Bloomberg มีสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับเกม EA Sports FC 24 ซึ่งเป็นการรีแบรนด์ครั้งสำคัญของ EA จากชื่อเกม FIFA เดิม สกู๊ปนี้สัมภาษณ์ผู้บริหารของ EA หลายราย รวมถึงซีอีโอ Andrew Wilson ทำให้เราได้ข้อมูลเชิงลึกของเกมเพิ่มเติม ดังนี้
- ยอดขายรวมของซีรีส์ FIFA คือ 375 ล้านชุด ซึ่งเยอะกว่า Minecraft หรือ The Sims ซะอีก
- นักวิเคราะห์ประเมินตัวเลขที่ EA ต้องจ่ายให้ FIFA คือปีละ 160 ล้านดอลลาร์ (ไม่มีการยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการ)
- เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนชื่อเกม นอกจาก FIFA เรียกเงินเพิ่มแล้ว สัญญาเดิมยังมีเงื่อนไขว่า EA ไม่สามารถดัดแปลงเกมได้มากนัก การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องส่ง FIFA ตรวจก่อน ใช้เวลาอนุมัติ 6 สัปดาห์ ทำให้กระบวนการพัฒนาล่าช้า
- เดือนตุลาคม 2021 EA ออกข่าวว่าอาจเปลี่ยนชื่อ เพื่อกดดัน FIFA ในการเจรจาต่อสัญญา แต่สุดท้ายไม่สำเร็จ การตัดสินใจรีแบรนด์จริงๆ เกิดขึ้นต้นปี 2022
- อีกชื่อที่โผล่ขึ้นมาในตัวเลือกของ EA คือ Copa ซึ่งแปลว่า "cup" ในภาษาสเปน แต่สุดท้ายเลือกชื่อ FC
- พนักงาน EA จำนวนมากยังเรียกชื่อเกม FIFA กันติดปากอยู่ ซึ่งโปรดิวเซอร์ของซีรีส์บอกว่า เกือบถึงขั้นต้องมีขวดโหลเก็บเงินค่าปรับ (swear jar) คนที่หลุดชื่อ FIFA แล้ว
- ข้อดีอีกอย่างของการรีแบรนด์คือ EA สามารถเซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์กับ Nike ได้แล้ว (ดูภาพประกอบ) เพราะ FIFA มีสัญญาสปอนเซอร์กับ Adidas ขวางเอาไว้
- ข้อเสียของการไม่มีชื่อ FIFA คือไม่สามารถใส่ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกเข้ามาในเกมได้อีกแล้ว ซึ่งจะมีผลสำคัญในปี 2026 ที่มีฟุตบอลโลกครั้งหน้า
บทความยังมีลำดับเหตุการณ์สำคัญของซีรีส์ FIFA ดังนี้
- 1993 - ออกเกมภาคแรก FIFA International Soccer ที่ยังไม่มีชื่อนักเตะจริงๆ ด้วยซ้ำ
- 1996 - เริ่มใช้เทคโนโลยี motion capture จับความเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลจริงๆ โดยโมเดลคนแรกคือ David Ginola
- 2000s - การแข่งขันกับซีรีส์ Winning Eleven / Pro Evolution Soccer ของ Konami ทำให้ EA กลัวเสียสิทธิการใช้ชื่อ FIFA ให้กับ Konami จึงต้องเซ็นสัญญาเพื่ออยู่กับ FIFA ต่อไป และเซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอล นักฟุตบอล เพื่อป้องกันไม่ให้ Konami ใช้งานได้
- 2009 - ค้นพบโมเดลการทำรายได้แบบใหม่ FIFA Ultimate Team ที่ได้แรงบันดาลใจจากสติ๊กเกอร์นักฟุตบอลของบริษัท Panini
