ซีเอ็ดเปิดตัว QR Code ช่วยแนะนำหนังสือเป็นรายเล่มที่ร้านหนังสือทุกสาขา เมื่อลูกค้าสแกนจะเข้าสู้เนื้อหาแนะนำหนังสือเป็นไฮไลต์ที่หนังสือต้องการนำเสนอ พร้อมคลิปสั้นประกอบ สามารถเลือกฟังเป็นภาษากลาง ใต้ เหนือ อีสาน และภาษาอังกฤษได้ แต่ต้องแยกสแกนป้าย QR คนละใบตามภาพประกอบด้านล่าง
เกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการบริษัทฯ และกรรมการอิสระบริษัทซีเอ็ดยูเคชั่นจำกัด บอกว่า ทุกวันนี้ปัญหาของลูกค้าเมื่อเข้าร้านหนังสือคือ หนังสือมีปริมาณมากเกินไป เลือกไม่ถูก เข้าหน้าที่ก็ไม่สามารถแนะนำได้ทุกเล่ม ซีเอ็ดจึงจัดทำ QR ช่วยแนะนำหนังสือเป็นรายเล่ม โดยลูกค้าสามารถสแกนป้ายที่ติดอยู่กับชั้นหนังสือได้ ตอนนี้มีให้บริการในร้านหนังสือทุกสาขาที่มีอยุ่ 350 สาขาแล้ว เริ่มต้นตอนนี้มีป้าย QR ราว 200 เล่ม และจะเพิ่มจำนวนให้ครอบคลุมทุกเล่ม
เกษมสันต์ ระบุเพิ่มเติมว่า ซีเอ็ดเป็นเชนร้านหนังสือรายแรกที่ทำ ในการเริ่มต้นทำ QR แนะนำหนังสือจะเริ่มที่หนังสือในเครือซีเอ็ดก่อน และถ้าสำนักพิมพ์อื่น คู่ค้าอื่นต้องการให้ทำแนะนำ QR ติดที่ชั้นหนังสือด้วยก็สามารถทำได้ หนังสือบางเล่มยังมีคลิปสัมภาษณ์นักเขียนด้วย ถ้าซีเอ็ดเห็นว่าเรื่องราวของผู้เขียนน่าสนใจ
ด้านความเคลื่อนไหวในวงการอีบุ๊ค เกษมสันต์ บอกว่า พฤติกรรมคนไทยยังไม่สนุกกับอีบุ๊คเท่าที่ควร ภาพรวมอีบุ๊คของไทยถ้าประเมินคร่าวๆ ไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ ซึ่งไม่รวมพวกนิยายการ์ตูนที่อัพโหลดเป็นตอนๆ ตามแพลตฟอร์มอื่น แต่เร็วๆ นี้ ซีเอ็ดก็จะมีการปรับปรุงแพลตฟอร์มอีบุ๊คใหม่ ต้องรอติดตามต่อไป
Comments
หยิบมาเปิดอ่านเลยไวกว่าไหม แหะๆ :P
เข้าสู้ ?
เข้าหน้าที่ ?
ราคา ebook ค่อนข้างสูง เกือบเท่าหนังสือจริง แล้วถ้าซื้อตอนร้านจัดโปรเนี่ย หลายเล่มถูกกว่า ebook ซะอีกนอกจากนั้น ebook หนังสือไทยยังผูกกับค่ายของตัวเอง ไม่สามารถใช้แอปอื่นอย่าง Google, Amazon ได้ (มีน้อยเล่มมากที่เอาไปลง)
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan ~
SE-Ed น่าจะปรับปรุงระบบสมาชิก ให้ไม่ต้องใช้บัตร แจ้งเบอร์โทร แบบพวก Lotus BigC ได้แล้วนะ
แนะนำให้ผู้กกับเลขบัตรประชาชนไปด้วยเลยก็ดีครับ ใช้บัตรประชาชนเนี่ยแหละ เสียบเครื่องอ่านยืนยันสมาชิกเอาครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมแจ้งเลขบัตรประขาชนได้นะครับหรือเบอร์โทรนี่แหละ
บัตรประชาชนได้ครับ แต่เบอร์โทรไม่ได้
