Disney+ ได้วันเปิดตัวในเกาหลีเป็น 12 พ.ย. นี้ ราคาอยู่ที่ ราคา 9,900 วอน (278 บาท) ต่อเดือนหรือ 99,000 วอน (2,773 บาท) ต่อปี มีเนื้อหาแบบเต็มทั้งจาก Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic และ Star โดยเปิดตัวเป็น Disney+ ไม่มีแบรนด์ Hot Star ห้อยท้ายแบบที่เปิดตัวในไทย
สำหรับเนื้อหาของแบรนด์ Star ประกอบด้วยเนื้อหาที่ผลิตโดย Disney Television Studios (ABC Signature and 20th Television), FX Productions, 20th Century Studios, Searchlight Pictures เป็นต้น และจะมีเนื้อหาที่ผลิตจากเกาหลีรวมอยู่ด้วย
ภาพจาก Loki Official Twitter
ราคา Disney+ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในเกาหลีที่มีอยู่แล้วอย่าง Netflix ถือว่าสูงกว่าเล็กน้อย โดย Netflix ราคารายเดือนอยู่ที่ 9,500 วอน หรือ266 บาท มีผู้ใช้งาน 7.8 ล้านราย และยังมีคู่แข่งในพื้นที่อย่าง Wavve สร้างโดยบริษัทสื่อใหญ่เกาหลี KBS, MBC และ SBS ตอนนี้มียอดผู้ใช้ 3.88 ล้านรายตามข้อมูลของ Nielsen Koreanclick
ที่มา - Hollywood Reporter , Korea Bizwire
Comments
ประเทศไหนพัฒนาแล้ว กับประเทศที่พัฒนาแล้วแต่ได้แค่นี้ นี่ดูจาก Disney plus นี่ได้มั้ย ถ้าพัฒนาแล้วได้ตัวปกติ ถ้าพัฒนาแล้วแต่ได้แค่นี้ ได้ Hotstar
อ่านคอมเม้นแล้ว งงๆครับ?
คิดว่าเป็นคนเดียว 5555555555+
inception in inception of inception
เขาก็ดูจากกำลังซื้อของประชากรในประเทศนั้นๆ แหล่ะครับ เพราะถ้าเป็นตัวเดียวทั่วโลกมันจะต้อง customize package ด้าน marketing ค่อนข้างเยอะเพื่อให้เหมาะสมกับประชากรในแต่ะละประเทศ เพราะถ้าใช้ Brand เดียวทั่วโลก ก็จะเจอปัญหาแบบยักษ์ล้มหลายๆ เจ้าเจอกันมาแล้ว เพราะเอา content และราคาที่ประชากรประเทศพัฒนาแล้วมายัดใส่ดื้อๆ ทำให้มีมันเหมาะกับเฉพาะคนบางกลุ่มซึ่งอาจไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนั้นๆ ยิ่งพวกบริการ streaming ที่ต้องการยอดจำนวนสมาชิกด้วยแล้ว ก็ต้องบริหารแบบแยกเป็น sub brand แบบนี้แหล่ะครับ แต่สุดท้ายมันก็จะมีทางเลือกให้คนอีกกลุ่มนึงเอง เมื่อเขายึดตลาดได้เบ็ดเสร็จ
ส่วนเรื่องทำไมต้องใช้ software 2 ตัวในการให้บริการ ส่วนตัวผมเดาว่าน่าจะเป็นต้นทุนในการ customize บริการนั่นแหล่ะครับ hotstar ฐานอยู่อินเดีย ต้นทุนการจัดการน่าจะต่ำกว่า ถ้าไป customize หรือปรับแต่งตัว Disney+ ตัวหลัก ต้นทุนค่าบริการน่าจะดันชนเพดานทำให้บริการได้ไม่ครอบคลุม และขยายบริการได้ไม่เร็วเพื่อสู้กับ Netflix ได้ทัน เพราะอย่าลืมว่า Disney คือผู้ท้าชิง ต้องเร็วเข้าไว้จะเอาต้นทุนมาถ่วงไม่ได้ ไม่เหมือน Netflix ที่ออกมาตอนยังมีคู่แข่งไ่ม่เยอะ ทำให้ใช้ software ตัวเดียวกันทั่วโลกได้
สรุปคือ มันเป็นกลยุทธ์ของเขานั่นแหล่ะครับ เน้นที่ Content และราคาที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ เพื่อเร่งยอดสมาชิกให้มากที่สุด ส่วนตัวผมว่าแนวทางนี้ถูกต้องแล้ว เพราะ Disney ขายบริการ ไม่ได้ขายซอฟต์แวร์
