นอกจาก Lenovo ThinkCenter neo 50q QC ที่เป็นมินิพีซีพลัง Snapdragon X สำหรับภาคธุรกิจแล้ว Lenovo ยังมีมินิพีซีพลัง Snapdragon X ลักษณะคล้ายๆ กันสำหรับตลาดคอนซูเมอร์ ชื่อว่า Lenovo IdeaCentre Mini xเปิดตัวมาพร้อมกัน
- ซีพียู Snapdragon X หรือ X Plus รุ่น 8 คอร์ มี NPU 45 TOPS นับเป็น Copilot+ PC
- แรมสูงสุด 32GB LPDDR5x
- สตอเรจสูงสุด 1TB
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน LAN, USB x4, USB Type-C x2, HDMI 2.1, DisplayPort 1.4a
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
สินค้าเริ่มขายเดือนเมษายน 2025 ราคาเริ่มต้น 659.99 ดอลลาร์
ที่มา - Lenovo
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
ราคาขนาดนี้ไปซื้อ mac mini M4 ดีกว่า
คงแพงเพราะ SoC มังกรน้อยอย่างเดียวเลย 😅
M4 มันลงวินโดวส์ไม่ได้เนี่ยสิครับ แบบ Native
จริงครับ แถมนึกว่าจะเป็นชิป Snapdragon X Elite ซะอีก มาแค่ Snapdragon X Plus
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
เค้าอาจจะใช้ windows
Windows Home ก็เอามาใช้ตามบ้าน user ทั่วไป นั่งเล่นเน็ท ทำเอกสารเบาๆ เล่นเกม?! ถ้าใช้หลากหลาย ไป Mac แหละราคาเริ่มต้นพอกัน สเป็คคงไม่หนีกันมากละแค่ SSD วินโดส์คงเริ่มต้นเยอะกว่า proof มาหลายรุ่น ARM ของ Apple ใช้ได้หลากหลายงานแน่นอน ของวินโดส์โปรแกรมยากๆ ที่เหมือนใช้ driver แปลกๆ ใช้บน Windows ARM ไม่ได้เลย
Laptop ยังมีจุดขายด้าน Battery Lifeแต่พอมาเป็น MiniPC, PC, All-in-One, Desktop พวกนี้คือมอง Use case ไม่ออกจริงๆ ทำไมถึงต้องการ Windows on Arm ทั้งๆ ที่ความแรง การกินไฟ ราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก แต่อาจไม่รองรับบางโปรแกรม อาจต่อเครื่องปริ้นไม่ได้?
ถ้าจะใช้ทั่วไป เปิดเว็บ เอกสารพื้นฐานก็ใช้ NUC, Mac, หรือ Android ก็ยังได้
ค่า TDP ด้วยแหล่ะ ประสิทธิภาพการประมวลผลที่พอกัน แต่ร้อนน้อยกว่า x86รันงานหนักหน่อยในห้องแอร์ยังรู้สึกอุ่นขึ้นได้เลย จนมีเรื่องขำขันเล่ากันว่า "ถ้าอยู่เมืองหนาวก็ไม่ต้องเปิดฮีทเตอร์หรอก เปิดคอมรันงานทิ้งไว้ห้องก็อุ่นขึ้นแล้ว" 🤣