เรื่องของเรื่องคือ ส่วนใหญ่ผมเดินตัวเปล่าพกแต่เงินครับ บัตรอะไรต่างๆไม่พก ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ใช้ครับ ง่ายๆ
ไร้สาระ... เป็นอีกตัวอย่างของการอยากทำสิ่งที่ดูว้าว แต่ใช้งานจริงไม่ได้เรื่อง
แหม่... อยากจะดูสรุปของหนังสือ ต้องหยิบมือถือมาส่อง ต้องส่องสำเนียงให้ถูกอีก แล้วไปยืนเมื่อย รอโหลด รอดู vdo แนะนำสินค้าอีกที บร๊ะ... อย่างกับเกมส์หาสมบัติ
มองไกลๆ คงเห็น qr นับร้อยอันต่อ 1 ชั้น นี่ยังไม่นับเรื่อง member ที่แสนจะโบราณอีก
QR มันเอาไว้เป็นช่องทางในการไปทำในสิ่งที่สื่อ ณ ที่นั้น ให้ไม่ได้ เช่น VDO กรอกข้อมูล สมัคร หรือเข้าไปดูรายละเอียดที่มากขึ้น ที่ใส่ใน ads. ไม่พอ ไม่ใช่เอาเข้าไปดูบทสรุป... บทสรุปมันควรจะอยู่บน ads ป๊ะ
ถ้าอยากจะให้มันเป็นประโยชน์จริงๆ คุณเอาบทสรุปที่น่าสนใจ และสิ่งที่คนอ่านจะได้จากหนังสือเล่มนี้ 1 ย่อหน้า มาพิมพ์ใส่ป้ายไว้เลย ง่ายและตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากกว่าอีก อ่านได้ทุกคน ไม่ต้องไปเสียเวลาทำ vdo 4 ภาคอะไรนั่น เค้าจะได้รู้ว่าตรงกับที่เขาต้องการหรือเปล่า
ถ้าคุณจะ feed vdo พวกนั้นไป feed ช่องทางอื่น บิ้วให้เขาเข้ามาร้านแล้วหยิบไป หรือกดสั่งเลย
ร้านหนังสือสมัยนี้ มันควรจะเปลี่ยนเป็นอะไรใหม่ๆได้แล้ว ไม่ใช่ทำตัวเป็น supermarket เพราะถ้าจะทำตัวเป็น supermarket จะเอาอะไรไปสู้ online ได้?
มีทีมอ่านส่วนกลาง สรุปและวิจารณ์หนังสือออกมาจริงจังแบบไม่ลำเอียง สร้าง content ดีๆออกมา หน้าร้านทำเป็นที่ทำอะไรที่คนยุคนี้เขาทำกัน ไม่ใช่มีแค่ชั้นวาง
ร้านและห้องสมุดของตปท.ดีๆออกจะเยอะ ส่งเด็กฉลาดๆ ไปนั่งเล่นดูดไอเดียมา ไม่ใช่เอาผู้ใหญ่ไปดูงาน ของใหม่ๆต้องให้เด็กทำ
นี่เข้ารกเข้าพงไปตั้งแต่ไอเดียแล้ว... ถ้าไม่เปลี่ยน ก็คงอีกไม่นาน...
ติดป้ายทุกเล่ม ไม่พรึ่บไปทั้งร้านเลยหรอครับ อันนี้แค่ 200 เล่มนะ อิอิแล้วเราจะเอาพิมพ์กี่บรรทัดดี บางเล่ม ไฮไลท์เยอะ บางเล่มไฮไลท์น้อย แล้วพื้นที่ป้ายจะพอมั้ยนะ ป้ายเล็กไป ฟ้อนท์เล็กไป ก็อ่านไม่ออกอีก ก็ต้องป้ายใหญ่หน่อย แต่จะรกรุงรังมั้ยนะ เพราะไฮไลท์มันก็อาจไม่ใช่แค่ประโยคเดียว แต่บางทีมันอาจจะยาวซักสามสี่บรรทัดก็ได้ อืม...
อันนี้ไม่นับว่าป้ายที่พิมพ์มาจะ outdate อย่างรวดเร็วถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หรืออาจมีปัญหาว่าไฮไลท์นี้ไม่โดน อยากเปลี่ยน ก็แก้ไม่ได้ ต้องพิมพ์ใหม่ลูกเดียว
หรือในอนาคตอยากต่อยอดไปทำอย่างอื่น ใส่ภาพ ใส่วิดิโอ ฯลฯ ก็ทำไม่ได้
QR ที่ลิงค์ไป database ซักที่ น่าจะง่ายกว่าเนอะ...