Olli-Pekka Kallasvuo (รู้จักกันในชื่อย่อ OPK) อดีตซีอีโอของโนเกียระหว่างปี 2006-2010 (คนก่อนหน้า Stephen Elop) ให้สัมภาษณ์กับสถานีทีวีของฟินแลนด์ในหลายๆ ประเด็น
- เขาบอกว่าโนเกียพยายามต่อสู้กับกูเกิล-แอปเปิลด้วยยุทธศาสตร์การสร้างบริการออนไลน์ของตัวเอง (พวกตระกูล Ovi ทั้งหลาย) ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Symbian แต่แผนนี้ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเทคโนโลยีของ Symbian เก่าเกินไป ไม่เหมาะกับแอพพลิเคชันแนวใหม่ ทำให้การสร้างแอพตามแนวคิดเหล่านี้ทำได้ยากในทางเทคนิค
- การตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ Windows Phone เป็นเพราะโนเกียตระหนักว่า Symbian ไปไม่รอดแล้ว และการเลือกใช้ Windows Phone คิดมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
- เขามองว่าปัญหาของโนเกียไม่ใช่ไม่เห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นธรรมชาติขององค์กรใหญ่ที่พอใจกับผลงานของตัวเองอยู่แล้ว เลยไม่กล้าเสี่ยงมาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
- เขาบอกว่า Stephen Elop ทำดีที่สุดแล้ว และไม่เชื่อในทฤษฎีว่า Elop เป็นม้าโทรจันจากไมโครซอฟท์
- เขาบอกว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือเมื่อเราทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ที่มา - yle (1) , yle (2) via MyNokiaBlog
หมายเหตุ: บทสัมภาษณ์เป็นภาษาฟินแลนด์แล้วแปลด้วย Google Translate นะครับ อาจมีจุดผิดพลาดได้
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
ไม่เชื่อไม่ว่า แต่หลายๆคนเชื่ออย่างนั้น
+1
ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเชื่อครับ ถึงวันนี้ยังต้องคิดอะไรอีก เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ข้อเท็จจริง มันเป็นแบบนั้น อย่าออกมาหลอกชาวบ้านต่ออีกเลย ปล. ถ้า อีลอป ไม่กลับไป ms จากไปอย่างเงียบ ๆ ยังจะพอแก้ตัวได้บ้าง นี่ดันกลับไป ms เฉยเลย 555+ ไม่ขอบรรยายต่อ ใครอยากจะเชื่ออะไรก็ตามใจ แต่ผมอยู่บนความจริงที่เห็นครับ
ผมเชื่อว่ามีบางคนคิดเลยเถิดถึงขนาดว่านาย Olli-Pekka Kallasvuo ไปรับตังจาก MS มาพูดออก TV
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
บางทีก็แอบคิดว่า ที่สาวกค่ายอื่นมาดิ้นบอกว่าเป็นม้าโทรจันนี่ จริงๆกลัวอะไรกันอยู่หรือเปล่า หรือเป็นห่วงแบรนเค้าอยู่
ทำไมต้องกลัว
ทำไมต้องดิ้น?
ทำไมไม่ตอบ?
