เป็นที่รู้กันว่ารายได้ทุกวันนี้ของ Apple มาจากการขาย iPhone เป็นหลัก แต่ล่าสุดมีรายงานว่า Apple เตรียมขยายธุรกิจไปทางฝั่งโฆษณามากขึ้น และน่าจะเป็นการปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ของ Apple เนื่องจากแนวโน้มยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกนั้นมีโอกาสลดลง และผู้คนมักจะใช้โทรศัพท์ราคาแพงเป็นระยะเวลานานกว่าเดิม ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของ Apple อย่างเลี่ยงไม่ได้
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า ตอนนี้ Apple เริ่มคุยกับ Snap, Pinterest และบริษัทอื่น ๆ แล้ว เพื่อประเมินความสนใจในเครือข่ายโฆษณาของ Apple ที่จะสามารถกระจายโฆษณาไปทั่วแอพบน iOS ได้ และ Apple จะใช้วิธีแบ่งรายได้กับแอพที่แสดงโฆษณาซึ่งการแบ่งรายได้อาจจะแตกต่างกันไปได้ตามตกลง
ตัวอย่างของการโฆษณา เช่น หากค้นหาอะไรที่น่าสนใจใน Pinterest ก็อาจจะแสดงโฆษณาของแอพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ๆ มา ซึ่งโฆษณาเหล่านี้เลือกผ่านเครือข่ายโฆษณาของ Apple ซึ่งปัจจุบัน Apple มี Search Ads อยู่ใน App Store แล้ว
ด้วยปรัชญาที่ Apple พร่ำบอกมาตลอดจะไม่ทำกำไรจากการใช้ข้อมูลของผู้ใช้ก็น่าสนใจว่าทางบริษัทจะสามารถทำรายได้จากตรงนี้ได้มากสักเท่าไรเมื่อเทียบกับ Google และ Facebook โดยที่ Apple จะยังไม่เสียปรัชญาของบริษัท
ที่มา - The Verge , Wall Street Journal
ภาพจาก Apple
Comments
ใครจะซื้อเครื่องใหม่ได้ทุกปีละพ่อ
ถึงใด้มีการแอบลดความเร็วจนเป็นข่าวไง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ความรู้สึกเมื่อก่อน มันชวนให้อยากซื้อเครื่องใหม่ทุกปีไง แต่ระยะหลังๆเริ่มรู้สึกไม่เห็นความแตกต่าง
ก็พี่เล่นทรงเดิมมา 4 ปี ใครจะไปซื้อใหม่ล่ะ
ถ้าปีนี้ออก iPhone8s ออกมาอีกก็wow wow wowลงกินเนสบุ๊คได้เลยโทรศัพท์มือถือที่ลากดีไซน์ยาวนานที่สุดในโลก
คนบางส่วน (เช่นผม) ถนัดใช้แบบมีปุ่มโฮมนะครับ กดมาตั้งแต่ iPhone 4 แล้วอยู่ๆ หายไป ใช้ไม่เป็นเลย
oxygen2.me , panithi's blo g
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
X ไงเพ่
น้ำลายที่ถ่มรดฟ้ากำลังถูกแรงดึงดูดของโลกดึงลงมา ไม่รู้ว่าจะหลบได้หรือเปล่า
ออกมือถือไลน์ใหม่ให้เป็นมิตรกับกับ iBook และ Apple Music มากกว่าเดิม กลายเป็นมือถือ Home Pod แบบพกพา ถ้าจะให้ดีหน้าจอ E-Ink ด้วยจะได้เก็บแบตได้เกิน 3 วัน ใช้วิทยุ 4G ต่อเนื่องเกิน 24 ชั่วโมง
จะได้ตีตลาดโลกที่ 3 อย่าง ประเทศจีนฝังตะวันตก อินเดีย แอฟริกา และคนที่ไม่มีตังซื้อ iPhone
เดิมที่รากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของ Apple คือ iTunes ซึ่งหาเงินได้พอๆกับการโฆษณาของกูลเกิล ที่ต้องทำคือหาอะไรมาขายเพิ่ม เปิดตลาดใหม่ๆ ออกมา นอก เพลง โปรแกรม ส่วนอย่างอื่นมีคนเอาไปขายเป็นเจ้าตลาดหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือ
และหากพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นมิตรกับมนุษย์ในตอนนี้มากที่สุด และรู้จักรักษาความลับ คงไม่มีใครเกิน "สิริ" หากระบบค้นหาข้อมูลจัดคู่กันระหว่าง การแก้ปัญาหา และ วิธีที่เหมาะสม โดยจำเป็นต้องศึกษาผู้ใช้งานเป็นพื้นฐาน 3 อย่างผสมกัน เหมือนหมอดู ไม่แน่ว่าในอนาคตเรราอาจจะได้เห็น สิริ "ฟันธง" ก็เป็นได้
ผมชอบความเห็นนี่อ่า อยากได้ iPAD e-ink จะเอามาอ่านมังงะ+หนังสือpdfอีกเพียบ
The Last Wizard Of Century.
ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นจอ e-ink กับสินค้า Apple ไม่ว่ายุคปัจจุบันหรือยุค Jobs นะครับ ดูมันไม่เข้ากัน
"และคนที่ไม่มีตังซื้อ iPhone"ผมว่าเรื่องราคา ไว้ใจได้เลย คิดว่าราคาไม่ถูกแน่ๆ อาจจะเท่า iphone เพียงแต่เป็นสินค้าคนละไลน์กัน
WSJ? ขอเชื่อแค่ 20% ก่อนละกัน
พี่ที่ผมรู้จักคนนึง เป็นระดับบริหารของแบงค์ดัง แกใช้ iPhone มาตลอด เปลี่ยนตามมาหลายรุ่น อยู่ดีๆ พี่แกเปลี่ยนมาซื้อ S9+ ใช้เฉยเลย คืองงมากนึกว่าแกจะเป็นสาวกที่จงรักภักดีกับ iOS และผูกกับ ecosystem ของ Apple ไว้อย่างเหนียวแน่น
ผมเลยแซวแกว่าทำไมถึงเปลี่ยนจาก iOS ได้ นึกว่าจะไม่ยอมใช้ Android แล้วซะอีก พี่เค้าตอบว่า ยุคนี้ใครเค้าแคร์ OS กัน ของสำคัญมันอยู่ที่ "กล้อง" ตะหาก
โอเค จบครับ 555
ส่วนน้องผม ก็เป็นสถาปนิก ใช้ iOS มาตลอด เพราะบอกว่ามีแอพเกี่ยวกับสถาปัตย์เยอะ (พวก autodesk) สุดท้ายเปลี่ยนมาใช้ Samsung S8+ ตอนเปิดตัวใหม่ๆ เฉย ผมละงง น้องบอกว่าเดี๋ยวนี้ iPhone มันไม่ค่อยน่าสนใจแล้ว S8 ทำออกมาได้ดีกว่า
พี่หัวหน้าผม ก็เปลี่ยนจาก iPhone ที่เสีย มาเป็น Oppo แล้ว แต่อันนี้เป็นเรื่องงบ กับเรื่องกล้องมากกว่า
นี่คือตัวอย่างจริงรอบๆ ตัวผม ส่วนคนที่ใช้ iPhone แล้วอัพเป็นรุ่นใหม่ก็มี ซึ่งกลุ่มนี้จะข้ามจาก iPhone 6,7 ไป X เลย แทบไม่เห็นใครเหลียว 8 กัน แต่ก็มีพวกที่บ่นว่า X แพงแล้วข้ามค่ายไป android ตัวสองหมื่นกว่าๆ เลยก็มี พวกลอง Xiaomi, Huawei, Oneplus, Oppo ไรงี้ก็เยอะ
ผมว่านี่เป็นสัญญาณของ..... แลัวจริงๆ แหละ ไม่ได้พูดเล่น อันนี้เป็นสัญญาณจริงๆ นะครับ 55 เหมือน product ฝั่ง Apple ช่วงนี้ดูตันๆ แล้ว กล้องก็ไม่ได้ดีที่สุด แถมราคาแพงหนักกว่าเดิม แถมฝั่ง Android เองก็ดีขึ้นมาก แข่งขันราคากันแรงอีกต่างหาก (เห็น Xiaomi Mi 8 แล้วมือสั่นเลย) ยังไงลูกค้าก็ไหลออกอยู่แล้ว ผมว่าถ้า Apple ยังไม่เปลี่ยนเกมอะไรซักอย่างนี่ มีดิ่งลงของจริง
เชื่อว่าเดี๋ยวก็ย้ายกลับครับ มองเป็นรุ่นๆ ไปจะดีกว่าส่วนตัวเฉยๆ กับไอโฟนแล้ว แต่ iPad นี่สิ ขาดไม่ได้
