นักวิจัยด้านสื่อมหาวิทยาลัยฮ่องกง ทำการวิจัยประเด็นที่มีการเซนเซอร์มากที่สุดบน WeChat ในปี 2018 คือ พบว่าในบรรดาเนื้อหาที่ถูกเซนเซอร์มีประเด็น ประเด็นสงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ, การแบนอุปกรณ์ ZTE และการจับกุมซีเอฟโอหัวเว่ย รวมอยู่ด้วย
ทีมนักวิจัยที่เรียกตัวเองว่า WeChatscope ระบุว่า ทีมได้สร้างโปรแกรมในการจับตามองบรรดาคอนเทนต์ข่าวที่โพสต์เป็น public ติดตามบัญชีผู้ใช้ที่เป็นสาธารณะและพวกบัญชีเว็บข่าวรวมกันกว่า 4,000 บัญชี ถ้าเนื้อหาที่โปรแกรมคอยมอนิเตอร์อยู่หายไป ระบบจะแจ้งเตือนไปยังทีมวิจัย
จากการมอนิเตอร์พบว่าในบรรดาโพาต์สาธารณะ 1.04 ล้านโพสต์ มีโพสต์ที่ถูกนำออก 11,000 รายการ ในจำนวนนี้มีถึง 74% (8,092 โพสต์) ที่เป็นการลบโดยผู้โพสต์เองหรือเป็นการเซนเซอร์ตัวเอง ถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ซึ่งอาจมาจากการเตือนของคนในสำนักข่าวนั้น เช่น บรรณาธิการ นักข่าวอาวุโส นอกนั้นเป็นการเซนเซอร์เนื่องจากเนื้อหาผิดกฎหมาย, บัญชีถูกบล็อก, เนื้อหาถูกผู้ใช้รายงานว่าผิดกฎแพลตฟอร์ม
ภาพจาก Shutterstock
ด้านหัวข้อที่มีการเซนเซอร์มากที่สุด 10 อันดับคือ
- สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
- การคว่ำบาตรสหรัฐอเมริกากับ ZTE
- การจับกุมของ Meng Wanzhou, ซีเอฟโอหัวเว่ย
- การตรวจสอบของนักธุรกิจ Ye Jianming สำหรับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
- เรื่องอื้อฉาวสุราฮงเหมา
- #Metoo และข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศกับศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
- ความขัดแย้งระหว่างคนขับกับผู้โดยสารในฉงชิ่ง
- ลูกคนแรกที่ได้รับการแก้ไขทางพันธุกรรมของโลก
- เรื่องอื้อฉาวของวัคซีน Changsheng
- เรื่องอื้อฉาวเรื่องการฉ้อโกงจาก Fan Bingbing
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนมีชุดคีย์เวิร์ดที่ถูกแบนอยู่แล้ว เช่น อุยกูร์ เจริญหมื่นๆ ปี ซึ่งโปรแกรมของ WeChatscope ไม่สามารถมอนิเตอร์เนื้อหาที่มีคีย์เวิร์ดเหล่านี้
ที่มา - CNBC , GlobalVoices.org
Comments
ถ้าเป็นรัฐบาลจีนทำวิจัยเองจะรู้ลึกกว่านี้มาก มีศูนย์ควบคุมและบริหารประชาชนที่ทันสมัยมากใน 200 เมือง
แฟน bing bing = ฟ่าน ปิงปิง?