Jim Ryan ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sony Interactive Entertainment ประกาศระหว่างการประชุมกับผู้ถือหุ้นว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจเกม PC ในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023 กว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปีงบประมาณที่พึ่งจบไปทำได้ 80 ล้านดอลลาร์
การเติบโตมากขนาดนี้มาจากความจริงจังในการทำตลาดเกม PC ตั้งแต่ปี 2020 เช่น เกม Horizon: Zero Dawn, Days Gone และ God of War นอกจากนี้การซื้อกิจการ Bungie ค่ายผู้พัฒนาเกม Destiny 2 ที่ดีลจะเสร็จสิ้นภายในปี 2022 ยังช่วยเพิ่มยอดขายจากธุรกิจเกม PC เช่นกัน
Sony ตั้งเป้าว่า ภายในปี 2025 เกมที่เปิดตัวจะให้บริการบนคอมพิวเตอร์ในสัดส่วน 30% จากแพลตฟอร์มทั้งหมด โดยที่เหลือจะแบ่งเป็น PlayStation 5 50% และอีก 20% เป็นเกมบนโทรศัพท์มือถือ โดยเกมของ Sony ที่จะเปิดตัวบนคอมพิวเตอร์หลังจากนี้มี Uncharted: Legacy of Thieves Collection แต่ยังไม่แจ้งวันจำหน่าย
สำหรับการรุกตลาดเกมบนโทรศัพท์มือถือ Sony เตรียมนำลิขสิทธิ์เกมต่าง ๆ ในมือไปร่วมพัฒนากับบริษัทชั้นนำของตลาดนี้ ทั้งส่งเสริมให้ค่ายพัฒนาเกมในเครือหันมาออกแบบเกมบนโทรศัพท์มือถือ และสร้างทีมจัดจำหน่ายที่มีคุณภาพคู่ขนานไปกับการพัฒนาเกมด้วย
อ้างอิง // Sony
Comments
ความฉลาดเดียวกับmihoyo
The Last Wizard Of Century.
Nintendo ลง PC เมื่อไร เดี๋ยวผมเหมาให้สัก 10 เกม
"เราจะได้เลิกทำ Console ซะที" -- จิม ไม่ได้กล่าวไว้
จริงๆแอบแปลกใจทำไม sony ไม่ทำอุปกรณ์ gaming ฝั่ง pc มาขาย ทั้งที่มีทั้งแบรนด์ ทั้งประสบการณ์ แถมมีสาวกพร้อมจ่าย
น่าจะกลัวเหมือนมือถือ ความคิดผมนะหรือไม่ก็คิดว่าทำแล้วอาจไม่คุ้ม
ถ้าอิงจากแนวทางการพัฒนาและทำตลาด Xperia ผมว่าไม่ทำน่ะดีแล้วครับ
คิดว่าต้นทุนการพัฒนาเกมมันสูงขึ้นมากจนยอดขายจากแพลตฟอร์มเดียวไม่สูงพอโคฟเวอร์ต้นทุนของค่ายเกมครับ ถ้าผู้ผลิตลดคุณภาพลงก็ไม่ส่งผลดีต่อ ecosystem อีก
Sony ถอยออกจากตลาดพีซีนานมากแล้วครับ ถ้าจะกลับไปก็ต้องเริ่มใหม่
ผมหมายถึง Vaio ที่แยกออกไปเป็นบริษัทเดี่ยว ๆ น่ะนะ (ไม่ใช่ SCE)
ถ้า PS5 ไม่ถูกจริงๆ ก็คงไม่ซื้อละรอไปเล่นบน PC
แล้วจะเหลือเหตุผลอะไรให้ตรูซื้อ ps5 :D
ตรงที่ไม่ต้องมาคอยอัพบ่อยๆ กับความทนทานมั้ง
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ข้อแรก สเปกของ PS5 (หรือ Xbox) คือ Custom Zen 2 + Custom RDNA 2ซึ่งหาซื้อพีซีสเปกเดียวกัน (หรือดีกว่าคือเป็น Zen 3/Zen 4) ในท้องตลาดได้สบาย
หากซื้อพีซีสเปกใกล้เคียงกัน แล้วระยะเวลาตามรอบคอนโซล 7 ปี ไม่อัพเกรดใดๆ เหมือนกัน มันก็ต้องได้ผลเหมือนกันหรือเปล่าครับ?
เทียบตรงๆแบบนั้นไม่ได้ pc layerเยอะกว่า
The Last Wizard Of Century.
