสิ มันเกื้อหนุนกันพอดีอ่ะนะ
..: เรื่อยไป
ไปอยู่ซัมซุงคงไม่ได้เกิด
คนเกาหลีเรียนเก่ง แต่การทำธุรกิจก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น
มีบ้ง มีพลาด เห็นมาหลายเคสล่ะ
บางทีไปเห็นเด็กในทวิตก็อวยเกิ๊น
เกาหลีนี่ถ้าไม่นับศาล อาการหนักกว่าประเทศเราอีก
ยกตัวอย่างเป็นวิทยาทานหน่อยครับ
ที่เคยได้ยินมา ก็พวกมาเฟียที่แทรกอยู่ทุกวงการตั้งแต่ธุรกิจยันดารานักร้อง, คดีสะเทือนขวัญหลายๆ คดีที่ยังค้างคา, เรื่องเกี่ยวกับสินบนก็ไม่ใช่เล็กๆ อย่างอดีตลูกเจ้าของซัมซุงที่ติดคุกไป แต่ตอนนี้จะได้ออกมาเพราะซัมซุงว่าต้องการผู้บริหารที่มีวิสัยทรรศน์
ผมว่า อย่างน้อยเขาก็เอาคนผิด ไม่ว่าจะใหญ่โตมาจากไหน เข้าคุกได้นะครับ แต่ของไทยถ้าใหญ่ มีเส้น คุกนี่ไม่ได้เข้าหรอก ยกเว้นกันเป็นว่าเล่น
ถึงกับต้อง Log in เข้ามาตอบ คุณทำงานในกระบวนการยุติธรรมหรือเปล่าถึงกลัาพูดว่าคนใหญ่คนโตบ้านเรารอดคุกกันทุกคน ถ้าพูดแบบนี้ทำไมสรยุท ชูวิทย์ สนธิ บุญทรง ถึงไม่รอดคุก ใหญ่โตมาจากไหนถ้าพยานหลักฐานมันมัดตัวยังไงก็ต้องติดคุก ส่วนคดีที่คนมีเงินไม่ติดคุกนะคดีพวกประมาทเช่นขับรถชนคนตายแล้วยอมชดใช้ค่าเสียหายจนญาติผู้ตายไม่ติดใจเอาความศาลถึงจะพิจารณารอการลงโทษไม่ติดคุก ถ้าหลักฐานชัดเจนจนมาถึงชั้นศาลแล้วไม่มีหรอกที่จะรอดคุก
ผมขอยกตัวอย่างนะครับ เช่นการยกเว้นคดีคุณธรรมนัส กล้องวงจรปิดคดีบ่อนพระราม3 การออกหมายจับล่าช้าของคดีกระทิงแดง ผมเห็นแล้วรู้สึกหดหู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ครับ ส่วนคดีอื่นๆที่ท่านว่ามานั้นผมเห็นด้วยทุกประการครับว่า ถ้าหลักฐานชัดก็สามารถจับได้แน่ๆ แต่มันมีกระบวนการหาช่องว่างทางกฎหมายให้หลุดพ้น ที่บางคนยังใช้ประโยชน์จากตรงนี้ครับ
บ้านเราการตัดสินในชั้นศาลทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานครับ
และหลักฐานนั้น มาจากตำรวจสืบสวนที่จะรวบรวมหลักฐานที่หาได้ส่งให้ศาล
ถ้าอยากรอด ไม่ต้องเข้าหาศาลหรอกครับ ติดต่อตำรวจเลย
เพราะฉะนั้น การที่คุณไปกล่าวหาศาล หรือกระบวนการยุติธรรม มันไม่ตรงประเด็นครับ
ตามนี้เลยครับ ส่วนมากก็ดักกันที่ตำรวจ เริ่มจากร้อยเวร ไปผู้กำกับ ไปผู้การ ดักอีกชั้นก็ที่อัยการ
ส่วนหลายกรณีที่คนขัดใจคาใจคือศาลปกครอง มันเลยติดภาพจำมาว่าศาลไม่ยุติธรรม แต่มันคนละศาลกัน
สรยุท ชูวิทย์ สนธิ บุญทรง ใหญ่ตรงไหน?ระดับเบี้ยทั้งนั้น
ที่เกาหลี ก็กลุ่มทุน Chaebol เนี่ยละ แถบจะครอบครองเศรฐกิจประเทศ
อยากเห็น What if ถ้าไป Samsung เหมือนกัน
ทีมพัฒนา 300 คน แต่ OS ในตอนนั้นอย่างห่วยยุค Feature Phone ผมใช้ Samsung E800 แค่ลงแอพ .Jar ต่างๆ ที่ให้โหลดตามเน็ท
ใช้ไม่ได้เสียเป็นส่วนใหญ่ แอพเด้ง OS Reboot
พูดถึง htc ก็อดคิดถึง chacha ไม่ได้
เป็นโชคชะตาจริงๆ
ถ้าไม่ได้ Google ในวันนั้นจะเป็นอย่างไรในวันนี้ก็ไม่รู้นะ
แต่ดูจากทั้งสามบริษัท ยังไงอุดมการณ์ก็น่าจะเข้ากับรูปแบบของ Google มากที่สุด
นึกถึงถ้าไปนำเสนอแบบนั้นแล้วโดนหัวเราะ
คงอาจจะตัดฝันหลายๆ คนไปเลยก็ได้แฮ่ะ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ยุคแรกๆ ในไทย Motorola Milestone มาแบบออฟฟอเชียลก็โดนค่อนขอดว่าระบบปฎิบัติการไร้อนาคต เวลาโหลดกดแอปจากสโตร์ ติดมั่งไม่ติดมั่ง.
