Cameron และ Tyler สองพี่น้อง Winklevoss ผู้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีพันล้านจากบิตคอยน์และเป็นเจ้าของเว็บไซต์แลกเปลี่ยนบิตคอยน์ Gemini ได้ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business เกี่ยวกับเรื่องบิตคอยน์โดยพาดพิงไปถึง Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan ว่าสกุลเงินดิจิทัลไม่เป็นฟองสบู่อย่างที่ Dimon กล่าวอ้าง และท้าให้เขาชอร์ตบิตคอยน์เลย ถ้าจะอ้างว่าเป็นการฉ้อโกงตามคำสัมภาษณ์ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้
Cameron กล่าวว่า “เงินคือเครือข่าย คนเชื่อในเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มันจึงมีค่ามากกว่า คนเชื่อถือในบิตคอยน์ มันจึงมีค่า คนเชื่อถือในทอง มันจึงมีค่า และนั่นไม่ใช่การเพิ่มแบบเชิงเส้น คนยิ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับบิตคอยน์เท่าไร มันจะยิ่งทำให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น และเมื่อเราลองเอาเหตุการณ์อย่างฟองสบู่ในตราสารแห่งทุนหรือหุ้นมาเทียบกับบิตคอยน์นั้นมันเป็นการชี้นำในทางที่ผิด เพราะว่ามันคือเครือข่าย มันไม่ใช่บริษัท”
ก่อนหน้านี้ Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan เคยพูดถึงตลาดสกุลเงินคริปโตทั้งหลายว่า เป็นการฉ้อโกง ที่แย่ยิ่งกว่าฟองสบู่ทิวลิป และหากพบว่าพนักงานคนไหนไปลงทุนบิตคอยน์จะไล่ออกเพราะละเมิดกฎบริษัทและพนักงานคนนั้นโง่
สองพี่น้องให้ความเห็นว่า บทวิจารณ์ของซีอีโอ JPMorgan ต่อบิตคอยน์นั้น “ต่ำ” (cheap) และขอท้าเชิญให้ Dimon มาเดิมพันกันในนามส่วนตัวเลย นำงบการเงินของ JPMorgan มาท้ากับบิตคอยน์เลย และเราจะได้เห็นกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น
สองพี่น้อง Winklevoss เป็นอดีตนักเรียน Harvard พวกเขาเคยต่อสู้กับ Mark Zuckerberg ในชั้นศาลมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยอ้างว่าโดนขโมยไอเดียในการทำ Facebook ไประหว่างที่ยังศึกษาอยู่ที่ Harvard อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ข่าวเก่า
ที่มา - Fox Business
เกร็ด: การชอร์ตคือการคาดการณ์ว่าหลักทรัพย์นั้น ๆ จะมีราคาตก โดยจะขายหลักทรัพย์ออกไปก่อนและซื้อคืนเมื่อราคาต่ำลง รายละเอียดเพิ่มเติมจาก Investopedia
Comments
มันมีใครเอาไปใช้จ่ายจริงๆ จังๆ บ้างนอกจากพวกฟอกเงินเนี่ย
พ่อผมเอามาจ่ายค่าไฟที่บ้านครับ ฮ่าๆๆๆ (หมายถึงขายเป็นเงินไทยก่อนนะ ไม่ใช่จ่ายเป็น Bitcoin)
ตอนที่มันมีมูลค่าไม่สูงนักผมเคยซื้อมา แล้วเอาบิตไปจ่ายค่าเช่าโฮสทำเว็บใต้ดินครับ
คือผมก็เอาเงินที่ได้จากงานประจำไปซื้อบิทคอยนะครับ พักจากจากก็เทรดกับ altcoin เพื่อเพิ่มบิทคอยไปด้วย
เวลาซื้อของในเน็ตหลายเว็บก็รับ Litecoin ผมก็จ่ายทางนั้น(ค่าธรรมเนียมประมาณ 2 บาท)สิ้นเดือนก็จะแลกออกมาแค่พอจ่ายค่าเช่าบ้าน ที่เหลือก็เก็บไว้เผื่อได้ใช้ในอนาคตอีก
เพื่อนผมซื้อบิทคอยเมื่อปีที่แล้วไป 3btc ขายผ่อนบ้านทุกเดือนก็ไม่หมด
ถ้า BTC เอามาใช้จ่ายซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ค่าโอนไม่คุ้มมานานแล้วครับ
ค่าโอนถูกนี่เป็นข้อดีข้อหนึ่งของบิตคอย์นะเหมือนจะเสียข้อดีไปอีกข้อหนึ่ง
ผมนี่งัย ใช้ซื้อของออนไลน์ แทนบัตรเครดิตทุกอย่างเลย โดยเฉพาะของจากต่างประเทศ
ผมใช้บัตร บิตคอยน์ เดบิตของ Master Card Prepaid. อยากใช้เท่าไหร่โอนบิตคอยน์เข้าไปแปลงเป็น US ไว้ในบัตร ค่าบริการซื้อออนไลน์ฟรี แต่ถ้าถอน ATM แพงหน่อยครั้งล่ะ 2.6US...
