Craig Federigh หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล เดินสายให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่งเกี่ยวกับ Face ID ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่ใช้ใน iPhone X ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างต่อเนื่องจาก อีเมลที่เขาตอบนักพัฒนา
เขาเริ่มต้นโดยเล่าถึงการเตรียมชุดข้อมูลเพื่อเรียนรู้สำหรับสร้างตัวแบบ โดยใช้รูปภาพมากกว่าพันล้านไฟล์ ออกมาเป็นอัลกอริทึมที่ใช้งานได้ดี และเมื่อนำมาใส่ใน iPhone ข้อมูลทั้งหมดจะเก็บไว้แค่ในเครื่องเท่านั้น ไม่มีการส่งออกข้อมูลเพื่อนำไปเรียนรู้เพิ่มเติมอีก ซึ่งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องความปลอดภัยนั้น Craig บอกว่านักพัฒนาจะไม่สามารถใช้แอพเพื่อเข้าถึงข้อมูลรหัสทั้งหมด Face ID ได้ โดยที่สามารถเข้าถึงได้เป็นข้อมูลแบบหนึ่ง เหมือนกับที่เห็นตอนสาธิต Snapchat บนเวที เช่นเดียวกันกับ ARKit
สำหรับความสามารถของ Face ID นั้น เขาบอกว่าประเด็นเรื่องแว่นกันแดดนั้น ที่บอกว่าส่วนใหญ่ใช้ได้ ก็ขึ้นอยู่กับระดับของเลนส์ว่ายอมให้อินฟราเรดผ่านได้แค่ไหน ฉะนั้นแม้เป็นเลนส์ Polarized ก็ใช้งานได้เช่นกัน ส่วนผู้ใช้ที่มีปัญหาสายตา เช่นตาบอด หรือผ่าตัดดวงตา ก็มีตัวเลือกให้ปิด attention detectionซึ่งทำให้ Face ID ไม่สนใจว่าดวงตาจ้องมองหรือไม่ แต่ก็เป็นการลดระดับความปลอดภัยในการใช้งาน ส่วนองศากล้องในการใช้งาน Craig บอกว่าระดับที่เหมาะสมในการปลดล็อกคือเท่ากับเวลาใช้กล้องหน้าทั่วไป
เขายังอธิบายว่าเมื่อยก iPhone X ขึ้นมาซึ่งปลดล็อกไปแล้วด้วย Face ID เหตุผลที่เรายังต้องปัดจอเพื่อเข้าสู่หน้าโฮมนั้น เพราะในการใช้งานบางคนอาจแค่หยิบโทรศัพท์เพื่อเช็กเวลา หรือดูรายการแจ้งเตือนเท่านั้น หากเข้าสู่หน้า Home เสมอ ก็จะไม่สะดวกในการใช้งาน
ในขณะที่ผู้ใช้ไม่น้อยมีความสงสัยว่าตอนใช้งานจริงจะสะดวกและปลอดภัยมากแค่ไหน Craig บอกว่า เขาเข้าใจที่หลายคนกังวล เพราะระบบแบบนี้มีผู้ผลิตรายอื่นทำออกมาขายแล้ว แต่มันแย่มาก เพราะสามารถใช้ภาพถ่ายหลอกได้ง่ายๆ แต่ Face ID ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้เขาจึงรอให้ลูกค้าแอปเปิลได้ใช้ iPhone X กัน ตอนนี้ข้อความที่ออกมาคล้ายกับที่คนสงสัยใน Touch ID ตอนเปิดตัวว่าจะใช้งานได้ไหม แต่พอเวลาผ่านไปทุกคนก็พบความสะดวกและติดใจ ซึ่งนั่นก็กำลังจะเกิดขึ้นกับ Face ID เช่นกัน
ที่มา: TechCrunch และ MacRumors
Comments
ถ้าไม่ล่มบนเวทีเปิดตัว จะรู้สึกมั่นใจกว่านี้ครับ
+65536
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เหมือนจะไม่ใช้การพลาดของ face ID นะครับ มันเจอหน้าของคนที่ไม่ใช้เจ้าของเยอะเกินไปเลยปิดการใช้งาน
https://www.macthai.com/2017/09/14/face-id-did-not-fail-during-demo/