- 2016 - รายได้จาก FUT แซงหน้ารายได้จากการขายเกมหลัก
- 2021 - รายได้จาก FUT แตะ 1.6 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ EA แยกตัวเลขส่วนนี้ออกมาให้ดู (หลังจากนั้นน่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก)
- 2023 - ของใหม่ใน EA Sports FC 24 คือระบบโมเดลเสื้อผ้าแบบใหม่ที่สมจริงกว่าเดิมมาก ของเดิมเป็นแค่เท็กซ์เจอร์แข็งๆ ที่แปะไว้รอบโมเดลนักเตะ และ HyperMotion V ที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของนักเตะชื่อดัง ได้ท่าใหม่ๆ ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการแข่งขันจริง
ที่มา - Bloomberg
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
ขอบคุณครับที่สรุปมาให้ Bloomberg ติด paywall T_T
ถ้าต้องเสีย 160 ล้านบาททุกปี เท่ากับว่าต้องขายเกมให้ได้ 2 ล้านกว่าชุดในแต่ละปีเพื่อให้ไปจ่ายต้นทุนส่วนนี้ ไหนจะค่าลิขสิทธิ์ที่ต้องจ่ายให้สโมสรกับทัวร์นาเมนต์ต่างๆ อีก ปล. แต่ขายแพ็คน่าจะได้กำไรเยอะอยู่แล้ว
คิดว่าน่าจะเป็น % หมายความว่า ถ้าขายได้เยอะก็โดนหนักกว่านี้อีก
ว่าไป การเสียสิทธิ์ ฟุตบอลโลก นี่มีผลเสียไงหว่า? งี้สามารถใช้ชื่ออื่นได้มะ?ปล. Search คำว่า fifa แล้ว ea fc ขึ้นก่อน แบบไม่ ad ด้วยนี่โหดจริง
ปล.2 งี้ fifa ไม่โดน eu เล่นงานมั่ง
ดอลลาร์ครับไม่ใช่บาท ถ้าเป็นบาทนี่ EA คงซื้อรวด 30 ปีไปเลย
แอบคิดเล่นๆว่าทัวร์นาเมนต์กีฬาที่มีลงแข่งในนามทีมชาติ เช่น FIFA World Cup อาจจะต้องมีกฏห้ามขายลิขสิทธิ์แบบ Exclusive ต้องขายให้หลายๆเจ้าได้
เพราะทัวร์นาเมนต์เหล่านี้ถือได้สิทธิพิเศษในการใช้นามทีมชาติที่ถือว่าเป็นชื่อ public ที่ได้รับความสนใจเยอะจากประชาชนของชาตินั้นๆ ความต้องการเข้าถึงชื่อหรือ event เหล่านี้ก็ย่อมเยอะตามไปด้วย พอขายลิขสิทธิเป็นแบบ exclusive ได้ ราคามันก็เลยวิ่งขึ้นไปแบบไม่ค่อยสมเหตุสมผล (อันนี้อ้างอิงได้จากมูลค่าการถ่ายทอดสดทางทีวีด้วย)
..: เรื่อยไป
EA Sports
ไม่ชอบชื่อเลย มันแปลกๆ
ผมว่าถ้าในบทความนี้ ก็ยังดีกว่า Copa นะครับ 😅
ใช่เลย เพิ่งอ๋อตอนนี้ว่านักเตะมันวิ่งเหมือนใคร ชิโนลาวิ่งกันทั่วสนาม
น่าคิดว่าถ้าโคนามิได้ไป เราคงได้เล่นสุดยอดเกมบอลในยุค 2000s
Marketing เค้าดีนะ
ทีแรกเห็นชื่อใหม่นึกว่าจะ drop ลงเยอะ แต่กระแสทั้งไทยทั้งเทศก็แรงอยู่ดี
คู่แข่งโดยตรงไม่มีแล้วด้วยแหละ
ถ้าเปลี่ยนชื่อจากฟุตบอลโลกเป็นรายการใหม่
แล้วไปซื้อชื่อประเทศที่ผ่านเข้ารอบบอลโลก
จะโดนฟ้องมั้ยครับ
*น่าจะเพิ่มรายการ รอบคัดเลือกบอลโลกด้วย
แต่ใช้ชื่ออื่นแทน