หลังจากที่ผมได้เขียนข่าวเกี่ยวกับสินค้ากลุ่ม High Resolution Audio ของ Sony ไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในข่าวได้เขียนถึงการลองเล่นเจ้า WALKMAN ZX1 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นมีเดียระดับเรือธงประจำปีที่ 35 ของ WALKMAN คร่าว ๆ พอดีตอนนี้ผมได้เป็นเจ้าของแล้ว จึงกลับมาเขียนรีวิวให้อ่านกันอีกครั้งครับ
ก่อนที่จะเขียนถึง WALKMAN ZX1 ก็ขอแนะนำ High Resolution Audio ให้รู้จักกันคร่าว ๆ ก่อน
High Resolution Audio
High Resolution Audio (HRA) เป็นมาตรฐานเสียงความละเอียดสูง ที่ในตอนนี้กำลังถูกผลักดันโดย Consumer Electronic Association (CEA) ร่วมกับ Sony Electronics, Warner Music Group, Universal Music Group, และ Sony Music โดยอุปกรณ์และสื่อนั้นจะมีรองรับความละเอียดที่มากกว่าความละเอียดของเพลงในปัจจุบัน คือ 16 bit 44.1 kHz ที่ใช้ในมาตรฐาน Audio CD
เนื่องจากในตอนนี้ก็ยังไม่มีคนขีดเส้นจำกัดว่า HRA ควรจะมีความละเอียดที่เท่าไร เพราะฉะนั้นอะไรที่มีความละเอียดมากกว่ามาตรฐาน Audio CD ก็นับเป็น HRA หมด ซึ่งตอนนี้ความละเอียดของเพลงที่ขายกันอยู่จะอยู่สูงสุดที่ 24 bit 192 kHz หรืออยู่ในรูปแบบการเข้ารหัสแบบ Direct Stream Digital (DSD) ซึ่งเป็นการเข้ารหัสที่ใช้ใน Super Audio CD
จริง ๆ แล้ว HRA นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แต่มีมานานแล้วในหมู่ผู้เล่นเครื่องเสียงซึ่งต้องการไฟล์เพลงที่มีคุณภาพเพื่อให้ใช้งานร่วมกับเครื่องเสียงชั้นสูงที่ตัวเองมีอยู่ โดยมีร้านขายเพลงออนไลน์ต่าง ๆ เปิดขายเพลงอยู่แล้ว แต่การที่ CEA และเหล่าบริษัทเพลงต่าง ๆ มาผลักดันมาตรฐานนี้ ก็เพื่อให้ HRA นั้นแพร่หลายไปสู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปด้วย
และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาผลักดัน HRA มาสู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ก่อนหน้านี้ Neil Young ศิลปินชื่อดังก็ได้เปิดตัวเครื่องเล่นและร้านขายเพลงชื่อ Pono ขึ้นมา โดยได้เป็นพันธมิตรกับ Meridian Audio ผู้ผลิตเครื่องเสียงดิจิตอลชั้นสูงจากอังกฤษ ผู้อยู่เบื้องหลังการเข้ารหัส Meridian Lossless ที่ใช้ใน Dolby TrueHD ซึ่ง Pono ก็กำลังจะเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของ HRA นั้นก็ยังเห็นได้ไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับมาตรฐานภาพอย่าง Full HD หรือ 4K ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหูของคนเรามีช่วงการได้ยินที่จำกัด จึงทำให้ไม่ได้ประโยชน์จาก HRA แต่อย่างไรก็ตามทางผู้ผลิตอุปกรณ์เอง คือ Sony ก็ได้ออกมาเคลมว่าถึงเราจะไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ แต่ร่างกายเราก็ยังรับรู้ถึงมันได้อยู่ ถ้ามีอุปกรณ์ที่เหมาะสมครับ