แต่ไม่แน่นะ... ถ้า x86 ที่ถอดชุดคำสั่ง 32-bit ลงไปให้เหลือแต่ 64-bit (เขาเรียกว่า x86S ใช่ไหมหว่า?) แบบ ARM64 อาจจะทำให้ค่า TDP ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ(มั้ง)
ส่วนเรื่องราคา คงต้องรอคู่แข่งเข้ามาแย่งชิงเค้กจากมังกรน้อย เช่น mediatek, hisilicon, ampere ถึงจะมีราคาที่ถูกลงเหมือนกับ intel vs amd
ถ้า MS ผูกติดแต่กับ x86 อย่างเดียว เกิดฝั่ง ARM บูมจน x86 สู้ไม่ไหว MS ก็อยู่ยากเหมือนกันนะ ต้องมีแผนสำรองสำหรับเปลี่ยนผ่านบ้างล่ะ
เรื่องโปรแกรม เราเชื่อว่าโปรแกรมทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการชุดคำสั่งพิเศษที่มีเฉพาะใน x86 เท่านั้น มันจะรองรับเหมือนกับช่วง x86 WoW ที่ให้โปรแกรม 32-bit ทำงานบน 64-bit ได้ ซึ่ง MS ก็พิสูจน์มาตั้งแต่ WindowsRT ว่ามันเอาโปรแกรม x86 32-bit ทำให้รันบน ARM ได้(แบบกระท่อนกระแท่น) และพัฒนามาเรื่อยๆจนรันกับโปรแกรม x86 64-bit บน ARM ได้จนเกือบสมบูรณ์ในปัจจุบัน
สุดท้ายกับเรื่อง Driver... ตอน Windows เปลี่ยนผ่านจาก 32-bit เป็น 64-bit ก็วุ่นวายพอสมควร ที่เราเจอก็ Driver ของ Palm, Canon Printer, Epson Scanner, Creative SoundCard บางรุ่นมันไม่ทำสำหรับ 64-bit ออกมา สุดท้ายก็ต้องซื้อเครื่องใหม่ที่มันมี 64-bit Driver จากผู้ผลิต ส่วนของเดิมก็เอาไปใช้กับ 64-bit Linux ที่มี Open-Source Driver เอา พอถูๆไถๆไปได้ บ้างก็ Hardcore รัน VM Windows 32-bit ให้ Direct IO ไปที่ USB/COM/Palallel ให้มันใช้กับอุปกรณ์เก่าได้ก็ยังมี 😂
ปล. ตอนใช้ Windows XP Pro x64 กับ AMD Athlon 64 ตอนนั้นนรกแตกมาก 64-Bit จ๋าแบบไม่มี WoW นี่แทบร้องไห้ 😭
NUC ก็มีพวกที่ใช้ LunarLake หรือ Core Ultra เหมือนกันครับhttps://www.blognone.com/node/143776
ดังนั้นเรื่องที่ว่าความร้อน TDP หรือกินไฟมันไม่ใช่แบบ Desktop ที่จะรันงานหนักหน่วงจนร้อนขนาดนั้น
อ้าว ก็เห็นยกประโยคนี้ขึ้นมา เหมารวมหมดเลย เราเลยยกประเด็น TDP, WoW, Price และ Driver ขึ้นมาไง รึเราเข้าใจอะไรผิด 🥺
"แต่พอมาเป็น MiniPC, PC, All-in-One, Desktop พวกนี้คือมอง Use case ไม่ออกจริงๆ ทำไมถึงต้องการ Windows on Arm ทั้งๆ ที่ความแรง การกินไฟ ราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก แต่อาจไม่รองรับบางโปรแกรม อาจต่อเครื่องปริ้นไม่ได้?"