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ผมรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ไปแล้วครับ (first impression) ที่เหลือคงต้องรอดูรีวิวจากผู้ใช้จริงอีกที
เหมือน iPad 1 ที่ Steve Jobs เปิดตัวครับ ผมเห็นมีแต่คนด่าสุดท้าย พอสินค้าจริงออกมา คนเดียวกันเปลื่ยนคำพูด หน้ามือเป็นหลังมือ
สุดท้าย รอสินค้าจริงวางตลาดแล้วดูกระแสการใช้งานจริงอีกที ดีกว่า ครับ
อันนี้เป็นเรื่อง first impression แบบไม่ต้องมโนน่ะครับ
เห็นด้วยนะ ทุกวันนี้ ทัชไอดี สแกนเร็วจนนึกว่ายังสแกนอยู่หรือเปล่า แตะเบาๆ ก็เข้าหน้าโฮมแล้ว จนบางทีต้องเอานิ้วที่ไม่ได้ใช้มาลองสแกนดู
"Craig บอกว่า เขาเข้าใจที่หลายคนกังวล เพราะระบบแบบนี้มีผู้ผลิตรายอื่นทำออกมาขายแล้ว แต่มันแย่มาก เพราะสามารถใช้ภาพถ่ายหลอกได้ง่ายๆ แต่ Face ID ไม่ใช่แบบนั้น"
ประโยคนี้น่าจะมีคนเจ็บไม่มากก็น้อย
เพราะระบบแบบนี้มีผู้ผลิตรายอื่นทำออกมาขายแล้วแต่มันแย่มาก
พนันได้เลยรุ่นหน้ามาแบบไอโฟนแน่ จำได้ในอดีต ฟังก์ชันค่ายอื่นที่ว่า ดูถูกไว้มาหมดทั้ง ใช้จอเป็นแฟลช, สแกนนิ้ว(ติ่งบอกว่าแบบรูดบนโน้ตบุ๊คดีที่สุดแต่ทุกวันนี้?), โหมด Night Shift, กล้องคู่แบบเลนเทเลออปติคอลซูม(ค่ายอื่นก่อนหน้าเป็นเลนขาวดำ) บอกใช้กล้องคนละตัวถ่ายไม่นับเป็นออปติคอลแต่ค่ายนี้ตอนพรีเซ้นต์ก็บอกว่าออปติคอลซูม(อ้าว!), สีโรสต์โกลด์ไร้สาระมันคือสีชมพูและแล้วโรสพิงค์ก็ตามมา, กล้องนูนน่าเกลียดคนเป็นโรคกลัวรูไม่ชอบแน่ สรุปโรคกลัวรูมาแทบทุกยี่ห้อยกเว้น Sony อันนี้นับถือมีแนวทางเป็นของตัวเองจริงๆ และอีกเยอะ
555+ มาเต็มเลยเชียว
สะกดจิตซะจนเริ่มอยากได้ขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ เหลือแต่เรื่องหน้าตาขอจอนี่ล่ะ
จริง ผมเลยต้องเล็งไปที่ 8+ แทน อีกอย่างไม่ชอบขอบมนจะมนกันทำไมไม่เข้าใจ 8+ กลายเป็นลูกเมียน้อยเพราะไม่มี Face ID จริงๆ พื้นที่ด้านบน 8 เหลือตั้งเยอะน่าจะให้ Face ID มาหน่อย user จะใช้หรือไม่ก็อีกเรื่องนึง
+1
ส่วนตัวแล้ว อยากเห็นการดวลกันระหว่าง Face ID กับ Windows Hello (บนพีซี) นะครับ เพราะตอนใช้ Windows Hello กับกล้อง Kinect v2 (ต่อกับอแดปเดอร์ยั้วเยี้ยะ) ทำงานได้เร็วมาก ๆ วิธีปลดล็อกเหมือนกันกับ iPhone X เลย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
นายมองข้าม การสแกนหน้าของ SS กับแอนดรอย ตั้งแต่ 6.0 ไป ผมจะไม่ทน
หะไรนะ อ๋อ เดี๋ยว S9 ก็ทำ
จริง ๆ Android ตั้งแต่ Android 4.0 Ice Cream Sandwich นะครับ แต่ไม่ค่อยใช้อย่างกว้างขวางเท่าไร แล้ว เคยมีเหตุการณ์นี้ด้วย
ส่วนเรื่อง Galaxy S9 จะทำไหม ผมว่ายังไงก็คงไม่รอดเท่าไร และอาจจะได้เห็นตัวแสกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอในนั้นด้วย แต่โอกาสมันยากนิดนึง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Android มันสแกนเป็นภาพสองมิติธรรมดาครับ สมัยนั้นก็ทำได้แค่นั้นแหละ ปริ้นมาหลอกได้ก็ไม่แปลก