ผมว่าได้นะ ของเราเป็นประเทศพัฒนาแล้วแต่ได้แค่นี้ หรือด้อยพัฒนานั่นเอง ไม่ใช่กำลังพัฒนามาเกือบ 50-80 ปีแต่โดนคนอื่นแซงไปไกลไปเลย ทั้งเกาหลีเอย สิงคโปร์เอย ล่าสุดก็จะเป็นเวียดนาม
ไม่เกี่ยวเลยครับ ที่บ้านเราได้ Disney plus Hotstar นอกจากกำลังซื้อแล้ว มีเรื่องภาษาในการทำ content (ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ)+การให้ผู้ผลิตสื่อท้องถิ่นมาร่วมทำ content และปัจจัยสำคัญคือดิสนีย์เขาให้ hotstar มาลุยโซนนี้อยู่แล้ว โดยใช้เรื่องราคาเพื่อให้ได้จำนวนสมาชิกเยอะที่สุด เป้าหมายดิสนีย์ตอนนี้คือเอายอดให้แซง Netflix ครับ ถ้าพูดกันตรงๆคุณสมบัติทั้งหมดที่ว่ามา เราจึงได้ hotstar ครับ
ผมเปิดซีรี่ย์ดูแล้วไม่มีซับอังกฤษ ก็รู้เลยครับว่าเค้ามองฐานลูกค้าแบบนี้
มีนะครับ แต่อาจไม่ใช่ทุกเรื่อง
ซีรีย์พูดอังกฤษด้วยรึเปล่าครับ ของผมพวกซีรีย์พูดอังกฤษ แต่บางทีฟังไม่ทันเลยเปิดซับ (Netflix) พอมาดู disney หลายๆตัวที่ดูไม่มี ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว
ไม่เชิงแต่ก็มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น ถ้ามองว่าประเทศพัฒนาแล้ว น่าจะมีกำลังซื้อเพียงพอที่จะดึงดูดให้เข้าไปลงทุนได้ เพราะถ้าเข้าไปเองโดยตรงนี่น่าจะหมายถึงเข้าไปทำพวกระบบอะไรต่างๆ เองด้วย ส่วนประเทศไหนที่ Disney+ มองว่ากำลังซื้อต่ำก็ใช้วิธีขายสิทธิให้ท้องถิ่นไปทำแทนประกันความเสี่ยงไป มาตรฐานอาจต่างหน่อย แต่อย่างน้อยก็ได้ในแง่ว่า content ตัวเองสามารถกระจายได้ง่ายขึ้น
ที่เราได้ Hotstar ก็เพราะเราไทม่มีแรงดึงดูดที่มากพอให้ Disney+ มาทำตลาดโดยตรงได้ คือทำแล้วไม่คุ้มนั่นแหละ
ถ้าทำแล้วไม่คุ้ม Netflix ก็เจ๊งไปนานละครับ จริงอยู่ว่าเรื่องหาบ้านทำให้รายได้น้อยลงบ้าง แต่ถ้าเรื่องเนื้อหา หรือกำลังซื้อผมว่ามันไม่น่าใช่ข้ออ้างว่าเอา hotstar มาทำตลาดนะ
เป้าหมายหลักคือกำไร ผมว่าที่เขาว่ามามันก็มีเหตุผลอยู่นะ ถ้าสามารถหาทางทำ model ต่างจาก Netflix ได้ แล้วต้นทุนลดหรือได้กำไรเต็มๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำหรือทดลองทำ อันนี้น่าจะมาจากเรื่องวัฒนธรรมองค์กรด้วย ที่ Netflix มักจะยินดีจ่ายไม่อั้น
ก็ไม่แปลกใจที่จะมีคนไปลงทุนซื้อ VPN เพื่อลงทะเบียนเข้าไปดู Content ตัวเต็มที่เยอะกว่าที่ให้บริการในประเทศ
ในเมื่อคนให้บริการไม่สนใจหรือให้ไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ และต้องการจ่ายอย่างถูกกฎหมาย แต่ดันทำเงื่อนไขให้ไปทางนี้แทน หรือไปเถื่อนก็มี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมสมัคร disney แต่ทุกวันนี้ก็กลับไปดู netflix เป็นหลักเหมือนเดิม เห่ออยู่ไม่ถึงเดือนเลย ไม่มีอะไรให้ดูละ
ผมมีแต่ไม่ได้ดู แต่ไม่กังวล เพราะ 35 บาท
ไม่มีหนัง ซีรีส์อะไรน่าสนใจ แถมภาพก็แย่ ใช้งานก็ยาก ตอนนี้ยกเลิกไปละ ดู NF สบายใจกว่า แม้จะมีหนัง ซีรีส์ห่วยบ้าง แต่ก็น่าสนใจระดับหนึ่ง
ที่ภาพมันแย่ก็เพราะเอามาจาก Hotstar อินเดียอ่ะแหละครับ ครอปมาซะด้วย ไม่รู้ว่าหนังที่เรตแรงหน่อยจะโดนตัดตอนมั้ย
ตัดไม่เหลือครับ บางทีมีตัดเผื่อประเทศแถบที่เรื่องเซ็นเซอร์แรงกว่าไทยอีกครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