Introduction
ด้วยเหตุผลที่เขียนไปตอนต้น ทางทีมพัฒนาก็ได้โจทย์ในการพัฒนา WALKMAN รุ่นเรือธงมาว่า มันจะต้องเป็นเครื่องเล่นที่มีราคาขายในช่วง 50,000 - 100,000 เยน โดยมีงบในการพัฒนาให้ไม่จำกัด งานนี้ทีมพัฒนาเลยถือโอกาสปล่อยของดีกันเต็มที่
ทีมงานพัฒนาได้ตั้งใจออกแบบให้ WALKMAN ZX1 มีคุณภาพเสียงที่ดีทั้งกับการเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูงและไฟล์เพลงทั่ว ๆ ไป ซึ่งนอกเหนือจากแอมป์ดิจิตอล S-MASTER HX รุ่นใหม่ที่ทำมารองรับระบบเสียงความละเอียดสูงแล้ว ทีมงานได้เลือกสรรชิ้นส่วนคุณภาพสูงต่าง ๆ มาใช้งานร่วมกัน ทั้งตัวเก็บประจุ OS-CON และ POSCAP จาก Sanyo ในภาคอนาล็อกต่อจากแอมป์ดิจิตอล สายไฟ OFC ในการเชื่อมต่อวงจร และแบตเตอรี่ที่วงจรป้องกันมีความต้านทานต่ำ เพื่อให้คุณภาพเสียงนั้นออกมาดีที่สุด
Package
ทางทีมงานได้ออกแบบกล่องใส่ของ ZX1 เป็นพิเศษให้สมฐานะเรือธงประจำปีที่ 35 ของ WALKMAN ซี่งรุ่นย่อยที่ขายในไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกคือ NWZ-ZX1 ก็ใช้กล่องแบบเดียวกัน
WALKMAN ZX1 จะนอนอยู่ในกล่องที่มีการบุผ้านุ่มเอาไว้ ดูหรูหราทีเดียว ตัวเครื่องนอกเหนือจากสติ๊กเกอร์ Hi-Res Audio แล้ว ก็ไม่มีการติดฟิล์มป้องกันหน้าจอมาให้เลย แต่ฝากล่องด้านบนจะมีโฟมกันกระแทกติดอยู่
ด้านล่างจะเป็นคู่มือและอุปกรณ์ที่มากับกล่อง ซึ่งจะมีเคสหนังเทียม สาย WM-Port สำหรับชาร์จและเชื่อมต่อข้อมูล และตัวรองเครื่องส่วนบนด้านหลัง สำหรับเวลานำไปรัดกับแอมป์หูฟัง เช่น PHA-2
และเนื่องจากเจ้า WALKMAN ZX1 เป็นเครื่องเล่นระดับไฮเอนด์ ซึ่งผู้ใช้ส่วนมากจะมีหูฟังดี ๆ ใช้กันอยู่แล้ว ในชุดจึงไม่มีหูฟังแถมมาให้ครับ
Hardware
งานออกแบบของ WALKMAN ZX1 และ WALKMAN รุ่นอื่น ๆ ที่ออกมาใหม่ในปี 2013 มีพื้นฐานมาจากโลหะแท่ง ตัวเครื่องไม่เล็ก ไม่ใหญ่ จับถือได้ถนัดมือ วัสดุโดยรวมให้ความรู้สึกของดีราคาแพง แต่ยังมีจุดบกพร่องในการผลิตบ้างเล็กน้อย
ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว ทำเป็นกรอบนอกและโครงสำหรับยึดบอร์ดวงจรและเป็นตัวคั่นระหว่างส่วนของหน้าจอด้านหน้าและบอร์ดวงจรด้านหลัง เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนจากส่วนของหน้าจอไปรบกวนวงจรเสียงอีกด้วย