ถูกครับ มันไม่มี depth sensor ครับ เลยปลอมง่าย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ของแอนดรอยมันไม่ได้สแกนเป็น 3D ด้วยรึเปล่าครับ (ถึงได้ปริ้นรูปแล้วเอามาปลดล็อคได้)
แต่ของ iPhone X จะใช้ TrueDepth Camera
Windows helloบน surface pro4 แค่มานั่งมือยังไม่ถึง keyboard เลยด้วยซ้ำ มัน login ให้เสร็จละ
Windows Hello เร็วมากครับ แต่ข้อเสียคือพอผมถอดแว่นมันจำไม่ได้ 555
Educational Technician
แต่ผมกลับมองว่า เพราะมันเกิดเหตุการณ์บนเวที เลยยิ่งทำให้มันมีความน่าสนใจและสามารถสร้างเหตุการณ์ที่แสดงความแตกต่างของเจ้าอื่นๆได้ ผ่านการอธิบายออกมา ผ่านสื่อ ทำให้เป็นจุดขายของฟีเจอร์นี้ไปและหลังจากนี้หากวางขายและทำได้ดีจริง คนจะยอมรับมันเอง
คือ... touch id คนติดใจแล้วทำไมถึงเอาออกล่ะครับ?
นึกออกอย่างนึงคือปลอดภัยกว่า เป็นกึ่งๆยอมรับว่าที่ผ่านมามันไม่ปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็หมายความว่าเจ้าอื่นที่ใช้ finger scan ก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน
อย่าไปมองว่าของเก่ามันไม่ปลอดภัย แต่มันเป็นการพัฒนาให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นมากกว่า และในอนาคตมันก็ต้องมีระบบที่ปลอดภัยกว่าสแกนหน้ามาแน่นอน
ก็เหมือนรถยนต์ สมัยก่อนแค่กุญแจธรรมดาก็เพียงพอ แต่สมัยนี้ กุญแจรถต้องเป็นกุญแจเฉพาะ มีเซ็นเซอร์นู้นนี่นั้นเต็มไปหมด
ผมว่าที่ตัดออกเพราะต้องการจะดันตัวนี้ขึ้นมามากกว่า คือถ้ายังมี touch id คนก็จะยังใช้ touch id เพราะมันสะดวกกว่า แค่หยิบแล้วแตะปุ่มมันก็ปลดล็อกก่อนถึงจะถึงหน้าเราแล้ว
FaceID อยู่บน iPhone ผมว่าเฉยๆนะครับ ไม่คิดว่ามันจะสะดวกกว่าเดิมมากนัก แต่ผลพลอยได้คือแอพที่ใช้กับใบหน้าใช้ได้ดีขึ้น
แต่ถ้ามันไปอยู่บนอุปกรณ์ตัวอื่นเช่น MacBook, iPad หรือ Apple Watch น่าจะสะดวกกว่าเดิม เพราะลดขั้นตอนการปลดล็อคเครื่องได้พอสมควร
นึกภาพว่าเปิดฝา Macbook มา ใช้ได้เลย เหมือนเวลาใส่ Apple Watch แล้วมันปลดล็อค MacBook ให้
หรือ iPad ยกมากดปุ่มด้านข้างแล้วใช้ได้เลย โดยไม่ต้องเอื้อมมือลงไปแสกนลายนิ้วมือ ก็น่าจะสะดวกดี
ผมคิดว่าเขาเปิดตัวบน iPhone ก่อน เพื่อปูทางให้อุปกรณ์อื่นๆ
สไตล์ Apple นั่นแหละครับ แบบเดียวกับที่ตัด 3.5mm ออก ทั้งที่มันไม่ได้มีความจำเป็นในการออกหูฟังไร้สายหรือหูฟัง Lightning เลย หรือแบบเดียวกับ Macbook Pro ที่ตัดพอร์ต USB และพอร์ตต่างๆออกทั้งที่แค่เพิ่มพอร์ต USB-C ไปแค่นั้นก็พอแล้ว
ตอนแรกผมยังกลัวด้วยซ้ำว่า iPhone งวดนี้อาจจะไม่มีพอร์ตอะไรออกมาเลย แล้วดันระบบไร้สายเต็มที่
อยากได้จอเต็มพื้นที่ > เอาปุ่ม home ออก > ทำ touch id ไว้ใต้จอไม่ได้เพราะเปลี่ยนมาใช้จอ amoled > เปลี่ยนไปใช้สแกนใบหน้าแทน
