Venu Sports บริษัทถ่ายทอดสดกีฬาผ่านสตรีมมิ่ง ที่กลุ่มทุนสื่อยักษ์ใหญ๋ในสหรัฐ 3 รายคือ ESPN ในเครือ Disney, Fox, Warner Bros. Discovery ร่วมทุนกันสร้างเมื่อต้นปี 2024 ถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว
ESPN แถลงสั้นๆ ว่าทั้งสามบริษัทพิจารณาแล้ว จะเลือกไปถ่ายทอดกีฬาตามช่องทางของตัวเองเหมือนเดิม
เหตุผลที่ Venu Sports แท้งก่อนคลอด เป็นเรื่องคดีความที่โดนบริษัทคู่แข่งด้านสตรีมกีฬา Fubo ยื่นฟ้องว่าทำลายการแข่งขัน เพราะบริษัทใหญ่ทั้ง 3 มีส่วนแบ่งตลาดด้านการถ่ายทอดกีฬาในสหรัฐรวมกันเกิน 50%
Netflix ประกาศข่าวการทำ Squid Game Season 3 โดยจะเริ่มฉายภายในปี 2025 ส่วน Squid Game Season 2 ที่เพิ่งฉายไป ก็สร้างสถิติใหม่ๆ ดังนี้
- ขึ้นอันดับหนึ่งรายการโชว์ใน 92 ประเทศ
- มียอดชม 68 ล้านวิว ถือเป็นรายการที่มียอดชมสูงสุดในสัปดาห์แรก
- ตอนนี้ขึ้นเป็นอันดับ 7 ของรายการยอดนิยมตลอดกาล (กลุ่มที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ) ของ Netflix แล้ว
เกมมือถือ Squid Game: Unleashed ขึ้นอันดับหนึ่งหมวด Free Action Game บน Apple App Store ใน 57 ประเทศ
Apple TV+ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของแอปเปิล ประกาศว่าผู้ใช้งานจะสามารถรับชมเนื้อหาออริจินัลได้ทั้งหมดฟรี โดยไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก เป็นระยะเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-5 มกราคม 2025
ที่ผ่านมา Apple TV+ มีช่องทางการรับชมฟรีหลายแบบ ทั้งแถมจากการซื้อสินค้าแอปเปิลใหม่ (ทั่วไปคือ 3 เดือน) รวมทั้งซีรีส์หลายเรื่องก็เปิดให้ดูตอนที่ 1 ได้ฟรี ไม่ต้องสมัครสมาชิกเช่นกัน
ในปี 2025 Apple TV+ ยังประกาศคอนเทนต์ใหม่หลายเรื่อง และคาดว่าโปรโมชันดูฟรีสองวันนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อโปรโมต Severance ซีซันที่ 2 ซึ่งกำหนดเริ่มสตรีมในเดือนมกราคมนี้
2 วันอาจเป็นระยะเวลาที่กำลังดีสำหรับซีรีส์สักชุดในช่วงปีใหม่ ผู้อ่าน Blognone อยากป้ายยาเรื่องไหนก็แนะนำกันมาได้
The Studio ซีรีส์เรื่องใหม่ที่เตรียมลง Apple TV+ ผลิตโดยนักแสดงและผู้กำกับ Seth Rogen จะมีซีอีโอ Netflix Ted Sarandos ร่วมเป็นนักแสดงรับเชิญด้วย โดยเขาจะรับบทเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับตัวละครในเรื่อง
ซีรีส์ The Studio เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของสตูดิโอภาพยนตร์แห่งหนึ่งในฮอลลีวูด ที่พยายามเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่หลายอย่างเปลี่ยนไป โดยมี Rogen เป็นนักแสดงนำ ซีรีส์นี้ยังมีนักแสดงรับเชิญที่น่าสนใจอีกหลายคนเช่น ผู้กำกับ Martin Scorsese, ผู้กำกับ Zack Snyder หรือ Adam Scott กำหนดฉายตอนแรกวันที่ 28 มีนาคม 2025
