เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดความโกลาหลบน App Store ของประเทศญี่ปุ่นหลังจากมีรายงานว่าเกมดังอย่าง Monster Strike ของ mixi ที่โด่งดังถึงขนาดทำรายได้มากกว่า 4.2 ล้านเหรียญต่อเดือนถูกแอปเปิลเอาออกจาก App Store เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา
หลังจากถูกเอาแอพออกก็มีคนในวงการเกมออกมาให้ความเห็นว่า เหตุผลที่เกม Monster Strike ถูกเอาออกอาจจะมาจากการใช้ระบบอื่นสำหรับซื้อขายสินค้าในแอพ (in-app purchase) ตามข้อบังคับการใช้งานที่ 11.2 ซึ่งเมื่อตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าเกม Monster Strike มีระบบที่สามารถซื้อของในเกมด้วยรหัสที่ซื้อได้จากสินค้าภายนอกอยู่จริง ซึ่งแอปเปิลทราบเรื่องนี้ดีและติดต่อทาง mixi ให้นำระบบนี้ออกมาได้พักหนึ่งแล้ว และคาดว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวแอพโดนดีดออกตามที่รายงานมา
ในวันเดียวกัน ทาง mixi ได้โพสต์ บล็อกใหม่ เพื่อแจ้งการยกเลิกใช้ตัวรหัสจากภายนอก App Store ทำให้ตัวแอพกลับมาในช่วงเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ จากช่วงเวลาที่แอพหายไปนี้คาดว่า mixi สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ราว 600,000 เหรียญเลยทีเดียว
ที่มา - VentureBeat
Comments
อย่าง Line ของ Naver ก็จะมีกระบวนการคล้ายๆกันเพื่อหลีกเลี่ยง in-app purchase คือ
แต่อันนี้
ในความรู้สึกผมก็น่าจะต่างกันไม่มากหรือเปล่า
คือถ้าถามกันว่าไม่ต่างกันมากไหม ก็ตอบได้เลยว่าใช่ แต่กรรมวิธีมันต่างกันครับ
สำหรับของ LINE เอง เปิดหน้า web store เพื่อเปิดให้ซื้อเหรียญในเกมได้ และ redeem ในเว็บโดยตรง (ไม่มีระบบ redeem ในแอพ)
แต่สำหรับอันนี้ เปิดให้ redeem ในแอพด้วย และส่วนใหญ่ โค้ดที่เอามา redeem จะเป็นโค้ดที่มาจากระบบ IAP นอก App Store ซึ่งผิดกฎแอปเปิลเต็ม ๆ
แต่ว่ากันตรง ๆ นะว่าจริง ๆ แอปเปิลแกก็อยากกินค่าต๋ง 30% เหมือนกัน...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ต่างกันตรง "กรอก voucher ใน app" มันเป็นการเติมอะไรสักอย่างลงแอพโดยตรงนั่นแหละครับ ของไลน์นั่นก็แค่ใช้ของที่มีอยู่แล้ว
600,000 เหรียญนั่น คิดว่าน่าจะเป็นแค่ขาดทุนกำไรเล็กน้อยมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ คงได้เต็ม ๆ จากการผิดกฎ และไม่ต้องจ่ายค่าเปอร์เซ็นต์ให้ Apple มาเป็นเวลานานแล้วมากกว่า
Mixi => mixi (ตัวเล็ก)
ถึงตอนนี้บล็อกแจ้งข่าวมีคนกดทวีตไปพันกว่า กดไลค์บนเฟซบุ๊คเกือบสามร้อย กดฮาเทน่าบุ๊คมาร์คไปอีกเกือบสามสิบ แต่มีคนกดไลค์บน Mixi แค่สี่... นี่มันเกมของ mixi นา