doshite
จริงๆ แล้วผมหรือท่านอื่นๆ ก็คงคล้ายกันคือ ไม่ใช้แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ อาจจะเชียร์อยู่ลึกๆ และยังชอบดีไซน์ สเปค คุณภาพอุปกรณ์ กล้อง ฯลฯ ของโนเกีย ก็เลยอยากให้โนเกียทำแอนดรอยด์บ้าง แค่นั้นเอง
เพราะถ้าไม่ไช่ม้าโทรจั่น ป่านี้โนเกีย คงออกทั้งวินโดวโฟน และ แอนดรอย และผมเชื่อว่าคนรอแอนดรอยค่ายโนเกียมีมากกว่าวินโดวโฟน
มากรองนึกดูสิ Android ที่เป็นระบบเปิดไม่ต้องรอเหมือนไมโครซอฟ
กล้อง 41 ล้านกันสั่นมีแอบตระกูลเฮียไม่ต้องเสียค่า OS ในตระกูลแอนดรอยทุกแบรนใครจะสู้ได้
แต่พอมาอยู่บนวินโดวโฟนที่ยังไม่พร้อมคิดอีกสิบตลบก็คิดว่าจะซื้อดีเหลอ
คนรอบๆตัวหลายๆคนก็บอกคิดผิดที่ซื้อ ตัวโอเอสมันดีแต่มันยังต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อจะเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงเวลานี้ก็ออกแอนดรอยไปก่อนเพื่อให้มีสินค้าในตลาดระดับล่าง กลาง คนที่เชื่อมันในแบรนก็มีอีกมาก ทำไมจะไม่ใช้ในเมื้อคนรอบข้างก็ใช้แอนดรอย ดีกว่าดันทุรังกับ OS ที่ยังไม่พร้อม
และการซื้อกิจการคนได้ประโยช ก็รู้ๆอยู่เป็นดิลที่คุ้มมากๆ และขอชมคนที่วางแผน(อีลอบ)เทพจริงๆ แล้วพอขึ้นเป็นผู้บริหารไมโครซอฟ คงนั่งสแยะยิ้มพร้อมเสียง"ฮึฮึฮึฮึ"
บางทีมันมีเหตุผลมากกว่านั้นครับ ทรัพยากรพอจะพัฒนาทั้ง 2 อย่างหรือเปล่า เงินพอหรือเปล่า มันไม่ได้เลือกแล้วออกมาเป็นสินค้าพร้อมขายได้เลยนะครับ ปกติพัฒนากันอย่างน้อยก็เป็นปี ยิ่ง Android ที่ไม่จำเป็นต้องง้อ Nokia เลย กับคนที่พร้อมจะดันให้เต็มที่อย่าง MS ณ เวลานั้น ด้วยข้อจำกัดด้านต่างๆ ผมเชื่อว่าคงมีเหตุผลที่เค้าต้องตัดสินใจแบบนั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
จริงๆทีมพัฒนาแอนดรอยเองที่จีนใช้คนแค่หลักสิบเพราะมันเป็นระบบเปิดทำให้นักพัฒนาทั่วๆไปเข้าถึงได้และความรู้ต่างๆกระจายอย่างรวดเร็วด้วยการแชร์ปัญหาและประสบการอย่างไม่กีดกัน ดูตัวอย่างง่ายๆที่เราเห็นๆกันคือรอมต่างๆและเครื่องจีนต่างๆที่มีนักพัฒนาแค่หยิบมือเดียวหรือคนเดียว แต่โนเกียมีเป็นหลักหมื่นแบ่งมาซักหลักร้อยก็พอแล้วมันไม่ใช่เรื่องยากเลย
คือท่านจะบอกว่า มือถือจีนพวกนั้นคุณภาพเท่า nokia? หรือเอาง่าย ๆ samsung lg sony?
คือใช่ครับ อาจจะลงทุนน้อยก็ทำได้ แต่คุณภาพ? ทำมือถือแอนดรอย อาจจะไม่ยากนะครับ แต่ทำออกมาให้ดี ไม่ง่าย และทำให้สุดยอดจนแข่งกับคนอื่นได้ ยากมากครับ
ทำ WP ให้สุดยอด ง่ายกว่า แต่ปัญหามันอยู่ที่ WP มันไม่พร้อม แต่ถ้ามองว่าเป็นการสร้างแบรนด์แล้ว WP = Lumia ผมว่าสำเร็จนะ
ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยนิครับ แหม่
งง ว่าทำไมต้องกลัว ทำไมต้องดิ้น ? คือ ผมอ่านมันก็น่าสงสัยจริงๆนะ ตั้งแต่เข้ามาบริหารแล้ว ไม่ได้ทำอะไรให้บริษัทดีขึ้นเลย -*- สงสัยเฉยๆ ไม่ได้หรอครับ
บริษัทไม่ดีขึ้นเลย? จากบริษัทที่มีแววล้มสูงปรี๊ดตอนแกเข้าทำงานน่ะนะครับ?