หน้าจอเป็นแบบ TFT ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 854 x 480 พิกเซล ใช้เทคโนโลยี TRILUMINOS Display for Mobile และ OptiContrast Panel คุณภาพของภาพ มุมมอง ความสว่างโดยรวมทำออกมาได้ดีกว่าหน้าจอของเครื่องเล่นเพลงความละเอียดสูงทุกตัวในตลาดตอนนี้
ตรงบริเวณขอบจอด้านขวาล่าง จะทำร่องเล็กน้อยเอาไว้สำหรับไมโครโฟนที่อยู่ด้านใน
ด้านข้างของเครื่อง จะมีปุ่มเปิด - ปิด ปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนปุ่ม W.control ที่ใช้เรียกแอพควบคุมการเล่นเพลงขึ้นมาบนหน้าจอขณะที่เครื่องล็อกหน้าจออยู่ในรุ่นก่อนหน้า ได้ถูกเปลี่ยนด้วยปุ่มควบคุมการเล่นเพลงแบบ WALKMAN X แทน ทำให้การใช้งานโดยรวมนั้นสะดวกขึ้นกว่าเดิมมาก
ปุ่มเปลี่ยนเพลงนั้น ถ้ากดค้างไว้จะสามารถทำ fast forward กับ fast rewind ได้ครับ
ส่วนหัวจะเป็นพลาสติก เพื่อให้เสาอากาศ Wi-Fi และ Bluetooth รับส่งสัญญาณออกมาจากตัวเครื่องที่เป็นอลูมิเนียมได้
ด้านหลัง จะหุ้มหนังเทียมเพื่อให้การหยิบจับเครื่องทำได้ถนัดขึ้น
ส่วนบนจะเป็นที่อยู่ของเสาอากาศของ NFC และลำโพงที่ซ่อนอยู่ข้างใต้รูปโลโก้WALKMAN ซึ่งทำออกมาได้ดูเนียนไปกับเครื่องเลยทีเดียว
ส่วนล่างของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของแจ็ค 3.5 มม. คุณภาพสูงสำหรับต่อกับหูฟัง พอร์ต WM-Port รูใส่สายคล้องมือ และปุ่มรีเซ็ทตัวเครื่อง
สำหรับช่องหูฟังของ WALKMAN ZX1 จะเป็นแบบปกติ ไม่มีระบบ Digital NC มาให้เหมือน WALKMAN F880 ที่ออกมาไล่ ๆ กัน เข้าใจว่าเป็นเพราะระบบ Digital NC นั้นยังประมวลผลสัญญาณเสียงในรูปแบบความละเอียด 16 bit อยู่นั้นเอง
เคสหนังเทียมที่ให้มา จะเป็นแบบสอดเครื่องเข้าไป แล้วล็อกด้วยกระดุมอีกที ตัวเคสดูแข็งแรงดี แต่เวลาใส่แล้วไม่สามารถกดปุ่มด้านข้างได้และกระดุมเองถึงจะเป็นพลาสติก แต่ก็กลัวมันไปขูดกับเครื่องตอนเอาเครื่องเข้า - ออกอยู่เหมือนกัน
สำหรับสเปกอื่น ๆ ของตัวเครื่องคร่าว ๆ มีดังนี้
- หน่วยประมวลผล OMAP 4430 ความเร็ว 1 GHz
- RAM ขนาด 1 GB เหลือใช้งาน 686 MB
- หน่วยความจำขนาด 128 GB แบ่งเป็นพื้นที่ภายในสำหรับลงแอพ 0.98 GB และพื้นที่ภายนอกไว้ใส่ไฟล์ 114 GB
- Wireless LAN มาตรฐาน a/b/g/n ความเร็วสูงสุด 150 Mbps
- Bluetooth เวอร์ชั่น 3.0
- Accelerometer, GPS
- รองรับการต่อ USB DAC ผ่านพอร์ต WM-Port ได้