.....ไม่เห็นจำเป็นต้องฟอกเงินเลย มันอยู่ที่ว่าคุณมีบิตคอยน์หรือเปล่า แล้วคุณใช้เป็นมั้ย อย่าว่าแต่บิตคอยน์เลย เงินสดๆ ที่ใช้กันทุกวันนี่แหละ มันก็ใช้ซื้อยาบ้า ยาม้า ใช้จ้างฆ่าคน ใช้ฟอกเงิน ได้หมดทั้งนั้น อยุ่ทีว่า คุณจะใช้ทำอะไร ใช้เป็นหรือเปล่....ปัญหาไม่ได้อยุ่ที่บิตคอยน์หรือเงิน ปัญหาอยู่ที่สันดานคนใช้ครับ
ผมว่าคนที่ใช้จ่ายแบบคุณถ้าเทียบไปแล้วน่าจะเป็น % ที่น้อยมาก พูดถึงเรื่องฟอกเงิน BTC มันฟอกเงินได้ง่ายกว่าเงินปกติครับ
ขุดขายเอามาใช้จ่ายส่งลูกเรียน จ่ายหนี้สบายๆ มันเป็นสิทรัพย์ที่มีมูลค่าตามนวัตกรรม...
ข่าวนี้ดูเหมือนจะตอกย้ำประโยคที่ว่าบิตคอยน์คือการพนันที่มีบางคนได้เคยกล่าวเอาไว้ XD
ก็ตรงไปตรงมาดีนะ คำทำนายว่าฟองสบู่มันจริงเสมอ (ร้อยปีก็ยังจริง ทุกวันนี้เราอาจจะบอกว่ามีฟองสบู่พีซีที่กินเวลา 30 ปี) แต่ถ้าแน่จริงก็ต้องบอกกรอบเวลาได้ ถ้าบอกกรอบเวลาได้ก็ short ให้ดูเลยว่ามั่นใจที่พูดออกมาจริงๆ
lewcpe.com , @wasonliw
เห็นด้วยเลย +1024 กล้าหรือป่าว แบบนั้นใครๆ ก็พูดได้
ผมมองว่าปัญหาคือความไม่เสถียรของ bitcoin ซึ่งเป็นข้อสำคัญของสุกลเงินที่ควรมี
เคยอ่านพบว่า คนถือ bitcoin เกิน90% ถือโดยคนไม่ถึง 5% ซึ่งอันนี้ ทำให้มุมมองผมมอง bitcoin ว่าเป็นแค่สินค้าโภคภัณฑ์ไว้เก็งกำไรและเป็นของเล่นใหม่ๆ (ที่ผมตกรถไปแล้ว) นั่นเอง
แต่ถ้ารู้ล่วงหน้า ก็น่าซื้อเก็บเนาะ 55555
ถ้าจริง แปลว่ามูลค่าบิตบอยที่เห็นพุ่งๆทุกวันนี้ คือ อวยกันเองในกลุ่มคนแคบๆ?
น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ
เห็นมีข่าวทั้งระบบมีแค่ 20ล้านบัญชี
ถ้านับคนนึงเปิดมากกว่า1บัญชี แสดงว่าจำนวนคนเล่นน้อยกว่านั้น
แถม 1000บัญชีแรก กินไป 90% ของเหรียญทั้งหมดอีก
ที่เหลือคือเม่าล้วนๆ...
มันแปลว่า free float มีน้อย และคนจำนวนเล็กๆ สามารถทุบราคาได้โดยง่าย
แบบเดียวกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นบางตัวมีหุ้นให้นักลงทุนรายย่อยซื้อได้เพียงเล็กน้อย เพราะหุ้นเกือบทั้งหมดอยู่กับผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่
พอมันมีน้อย ราคามันก็เปลี่ยนได้แรงและเร็ว อาจจะมีคนเล่นจริงจำนวนมาก ไม่ได้อวยกันเอง แต่คนเหล่านี้ก็ถือเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
lewcpe.com , @wasonliw
พูดง่าย ๆ ก็คือ JPMorgan ไม่เชื่อในบิทคอยน์และก็คงไม่เสียเวลามา "เดิมพัน" อะไรแบบนั้นแน่นอน
ค่าธรรมเนียมเว็บเทรดกับเว็บกระเป๋าแพงยังกะTruemoney
ไปๆมาๆ ที่อ้างว่าโอนเงินถูกกว่าธนาคารนี่ไม่จริงเลยแถมเวปเทรดต่างๆสุดท้ายก็ต้องโอนเงินผ่านธนาคารอยู่ดี กลายเป็นซ้ำซ้อน เพิ่มคนกลางไปอีก มันจะถูกกว่าได้ยังไง?
ตลกน่าถ้าบ้าจี้ตาม ก็คือเอาเงินจริงเข้าไปเสริมตลาดให้ bitcoin หนะสิ
คนละตลาดนะครับ เวลาซื้อ derivatives มันคือไปซื้อที่ตลาดอื่น แค่อ้างอิงราคากลับมา
ปล. ผมว่าหา counter party ไม่ได้หรอก sizeable ชนาดนี้ ต่อให้ OTC ก็เถอะ
คือเล่น future แบบปกติ ต้องส่งมอบของ(ในที่นี้คือ bitcoin) ณ วันที่กำหนดซึ่งเท่ากับว่า คู่สัญญาฝ่ายนึงต้องไปหาเหรียญมาส่งมอบนะ
การที่คนไม่เกี่ยวข้องกะ bitcoin ไปยุ่งกะ futureมันคือการรับประกันว่ามีคนต้องเข้าไปซื้อ bitcoin เพื่อทำตามสัญญา future