มันก็เป็นข้ออ้างไม่ได้ปะครับ ถ้าผมอ้างจะตอน Steve Job ตอนที่ Apple บริษัทดูจะไปไม่รอด เค้าก็กลับมาแล้วทำให้มันดีขึ้นได้นิครับ ผมว่าขึ้นอยู่กับฝีมือ ของผู้บริหารมากกว่า
ข้อแตกต่างของบริษัทที่ยกตัวอย่างมาเทียบกับบริษัท Nokia นี่เยอะมากครับ มันไม่ใช่แค่บริษัทและสินค้า มันมีปัจจัยที่มองไม่เห็นอีกหลายส่วน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "สาวก" ในตัวสินค้าและบริษัท ที่จุดติดได้ง่ายกว่า (ซึ่งผมมองว่า มันเป็นความโชคดีของ Apple และ Steve Job ที่สร้างขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง)
ที่ผมตอบไม่ใช่ข้ออ้างนะครับ แต่คุณสงสัยว่ามันไม่ดีขึ้น ผมเลยสงสัยบ้างว่าไม่ดีขึ้นตรงไหนหรือครับ?
ในฐานความเชื่อเรื่อง Elop เป็นม้าไม้นั้น ผมมองในฐานะคนที่ติดตามข้อมูลมาพอสมควร ก็ไม่คิดว่าแกจะมาคิดฮุบหรือเข้าแทรกแซงเพื่อให้ Microsoft ซื้อนะ เพราะในตอนที่แกเข้ามา Microsoft ก็ดูจะไม่มีท่าทีจะซื้อ แถมยังจะทำโทรศัพท์ภายใต้แบรนด์ตัวเองด้วยซ้ำ แถมยังดันบริษัทจากราคาหุ้นต่ำมากๆ จนมาถึงระดับ 3.9-4.2 USD ได้ ผมว่าก็ไม่ได้แย่ แถมแกเป็นผู้บริหารที่ใช้แบรนด์ตัวเองและอินกับสิ่งที่บริษัทท่ำอย่างมาก (fake หรือเปล่าไม่รู้ แต่แกก็ไม่เคยหยิบยี่ห้ออื่น หรือใช้ยี่ห้ออื่นให้สื่อได้เห็น)
อ่านแล้วนึกถึง โยนไอโฟน เลย -..-
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
+1
CEO นี่มันต้องเลือกจากคณะกรรมการของบริษัทฯ นั้นๆ เลือกขึ้น และคณะกรรมการที่จะมาเลือกคนที่มากุมอำนาจเบ็ดเสร็จนี่ต้องคิดแล้วคิดอีก เลือกแล้วเลือกอีก ผ่านการถกเถียงกันมาพอสมควร คงต้องเลือกกันมาเป็นอย่างดี เพราะต้องตอบคำถามผู้ถือหุ้นอีก แถมเป็นบุคคลที่สามารถชี้เป็นชี้ตายในอนาคตบริษัทฯ (ซึ่งรวมถึงบอร์ด ผู้ถือหุ้น และผู้ที่เป็นกรรมการคัดเลือกด้วยแหละ)
อ้อ ตามข่าวเก่า โนเกียหาหลายคนครับ แต่คนลำดับต้นๆ ไม่สะดวกมาอยู่ฟินแลนด์
สำหรับผมไม่เชื่อว่าจะมาเป็นไส้ศึกหรืออะไร เพราะมันไม่ใช่มาเป็นกันง่ายๆ แบบโทรไป "เออนี่ว่างมั้ย อยากได้นายมาเป็น CEO อ่ะ" แบบนี้แน่นอน การเลือก CEO ในบริษัทฯ ระดับโลกแบบนี้ มันต้องคิดมากกว่านั้น แถมเป็นคนนอกอีก ต่างชาติอีกต่างหาก