YouTube เปิดเผยสถิติและข้อมูลน่าสนใจ ของการดู YouTube ผ่านทีวี ซึ่งมีการสตรีมขึ้นจอใหญ่ในบ้านนี้มากกว่า 1 พันล้านชั่วโมงต่อวันทั่วโลก
ประเภทคอนเทนต์ที่คนนิยมสตรีมขึ้นจอทีวีคือ กีฬาและรายการสำหรับเด็ก YouTube บอกว่าคอนเทนต์กีฬามีการดูผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้น 30% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งคลิป ไฮไลท์ บทสัมภาษณ์หลังการแข่งขัน YouTube ยังบอกว่าเตรียมออกฟีเจอร์ใหม่ในปีหน้า เพื่อรองรับการดูคอนเทนต์ประเภทกีฬานี้ด้วย
อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือการดูพอดคาสต์ทางทีวี ซึ่งมีจำนวนการดูมากกว่า 400 ล้านชั่วโมงต่อเดือน
หลังจาก เปรย ไปเมื่อต้นเดือนก่อน ล่าสุด Max บริการสตรีมมิงของ Warner Bros. Discovery จะเริ่มต้นจัดการการแชร์รหัสผ่านนอกครัวเรือนในสัปดาห์หน้า
J.B. Perrette หัวหน้าธุรกิจสตรีมมิงและเกมของ Warner Bros. Dicovery ระบุว่า บริษัทจะเริ่มเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ว่ามีใครบ้างที่เข้าข่ายแชร์รหัสอย่างค่อยเป็นค่อยไป และในปี 2025 จะมีการคัดกรองที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยในช่วงแรกจะส่งข้อความเตือนเบา ๆ ไปก่อนหากพบว่าผู้ใช้แชร์รหัส
Netflix เปิดเผยว่าจำนวนคนสมัครสมาชิกในประเทศญี่ปุ่น มีมากกว่า 10 ล้านบัญชีแล้วในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมาเท่าตัวจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งแพลตฟอร์มได้เริ่มเพิ่มคอนเทนต์ออริจินัลภาษาญี่ปุ่น ทำให้คนสมัครสมาชิกมากขึ้น
Kaata Sakamoto รองประธานฝ่ายคอนเทนต์ของ Netflix บอกว่ามีผลงานอย่าง "Tokyo Swindlers", "The Queen of Villains" และรายการเรียลลิตี้ "The Boyfriend" ที่มีการรับชมเป็นจำนวนมากในปีนี้ เขามองว่าญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีความเฉพาะตัว และคอนเทนต์ภาษาญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ข้อมูลนี้ยืนยันได้จากอันดับซีรีส์ยอดนิยมของ Netflix ญี่ปุ่น มีรายการภาษาอังกฤษเพียง 2 รายการเท่านั้นที่ติดอันดับสูงคือ One Piece และ Stranger Things
ถึงแม้ Wolfsภาพยนตร์ออริจินัลของ Apple TV+ ที่นำแสดงโดย George Clooney และ Brad Pitt จะประสบความสำเร็จอย่างสูงบนสตรีมมิ่ง โดยแอปเปิลบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีจำนวนการรับชมสูงสุดที่เคยมีมาบนแพลตฟอร์ม แต่แผนการสร้างภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยมาจากฝ่ายผู้กำกับเองด้วย
Deadline ได้สอบถามผู้กำกับ Jon Watts (ผลงาน: Spider-Man: Homecoming, Spider-Man: Far From Home, Spider-Man: No Way Home) ในประเด็นนี้ โดยเขาบอกว่าเรื่องราวเริ่มต้นจากที่แอปเปิลตัดสินใจยกเลิกการนำ Wolfs ฉายในโรงภาพยนตร์ในวงกว้าง ก่อนที่จะนำลงสตรีมมิ่งแบบกะทันหัน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ และแอปเปิลก็ไม่ชี้แจงเหตุผลของการตัดสินใจนี้กับเขาก่อนออกประกาศการเปลี่ยนแปลงด้วย