Disney+ Sinovac สินะ (ดู ๆ ไปเถอะ Disney+ เหมือนกัน แค่ของไทยได้เป็น Sinovac (Hotstar) อย่างน้อยก็ถือว่าเราเปิดตัวในประเทศคุณแล้ว) ขนาดว่า Domain https://preview.disneyplus.com/ ตอนนี้ก็ Redirect เข้า Hotstar แล้ว T-T
เพราะ hotstar คุณภาพสตรีมมันห่วยเกิน แถม Crop มาสเกลเพี้ยนๆ คนเลยบ่น
ประเทศกำลังซื้อสูง ละเมิดลิขสิทธิ์ต่ำ จะได้ตัวเต็มนะครับ บ้านเราเว็บหนังเถื่อนเกลื่อนกลาดมาก ขนาดแอพกูเกิลในมือถือแอนดรอยด์ยังแนะนำเว็บหนังเถื่อนเลย โฆษณากันโต้ง ๆ มีลิ้งค์ 1 ลิ้งค์ 2 ด้วย รับรองถ้ามีพรีเมียร์แอคเซสเนี่ยเข้าแป๊บเดียวโดนเอาไปขึ้นเว็บเถื่อนกันแล้ว
อย่างสมัยก่อนหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ทั้งหลายเข้าไทยกับจีนก่อนเลย
ไม่ใช่แค่เว็บหนังเถื่อนอย่างเดียว ในเว็บบิทนี่ตัวดีเลย ดูดกันเป็นล่ำเป็นสัน โดนทุกเจ้า
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
นึกว่าหายไปหมดแล้วเสียอีก เพราะเคยอยู่ในแหล่งโหลดบิตตอนเฟื่องฟูช่วงที่เรียนมัธยม แล้วก็ออกมาสายซื้อถูกลิขสิทธิ์มาหลายปีแล้ว เว็บโหลดบิตก็หายไปไปเยอะและมาแทนที่ด้วย Streaming ดังๆ ในตอนนี้ เว็บบิตผมแทยไม่ได้ยินแล้ว นอกจากข่าวเนี่ยหละครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ยังมีอยู่ครับ พวกเจ้าดังๆที่ยังอยู่ยงคงกระพันในไทย สองเว็บหลักนั่นน่ะครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
-ซ้ำได้ไงเนี่ย-
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
พิมพ์หาหนังในกูเกิล อันดับหนึ่งแทนที่จะเป็นของเว็บลิขสิทธ์ แต่เป็นเว็บเถื่อน ก็ไม่รุ้ว่าทำไม ไม่จัดการมันไปสักที
หนักกว่านั้นมันมาใน Google News แล้วยังมีหน้ามาถามอีกว่า การ์ดนี้มีประโยชน์หรือไม่
google ไม่ใช่จะหาข้อมูลได้ทุกเวบเสมอไป บางเวบเขาก็ไม่ยอมให้มีการค้นหาใน google ฉะนั้นหากถามว่า ทำไม หนังถูกต้องตามกฏหมาย VS หนังเถื่อน google ถึงโชว์หนังเถื่อน มากกว่า หนังแบบถูกต้อง บางทีก็ต้องไปถามเวบ stream ว่าเขายอมให้ google เก็บข้อมูลเวบหรือเปล่า
พูดอย่างกับเมืองนอก ไม่มี๊ ไม่มี เวบเถื่อนเลย!!!!
หรือถ้าอ้างว่า เมืองนอกเขามีเวบเถื่อน แต่มันน้อยกว่าไทย เออ บางประเทศก็ใช่นะ อย่างญี่ปุ่น มีน้อยกว่าไทย แต่มูลค่าความเสียหายนี่ ก็ไม่เบาเลย อาจจะหนักกว่าไทยด้วย ฉะนั้น เวบมันจะน้อยจะมาก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันสำคัญที่จำนวน"คน" เสพเถื่อน ต่อให้มีแค่ 1 เวบ แต่ทุกคนที่เสพเถื่อน ต้องมาที่นี่ มูลค่าความเสียหายก็ยอะเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องมีหลาย ๆ เวบ อย่างเวบอ่านการ์ตูนเถื่อนในญี่ปุ่น มีแค่ 1 เวบ ไม่มีคู่แข่ง(ซึ่งปัจจุบันโดนตำรวจจับไปแล้ว)ตำรวจบอกว่า ยอดคนดูเฉลียวันละ XX ล้านคนต่อวัน
สมัครเดือนละ 35 บาทไว้ ดูแค่อาทิตย์สองอาทิตย์แรกหลังจากนั้นไม่ดูอีกเลยกลับไปดู Netflix เหมือนเดิม
ของไทยเดือนละ 30 กว่าบาทจาก AIS ตอนนี้แม่เปิดดูแต่ clone Wars อย่างเดียวเลยอะ