แล้ว EBOOK ไทยอย่าง Ookbee กับ Meb
ถ้าซื้อผ่านwebsite ขายราคาถูกกว่าเพราะไม่ต้องจ่ายให้Apple
แบบนี้ไม่โดนหรอครับ
เค้าไม่ได้ห้ามซื้อข้างนอกครับ ถ้าซื้อของนอกจนจบ process ไม่เป็นไร แต่ถ้าเอามากรอกผ่าน app ทำอะไรใน app ต้องผ่าน in app purchase ถ้าทำ transaction ผ่าน app ต้องจ่าย apple ประมาณนั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
รายได้ 4.2 ล้านเหรียญต่อเดือนนี่รวมรายได้จาก android ด้วยป่าวครับ
ฝั่ง Android ก็ที่หนึ่งนะนี่เกมนี้ (store ญี่ปุ่น)
ยังไงก็รู้สึกดีที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้แม้แต่น้อยเงินซักเหรียญก็ไม่มีทางตกไปถึง รับรองเลย
ผมไม่ได้ว่าเรื่องที่เอาออกจาก store เพราะทำผิดเงื่อนไข ในเมื่อเจ้าของแอพทำผิดเงื่อนไขที่สโตร์ตั้งไว้ ก็ต้องมีมาตรการจัดการอันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่แล้ว (ทั้งนี้ไม่ออกความเห็นเรื่องความเหมาะสมของเงื่อนไข อันเป็นส่วนนึงที่ผมรังเกียจบริษัทนี้จนแทบแช่งถึงกระดูก)
แต่ในเมื่อคนใช้ ถูกบังคับให้ใช้จากสโตร์เพียงสโตร์เดียวเท่านั้น เจ้าของสโตร์กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ อยากจะถอดอะไรก็ถอด จะไม่อนุมัติอะไรก็ได้ ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์เลือกเลย อยากจะใช้ก็ใช้ไม่ได้ แอปเปิลคิดเองตัดสินใจเองหมด และผลประโยชน์ของแอปเปิลคือ priority สูงสุด ผมคงรู้สึกไม่สบายใจถ้าจะต้องเอาเงินให้บริษัทประเภทนี้เลยจริงๆ
ไม่ได้ชื่นชมแอนดรอยด์ แต่อดชื่นชมไม่ได้ในความเป็นระบบเปิด ต่อให้ play store จะเอาแอพอะไรออกก็เป็นสิทธิ์ของเขา และเป็นไปตามเงื่อนไขที่เขากำหนด แต่ผู้ใช้ก็ไม่ได้หมดสิทธิ์ใช้แอพนั้น แต่ก็มีสิทธิ์เลือกใช้แอพเองจากแหล่งอื่นได้เช่นกัน ไม่ถูกปิดกั้น ถ้าไม่พอใจเงื่อนไข ก็ไปใช้แหล่งอื่นได้ เนี่ยแหละคือมือถือที่เราเป็นเจ้าของเครื่องจริงๆ
ต่อให้มันจะลื่น มันจะสวย มันจะดูดีในสายตาสังคมซักแค่ไหน แต่ถ้าเรื่องพื้นฐานพวกนี้ยังให้ไม่ได้ ผมก็ไม่นับญาติว่าเป็นสินค้าที่ควรซื้อในสารบบของผมครับ
ปล.คำตอบพวกนี้ผมอยากจะตอบพวกที่ทักว่า "อ้าว ทำไมไม่ซื้อ iPhone ล่ะ?" หลังจากที่ผมเพิ่งถอย Note 4 มา ...ยอมรับเถอะครับว่าตอนนี้หลายๆ คน โลกนี้มีแต่ iPhone จริงๆ
ต่างกันตรงไหนเนี่ย แอปเปิ้ลเอาแอพออกจาก store คนที่มีแอพอยู่แล้วก็ยังใช้ได้นี่ครับ
งง เหมือนกัน แล้วเค้ารู้มั๊ยว่า ไอโฟนมันเจลเบรคได้
รู้ครับ
คำถามต่อไป เจลเบรคแล้วแอปเปิลรับประกันอยู่มั้ยครับ