ผมยังไม่กล้าฟันธงเลยครับว่าคนรอบตัวผมเค้าจะย้ายกลับหรืออยู่ต่อ 55 แต่เห็นด้วยเรื่องให้ดูเป็นรุ่นๆ ไปครับ แน่นอนว่ารุ่นต่อไปมันจะต้องมีจุดแข็งให้ wow มากๆ เลยนะ เพื่อที่จะดึงคนกลุ่มนี้กลับมาได้ ไม่ใช่แค่ว่าปรับสเป็ค เพิ่มนั่นเพื่มนี่นิดหน่อย แบบนี้ผมว่าตายครับ ดึงคนกลับไม่ได้หรอก ซึ่งเท่าที่ผมดูตอนนี้มันเป็นโจทย์ที่หินมากเลยนะ ต้องมีไพ่เด็ดไพ่ล้บในมือไว้จริงๆ แล้วงัดออกมาใช้ แต่ถ้าจะเอาเทคโนโลยีที่มีตอนนี้ ผมว่าไล่ตามค่ายจีนไม่ทันแล้วล่ะ อย่าง Xiaomi Mi5 มีสแกนใต้จอแล้วเรียบร้อย ถ้ากรณี iPhone ได้สแกนใต้จอมาใช้ก่อนใครจะได้เปรียบกว่ามาก (แต่ผมมองว่าสแกนใต้จอก็ไม่ใช่ killer feature อยู่ดี)
คนที่เปลี่ยนมาใช้ Android แล้ว ถ้า iPhone มันไม่ว้าวมากจริงๆ จนทำให้คนอยากเปลี่ยนกลับไปใช้ได้ ผมว่าคนก็ยังชินกับ Android เครื่องต่อไปก็ Android อยู่ดี เพราะยุคนี้มันไม่แย่จนไล่ลูกค้าแบบสมัยก่อนแล้ว
ผมกลับมองว่าการปล่อยให้สาวกได้ไปลอง Android คือ "พลาด" แล้วครับ
คนรอบตัวผมส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางสมัยใหม่ (วัยทำงานแล้ว) เดิมทีคนพวกนี้ยอมจ่ายที่ประมาณ 30K เพื่อความสะดวก เสถียร ใช้งานง่าย กล้องดี etc. ซึ่งสมัยนั้น Android ยังให้ประสบการณ์ที่ดีเท่า iOS ไม่ได้ อย่างดีที่สุดก็ยังขาดเรื่อง "ใช้งานง่าย" ในมุมของพวกเขาอยู่
แต่พอวันนี้ iOS ตัวใหม่ๆ ดันราคาขึ้นไปถึง 40K คนกลุ่มนี้พอมาเริ่มจับ Android (เพราะฐานะบังคับ) และเลือกพวกตัวท็อปที่ราคายังแถวๆ 30K เท่าเดิม ปรากฎว่าประสบการณ์ใช้งานไม่ได้ต่างกัน หรือต่างแต่พอใช้ๆ ไปก็ชินแล้ว ทีนี้จะดึงกลับมาให้ยอมจ่ายแพงขึ้นกับสิ่งที่ไม่ต่างกันน่าจะยากมากครับ
เห็นด้วยหลายข้อครับ ส่วนตัวของผมเองเน้นการใช้งานที่ตอบสนองต่อ lifestyle ของตัวเองเป็นหลัก เรื่องกล้องมองว่ายังไงตอนนี้มันก็เป็นกล้องมือถือเหมือนๆ กัน ไม่ได้ฉีกขนาดที่ใช้เป็นตัวแปรหลักในการเลือกมือถือ ซึ่งการพัฒนาของฝั่ง Android ช่วยลดช่องว่างในด้านการใช้งานลงมาเรื่อยๆ แล้ว ฉะนั้น barrier ที่เคยมีเวลาที่จะตัดสินใจย้ายข้ามค่ายไปมาดูลดลงไปเยอะ ส่วน iOS สำหรับผมก็ยังมีอะไรที่ตอบสนองต่อการใช้งานของตัวเองมากกว่า Android พอสมควร จากที่ใช้คู่กันไปทั้ง 2 ค่าย
ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ที่ไอโฟนตอนนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะการแข่งด้านกล้องที่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม ซึ่งสำหรับผมมันกลายเป็นเรื่องดีซะงั้น เพราะเครื่องเก่าๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ทำให้สามารถเลือกหาเครื่องตกรุ่นหรือรุ่นรองๆ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นใหม่ล่าสุดที่แพงบ้าระห่ำก็สามารถใช้งานได้ดีไปอีกหลายปี ยิ่งถ้าเป็นโปรกับค่ายมือถือต่างๆ ก็ยิ่งทำให้สามารถเซฟลงไปได้อีก
ผมเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนเครื่องหลักที่เป็น iphone แต่เครื่องรอง3เครื่องเป็น Android ทั้งหมดก็เริ่มจะชินกับมัน และเริ่มชินกับ ecosystem ของมัน
ตอนนี้เห็นสเปค mi8 แล้วก็อยากลองจริงๆ
ผมว่า apple นั่นเจอผลกระทบจากลูกค้า lifestyle นะ พวกนี้อาจเริ่มเลือกบางสิ่งที่เข้ากับตัวเองมากขึ้น บางคนเน้นกล้อง บางคนเน้นความจุ
และที่สำคัญ จากการที่ iphone เกลื่อนเมือง ความ premium มันลดลงเรื่อยๆจนลดความโดดเด่นของสินค้าไปแล้ว
ผมไม่เห็นว่าเป็นสัญญาณนะครับ เพราะจากการที่มีแต่คนเลียนแบบดีไซน์ X แสดงว่าสินค้าได้รับความนิยมจริง (ถึงผมจะเกลียดมากก็ตาม) แต่จะกลายเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตต่ำแทน ผมมองว่าเป็นธรรมชาติของธุรกิจ ธุรกิจใดๆมันไม่มีวันโตติดจรวดไปได้ตลอดหรอกครับเมื่อถึงจุดหนึ่งการเติบโตจะลดลงแน่นอนเพราะลูกค้าที่เป็นเป้าหมายเข้าถึงได้ครบแล้วหรือเขามีของกันหมดแล้ว ไม่งั้น Apple ก็คงกลายเป็น บ. ที่มีขนาดใหญ่กว่าทุกรัฐบาลและผลผลิตมวลรวมของคนทั้งโลกแน่ การมาของ X จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมาช่วยครับ เพราะในเมื่อเราเพิ่มหน่วยขายไม่ได้แล้วก็มาเพิ่มราคาขายแทนเพื่อให้รายรับยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ แต่ก็เป็นดาบสองคมแน่นอนเพราะในระยะยาว หน่วยขายรวมจะลดลงเรื่อยๆจากราคานั่นแหละแม้จะมีรุ่นถูกขายควบคู่ไปด้วยแต่ ลูกค้าบางส่วนย่อมไม่ยินดีที่จะถอยไปใช้รุ่นรองและไม่พร้อมจ่ายก็จะไปหารุ่นท๊อปฝั่งแอนดรอยแทน
แล้วแต่คนมากกว่า เชื่อว่าคะแนนต่างกันนิดๆหน่อยๆ มันก็แค่ไว้โฆษนา