สเปกโดยรวมก็ถือว่าตามมาตรฐานอุปกรณ์ Android ยุคนี้ แต่ในส่วนของ SoC นั้นจัดว่าเก่ามากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟน Android แต่ถ้ามองในแง่เครื่องเล่นมีมีเดียก็ยังถือว่าเครื่องเล่นที่มีกำลังการประมวลผลสูงตัวนึง
ส่วนใครที่กังวลว่าเครื่องรุ่นที่ขายในไทยจะโดนหั่นสเปกเหมือน WALKMAN ยุคก่อน ๆ ก็ขอให้สบายใจได้ นอกเหนือจากฝาปิด WM-Port แอพที่โหลดมาในเครื่อง และเอกสารคู่มือแล้ว ทุกอย่างเหมือนกันกับเครื่องรหัส NW-ZX1 ของญี่ปุ่นครับ
Software
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ WALKMAN ZX1 ใช้ Android เวอร์ชั่น 4.1 แบบไม่ปรับแต่ง มาพร้อมแอพของ Google และชุดแอพ Media ของ Sony เอง
ในส่วนของแอพ Media นั้น หลาย ๆ คนที่ไม่เคยสัมผัส WALKMAN ที่เป็น Android ตลอดจะเข้าใจว่าแอพนั้นเป็นตัวเดียวกับแอพในอุปกรณ์ตระกูล Xperia แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นแอพคนละตัวกันครับ โดยแอพที่ดูจะใกล้เคียงกันที่สุดก็คงจะเป็นแอพ Music ใน WALKMAN ที่ถูกทางแผนก Sony Mobile ก็อปไปทำเป็นแอพ WALKMAN ใส่ใน Xperia สำหรับรายละเอียดแอพแต่ละตัว ต้องรบกวนให้ไปอ่านในรีวิวของ WALKMAN F800 ที่ผมเคยรีวิวไว้ครับ
สำหรับความเปลี่ยนแปลงของชุดแอพ Media เมื่อเทียบกับ WALKMAN รุ่นก่อนหน้าคือการรองรับรูปแบบไฟล์ความละเอียดสูงต่าง ๆ รวมทั้ง Apple Lossless และปรับหน้าตาของแอพให้ออกไปทางธีมของอุปกรณ์ฝั่ง Xperia มากขึ้น
ในส่วนของการประมวลผลเสียง ยังคงเป็น EQ แบบ 5 ช่วงความถี่ Clear Bass ที่ช่วยปรับเสียงเบสให้มากขึ้น โดยไม่กระทบกับเสียงในย่านความถี่อื่น และ VPT ที่จำลองเสียงในสถานที่และลำโพงขนาดต่าง ๆ เช่นเดียวกับใน WALKMAN รุ่นก่อนหน้า
ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่คือ การเพิ่ม ClearAudio+ ที่ถูกนำไปใส่ในสินค้า Sony กลุ่ม VAIO และ Xperia ไปแล้ว และ DSEE HX ที่เป็นตัวอัพเกรดของเทคโนโลยี DSEE เดิม
ClearAudio+ เป็นชื่อเรียกของ preset การปรับเสียงคล้ายกับ Beats Audio แต่นอกเหนือจากการปรับ EQ แล้วยังมีการนำเทคโนโลยีประมวลผลอื่น ๆ ของ Sony เข้ามาปรับเสียงร่วมด้วย เสียงที่ปรับออกมาจะมีเบสที่หนักขึ้น เสียงเครื่องดนตรีจะถูกจับแยกชิ้นแยกมิติให้เด็ดขาดขึ้น เสียงร้องจะโดนปรับมาอยู่ตรงกลางแทน เป็นแนวเสียงที่ฟังแล้วสนุกขึ้น
รูปประกอบจาก AVWatch