ผมมองว่าต่อให้ spec เดียวกันกับบน PC แต่ OS ข้างในมันไม่เหมือนกันตรงที่ ของ PlayStation ออกแบบมาสำหรับเน้นเล่นเกมและดูหนังฟังเพลงโดยเฉพาะเลย มี Multitask บ้างเล็กน้อย เน้นใส่แผ่นเกมหรือโหลดเกมจาก PlayStation Store เล่นได้ทันที รีดสมรรถนะจากเครื่องเล่นได้ตรงๆ ต่อให้มีอัพเดตมา เกมที่ลงก็ยังเล่นได้โดยแทบจะที่ไม่มีผลกระทบในเรื่องประสิทธิภาพของเกมเลย
ส่วนฝั่ง PC มันต้องออกแบบ OS ให้ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันนอกจากเล่นเกม และพอกับมีอัพเดตของ OS ด้วย ก็มีผลกับสมรรถนะของเกม แล้วยังต้องลง Launcher หรือโปรแกรมอื่นๆ เพิ่มเพื่อให้เล่นเกมได้ แล้วกรณีที่อัพ OS เป็น Windows 11 แล้วทำให้สสมรรถนะในการเล่นเกมแย่ลงก็มีผลเช่นกันครับ
อีกอย่างก็คือตัวเครื่องเล่นมาพร้อมกับ CPU, GPU, SSD และส่วนประกอบอื่นๆ มาครบในราคาที่ถูกกว่า PC พอสสมควร เสัยบปลั๊กกับจอ ต่อ Controller พร้อมเล่นเลย แล้วเวลาประกอบ PC ก็ต้องเสียเวลาหาซื้ออะไหล่แต่ละชุดมาประกอบอีก หรือให้ร้านจัดสเป็คให้ก็ยังแพงกว่าเครื่องเล่นอยู่ดีครับ ถ้าไม่มีการโก่งราคาเครื่องเล่นนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จริงผมว่าความแรง PC , Console ที่สเป็คพอกัน ไม่หนีกันมากแบบก้าวกระโดด ปกติที่เทียบกันก็เทียบไม่ได้ตรงๆ ด้วย สเป็คไม่เท่ากันขนาดนั้น
แต่จริงๆ ความดีงามของ console ผมว่าคือคนทำเกมเขา Optimize เกมมาให้เล่นได้ดี ลด texture ลดการ compute ลดนุ่นนี่ จนได้่ 30 FPS ตลอดหรือ 60 FPS นิ่งๆ งี้ ส่วนคอม แล้วแต่เราปรับ Frame Rate วิ่งขึ้นๆ ลงๆ หรือบางเกมออก version คอมอัพเดตยัดเพิ่มมีปัญหากิน resource เพิ่มอีก
เห็นด้วยสุดคือจุดนี้ครับ เรื่อง hardware กับ os ผมว่ามันสร้างความต่างไม่ถึง 5% หรอก แต่ที่ต่างคือการ optimize เพราะ ps5 มีสเปคเดียว นักพัฒนาสามารถปรับเกมให้เหมาะสมเพื่อความลื่นไหลได้
สมัยก่อนเว็บหลายๆแห่งก็ทดสอบ 4k เครื่อง console ก็พบว่ามัน upscale หลากตาทั้งนั่น ไม่ได้รันแบบ nativeหรือบางเกมรันแบบ native แต่ texture คอนโซล ดูเบลอกว่า ทั้งๆที่ปรับ option เท่ากันกับ pc เหมือนกับว่าใช้คนละ texture
เรื่องซอฟต์แวร์สมัยนี้มันไม่ได้ต่างกันมากแล้ว ตัว OS ของ Console ตอนนี้ก็ต้อง Multitask ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า PC ธรรมดาเลย อาจได้เปรียบบ้างตอนที่เล่นเกมแล้วมัน(ฝืน) Optimise ระหว่างทางได้ ซึ่ง PC มันก็ทำได้เหมือนกันด้วย OS ที่ออกแบบมาเฉพาะทาง เช่น การติดตั้ง Steam Deck OS บนฮาร์ดแวร์ AMD APU ก็ได้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้เหมือนกับ Steam Deck หรือ Console
ตอนนี้ที่ Console ได้เปรียบคือราคาที่เข้าถึงได้(?)มากกว่าฝั่ง PC ด้วย Mass Production และฮาร์ดแวร์แบบเดียวกัน(?)ตลอด Generation ของเครื่องนั้น รวมไปถึงการันตีคุณภาพเกม(?)จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เองด้วย
PC สเปกที่ใกล้เคียง ผมว่าเล่นเกมยังไงก็ยังห่างชั้นกันเรื่องความสวยงามนะครับ ต้องอัพสเปกขึ้นไปหน่อย
และราคา(ที่ไม่ใช่รีเซลเลอ) เทียบกับ PC (ในโลกอุดมคติ MSRP) ที่ราคาเท่ากัน ณ ผมว่าตอนนี้ก็ยังหาเทียบยากอยู่นะครับ ประสิทธิภาพต่อราคา PS5 ก็ยังดีกว่า
CPU 3300x 4500THB
M/B ต่ำ ๆ 1500 THB
Ram 8GB 800 THB
Case 500 THB
SSD 500 GB 2000 THB
GPU 5700 xt / RTX3060 ประมาณ 12,000 THB
PS5 controller 2000
Total 23300 (แบบลงวินโดวเถื่อน)
ราคานี้ก็พอๆ กับราคาพ่อค้ารีเซล PS5 เลยแหละครับ (แถมการ์ดจอจริง ๆ ตอนนี้หาราคา 12000 ก็ไม่ได้เหมือนกัน)
เพราะฉะนั้น ถ้าซื้อมาเล่นเกมอย่างเดียว PS5 ก็ยังลงทุนน้อยกว่า ทั้งตอนนี้หรือราคาปกติ
ต่างกันที่ OS ครับคุณ ของฝั่ง PS มันไม่ได้ทำอะไรหลายอย่างเท่า PC แถมยังต้องมาอุดช่องโหว่ทาง Hardware อีก
ถ้าคุณใช้ mac แล้วไม่อยากประกอบ pc เล่นเกม
เป็นสิ่งที่ดี แต่ผมว่าแล้ววันนึง Sony ต้องโดนบีบถ้า Microsoft จริงจัง แล้วก็จริงๆเจอ MS เอาจริงเอาจังด้านเกม วางแผนใหม่เดินเกมแรงจัดจน Sony ต้องเดินตามไม่งั้นตายแน่ ๆ ฮ่า ๆ