ถ้าไม่รับประกัน ก็ต้องถือว่าแอปเปิลไม่ยอมรับการเจลเบรค
และเคยมีช่วงเจลเบรคไม่ได้ตอนมี iOS รุ่นใหม่ออกมามั้ยครับ แบบเกมแมวไล่จับหนู โดนแอปเปิลปิดช่องโหว่ แล้วก็ใช้เวลาซักพักจนกว่าจะหาช่องโหว่ใหม่ให้เจลเบรคได้ แล้วก็โดนแอปเปิลปิดอีกในรุ่นหน้า เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
แล้วระหว่่งที่เจลไม่ได้ จะเป็นยังไง
ก็อาจมีคนค้านว่าก็ยังไม่ต้องรีบอัพเดต รอให้เจลได้ก่อน ก็จริง แต่ผมว่าตลกดี แทนที่จะได้ใช้รุ่นใหม่กันเร็วๆ ก็ถือเป็นประสบการณ์ใช้ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าพูดกันตรงๆ
เกิดรุ่นหน้า เจอแอปเปิลปิดช่องโหว่สนิท เจลไม่ได้อีก ก็จบตำนานเจลเบรกกันไป ซึ่งทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ในคุกของเค้าแล้ว
ซื้อเครื่องทั้งที เครื่องเป็นของเรา ผมคนนึงที่ไม่ยอมตกเป็นทาสใครครับ
มันก็คงแล้วแต่ว่าใครจะให้น้ำหนักอะไรมากกว่ากันแหละครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดิมๆ ที่น่าจะได้คำตอบเดิมๆ เวลาถกกัน
นั่นมันเป็นมุมมองของคุณ คุณบอกจะไม่ยอมเป็นทาสใคร แต่ตอนนี้คุณก็ใช้มือถือที่ผลิตโดยคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวคุณเองอยู่ดี
คนอื่นเขาก็มองอีกอย่างได้ เครื่องไม่เจลเบรกมันมีปัญหาตรงไหน ลื่น เสถียร ทำงานที่เขาต้องการได้หมดทุกอย่าง ..จบ
หมายถึงถ้าคนจะโหลดแอพใหม่ แล้วไม่มีให้ลงครับ
ในขณะที่แพลตฟอร์มคู่แข่ง ก็ไม่ติดปัญหาตรงนี้
นี่มองในมุมผู้ใช้ รึมุมDev กันแน่อ่ะครับ ผมเป็นผู้ใช้นึกไม่ถึงอะไรที่ว่ามานี่เลยครับ เขาไม่มีให้ใช้ก็ไม่ใช้ ดีกว่าปล่อยกันมั่วซั่วแล้วคุมไรไม่ได้ สุดท้ายผู้บริโภคซวย ผมคนใช้มองยังงี้ครับ
เพลีย..............
สั่งสอน! Airbnb ยกเลิกบัญชีหนึ่งในเจ้าของห้องเช่าในไทยที่ทำรายได้สูง โดยไม่เปิดเผยสาเหตุ ทำไมมันดูคล้ายกันจัง
มีสาเหคุกับไม่มีมันต่างกันเยอะอยู่นะครับ
นั่นซิเนอะ OK ฉันเข้าใจแล้ว nrml :)
ความรู้สึกเดียวกันเลยครับ จะเรียก ทำนาบนหลังคน หรือเสือนอนกิน ก็ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่แน่ ๆ บอกได้เลยว่าเขี้ยวลากดิน
ถ้าเป็นเรื่องนี้ Android ก็ไม่ต่างกันนะ google ก็ห้ามเติมเงินด้วยวิธีอื่นเหมือนกัน
ไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงแอพหายไป ถึงสูญเสียรายได้ คนที่โหลดทุกคนต้องซื้อ in app ทุกคนเลยเหรอ ? แล้วมีคนโหลดต่อวันสูงขนาดนั้นเลยเหรอ? เพราะคนที่โหลดแล้วก็ไม่กระทบอะไร
น่าจะเกิดจากการประมาณยอดที่คนจะดาวโหลดและใช้จ่ายต่อวันแหละครับ