หน่วยงาน Financial Services Agency (FSA) ของญี่ปุ่น ที่ดูแลด้านการเงินในประเทศ เตรียมออกกฎใหม่ ในปี 2022 ควบคุมคริปโตตระกูล stablecoins หรือเหรียญที่ตรึงมูลค่าไว้เท่ากับค่าเงินในโลกความจริง โดยจะอนุญาตให้ธนาคารและผู้ให้บริการรับโอนเงิน (wire transfer service) เท่านั้นเป็นผู้ออกเหรียญ stablecoins
ยังไม่มีข้อมูลว่านอกจากเงิน stablecoins ในประเทศแล้ว ญี่ปุ่นจะยอมรับเหรียญที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้เช่น USDT ของ Tether หรือ BUSD ของ Binance และเจ้าอื่นหรือไม่ แต่หน่วยงานระบุว่าจะให้ความชัดเจนกับกฎที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตมากขึ้นในปี 2022
เหตุผลของการออกกฎนี้ของญี่ปุ่นคือเป็นไปเพื่อป้องกันการเกิด “bank run” หรือเหตุที่คนแห่กันไปถอนเงินออกมาจากธนาคารพร้อมกัน เทียบได้กับถ้าคนแห่กันไปถอนเงินที่มีไว้เพื่อค้ำยันมูลค่าของ stablecoins ที่อิงกับเงินจริง ซึ่งการแห่ไปถอนเงินออกจะทำให้ stablecoins สูญเสียมูลค่า และไม่สามารถคงมูลค่าเท่ากับเงินจริงได้ ก่อให้เกิดปัญหาในการแลกเปลี่ยน และเกิดปัญหาต่อผู้ถือเงินนั้น
ที่มา - The Verge
Comments
ก็จะกลายเป็นว่าแทนที่จะเอาแผ่นกระดาษ/รหัสบน DB ของธนาคารมาเป็นตัวแทนเงิน ก็จะกลายเป็น stablecoin แทนสินะ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ใครบอกผมทีทุกวันนี้ประเด็น USDT tether ว่าอาจจะเป็น Scam ครั้งใหญ่ หรืออะไรแบบนั้นนี่ มีมูลว่าไงบ้างครับไปหาข้อมูลมาเหมือนคนที่ทำจะไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่
ใครบอกผมทีทุกวันนี้ประเด็น USDT tether ว่าอาจจะเป็น Scam ครั้งใหญ่ หรืออะไรแบบนั้นนี่ มีมูลว่าไงบ้างครับไปหาข้อมูลมาเหมือนคนที่ทำจะไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่
เท่าที่หาอ่านดู USDT มีทรัพย์สินมาค้ำเพื่อให้มันมีมูลค่ากับ USD แบบ 1:1 (1 USD = 1 USDT) แต่จากการ audit ครั้งล่าสุด มูลค่าทรัพย์สินจริงๆ ดันมีไม่ถึงครับ
คนมันไม่ไว้ใจระบบแบงค์ปัจจุบัน ปั้นอะไรออกมาที่ดูเหมือนเป็นทางเลือกก็ขายได้หมด เหมือนปัจจุบันมีอะไรการันตีมั๊ยว่าระบบธนาคารดั้งเดิม ผบห ระดับบนๆ ไม่มีการเสขตัวเลขเข้าไปใน Database เอง ในเมื่อโปรแกรมเมอร์ก็คน มีภาระ มีครอบครัว สั่งให้ทำก็ทำ ไม่ทำหรือขัดคำสั่งก็ต้องออก ก็แค่นั้นเอง
เคยทำงานในระบบไอทีธนาคารหรือเปล่าครับ
มีแบ้งค์ชาติแต่ละประเทศกำกับและตรวจสอบอยู่ครับ
สำหรับของบ้านเรา เขาตรวจเข้มนะครับ ไม่ใช่แค่เสือกระดาษ
ต่างกับ USDT มีใครรับรองทรัพย์สินค้ำประกันนั้นจริงๆทางกฎหมายบ้างครับ นอกจากจ้างบริษัทเอกชนมา audit
หือ เสกตัวเลขเข้า database เลยเหรอ ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เขามีระบบป้องกัน คุณไปแก้เลขถ้าไม่เข้าเงื่อนไขมัน rollback หมดแหล่ะ ถึงแม้คุณจะมีสิทธิแก้ก็เหอะ ระบบความปลอดภัยมันมีหลายระดับเน้อ