ส่วนเรื่องสายสัมพันธ์กับไมโครซอฟต์ผมก็ว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขา (Elop) เคยทำงานด้วย และตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องร่วมกันสู้ในศึกหน้าด้วย
แน่นอนว่าถึงจะมีการคัดเลือกมาอย่างหนักหน่วงแต่มันก็ไม่ได้ประกันว่าจะได้คนที่ทำให้ประสบความสำเร็จแน่ๆ แต่การมาบอกว่าเห็นมะ ต้องเป็นไส้ศึกแน่ๆ เคสนี้ผมว่ามันเป็นการแทงหวยหลังหวยออกครับ เพียงแต่อาจจะแทงง่ายหน่อย เพราะมันมีความสัมพันธ์ระดับบุคคลกันแล้ว
แต่ยังไงมันก็ดูน้ำเน่าหน่อย ผมเองก็อินไปหลายรอบ :P
+1 ไม่ใช่ว่า MS นึกอยากจะส่งใครไปก็ได้ซะมื่อไหร่ แต่เผอิญว่า Elop เคยอยู่กับ MS มาก่อน ความบังเอิญนี่มันเลยดูเหมือนกับแผนการณ์ของ MS เท่านั้นเอง
อย่าลืมว่าของแบบนี้มันมีการ lobby กันได้นะครับ
ตามข่าวที่ใด้ยินมา Google คุยกับ nokia เป็นเจ้าแรกครับสำหรับ Android แต่ nokia ต้องการเอาสิทธบัตรตัวเองมาผสมใน Android มากจนเกินไป Google ไม่เอา nokia เลยไม่ไช้ Android และอยู่กับ symbian ชึ้งเป็นความผิดพลาดของ opk จนกลายเป็น "ปัญหาของโนเกียไม่ใช่ไม่เห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นธรรมชาติขององค์กรใหญ่ที่พอใจกับผลงานของตัวเองอยู่แล้ว"
แต่ Elop เข้ามา ก็บอกว่าจะทิ้ง symbian เร็วเกินไป ทำสัญญา wp only จนหุ้นตก ปิดด้วยการขาย nokia ให้ ms ถูกๆ เสร็จแล้วยังกล้ากลับไปอยู่กับ ms อีกต่างหาก ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จริงหรือนี่ แต่ไม่เห็นข่าวว่ามีแบรนใหนต้องยกสิทธิบัตรให้กูเกิลเลย ยกเว้นแต่โมโตที่กูซื้อมาเอง หรือผมพลาดอะไรไป
ที่ผมเคยอ่านมาสมัยนั้นคือ Nokia ต้องการเอาทรัพยากรที่ตัวเองมีเช่น Ovi Map หรือหลายๆ อย่างใน Ovi Suite ฝังลงไปใน vanilla rom ของ Google และเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำด้วย แต่ Google ไม่เล่นด้วยก็เลยไม่ทำมาตั้งแต่นั้น ต่างกับตอนไปคุยกับ MS ที่ร่วมมือมากกว่าเช่น ยอมถอด Bing Map ใส่ของ Nokia ไปแทนอะไรทำนองนั้น
ตามนั้นแหละครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