DSEE HX เป็นเทคโนโลยีชดเชยช่วงเสียงสูงที่หายไปจากการบีบอัดข้อมูลเสียง โดยในรุ่นใหม่นี้เพิ่มความสามารถในการชดเชยย่านเสียงสูงให้กับไฟล์เพลงในรูปแบบความละเอียดมาตรฐาน Audio CD และอัพสเกลความละเอียดขึ้นมาเป็น 24 bit 192 kHz และเวลาทำการชดเชยเสียงนั้น DSEE HX จะทำการแยกรูปแบบของเสียง เช่น เสียงร้อง เสียงกีต้าร์ เสียงกลอง แล้วทำการชดเชยตามรูปแบบเสียงนั้น ๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามความสามารถนี้จะไม่สามารถใช้กับไฟล์เพลงที่มีความละเอียด 24 bit หรือไฟล์เพลงที่มีคุณภาพต่ำ และการเปิดใช้งานจะทำให้เครื่องใช้พลังงานมากขึ้นเป็น 2 เท่า
WALKMAN ZX1 จะไม่มีตัวประมวลผล Clear Phase และ Clear Stereo เพราะทั้งสองตัวนี้ต้องใช้งานคู่กับหูฟังที่แถมให้เท่านั้น
ในส่วนการไฟล์ต่าง ๆ บนตัวเครื่อง จะใช้โปรแกรม MediaGo เช่นเดียวกับอุปกรณ์ Xperia ในการจัดการไฟล์ซึ่งตัวโปรแกรม Media Go เองก็ได้รับการอัพเดทเพื่อให้สามารถใช้จัดการไฟล์เพลงความละเอียดสูงได้ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
Performance
ในส่วนการใช้งานจริงนั้น การใช้งานตัวเครื่องนั้นเหมือนกับอุปกรณ์ Android อื่น ๆ ทั่ว ๆ ไปเลย แต่การที่เพิ่มควบคุมการเล่นตรงด้านข้างเครื่องมาให้ช่วยให้การใช้งานเครื่องนั้นสะดวกขึ้น แต่ตัวปุ่มเองนั้น เวลากดไปแล้วจะมีหน่วงนิดหน่อย เข้าใจว่าคงป้องกันการโดนกดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในส่วนของเรื่องเสียง ที่เป็นจุดที่ทำให้คนตัดสินใจยอมลงทุนกับเจ้า ZX1 นั้นแนวเสียงที่ออกมาจะคล้ายกับ WALKMAN F800 ที่เคยได้รีวิวไป คือออกแนวโปร่ง ๆ ใส ๆ แต่เพิ่มความหนาของเสียง ปริมาณเบส และการแยกรายละเอียดของเสียงให้มากกว่าเดิม ส่วนเทคโนโลยีเสียงที่ Sony ใส่มารอบนี้ เห็นผลในการใช้งานได้ค่อนข้างชัดเจนกว่ารุ่นที่แล้ว
สำหรับเรื่องที่หลาย ๆ คนที่จะซื้อ WALKMAN ZX1 กังวลกันคือเรื่องของกำลังขับหูฟัง ซึ่งตามสเปกนั้นจะมีกำลังขับอยู่ที่ 15 mW ตามมาตรฐาน JEITA ที่ 16 โอห์ม จากการใช้งานจริงกับหูฟังขนาดใหญ่ที่ผมมีอย่าง MDR-CD900ST , MDR-1RBT และ MDR-Z1000 ก็สามารถขับได้อย่างไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตามจากบทสัมภาษณ์ทีมงานผู้พัฒนานั้น พวกเขาตั้งใจให้เจ้า ZX1 ถูกนำไปใช้งานกับหูฟังที่สามารถพกพาไปฟังข้างนอกได้ ไม่ใช่กับหูฟังขนาดใหญ่ที่มีความต้านทานสูง ๆ ต้องต่อแอมป์นั่งฟังอยู่ที่บ้าน ซึ่งถ้าใครเป็นกรณีอย่างหลัง ทาง Sony ก็ได้ทำสาย USB-OTG ไว้สำหรับเชื่อมต่อระหว่าง WALKMAN และ DAC เป็นอุปกรณ์เสริมครับ
สำหรับคนที่ชอบดูประสิทธิภาพเครื่องเป็นตัวเลข ผมก็มีผลการทดสอบจาก Antutu Benchmark มาให้ดูกัน แน่นอนว่าเทียบกับอุปกรณ์ Android สมัยนี้ ก็เรียกได้ว่าช้าเป็นเต่าเดิน และไม่มีโอกาสที่ได้อัพเดทเป็น Android เวอร์ชั่นสูงกว่าแน่ ๆ