มีรายงานจาก Bloomberg อ้างแหล่งข่าวภายในแอปเปิล ว่าบริษัทเตรียมขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ออริจินัลบางส่วนลงแพลตฟอร์มอื่น เพื่อให้มีรายได้เพิ่มเติมชดเชยผลขาดทุนของธุรกิจนี้ และทำให้คอนเทนต์เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น
ออริจินัลคอนเทนต์ของแอปเปิลจะมีฉายเฉพาะสตรีมมิ่ง Apple TV+ เท่านั้น ซึ่งรายงานบอกว่าทั้งซีอีโอ Tim Cook และหัวหน้าทีม Services Eddy Cue ได้บอกความต้องการให้ทีมคอนเทนต์ Apple TV+ ลดค่าใช้จ่ายลง และสร้างคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จในวงกว้างมากกว่าปัจจุบัน
Netflix เริ่มมี แพ็คเกจที่ราคาถูกลงแบบมีโฆษณา ตั้งแต่สองปีที่แล้ว มีผลสำหรับผู้ใช้งานในหลายประเทศ (แต่ไม่มีไทย) ที่ผ่านมา Netflix เปิดเผยตัวเลขเป็นระยะและบอกว่ามีการตอบรับที่ดี ล่าสุด Netflix เผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติมมีรายละเอียดดังนี้
- จำนวนผู้ใช้งานแพ็คเกจมีโฆษณามีมากกว่า 70 ล้านบัญชี
- ในประเทศที่มีตัวเลือกแพ็คเกจมีโฆษณา ผู้สมัคร Netflix ใหม่มากกว่า 50% เลือกแพ็คเกจนี้
การเพิ่มแพ็คเกจมีโฆษณาทำให้ Netflix มีช่องทางรายได้ใหม่ และพัฒนาความร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ ในหลายรูปแบบเช่นรถยนต์ Kia รุ่นใหม่ กับซีรีส์ Squid Game ซีซันสอง
Amazon มีบริการวิดีโอสตรีมมิ่งตัวหนึ่งที่แยกออกมาจาก Prime Video ชื่อ Freevee ซึ่งสามารถรับชมคอนเทนต์ได้แบบมีโฆษณาโดยมีทั้งคอนเทนต์ออริจินัล และคอนเทนต์บางส่วนของ Prime Video อย่างไรก็ตามเพื่อลดความทับซ้อนของบริการ Amazon ได้ประกาศเตรียมปิดให้บริการ Freevee แล้ว
Amazon บอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งที่มีโฆษณา เข้ามารวมอยู่ใน Prime Video ทั้งหมด จึงเตรียมปิดแบรนด์ Freevee นี้ ซึ่งไม่มีผลกระทบกับลูกค้า Prime รวมทั้งคอนเทนต์ที่เดิมรับชมได้ฟรีอยู่แล้วแบบไม่ต้องเป็นสมาชิก Prime จะยังรับชมได้ต่อไปตามเดิม
ผู้บริหาร Warner Bros. Discovery เปิดเผยในการประชุมผู้ถือหุ้นล่าสุดว่า บริษัทจะเริ่มดำเนินการกับการแชร์รหัสผ่านของ Max ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่จะเริ่มจากมาตรการเบาๆ ก่อนด้วยการ ขึ้นข้อความแจ้งเตือน (very soft messaging)
หลังจากนั้นจะมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไปในปี 2025 และ 2026 เช่นการเก็บค่าบริการในหลากหลายรูปแบบ (นึกภาพกรณีของ Netflix ที่พ่วงบัญชีแยก คิดเพิ่ม 99 บาทต่อเดือน)