น่าจะประมาณนี้
ผมว่าtouch id workกว่า อุตส่าห์ใส่sensorมาล้ำๆเพื่อให้สแกนหน้าได้ ต่อให้สแกนไวขนาดไหนก็ต้องยกขึ้นมาก่อนถึงเปิดได้ ต่างจากtouch id ยังสงสัยว่าความปลอดภัยเทียบกับtouch id เป็นไง ทำไมไม่เห็นบอก กินแบตเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กินทรัพยากรมากกว่าลายนิ้วมือแน่ๆผมว่าเป็นแค่ของเล่นใหม่เท่านั้น ตอนนี้นอกจาก security ที่ไม่รู้ว่าปลอดภัยกว่าลายนิ้วมือแค่ไหนเชียว เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน เอามาเล่นกับสติกเกอร์ อีโมคอน เกม ได้ก็เป็นแค่กิมมิก
ถ้าไม่ใช่appleทำแบบนี้เจ๊งชัวร์ แต่ก็ดีครับนำเทรนไปก่อน สร้างsensorแบบใหม่ๆไว้รอคนเอาไปพัฒนาทำอย่างอื่นผมชอบ แต่สำหรับแค่เรื่องเอามาแทนลายนิ้วมือ ผมว่ายังไร้สาระ
มีบอกในวันเปิดแล้วตัวนะครับ ความปลอดภัยเทียบกับ touch id ของ touch id โอกาสเจอนิ้วคนอื่นปลดได้ 1 ใน 50,000 แต่ face id 1 ในล้านครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ต้องใส่หน้ากากตอนนอนเพื่อกับปลด lock ด้วย face id ฮ่าๆ
อย่าพึ่งคาดหวังอะไรมาก ผมใช้ Window Hello บางครั้งก็ยังมีปัญหาต้องกด Pin เอง โดยเฉพาะคนที่ต้องใส่แว่น ถอดแว่น แล้วมีแว่นหลายอัน รวมถึงบางทีก็ปลดล็อกทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการ เช่น วางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินผ่าน เปลือง Batt กันไป
ผมใส่แว่นก็ใช้งานได้ตามปรกตินะครับ รวดเร็วดี ลอง improve recognize หลายๆแบบดูครับปล. ผมแว่นอันเดียว
เกรงว่า face ID จะเอามาใช้กับสาวไทยบางคนไม่ได้
แต่ทำงานดีมากกับสาวเกาหลีใต้ iPhone X 1 เครื่องนึงคงสแกนสาวเกาหลีได้หลายคน อิอิ
เชื่อว่า แสกนนิ้วใต้จอสมบูรณ์เมื่อไหร่ touch id ก็จะกลับมาครับ ตอนนี้ก็พูดแก้เก้อไว้ก่อนว่า Face id มันดี ซึ่งยอมรับว่าดีกว่าทุกเจ้าที่ทำมาก่อนนะ อย่างของ Samsung ใช้แค่รูปถ่ายยังปลดได้เลยไม่มี ir ตรวจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือป่าวด้วย
อะไรที่ตัวเองยังไม่ได้ทำ, แอบซุ่มทำ, หรือไม่มี ก็เห็นชอบบอกไม่มีดีสักอย่าง
ส่วนตัวผมเฉย ๆ อ่ะ ไม่เห็นต่างกับ windows hello สักเท่าไร ล่าสุดเห็น สิทธิบัตรของ MS ก็คล้าย ๆ กับ face id สรุปไปขอมาใช้รึเปล่าเถอะ
ไม่ได้ขอครับ แต่มันซื้อ PrimeSense (เจ้าของสิทธิบัตร และเป็นตัวต้นคิดเทคโนโลยีที่เอามาใช้กับ Kinect,windows hello) มาทั้งบริษัท
มองว่าควรใส่มา 2 ทั้ง touch id และ face id แบบไม่ควรตัด touch id ออก เพราะว่า การใช้งาน บางคนนิยมใส่หน้ากากอนามัย เวลาจะใช้งาน ผมไม่แน่ใจเหมือนของ Samsung ไหมที่ใช้แค่ม่านตา แต่ถ้าใช้ทั้งหน้าก็ลำบากต้องถอดหน้ากากก่อนอีก
ใช้ม่านตาคนใส่แว่นก็ใช้ไม่ได้ครับ
สแกนทั้งหน้าได้ดีระดับนึง
แต่ส่วนใหญ่ใช้นิ้วมือครับ