แต่เท่าที่ผมใช้งานมา ตัวเครื่องเองก็ลื่นไหล ไม่ค่อยมีอาการค้างหรือหน่วงให้เห็นเลย ส่วนเรื่องการอัพเดท WALKMAN Android รุ่นก่อนหน้ามา ทาง Sony เองก็ยังมีการออกอัพเดทต่าง ๆ มาให้เรื่อย ๆ เอาเป็นว่าถึงไม่ได้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ แต่มีการแก้บักให้แน่นอน
ในส่วนของอายุการใช้งานเครื่องต่อการชาร์จแบต 1 ครั้ง เนื่องจากการที่ ZX1 สามารถเล่นไฟล์ความละเอียดสูงและการประมวลผลเสียง DSEE HX ที่ต้องใช้กำลังของ SoC หนัก ก็ทำให้อายุการใช้งานจริงนั้นสั้นลงกว่า WALKMAN Android รุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด คือผมเล่นไฟล์ไปสักประมาณ 4 - 5 ชม. แบตเตอรี่ก็ลงมาแตะเหลือเพียงประมาณครึ่งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามระยะเวลาช่วง Standby นั้นยังจัดว่าแย่กว่าเดิมไม่มากนัก ตัวผมเองมักจะใช้ฟังเพลงช่วงเวลาเดินทางไปทำงาน ตอนช่วงต้องการสมาธิเวลาทำงานและก่อนนอน ซึ่งรวมเวลาน่าจะประมาณ 3 - 4 ชม. แบตเตอรี่ก็ยังพอใช้ข้ามวันได้อยู่ แต่จะใช้แบบอาทิตย์นึงเอามาจิ้มคอมใส่เพลง 1 - 2 ครั้งแบบนี้ไม่ได้แล้ว
สำหรับจุดอื่น ๆ ที่อยากเพิ่มเติม ก็มีในเรื่องของการปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายทั้งหลาย ที่รอบนี้ทำมาดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth เชื่อมต่อกันได้เร็วขึ้น และมีระยะการใช้งานได้ดีขึ้นกว่ารุ่น F800 มาก และเนื้อที่หน่วยความจำภายในที่มีขนาดใหญ่ถึง 128 GB ที่สามารถใส่เพลง lossless คุณภาพระดับซีดีได้เยอะจนผมที่ยัดเพลงจากซีดีที่มีที่บ้านทั้งหมดลงไป มันก็ยังไม่เต็ม
Conclusion
จากการใช้งานเจ้า WALKMAN ZX1 ต้องยอมรับเลยว่า รอบนี้ Sony ทำการบ้านมาดีและลงทุนกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hi-Res Audio มาก จนทำให้เจ้า ZX1 นั้นเป็นที่ฮือฮามากในกลุ่มเหล่านักฟังเพลงทั้งหลาย ตั้งแต่ไปโชว์ตัวในงาน IFA เมื่อปีที่แล้ว
ถ้าไม่นับเรื่องของคุณภาพเสียงที่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ส่วนที่เหลือนั้นแทบเรียกได้ว่า ZX1 นั้นกินขาดหมดทั้งเรื่องของการออกแบบตัวเครื่อง เรื่องของซอฟต์แวร์ ที่มี UI ที่ลื่นไหลมากกว่าเครื่องเล่นเพลงความละเอียดสูงอื่น ๆ ในตลาด สามารถใส่ภาพและวิดีโอมาดูบนเครื่องได้ แถมถ้าไม่พอใจแอพที่ให้มาก็ไปหาแอพใหม่โหลดจาก Play Store ได้อีก เรียกได้ว่าครบเครื่องกันเลยทีเดียว