ไตรมาสล่าสุด Max มีสมาชิกเพิ่ม 7.2 ล้านคน เป็นทั้งหมด 110.5 ล้านคนแล้วในปัจจุบัน ขณะที่สตรีมมิ่งเจ้าอื่นๆ นอกจาก Netflix ที่มาตรการชัดเจนทั่วโลกไปก่อนแล้ว ก็มี Disney+ ที่เริ่มดำเนินการเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
เว็บไซต์ Variety รายงานข่าวว่า Amazon MGM Studios กำลังเริ่มทำซีรีส์ Mass Effect อย่างเป็นทางการแล้ว หลังมีข่าวลือการเจรจามาตั้งแต่ปี 2021
ซีรีส์ Mass Effect ได้ Daniel Casey ผู้เขียนบท Fast & Furious 9 มาเขียนบทและเป็นโปรดิวเซอร์ให้ รวมถึงมีตัวแทนจากฝั่ง EA มาช่วยดูแลการผลิตด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของซีรีส์ยังไม่มีข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องช่วงที่นำมาทำซีรีส์ว่าจะเป็นช่วงไหน และมีกำหนดฉายเมื่อไร
Amazon ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับซีรีส์ Fallout จึงน่าจับตาว่าจะสร้างซีรีส์ Mass Effect ออกมาได้ในระดับเดียวกันหรือไม่
- Read more about ยืนยันแล้ว Amazon MGM กำลังเริ่มทำซีรีส์ Mass Effect
- 3 comments
- Log in or register to post comments
Netflix ประกาศเพิ่มเครื่องมือใหม่ในแอป ซึ่งน่าจะแก้ปัญหาอันยาวนานที่หลายคนพบเจอ เมื่อต้องการแชร์ฉากหรือบางช่วง ของซีรีส์-ภาพยนตร์ที่รับชม ซึ่งประทับใจหรือเป็นฉากสำคัญจนต้องบอกต่อ
Momentsเป็นปุ่มใหม่ที่ปรากฏในหน้าจอขณะชมคอนเทนต์ โดยเมื่อกดเลือกขณะดูถึงฉากที่ประทับใจจนอยากบอกต่อ แอป Netflix จะบันทึกช่วงเวลาของฉากนั้นไว้ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกดดูซ้ำในช่วงฉากนั้นได้ผ่านแอป หรือสามารถกดเล่นดูทั้งเรื่องได้เริ่มจากฉากนั้น หรือแชร์ฉากนั้นไปยังโซเชียลมีเดียอื่น เช่น Instagram หรือ Facebook
ฟีเจอร์ Moments เปิดให้ใช้งานทั่วโลกแล้ว เริ่มที่แอป iOS ก่อน และจะมาในแอป Android ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
Warner Bros. Discovery ประกาศราคาของ Max หรือ HBO Max ในไทยอย่างเป็นทางการ หลัง ออกข่าวว่าจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการในไทย 19 พฤศจิกายน 2567
- Standardเดือนละ 199 บาท, ปีละ 1,390 บาท
Vimeo แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ เปิดตัวแอปสำหรับ Apple Vision Pro เพื่อเพิ่มความสามารถการนำเสนอประสบการณ์ผ่าน Spatial Video ที่เป็นฟอร์แมตใหม่สำหรับ Vision Pro สามารถบันทึกและอัปโหลดได้ผ่าน iPhone 15 Pro และ iPhone 16 ทุกรุ่น
นอกจากนี้ Vimeo ยังเปิดตัวภาพยนตร์สั้น "currents" ซึ่งเล่าเรื่องราวผ่านฟอร์แมต Spatial Video บน Vision Pro โดยจะเผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน
Disney+ และ Hulu (ในอเมริกา) เป็นแอปสตรีมมิ่งล่าสุดที่ยกเลิกวิธีการสมัคร Subscription ผ่านระบบ In-App ของ App Store ของแอปเปิล เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แพลตฟอร์ม
ผลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้ใช้งานใหม่จึงต้องสร้างบัญชีผ่านเว็บไซต์ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถทำผ่านแอปได้โดยตรง ส่วนผู้ใช้งานเดิมที่สมัครผ่านระบบ In-App อยู่แล้วยังจ่ายเงินผ่านช่องทางเดิมได้ต่อไป
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกธุรกิจ โดยเฉพาะในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งที่แข่งขันสูง ล่าสุด Amazon Prime Video สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการประกาศออกแพ็กเกจ Apple TV+ เป็น add-on เพิ่มจากค่าสมาชิก Prime Video ตามปกติ เพื่อให้ดูคอนเทนต์จากฝั่ง Apple TV+ ได้ด้วย
ราคาแพ็กเกจ Apple TV+ add-on อยู่ที่เดือนละ 9.99 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาเท่ากับการสมัคร Apple TV+ โดยตรงอยู่แล้ว (ไม่มีส่วนลดเพิ่ม) สิ่งที่แตกต่างกันคือกรณีนี้สามารถดูหนังของ Apple TV+ ได้จากแอพ Prime Video โดยตรง ไม่ต้องโหลดแอพเพิ่ม และจ่ายค่าสมาชิกในบิลเดียวกัน บริการนี้ยังมีเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แนวทางการขายแพ็กเกจ Prime Video Add-on นั้นมีมาก่อนแล้ว แต่ก่อนหน้านี้มักเป็นแพ็กเกจดูกีฬาสด หรือการซื้อ-เช่าหนังเพิ่มเติม
ผู้ใช้ Android คงรู้จัก MX Player แอพเล่นไฟล์วิดีโอชื่อดัง แอพตัวนี้ถูกสร้างโดยบริษัท J2 Interactive จากเกาหลีใต้ในปี 2011 แล้วขายกิจการให้กับบริษัทไอทีอินเดีย Times Internet ในปี 2018
จากนั้น MX Player ภายใต้เจ้าของใหม่ได้ขยายกิจการจากแอพเล่นวิดีโอ มาสู่บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง (โดยอาศัยฐานผู้ใช้ MX Player จำนวนมหาศาล) เริ่มจากบริการสตรีมมิ่งในอินเดีย เปิดบริการปี 2020 และขยายมายังประเทศอื่นๆ ด้วย (ถ้าอยู่นอกประเทศที่ให้บริการสตรีมมิ่ง ก็มีแต่ตัว player อย่างเดียว)
Amazon Prime Video เริ่มแพ็กเกจสตรีมมิ่งแบบมีโฆษณาเมื่อต้นปี 2024 (ยังไม่มีของไทย) ลักษณะเดียวกับบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่นๆ ที่หันมาออกแพ็กเกจราคาถูก แลกกับการมีโฆษณา เพื่อเป็นช่องทางรายได้ใหม่
Kelly Day รองประธาน Prime Video International ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่าในปีหน้า 2025 บริษัทจะเพิ่มการแสดงโฆษณาให้มากขึ้นกว่าเดิม เทียบกับในปัจจุบันที่แสดงโฆษณาไม่เยอะนัก (very light ad load ประมาณ 2-3.5 นาทีต่อชั่วโมง) แต่โฆษกของบริษัทก็ยืนยันว่า โฆษณาจะยังน้อยกว่าทีวีแบบดั้งเดิม หรือโฆษณาของสตรีมมิ่งรายอื่นๆ
ฟิลิปปินส์เตรียมออกกฎหมายเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 12% โดยมีผลกับผู้ให้บริการดิจิทัลที่ไม่ได้มาจากภายในประเทศรวมทั้ง Amazon, Netflix, Disney+ และ Alphabet