ถอด/ใส่แว่นตา กับ ถอด/ใส่ หน้ากากอนามัย มันไม่เท่ากันเลยนะครับปล. Iris Scanner ของ S8 แสกนผ่านแว่นกันแดดได้นะครับ
SS ผ่านแว่นได้ครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมใส่แว่นสายตา iris scan บน s8 ไม่มีปัญหานะครับ
ผมว่าอย่างน้อยญี่ปุ่นเนี่ยแหละ ขายลำบากแน่ ใส่ mask กันครึ่งประเทศได้
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เอาจริงๆทุกวันนี้ก็ใช้ Touch ID จนรู้สึกปกติ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ถ้าผลิตภัณฑ์หน้าจะเลือกใช้ Face ID ก็ควรจะค่อยๆปูทางหน่อย อย่างนี้มันรู้สึกหักดิบไปเลย แต่ก็เห็นด้วยที่ตัด Touch ID ออก ควรจะเลือกอย่างในอย่างหนึ่งไปเลย ทิศทางการพัฒนาจะได้ชัดเจน
คนใช้ทั่วๆไปเขาไม่สนหรอกครับว่ามันปลอดภัยแค่ไหน แต่เขาสนใจว่ามันสะดวกแค่ไหนมากกว่า
ต่อให้ FaceID มันดีกว่าแสกนหน้าแบบเดิมแค่ไหน แต่ Flow การใช้งานสุดท้ายมันก็คือแสกนหน้าเหมือนกัน (แต่ก็อัพเกรดอะไรหลายๆขึ้นมา) ก็ต้องรอพิสูจน์นั่นแหละครับ
ลองใช้ iOS11 หรือยังครับ มันออกแบบมาเพื่อฆ่าปุ่มโฮมจริงๆ นะApple เวลาเขาทำไร วางแผนมาอย่างดีจริงๆ ทั้ง hardware software ไปด้วยกันอย่างเนียนมาก ที่เหลือก็ให้ผู้ใช้ปรับตัวในช่วงแรกเท่านั้นเอง ซึ่งไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรงกับของแค่นี้
ขนาดคนเราขับรถมาเป็น 10-20 ปี พอเปลี่ยนคันใหม่ ยังต้องปรับตัวกันเลย
ผมไม่เคยใช้ iOS ครับ ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับที่ผมพิมพ์หว่า?
แต่เห็นด้วยเรื่องปรับตัวครับ อะไรหลายๆอย่างที่ออกมาใหม่ๆที่คนเราชอบบอกว่าไม่ถนัด ทั้งที่ความเป็นจริงมันก็แค่ไม่ชินแค่นั้นเอง เพราะเราต้องปรับพฤติกรรมของเราใหม่ พอเราชินก็กลายเป็นว่าถนัดเอง
ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าท้ายที่สุดมันยังไงมันก็ต้องมีคนที่ไม่ถนัดและไม่สะดวกจะใช้จริงๆ เพราะเรื่องความถนัดมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล จะไปคิดแทนใครไม่ได้ทั้งหมดหรอกครับ
ผมชอบ touch id มากกว่า เวลาทำงานผมวางข้างๆ notebook ถ้ามีข้อความเข้าผมสามารถเอานิ้วมือไปสแกนเข้าระบบได้เลยไม่ต้องยกขึ้นมาดู
ก็เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอมันยังทำไม่ได้
ปุ่มโฮมก็ตัดทิ้งไปแล้ว
มันก็เหลือแค่สแกนหน้า
ดีไม่ดี เวิร์กไม่เวิร์ก มันก็ต้องใช้แล้วล่ะ
จริงๆ มันเหลือทางเลือก TouchID นอกปุม home อีกนะครับ
เดี๋ยวจะโดนครหา( แค่รูปหลุดนี่ สาวกด่ากันตรึม )
แค่การนำ touch-id มาไว้หลังเครื่องมันเสียศักดิ์ศรีเสียฟอร์มมากเลยนะ ถึงขนาดต้องสร้างนวตกรรมที่ดูน่าจะวุ่นวายในการใช้งาน ซัมซุงก็เหมือนกันเอา touch-id ไปไว้ข้างกล้อง รู้มั้ยว่ามันใช้งานลำบาก วางไว้ในตำแหน่งที่ใช้ให้เป็นธรรมชาติ ไม่มีใครเขาว่าหรอกนะ ...