งงอีกรอบ ทำไมต้องขอ google จะไส่ก็ใส่สิแบบ samsung sony htc ที่ลง services เพิ่มมาในเครื่องของเขา
google แอฟเองก็ไม่ได้มากับรอมนะครับบริษัทต้องซื้อมาลงเพิ่มเอง หรือคัสต้อมรอม ก็ต้องโฆลดมาลงเองหรือถ้า nokia ต้องการเอามาลงเบสรอมอะก็แปลกละ ต้องเปิดซอสให้ใครๆเอาไปคอมไฟลได้
หรือเป็นบินไฟลอยู่ในโอเอสก็หนักกว่าที่เบสรอมมีโอวีของโนเกียซึ่งมีสิทยิ่งกว่า google ที่ยังต้องลงแอพเพิ่ม
เพิ่งจะเข้าวงการแต่ต้องการสิทธิพิเศษ samsung sony htc และ อื่น ก็คงไม่ยอมที่จะมีสิทถือโอเพนซอสเหนือกว่า
ถ้าเป็นอย่างว่าก็น่าจะเป็นข้ออ้างมากกว่าที่อีลอบวางไว้เพราะถ้าทำแอนดรอยจริงโมโครซอฟคงแข่งยากเหมือน HTC ที่ดันวินโดวอยู่พักหนึ่ง และ ไมโครซอฟคงซื้อไม่ได้ง่ายๆ
เชื่อเลยว่าหมากเกมส์นี้ไมโครซอฟเดินได้ล้ำมากมีแต่ได้กับได้ ถ้าไม่เกิดก็ได้เทคโนโลยีกับแบรนไปใช้ต่อในเจนหน้าที่ราคาแสนถูกแต่ถ่ารุ่งก็เรียกได้ว่าเสือติดปีกถ้าไม่ติดเรื่องความอิสระคงจะอุดหนุนในอนาคตอีกรอบ แต่เข็ดแล้วล่ะ
เดาว่าขอร่วมด้วยและจะขอเป็นหนึงใน service พื้นฐานที่ต้องมีในแอนดรอยแต่ google ต้องการสร้าง Map และเซอร์วิสตัวเองทั้งหมดไม่อยากเอา ovimap มายัดแทนเพราะมีแผนดัน google map ของตัวเองให้แพร่หลายเองมากกว่าเอาของโนเกียมาใช้
google map อยู่ใน google app ที่ต้องลงเพิ่มเอง อย่างที่บอกไว้ข้างบนแล้ว บริษัทจะซื้อ แต่คัดต้อมรอมโหลดมาลงเอง
ไม่ว่าจริงเท็จจะเป็นยังไง ในเมื่อคนเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น ความจริงมันก็เป็นไปตามนั้น
ป.ล. ผมคิดว่าเรื่องม้าไม้เป็นเรื่องขำ ๆ แต่หลายคนจริงจังกัน มันชักจะไม่ขำแล้วแฮะ
Jusci - Google Plus - Twitter
ไม่ใช้ม้าโทรจันครับ เขาเป็น T-Virus สุดท้ายก็แพร่กระจายไปทั่วโนเกียซิตี้
เอ๊ะ มั่วแล้ว หลบละ อิอิ
รับเงินแมว
ออกมาแก้ตัวเพราะเป็นคนไปทาบทามมารึเปล่า ?
เรื่อง WP นี่คิดถี่ถ้วนจริงหรือเปล่า ตอนนั้นยังมี android ที่กำลังโตวันโตคืนอยู่
นี่แหล่ะความต่างของคนที่เป็นผู้นำ กับผู้ตาม
+1 เห็นด้วย เพราะตอนนี้มีบริษัทที่ตาม android หลายบริษัท ที่แป๊กอยู่ตอนนี้
ซัมซุง htc ทำ wp ไม่แป๊ก?
ถามกลับว่า Samsung กับ HTC ทุ่มให้กับ WP เหมือนอย่างที่ Nokia ทำหรือปล่าว?