ประธานาธิบดี Ferdinand Marcos Jr ได้ลงนามอนุมัติกฎหมายนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยให้มีผลทั้งบริการวิดีโอสตรีมมิ่งและบริการค้นหาข้อมูล จากเดิมมีเฉพาะผู้ให้บริการในประเทศที่ถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่บริการจากต่างประเทศไม่ได้เสียภาษีส่วนนี้
กรมสรรพากรของฟิลิปปินส์บอกว่ากฎหมายนี้จะส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียม และสร้างประโยชน์ให้ผู้บริโภคในฟิลิปปินส์
Linda Yaccarino ซีอีโอ X ได้ส่งอีเมลแจ้งฟีเจอร์ใหม่ในแอปเรียกว่า Video Tab ซึ่งจะแทรกเพิ่มเป็นอีกหัวข้อในแอป X โดยเนื้อหาส่วนนี้จะแสดงวิดีโอแบบแนวตั้ง สามารถปัดเลื่อนดูต่อเนื่องแบบ TikTok
คอนเทนต์ที่แสดงให้ส่วนวิดีโอนี้จะเปิดตัวด้วยรายการเรียลลิตี้ Offseasonที่นำนักฟุตบอลหญิงจากลีกฟุตบอลในสหรัฐ 11 คน มาใช้ชีวิตในบ้านเพื่อแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน
เมื่อต้นสัปดาห์ Yaccarino ได้จัดงานแถลงข่าวกับพาร์ตเนอร์ที่สำนักงานของ X ในนิวยอร์ก โดยพูดถึงรายการ Offseason ที่จะเริ่มตอนแรกวันที่ 18 ตุลาคมนี้ และจะมีรายการจากผู้ผลิตรายอื่นเพิ่มเติมที่จะทำคอนเทนต์เอ็กคลูซีฟเฉพาะใน X
Disney+ Hotstar ประกาศปรับราคาแพ็กเกจในประเทศไทย โดยเลิกขายแพ็กเกจ Basic เดิม 799 บาทต่อปี เปลี่ยนมาขายแพ็กเกจ Standard ราคา 1,590 บาทต่อปี แต่ดูได้อุปกรณ์เยอะขึ้น ความละเอียดสูงขึ้นเป็น Full HD
เดิมทีนั้น Disney+ Hotstar ในไทยมีขาย 2 แพ็กเกจ คือ Basic และ Premium ดังนี้
- Basicราคา 799 บาทต่อปี ดูได้ทีละ 1 อุปกรณ์, รองรับเฉพาะมือถือ-แท็บเล็ต, ความละเอียด HD (720p)
- Premiumราคา 2,290 บาทต่อปี ดูได้พร้อมกัน 4 อุปกรณ์, รองรับการดูบนพีซี-สมาร์ททีวี, ความละเอียด 4K
แพ็กเกจใหม่ Standard ที่เข้ามาแทน Basic คือ
AIS Play ออกแพ็กเกจสตรีมมิ่ง Disney+ Hotstar แบบพิเศษ ราคา 799 บาทต่อปี ได้สิทธิดู 2 อุปกรณ์รวมบนทีวี และเพิ่มความละเอียดเป็น Full HD
ปกติแล้ว Disney+ Hotstar ในประเทศไทย มีแพ็กเกจ 2 ระดับคือ
Disney ประกาศขึ้นราคาบริการสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกาทั้ง 3 ตัวคือ Disney+, Hulu, ESPN+ โดยแพ็กเกจ Disney+ แบบมีโฆษณาเพิ่มจากเดือนละ 7.99 ดอลลาร์เป็น 9.99 ดอลลาร์ และแพ็กเกจแบบไม่มีโฆษณาเพิ่มจาก 13.99 ดอลลาร์เป็น 15.99 ดอลลาร์
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในวันที่ 17 ตุลาคม 2024 เฉพาะลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และไม่รวมถึงกรณีของไทยที่เป็นบริการแยกอีกตัวคือ Disney+ Hotstar ซึ่งขึ้นราคาไปก่อนแล้ว
ในงานแถลงผลประกอบการของ Disney เมื่อคืนนี้ ซีอีโอ Bob Iger ยืนยันว่าจะเริ่มใช้มาตรการแบนลูกค้าที่แชร์รหัสผ่านกันในเดือนกันยายน 2024 แบบเดียวกับที่ Netflix ทำมาก่อนแล้ว และประสบความสำเร็จดี