ส่วนจุดติคงจะเป็นในเรื่องของการรองรับการเล่นไฟล์แบบ DSD ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าตัวเครื่องจะเล่นได้แต่อย่างน้อยโปรแกรมที่ใช้จัดการเพลงอย่าง Media Go เอง ควรจะสามารถแปลงไฟล์ DSD เป็นไฟล์ในรูปแบบ Lossless ความละเอียดสูงได้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะแปลงเป็น MP3 หรือ AAC ให้เสียของไป
สรุป ใครที่กำลังมองหาเครื่องเล่นมีเดียที่ให้คุณภาพเสียงระดับสุดยอด แต่หน้าตาดี พกพาง่าย ใช้งานสะดวก งบไม่อั้น WALKMAN ZX1 คือคำตอบของคุณครับ
ที่มา - RE.V->
Comments
ตัวขั้น => ตัวคั่น
หน้า จอ => หน้าจอ
จะใช้หุ้มหนังเทียม => จะหุ้มหนังเทียม, จะใช้หนังเทียมหุ้ม
รีวิวของWALKMAN F800 => รีวิวของ WALKMAN F800
ครึงเดียว => ครึ่งเดียว
แก้ไขแล้วนะครับ ขอบคุณครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
เห็นหลายคนมี MDR-1r กันแฮะ /me กิเลสๆ
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
เป็นเครื่องเล่นเพลงนี่ ขาดไปแค่ช่องใส่ซิมเลยทีเดียว - -"
ฝาปิดพอร์ตที่ว่าของไทยต่างจากญี่ปุ่นนี่ต่างกันยังไงเหรอครับ?
ฝาปิดพอร์ต รหัสขายทั่วโลกเว้นญี่ปุ่นจะไม่ได้ใส่มาให้ครับ รูปร่างรบกวนดูจากในลิ้งก์นะครับ
http://av.watch.impress.co.jp/img/avw/docs/619/553/html/wm09.jpg.html
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ใส่ Break หลังย่อหน้าที่สองด้วยครับ = =a
แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
มาสะดุดตรงแบตนี่แหละ- -
ผมมาสะดุดตรงงบไม่อั้นนี่ล่ะ = =
21,900 ผมว่าก็ไม่ได้เวอร์เกินไปหรอกครับ Walkman X series ตัวเก่าก็ปาไป 15k+ อยู่แล้วนะแถมเมมยังน้อยจนน่าละเหี่ยใจ
คู่แข่งเรื่องคุณภาพเสียงจากที่ต่างประเทศไปลองกันมานิดๆ หน่อยๆ ผลออกมานี่วัดกับ Astell&Kern AK120 ได้เลยนะครับ ซึ่งราคาต่างกันเท่าตัว และยิ่งถ้าลงไปวัดกับ AK100 MKII ที่ราคาพอกันเค้าก็บอกว่า ZX1 ทิ้งไปไกลเหมือนกัน (ทั้งหมดคือไม่คอนเฟิร์มนะยังไม่เคยลองเอง - -") แต่ถ้าเป็นจริงตามที่ว่ามามันจะเป็นอะไรที่คุ้มมาก
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
จริงฮะ ฟังเพลงจากเครื่องเล่นทั่วๆไป (SmartPhone, Tablet, Notebook, MP3 Player)ก็ดูจะแพงอยู่ถ้าซื้อสำหรับฟังเพลงอย่างเดียว
แต่ถ้าพวกขาโหดทั้งหลายแล้ว เครื่องเล่นราคาระดับนี้ถือว่าปกติกันเลยทีเดียวต้องไปเทียบกับพวกตลาดเดียวกัน ราคาพอๆกันมากกว่า ว่าจริงๆแล้วดีแค่ไหน