น่าจะเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริงไปหน่อยครับ
ตอบรวมๆ ล่ะกัน
ผมว่า ผมพูดชัดเจนแล้วนะครับ "คนมันไม่ไว้ใจ เสกอะไรที่ดูเป็นทางเลือกใหม่ๆ ก็ขายได้หมด" คุณบอกว่ามี ออดิท มีองค์กรรัฐคุม ระบบบัญชีมันต้องมีงบดุล มันต้องเท่ากัน งู้นงี้งั้น คุณมั่นใจก็เรื่องของคุณไงครับ ไม่ได้มีใครบังคับ มันคือความเชื่อ จะบังคับให้ทุกคนคิดเหมือนกันไม่ได้
แต่การที่ระบบอื่นๆ ที่คิดขึ้นมาใหม่ ฟังดูเหมือนหลอกลวงแต่ดันขายได้ก็แสดงว่าไม่ใช่ทุกคนคิดเหมือนคุณ ผมไม่เคยทำงานให้ธนาคารใหญ่ๆ หรอก อันนั้นยอมรับ ที่ไกล้สุดก็บริษัทใหญ่ที่เป็น บ ประกันเจ้านึงแค่นั้น
เอางี้ ผมถามกลับ สมมุติว่าคุณทำงานในองค์กรดังจริงๆ วันนึงคุณอายุ 30-40 มีบ้านต้องผ่อน มีรถ มีลูกกำลังเรียนอยู่ เจอตัวเลขแปลกๆ เพิ่มเข้ามา ถามจากใจจริงนะครับ คุณกล้าเดินไปถาม ผบห มั๊ยว่าตัวเลขนี้คืออะไร ? ทางนู้นตอบว่า มันคือ ค่าตอบแทนพิเศษหรือเบี้ยเลี้ยงของผมก็จบแล้ว คุณยุ่งอะไรด้วย ความหมายของการเอาเงินไปใน DB ไม่ใช่แค่คีย์เข้าไปตรงๆ นะครับ แต่เข้าไปทางระบบปกตินี่แหละ แต่ลงเป็น คชจ หรือเงินพิเศษ ก็เท่านั้น
โอ้โห ผมไม่คิดว่าจะสะเทือนขนาดนี้ แค่พยามอธิบายว่าทำไมคนรุ่นใหม่ถึง trust หรือกล้าลองเงินที่อยู่นอกระบบกัน ใช่ส่วนหนึ่งโลภแต่ส่วนหนึ่ง คือ ระบบการเงินแบบเดิมคนมันเริ่มไม่ไว้ใจกันแล้ว เท่านั้นเอง
What ? ใครปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ของคุณได้ขนาดนี้ ในธนาคารมันแยกเป็นหลายฝ่ายที่คานอำนาจกัน ฝ่ายไอที บริหาร หรืออะไรก็ตามแต่ ถึงคุณจะใหญ่แค่ไหน หรือมีสิทธิแก้ไขข้อมูลผ่านโปรแกรมอะไรก็ตามที แต่ถ้ามันผิด Business Process หรือผิดเงื่อนไขความเป็นจริง ถึงคุณจะเห็นว่าคุณแก้ไขได้แต่สุดท้ายข้อมูลจริงมันก็ยังคงถูกต้องเสมอ เช่น คุณมีเงินในบัญชีธนาคารที่คุณทำงาน คุณมีสิทธิแก้ไขข้อมูลใน DB หรือผ่านโปรแกรมอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณไปแก้ไขเงินยอดเงินในบัญชีของคุณ ให้เกินจากที่คุณมีอยู่จริงคุณคิดว่ามาทำได้หรือไม่ ? ตอบผมหน่อยสิ แล้วผมถึงจะคุยต่อด้วย อันนี้พื้นฐานล้วนๆ สำหรับพนักงานไอทีเลยนะ นี่ยังไม่รวม Audit ภายใน ภายนอก และการกำกับดูแลจากแบงค์ชาติอีกที ที่จะกำกับดูแล
ถ้าบอกเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ยังไม่ยอมรับหลักความจริง ผมว่าก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าคนรุ่นใหม่หรอก รุ่นใหม่แล้วหลักคิดผิดเพี้ยน ไปอยู่ที่ไหนก็พากันพังไปหมดแหล่ะ
ที่ผมเตือน ผมเตือนเพราะคุณกำลังทำลายความน่าเชื่อถือของอาชีพของคุณเอง และเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ นะ คนที่เขาไม่รู้เขามาอ่าน ก็จะคิดว่ามันทำได้จริงอย่างที่คุณบอก แล้วก็เอาไปบอกต่อกันผิดๆ