แล้ว Nokia ทุ่มให้กับ WP หมดแล้วตอนนี้ถือว่าไม่แป๊กหรือครับ มันรุ่งอยู่เหรอครับรุ่งแล้วไมต้องขายบริษัท
ต้องถือว่ารุ่งกว่าสมัยที่มีแต่ Symbian แหละครับ
แล้วก็ การขาย "ส่วนหนึ่ง" ของบริษัท ไม่ได้แปลว่าบริษัทจะร่วงนี่ครับ บอร์ดของ Nokia ต้องพิจารณาแล้วว่าทางออกนี้ดีกว่า เหมือนอย่างสมัย IBM ขาย ThinkPad ให้ Lenovo นี่ต้องถือว่า IBM ร่วงด้วยมั๊ยล่ะครับ? ปรับโฟกัสด้านธุรกิจแล้วก็เห็น IBM โตเอาๆ
+1 Lenovo ก็กลายเป็นอันดับหนึ่งในตลาด PC ไปแล้ว
ตอนนั้นผู้นำคิดยังไง ตอนนี้ผลออกมาแล้วครับ จากการตัดสินใจในตอนนั้นทำให้ต้องขายบริษัทราคาถูกกว่า skype และ motorola
ไม่ใช่แอบมาเหมือนม้า Trojanแต่ รู้ๆ กันแต่แรกว่าเค้านั้นแหละ ไม่รู้เหมือนอะไร (รู้ว่ามี แต่กำจัดไม่ได้) หะหะ
รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ยิ้มข้างนอกช้ำใน...
Happiness only real when shared.
Nokia ไม่ได้ลง Anti Trojan ก็ไม่แปลก คราวหน้าแนะนำ Kaspersky, Eset, MBAM ครับ :P
ก็รอดูต่อไปว่า Elop จะขึ้นแท่น CEO ของ MS จริงหรือไม่ ถ้าเป็นตามนี้ ไม่เรียกม้าโทรจันก็ไม่รู้จะเรียกอะไรละ เจตนามันเห็นชัดมากๆ
เขามองว่าปัญหาของโนเกียไม่ใช่ไม่เห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นธรรมชาติขององค์กรใหญ่ที่พอใจกับผลงานของตัวเองอยู่แล้ว เลยไม่กล้าเสี่ยงมาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
เขาบอกว่า Stephen Elop ทำดีที่สุดแล้ว และไม่เชื่อในทฤษฎีว่า Elop เป็นม้าโทรจันจากไมโครซอฟท์
เขาบอกว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือเมื่อเราทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ฟังดูขัดกันเอง บริษัทมีปัญหา เพราะไม่ยอมเสี่ยงสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่นับว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้วGoogle ก็เป็นบริษัทใหญ่ ยังลองผิดลองถูก คิดทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เรื่อยเลยครับ ทำดีที่สุดแล้วจริงเหรอ
BB เป็นตัวอย่างที่ดี อีก บ. หนึ่งก่อนหน้านี้ก็ Kodak แต่เจ้านี้ไม่ยอมปรับตัวมากกว่า
ไม่ยอมเปลี่ยนนี่น่าจะหมายถึงก่อน Elop มานะครับ เค้าคงต้องการเปลี่ยนด้วยแหละ ถึงต้องเอาคนนอกมานั่ง CEO แต่ ณ ตอนนั้น Nokia ไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก เงินสดก็ลดลงไปเรื่อยๆ จนต้องขายสำนักงานแล้วเช่ากลับในเวลาต่อมา
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ใครจะไปยอมรับ
ไม่มีความเห็นดีกว่า ผมไม่ใช่ผู้ถือหุ้น :p