คงมาเทียบ Android Flagship, Iphone ไรงี้คงไม่ได้ราคาพอๆกัน อันนึงทำได้ครอบจักรวาล อีกอันเน้นดีเด่นด้านเสียงอย่างเดียว
มีแต่หูฟัง MDR 1R ผมควรจะลงทุนกะเครื่องนี้มั้ยครับ
คือว่าผมชอบฟังเพลง เล่นดนตรี แต่ไม่ใช่ Audiophile จริงๆจังๆเห็นเพื่อผมมันมีเครื่องเล่น HRA เหมือนกัน แต่หูฟังมันใช้เป็น Ultrasone Edition 8
ถ้ามีงบก็น่าลองครับ หลาย ๆ คนที่เอาหูฟัง Sony รุ่นที่รองรับ Hi-Res Audio เช่น 1R ไปลอง บอกว่าแนวเสียงเข้ากันมากครับ ผมลองกับ 1RBT ก็เห็นด้วยเหมือนกันครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
แล้วคุ้มกับการเล่นไฟล์ CD quality (FLAC) หรือ 320kbps ธรรมดาไหมครับ ดีกว่าไหมเมื่อเทียบกับเครื่องเล่น MP3 คุณภาพดีทั่วไป หรือแนะนำแต่ไฟล์คุณภาพสูงเท่านั้น
ในความเห็นของผม ตัวฮาร์ดแวร์และตัวประมวลผลเสียงต่าง ๆ ออกแบบมาให้ใช้กับเพลงความละเอียดปกติและความละเอียดสูงอยู่แล้ว เรื่องคุ้มไม่คุ้มอาจจะต้องดูด้วยว่าเราชอบเสียงแนวแบบไหนมากกว่าน่ะครับ
แต่ถ้าดูในแง่สเปก การใช้งาน กับเงินที่จ่ายไป ผมว่าคุ้มครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ขอบคุณครับ
ดีไซน์ โซนี้โซนี่ ชอบนะ แต่อาจจะมีแววตาม VAIO ไปเหมือนกัน
ตอนนี้ใช้ Sony X อยู่
มันต่างกันเยอะมั้ยครับ ในเสียงย่านต่างๆ กับแนวเสียง
จริงๆ เล็งว่าจะไปต่อที่ Sony F886 เพราะเห็นเค้าว่าเสียงไม่ต่างจาก ZX1 มาก
ปล.มี MDR-1R เหมือนกัน แต่หูฟังหลักๆ เป็น Ultrasone IQ
ZX1 เบสจะน้อยกว่า แต่ได้เรื่องรายละเอียดที่มากกว่า และเสียงโปร่งใส ฟังได้สบายกว่าครับ
ถ้าไม่ซีเรียสกับพื้นที่ใช้งานจริงประมาณ 20 GB ปลาย ๆ F886 ก็น่าสนใจครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ผมใช้ความจุแค่ไม่ถึง 10 GB ครับ
รอสอย f886 แถวสอง :)
ข้างหลังผมว่ามันแปลก ๆ
มีโอกาสที่ sony จะเอามารวมกับ มือถือตัวเองหรือเปล่า
ไม่ค่อยอยากพกหลายอย่าง
และอีกปัญหาคือ ปกติ เพลง ความละเอียดสูงๆ หาซื้อกันที่ไหนหรอครับแล้ว เพลงไทย มีความละเอียดสูง บ้างหรือเปล่า
ถ้าพวกเพลงสากลก็จะเป็น HDtracks ครับ ส่วนผมฟังเพลงญี่ปุ่นเป็นส่วนมาก ก็ซื้อจาก mora กับ Ototoy ครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
พอจะรู้ไหมครับ mora มันรับบัตรไทยธนาคารไหนมั่งอะครับ
รู้สึกว่ามันจะไม่รับบัตรที่ออกนอกญี่ปุ่น ผมเลยใช้บัตรเติมเงินเติมแทนครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ทำไมไม่ทำให้ด้านหลังมันเรียบไปเลย ไม่เข้าใจ
เมื่อก่อนขวนขวายหาเพลงความละเอียดสูงก็เปลืองหน่วยความจำสูงตามไปด้วยปัจจุบันฟัง mp3 128k พอละ