ลบคอมเมนท์
ยังไม่ขอพูดอะไรดีกว่าสำหรับเรื่องนี้ แต่สำหรับผมในยุค pre Touch ID ก็เคยคิดว่าการกดพินก็ดูสะดวกและไม่ได้ลำบากอะไร แต่พอได้ใช้เครื่องที่มี Touch ID แล้วก็ทำให้ความคิดตอนนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ก็ได้แต่รอดูว่า Face ID จะดีสมราคาคุยหรือเปล่า
ผมชอบtouchID ตั้งแต่แรกเลยครับ และชอบtouch id ข้างหลังของLG ตั้งแต่แรกเหมือนกัน ปัจจุบันก็คิดไม่ผิดที่ใช้รุ่นที่มีfinger print ข้างหลังแต่สำหรับFace ID ไม่ชอบตั้งแต่แรก ไว้รอดูว่าของจริงเป็นไง
ผมชอบtouchID ตั้งแต่แรกเลยครับ และชอบtouch id ข้างหลังของLG ตั้งแต่แรกเหมือนกัน ปัจจุบันก็คิดไม่ผิดที่ใช้รุ่นที่มีfinger print ข้างหลังแต่สำหรับFace ID ไม่ชอบตั้งแต่แรก ไว้รอดูว่าของจริงเป็นไง
ผมก็เคยคิดแบบนี้แหละ สแกนนิ้วไร้สาระ (อาจเพราะประสบการณ์ไม่ดีจากการรูดนิ้ว 55+ ) ทุกวันนี้ ถ้าไปใช้โทรศัพท์ที่ไม่มีทัชไอดีนี่แทบอยากเขวี้ยงทิ้ง
ประเด็นนึงที่ผมค่อนข้างมั่นใจในความไม่สะดวกของมันคือผมใช้โทรศัพท์ที่ไม่มีสแกนนิ้วมือแต่มีสแกนม่านตามาแล้วครับ แค่ผมจินตนาการว่ามันสแกนง่ายกว่าและเร็วกว่าม่านตาแบบอยู่ในรัศมีกล้องปุ๊บปลดเรียบร้อยแล้วมันก็ยังรู้สึกไม่สะดวกเท่าเท่าไหร่อยู่ดีเพราะลายนิ้วมือมันสะดวกที่จะเลือกการปลดได้ตามใจกว่า
เรื่องตำแหน่งการปลดคิดว่าคงไม่แย่มากเท่าไหร่เพราะเรา "มักจะ" ปลดล็อคเมื่อหันโทรศัพท์มาใช้ และมันก็เห็นหน้าเราอยู่แล้วแหละ (ไม่รู้มันเก่งได้ขนาดนั้นจริงมั้ย แบบหยิบมาเล่นบนรถแน่นๆ หน่อยนี่บางทีมืออยู่ต่ำกว่าเอวแล้วก้มๆ ส่อง) การปลดที่หน้าหลักต้องปัดหน้าจอก่อนอยู่แล้วก็ทำให้ช่วยได้ระดับนึง
อีกส่วนนึงที่เปลี่ยนไป (ยังไม่รู้) คือการควบคุม จากที่ใช้ลายนิ้วมือลำดับจะเป็น เครื่องต้องการปลดล็อคแล้วเรายืนยันด้วยการจิ้มนิ้วให้สแกน มาเป็นเครื่องต้องการปลดล็อคแล้วเราจิ้ม (หรือปัด) จอเพื่อยืนยันว่าเราจะปลดนะ แล้วจากนั้นถึงสแกนเพื่อปลดอีกที
ถ้าทำโฟลวมาดีจริงๆ และระบบสแกนมันดีมาก เชื่อว่าไม่กระทบเท่าไหร่ครับ ยกเว้นเวลาต้องปิดหน้าปิดตาแบบใส่หน้ากากอนามัยอะไรงี้นี่คิดว่าคงลำบากเหมือนกันยกเว้นว่ากล้องมันจะทำมาให้สแกนม่านตาได้อยู่แล้วด้วย (ซึ่งผมว่าก็เป็นไปได้อยู่มั้ง?)