ผมใช้ ix อยู่ ใช้ portrait บ่อยมากก แม้มันจะตัดไม่เป๊ะมาก แต่ก็โอเค ถ่ายคน ถ่ายอาหาร มีมิติขึ้นเยอะ กลายเป็นอะไรที่ชอบมาก แต่ก่อนเฉยๆกะสองกล้องมาก
จนไปลองซื้อ pixel 2 xl ที่ว่าเทพกว่า ลองโหมเ portrait อึ้งเลย ต้องถ่ายก่อนแล้วรอประมวลผล(แม้จะไม่นานก็เหอะ) ไม่ไช่เห็น realtime บนจอ ถ่ายเสร็จจะกดดูพรีวิว มันขึ้น processing - -‘
คะแนนด้อยกว่า แต่ประสบการณ์ใช้งานผมยังชอบ apple มากกว่าแฮะ
ผมไม่รู้สึกว่า apple ต้องมาแข่งอะไรเลย ไม้เด็ดผมว่ายังมีอีกเยอะ ไอ้ที่แอนดรอยด์ออกๆมาแล้ว apple ยังไม่ทำก็เยอะ ดูอย่างชาร์ทไร้สายอย่างกล้องเอาจริงๆ สเปคฮาร์ดแวร์ หรือซอฟแวร์ ทำให้ดีกว่า ix ก็ยังได้ แต่ผมว่าเค้าไม่ทำเองแหละ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องรีบเข็นออกมา
ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ระดับผู้บริหารในที่ทำงาน ที่เมื่อก่อนจำได้ว่าต้องจองเครื่อง iphone 4ถึงขนาดว่าของเข้าต้องขับรถไปเอา ตอนนี้ไป android กันแล้ว ส่วนใหญ่ก็ sumsung galaxy
มีท่านนึงพก iphone plus (ไม่รู้ว่า 6 หรือ 7) และก็พก samsung อีกเครื่องเลยสงสัยว่าทำไมเครื่องเดียวไม่พอ ท่านบอกว่า iphone ต่อ wifi ไม่ดีหลุดตลอด เลยพกอีกเครื่องไปเลย
คือตอนนี้ไม่เกี่ยวว่าตลาดบนตลาดล่างแล้ว เพราะความน่าสนใจของไอโฟนมันลดลง
และปัญหา software จุกจิกนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด บังคับให้อัพเวอร์ชันล่าสุด...ที่เต็มไปด้วย bug
และอืด ค้าง หน่วง แถมไม่ยอมให้ถอยกลับอีก
จากเมื่อ 5 ปีก่อน คนรอบตัวผมพก iphone และเริ่มซื้อ macbookพอเวลาผ่านไปตอนนี้กลับมา android กับ windows กันหมดละ
เสียดาย macbook pro รุ่นเก่า ๆ ที่ออกแบบไว้ดี จริง ๆ แค่อัพเกรด macbook air ผมคงซื้อใช้ต่อแต่พวก macbook pro แบตเตอรีติดกาวนี่ ... คงต้องคิดหนัก
iphone เป็นไงไม่รู้ แต่ตลาด tablet ipad ชนะไปละ แม้ตลาดนี้จะขายได้น้อยกว่ามือถือ แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าอีกมาก ทั้งภาคการศึกษาที่ apple ลงมาเล่นจริงจังด้วย ipad 2018 ที่ใช้ apple pencil ได้ในราคาที่ไม่แพงไป ตอนนี้ด้วยระบบ ios จึงทำให้ความสามารถ ipad ยังสู้ window ไม่ได้ในงานบางอย่าง แต่เชื่อว่าอนาคตต้องทำได้แน่
ถ้าวัดจากรอบตัวผม เพื่อน ๆ ที่เคยใช้มาตั้งแต่ ipad 2
ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ samsung note กันหมดละ (เปลี่ยนก่อน ipad 2018 จะออก)ผมจำรุ่นชัดเจนไม่ได้ แต่ราคาหมื่นกว่าบาทและมีปากกามาให้พร้อม
ใช้งาน ms office ได้ เห็นมาเล่นให้ดูสามสี่คนพร้อมกัน
ถึง apple จะออก ipad 2018 มาได้ ... แต่คงต้องวัดกันอีกซักพักว่าจะขายดีจริงมั๊ยและจะดึงคนที่ย้ายออกมาให้กลับไปได้ไง ในเมื่อเค้าพึงพอใจกับราคาและระบบ android ไปแล้ว
ถ้าพูดถึงด้านการศึกษา ที่ไทยยังไม่รู้ส่วนใหญ่ตามโรงเรียนก็ยังใช้ windows กันอยู่แต่ที่อเมริกา Chromebook กินเรียบครับ
เล็ง iPad 2018 ไว้แทน mini 1 ที่ แพ อึด เด้ง แต่ด้วยขนาดแล้ว รอการมา new mini ด้วยความหวังต่อไปแม้ของจะดี ราคาไม่แพง แต่มันใช่จะตอบโจทย์ทุกคน
เห็นด้วยเรื่องให้มือถือแพงแต่ใช้นานขึ้น ซึ่งจริงๆมันช่วยลดขยะด้วยนะตอนนี้ผมคิดว่าใช้มือถือ Spec สูง ราคาไม่เกิน 20K แล้วเปลี่ยนทุกๆประมาณ 3-4 ปีน่าจะดี
เพราะชิป SD8xx กับ SD6xx มีความเร็วแตกต่างกันมากเกินไป โดย SD6xx จะช้ากว่า SD8xx เมื่อ 2 ปีที่แล้วประมาณ 10% หรือมากกว่า มันอาจรู้สึกอึดอัดเมือใช้ SD6xx ในปีที่2
รอบตัวคนบลอกนันใช้แอนดอยเยอะจริงๆ แต่ตัวผมทั้งโทรศัพท์ ทั้งแลบทอบ แทบเลท ผลไม้ครบ
คนรอบข้างก็มีแต่ไอโฟน จะมีแอนดรอยรุ่นประหยัดบาง สำหรับคนนิสัยมัธยัส แต่แอนดรอยรุ่นสูงนี่แทบหาไม่ได้
แถม stats ให้ครับ 30 วันล่าสุดเฉพาะ mobile
ที่ผมใช้แอนดรอยด์นี่คือ เพื่อซัพพอร์ททางเทคนิคล้วนๆ เลยครับ
แค่ 2 เรื่องนี้นี่ ช่วยชีวิตมานักต่อนักแล้ว ถ้าเป็นไอโฟน คงตายหยั่งเขียด
ที่กำลังมองๆ ไอโฟน ก็เพราะเมื่อก่อนใช้ และซื้อเพลง ซื้อแอพไว้เยอะ โดยเฉพาะแอพดิ๊กภาษาญี่ปุ่นนี่ ของแอนดรอยด์ยังไม่เจอตัวไหนถูกใช้เท่า ดิ๊ก Midori เลย
ที่แนวโน้มคนซื้อลดลงเพราะว่าเครื่อง iPhone รุ่นใหม่ๆ มันแพงขึ้นหรือเปล่าหว่าและบวกกับ App ที่ไม่ได้มี App ที่อยู่แค่ iPhone เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้วคนเลยย้ายฝั่งได้ง่ายกว่าเดิมเข้าไปอีก
คนรอบตัวผมเค้าใช้อะไรกันก็ไม่รู้ครับ ผมไม่มีเพื่อน
อ่าน comment ท่านอื่นอยู่ดี ๆ มาเจอ comment นี้ถึงกับ "เฮ้ย" เลยทีเดียว
That is the way things are.