ผมว่าสมัยนี้มันต่างกันตรง Microsoft เหมือนต้องเดินสองทางพร้อมกัน x86 กับ ARM ไม่เหมือน Apple ไปทางเดียวทุกคนต้องพัฒนาบน Apple Silicon กันหมด ไม่กี่ปีก็จบนิ่งๆ เปลี่ยนผ่าน
วินโดส์ต้องเลี้ยงสองทาง user โหลดโปรแกรมก็ต้องแยกแบบ ไม่รู้ต้องแยกอีกอีกนาน มานั่งดู x86 หรือ ARM อีก ประสิทธิภาพมันคงต่างกันเยอะด้วย แล้วท้ายสุดที่ผมบ่นเอง ARM Windows เครื่องมันไม่บางได้เท่า iPad เลยครับ หนักไปไหนไม่รู้จะเอาทำเป็นเครื่อง 2 พกพาแบบ iPad ไม่ได้อีกอยู่ดี กินแบตกว่าด้วยถึงจะ ARM แล้ว
ผมขอเห็นต่างนะ ผมว่า ARM Windows ในระยะยาวหาก Software พร้อม และมีผลิตจำนวนมาก จนมีต้นทุนที่ถูกลงในระดับที่คนทั่วไปเข้าถึงได้อาจเกิดได้นะ มันมีตลาดนึงซ่อนอยู่แต่ยังหาที่ลงไม่ได้ คือ AI Thin Client ที่ต้องการเครื่องนึงที่ราคาไม่สูงมาก ไม่ได้ใช้งานอะไรที่ประมวลผลมากมาย ใช้ทรัพยากรน้อย เป็นแค่ Frontend ให้ AI สำหรับใช้งานในบ้าน สำหรับ run model ขนาดเล็ก (ซึ่งต่อไปมันจะเล็กลง และใช้ทรัพยากรน้อยลงในระดับที่ลงบนเครื่อง Thin Client ได้) แล้ว sync ข้อมูลให้กับโทรศัพท์เพื่อนำไปใช้งานต่อภายนอก มันยังหาที่ลงเหมาะไม่ได้ จริงๆ แล้ว use case มันเยอะนะ
ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่ เป็นที่ที่พวก PI, NUC ขนาดเล็กทำตลาดอยู่ แต่มักเจอว่าพลังการประมวลผลยังไม่พอ อยากได้ประมาณ Jetson Nano แต่มันก็หาของยาก ไม่คุ้นเคย และโครงสร้างพื้นฐานในการ deploy Software แบบอัตโนมัติไม่พร้อมอีก (ผมเรียกชื่อ Software พวกนี้เล่นๅ ส่วนตัวว่า Ability มันไม่ใช่ software แต่เป็นความสามารถเพิ่มเติมที่เพิ่มขึ้นจาก model และ data เราจะสามารถเลือกให้ AI ของเรามีความสามารถเพิ่มขึ้นมาได้ โดยติดตั้งจาก Ability Store)
ต่อไปมันน่าจะมี AI Smart Home ซึ่งต้องการฐานสำหรับ run ตัว local model เพื่อประมวลผลงานสำหรับสั่งงานอุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน ซึ่งตรงนี้มันว่างอยู่ยังไม่มีตัวใดเป็น Champion เลย รวมถึง model สำหรับ run งานก็ยังไม่ได้ optimize ให้ลงมาใช้งานได้ (แต่แนวโน้มการพัฒนามีเส้นนึงที่ทุกเจ้าก็พัฒนาตรงนี้เอาไว้และดูจริงจังด้วย) ผมเชื่อว่าตลาดนี้มีอยู่จริง และจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่จะเป็น Linux หรือ Windows ไม่ทราบได้ ถ้าผมเป็น Microsoft ก็คงไม่อยากพลาดตลาดนี้ เอาขาแหย่ไว้หน่อยก็ดี แต่ส่วนตัวผมว่าสุดท้ายมันจะจบที่ Linux เวอร์ชั่นปรับแต่งพิเศษสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กไว้สำหรับ run model ขนาดเล็กโดยเฉพาะ และสามารถเข้าถึง GPU on board ได้
อ้าว เช้าแล้วเหรอ ฝันกลางวันอีกแล้ว 555
Windows RT กับ Windows 10 on ARM ถูกใจสิ่งนี้
เอาจริง ๆ Windows ถูกมองข้ามในการถูกใช้ในการพัฒนา AI มานานแล้วนะครับ ตั้งแต่สมัย tensorflow torch caffe แล้ว ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ไม่ development model กันบน Windows มานานแล้ว พวก IoT อาจพอมีบน windows บ้าง เลยทำให้ทุกวันนี้ AI ไม่จำเป็นต้อง dev บน windows ส่วน windows จำเป็นต้องมี wsl กับ AI (เอาจริง ๆ wsl ไม่ได้รับความนิยมอะไรเพิ่มเลยในการ dev AI) ซึ่ง MS พลาดไปแล้ว
ถ้านักพัฒนาไม่หันมา develop AI บน windows ยังไง windows ก็ถูกมองข้ามมากยิ่งขึ้น รวมถึง Windows on arm ตัว npu จะไม่ได้รับความนิยมเพิ่มเลย
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3