ไม่ได้ลองใช้ แต่เราบอกไม่สะดวก ผมว่ารอคนรีวิวก่อนดีกว่านะครับ มันอาจจะสะดวกพอๆ กับ touch id ก้ได้ คอมเม้นต์บางท่านในตอนนี้ผมอ่านแล้วก็ผ่านๆ แทน ถ้าลองใช้เมื่อไหร่ หรือขายในไทยเมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่ามันจริงไหมกับ UX ที่คอมเม้นต์กันมา
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
รีบเร่ง เทค-โน-โล-ยี จนเกินไป... ผมว่า
นึกถึงนักเรียนที่ชอบเอาของเล่นใหม่ๆ ไปอวดเพื่อนๆ ในห้อง
นึกถึง Steve Jobs ที่ บอกว่า โทรศัพท์ที่ดีน่าจะต้องสามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว (โดยไม่ลำบากสรีระของผู้ใช้) และ ก็ไม่ยอมทำโทรศัพท์หน้าจอใหญ่ๆ ออกมา โดยไม่แคร์ตลาด
"ผู้นำทางปรัชญาความคิด" และ "ผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย" ความหมายต่างกันเยอะครับ
ทำให้ผมนึกถึงรุ่น Plus เลย ที่รู้สึกว่าวิสัยทัศน์แตกต่างกับจ็อปอย่างเห็นได้ชัด
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
จำเป็นต้องติดใจล่ะนะ ไม่มีทางเลือกนี่
บ่นกันยาวเป็นหางเว่า แต่ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ สาวกสไตล์
คนบ่นไม่ใช่คนใช้ด้วยนะ เอาสถิติจากคนคนใช้จริงๆที่รู้จักยังเห็นบ่นไม่เยอะ เห็นบ่นหนักๆแต่เรื่องราคา ครึ่งแสนใช้คุ้มค่ายากจริงๆ
+1
+1 เรื่องราคารู้สึกแพงไปจริงๆ
oxygen2.me , panithi's blo g
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ส่วนตัว เชื่อว่า ในอนาคตข้างหน้า ก็คงต้องใช้กันหมด สแกนหน้า เอาไว้รอดูของจรงก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งมาบ่นอะไรกันเลยเนอะ
ที่บ่นไม่ใช่ว่ามันดีหรือไม่ดีแต่ดันตัดอันที่มันใช้ดีอยู่แล้วออกไป แล้วเอาตัวนี้มาแทนโดยไม่มีตัวเลือกอื่น
แนวทางของแอปเปิลเป็นแบบนี้มานานแล้วครับ ตั้งแต่เอา floppy disk ออก เอา dvd ออก เอา usb A ออก ฯลฯ ทั้งหมดนี้ใส่มาด้วยก็ได้ แต่สไตล์เค้าเป็นแบบนี้ ไม่ใส่เผื่อ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สมัยTB/Mini Display Port เคยใส่มาแล้วลูกค้าไม่ใช้เลย หันไปใช้USBอย่างเดียวไงครับ
ช่วงนี้คืนฟอร์ม หักดิบอีกรอบ
ยังมีสาวกมาบ่นเรื่องความเป็นผู้นำ ไม่เคยลอกใครอีกแถมมีเรื่องสีมาด้วย ไม่มีศรัทธาจริง ไม่กล้ามาพูดนะเนี่ย ทั้งๆที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ลอกคือลอก ตามก็คือตาม เขาทำไว้ไม่ดี เราทำดีกว่าคือไม่ลอก ? มันลอกครับ แต่ปรับปรุง แค่นี้ยอมรับไม่ได้
สแกนหน้าห่วยๆ ของงแอนดรอยกะ SS อะนะ