คอมเมนต์กระชากอารมณ์ 555555
รุ่นหน้าขอดีไซน์ใหม่ + ชาร์จ/Sync แม่เหล็ก ด้วย
ช่องใส่ซิมก็ไม่ต้องมี ใช้NFC โอนถ่ายข้อมูลซิมแทน
เผื่อมันจะกันน้ำจริงๆซักที
อยากเปลื่ยนรุ่นหน้าแล้วแต่ iPhone 6s ยังใช้ได้ไม่มีปัญหาอยู่เลย ต้องดูกิเลสจริงๆ
ปกติใช้ Android เป็นเครื่องสำรอง แต่ตอนนี้ใช้ Android เป็นหลักแล้ว
Apple ผมเคยซื้อใช้เองอยู่สองชิ้นคือ iPod Nano gen 1 กับ Gen 2
ไม่ได้เรื่องทั้งคู่ เปิด-ปิด เสียงมี noise ดังปั๊กกๆ ทำหูฟังคู่ละ 2,500 ขาดด้วย
ตัวแรก ห่อซิลิโคนอย่างดี ไม่โดนน้ำ ไม่โดนอะไรเลย คุณหนูในห้องแอร์มาก ปีเดียวพังเฉยเลย
ไม่เข็ด ซื้ออีกตัว เปิด-ปิด เสียงดังปั๊กกๆ เหมือนเดิม ทำหูฟังขาดเหมือนเดิม
แล้วก็ ปีกว่าๆ พังเหมือนเดิม
iTurn ก็ไม่ใช่ว่าจะดี Update แล้วปุ่มย้ายที่มั่วไปหมด แล้วก็จัด Folder เองไม่ได้ด้วยนะ
ถ้าเครื่อง NoteBook มีคน ขาย R40e ให้ผมเพราะเค้าจะหนีไป MacBook 2009 สีขาวรุ่นแรก
เห็นเค้าใช้แล้ว ก็ดีอ่ะนะ เวลามัน Work เวลาไม่ Work นี่ดูไม่จืดเลย พลาสติกเหลืองเร็วออกแบบสวยแต่ กรอบด้านหลัง พลาสติกกรอบเพราะ เล่นเอาพัดลมเครื่องเป่าอัดบานพับ 9ล9
ถ้าให้ด่า ผมมีเรื่องด่าได้ ราว ๆ 3 วัน วันละ 8 ช.ม.
ดูๆ แล้วเหมือน ตลับหมึก ที่พยายาม design ให้พังหลังหมดประกันแล้วซ่อมไม่ได้ ต้องเปลียนใหม่เท่านั้นทำการค้าแบบนี้ ผมไม่สนับสนุน (คือผมเห็นแล้ว ผมไม่ซื้อนั่นเอง ใครจะซื้อก็ซื้อไป)
microsoft ก็ไม่ต่างกันครับไปดูสินค้า hardware ของ microsoft จริงๆสิ ซ่อมได้หรือเปล่า เห็นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เหมือนกัน
ส่วน ของ google ผมไม่ได้ตามเลยไม่รู้ว่าเครื่องบางๆแบบนั้นเสียซ่อมได้หรือเปล่า
ส่วนเรื่องการย้ายมันย้ายลำบากแล้วซื้อโปรแกรมหมดไปหลายหมื่นในฝั่งนี้เยอะแล้ว หมดเงินไปเยอะ
เผอิญใช้ Windows แล้วไม่พอใจ Microsoft HW ก็ใช้ HW ค่ายอื่นได้น่ะสิครับ ตัวเลือกที่ซ่อมง่าย (แต่หนัก) ก็มีให้เลือกอยู่เยอะ