อืมหืมมม รุ่นนี้ในดวงใจ เล็งจะซื้อไม่ได้ซื้อ
พูดถึง HTC แล้วชอบทั้งงานออกแบบฮาร์ดแวร์อย่าง HTC Hero และ Sense UI ที่สวยงาม สุดท้ายไปไม่รอด
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
วัฒนธรรมของบริษัทเขาเลยนะนั่น ดูถูก เหยียดหยามคนอื่น สุดท้ายก็เหี้ยดีๆนี่เอง
ใจเย็นค๊าบบบ
Nobody:รู้อะไรไม่รู้รู้งี้Samsung:
แล้วก็ทำบาดามาแข่ง แล้วก็แพ้ แล้วก็เลยใช้แอนดรอยยาวๆ
สุดท้าย
google หารายได้จากการโฆษณาภายในแอพมีแอพที่เป็น Preload จากกูเกิ้ลทุกเครื่อง
ทำให้ google is everywhere โครตเก่งคิดได้ไง
แต่ตอนพูดถึงสไลด์หน้าที่เกี่ยวกับโมเดลการหาเงินของ Android ก็โดน Page ตัดบท แล้วบอกว่า
ใช้มาตั้งแต่ 2.2 ก็มาเรื่อย ๆ ไม่ได้ใช้ Honeycomb เพราะมันสำหรับ Tablet จนทุกวันนี้ Android 11 ก็ยังรักและชอบ Android เสมอมา จับ iOS แล้วมันก็ดีแหละ แต่ความเคยชินกับความอิสระ พอติดคุกแล้วไม่ชินจริง ๆ หรืออย่าง 2 ซิม กว่าพี่ไอจะมา หรือการโคลนแอพ ซึ่งค่อนข้างจำเป็นสำหรับนี่มาก ถ้าใช้ iPhone มันคือเครื่องเดียวไม่จบ แถมหน้าจออีก ฝั่งด๋อยได้ Amoled สวย ๆ เชิดหน้าชูตา บ้านโน้นก็อยู่กับ LCD มาอย่างยาวนาน ข่าวว่าตอนนี้จะโดน EU บีบให้ iPhone เปลี่ยนมาใช้ Type C อีก ก็คือ Fragment เพราะทุกวันนี้ซื้อด๋อยกี่เครื่อง พิจารณาเอา Type C คือจบ ใช้สายด้วยกันได้ นอกจากบางรุ่นที่ชาร์จพิเศษอย่างพวกมือถือจีน อันนั้นก็อีกเรื่อง แต่ยังไงก็ Type C
ไม่ว่าจะยังไง ก็ยังคงจะใช้ Android ต่อไปนั่นล่ะ สนุกกว่ากันเยอะ
ตอนนั้น ก็ไม่รุ้เหมือนกันะว่า จะเป็นยังไง จะเป็นแบบนี้ หรืออาจะไม่เป็น คาดการยาก ถ้าซัมซุงซื้อจะเป็นยังไงอีก
ตอนแรกนึกว่า Samsung Bada จะเกิด แต่สุดท้ายก็ดับ
ตอนนั้นก็ว้าวมากนะ แต่การพัฒนาช้ามาก ตอนนี้เข้าใจแล้ว คงเพราะใช้คน 300 คนนั่นแหละ
เคยอ่านเจอในหนังสือ อีกเหตผลคือกลัวMicrosoftเป็นผู้นำOSบนมือถือแล้วพรีโหลดBing จะทำให้เสียส่วนแบ่งตลาดSearchเหมือนที่MSเคยทำได้กับIE คือแอนดรอยด์เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากจริงๆ
LMD และ Android จะครองโลก