Nokia ยังไม่เคยทำ android phone ออกมาขายซักเครื่อง... หึหึ
เฮ้ย แล้วมี MeeGo ละ ปล่อยทิ้งทำไม
ผมว่าเป็นเรื่อง ecosystem มันทำไม่ทันมากกว่าครับสำหรับ MeeGo เลยปล่อยทิ้งไป
แต่ช่วงที่เริ่มมาใช้ WP7 นี่ก็ต้องสร้าง Eco ใหม่หมดเหมือนกันนะครับ เพราะแอปเก่าใช้ไม่ได้ แอปใหม่ก็เกือบจะ 0
ถ้าองค์กรใหญ่จริง ผมว่าเมื่อมองออก ว่านวัตกรรมที่ตัวเองมีจะพัฒนาต่อไปได้ยาก คงไม่ยอมทู่ซี้ใช้ของเดิม จนสุดท้ายกลายเป็นอย่างทุกวันนี้หรอกครับ
ยิ่งองค์กรใหญ่ยิ่งมีปัญหานี้ครับ
จากบทสัมภาษณ์นี้ ผมเชื่อว่า ณ ตอนนั้น Nokia คงต้องการพันธมิตรที่มีจุดยืนร่วมกัน (สู้ Google และ Apple) และ MS เป็นม้าตัวเดียวที่มีในตอนนั้นแหละครับที่อยู่ในสถานการณ์หนีตายเหมือนๆ กัน แถมกระเป๋าหนักอีกต่างหาก ไม่เลือกม้าตัวนี้ก็คงได้จมไปกับม้าแก่อย่าง Symbian หรือลูกม้าอย่าง Meego แหละครับ
ส่วนตัวคิดว่าดีลนี้มันเป็นเรื่องการเงินและบริการที่ทับซ้อน ในเมื่อโนเกียตกที่นั่งลำบากต้องการทุนมายังชีพในขณะเดียวกันก็ต้องการหากินกับบริการของตัวเองเพื่อจะได้เติบโตมั่นคงยั่งยืน การที่จะไปดีลกับพี่กูเกิลจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปหักบริการของพี่เขา ดังนั้นการใช้หุ่นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้พร้อมกันสองข้อในเวลานั้นคือเงินทุนและระบบจากไมโครซอฟท์ ถ้าผลประโยชน์มันขัดกันแต่แรกก็ไปด้วยกันลำบาก
น่าจะทำออกมาซักรุ่นนะ แล้วเลือกเลยจะลง OS อะไร Android WP ไป Darkside ไปเลย แล้วดูสิ คนลงอะไรมากกว่า
HD2 สินะครับ
ผมคิดว่าไม่ใช่โทรจันหรอก อีกอย่างผู้ถือหุ้นใหญ่เขาก็ตัดสินใจกันมาแบบนี้ บ.ที่เคยใหญ่มากขนาดนั้น ก็ต้องอยากมีระบบนิเวศเป็นของตัวเองมากกว่า อย่างน้อย WP ก็เป็นเจ้าใหม่ที่ยังไม่มีใครครอง จะไปหวังทำAndroid ก็red ocean หมดแล้ว เข้าทีหลังจะกลายเป็นไปแข่งกับบ.มือถือจีนไปด้วยซ้ำ
สุดท้ายก็อาจโดนgoogle รวบหัวรวบหาง แบบmoto นั่นไง ผมว่าตอนนี้แม้แต่ Samsung ก็ต้องเริ่มหาOSใหม่ๆมาทดแทน androidกันแล้ว เพราะการที่เจ้าของOS ทำเครื่องขายเอง เจ้าอื่นก็คงสู้ได้ยาก(ในอนาคต)
เรามันคนนอก คิดไปต่างๆนานา เชียร์ให้ทำนู้นทำนี้ แต่ผู้ตัดสินใจคือผู้ถือหุ้นตัวจริง ที่เขาต้องรับภาระโดยตรงหากมันเจ๊ง คือคิดวิเคราะห์กันน่ะได้ แต่ผมก็เชื่อว่าผู้ถือหุ้นเขาก็วิเคราะห์เช่นกัน เงินของเขาเองแท้ๆ แต่สุดท้ายการแข่งขันย่อมมีผู้แพ้ชนะ มาพูดตอนนี้เราก็เป็นเซียนรู้งี้กันทั้งนั้นแหละครับ
ธรรมชาติขององค์กรใหญ่ที่พอใจกับผลงานของตัวเองอยู่แล้ว เลยไม่กล้าเสี่ยงมาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