ผมว่าถ้าเขากล่าวหามั่วๆ และยิ่งเอ่ยชื่อมาด้วย มีสิทธิ์โดนคดีได้เลยนะครับ แถมอีกอย่างที่คอมเมนต์นั้นพูดไป มันดูเกินจริงไปเยอะ ซึ่งหลักความจริงก็เป็นแบบที่คุณ akira บอกนั่นแหละครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
จิตนาการได้ล้ำมาก ทุกระบบมันมีช่องหมดแหละ แต่อ่านแล้วคิดได้อย่างเดียวว่าไม่เคยดูแลระบบจริง จินตนาการล้วน ๆ
คิดแบบนี้อยู่แล้วแต่แรก หรือฟังกูรูคริปโตเล่าต่อมาครับเนี่ย
จะเอาระบบจ่ายเงินเดือนขององค์กรกับระบบการเงินธนาคารระดับประเทศมาเทียบกันไม่ได้สิครับ คนละเรื่องกันเลย ยกตัวอย่างแบบนี้ก็คือช่องโหว่ให้เถียงกลับกระจุยกระจายอ่ะ มันสะเทือนเพราะความคิดคุณมันผิดหมดเลยแต่ดันดูเชื่อมั่นจัดๆนี่แหละ
เสพทัศนคติของทั้งสองด้าน ในมุมที่หลากหลาย+เยอะๆ แม้แต่ทัศนคติเดียวกันก็ควรจะศึกษาหลายๆ source แล้วค่อยพิจารณา หรือตัดสิน ก็ยังไม่สายครับ บางทีโลกอาจไม่แบ่งขาวดำมากอย่างที่คุณคิด...หรือเคยคิด...หรือถูกบอกให้รู้สึกว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ก็ได้นะครับ
ผมว่าคนที่กล้าลองกันคือได้ผลตอบแทนที่สูง ได้ไว ไม่ยุ่งยาก มากกว่านะครับ
จะมีอีกส่วนที่ใช้ประโยชน์จริงๆ พวกโอนเงินข้ามประเทศ ไม่ผ่านตัวกลางใดๆ
ไอ้สิ่งที่คุณบอกมานั่นไม่ใช่การเสกเงินหรือปลอม trasaction แบบที่กูรูคริปโตชอบเอามาพุดนะครับ มันคือการฉ้อฉลธรรมดาๆ เอาเงินที่มีอยู่จริงมายักย้ายถ่ายเทแล้วลงเป็นค่าอื่นๆ เท่านั้นเอง ถ้าเป็นการเสกเงินบัญชีเนี่ยมันคือการ "แต่งบัญชี" เฉยๆ นี่แหละ ตรวจไปยังไงก็เจอ
และในโลกการบัญชีมันมีสิ่งที่เรียกว่า "บัญชีกระทบยอด" อยู่นะครับ คริปโตมีดีแค่ไม่มันปลอม trascation ยัดไส้เข้าไปทีหลังไม่ได้จากการเข้ารหัสแล้วแล้วใครคือรับรองว่าไอ้ที่ใส่เข้าไปน่ะมันถูกหรือเปล่า? คนรุ่นใหม่ไม่ได้ trust ครับ เขา FOMO
I need healing.
กะอีแค่เข้าถึง "ฐานข้อมูล" ที่ว่าได้ก็ลำบากมากแล้วครับ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแก้ไขเลยครับ
"คนมันไม่ไว้ใจระบบแบงค์ปัจจุบัน" อย่านับผมเข้าไปด้วยครับ
ดูหนังโจรกรรมมากไปหน่อยมั้ง
โอเคๆ ยอมแล้วครับ ยกธงขาว กลัวคดีครับ นี่ถึงกลับไปไล่เช็กว่าเอ่ยชื่อระบุตัวตนอะไรรึป่าว น่ากลัวจริงๆ
อย่าไขว้เขวกับอีแค่คอมเมนท์บน Blognone สิครับ เราต้องเชื่อมั่นในความคิดของเราเอง สู้กับระบบที่มันเน่าเฟะให้ชนะ
แนะนำให้ไปอ่าน QAnon เสริมด้วยครับ น่าสนใจ
ญี่ปุ่นเค้ามี คนมาบ่น เรื่องพวกนี้กันไหม โดนห้ามนั้นนี้
เพิ่งมีคนเขียนการ์ตูนสาวเจ๊งหุ้นfx เอาเงินวาดทั้งหมดไปลงเหรียญตอนนี้ ติดดอย ไปแล้ว
ถ้าคนทั่วๆ ไปคิดว่าไม่น่าอะไรมากมายนะครับ
ที่ญี่ปุ่นระบบเงินสดยังมั่นคงสุดๆ แบบไร้เงินสดก็เยอะแยะหลายเจ้าจะเรียกว่าระบบมันดีจนไม่ต้องพึ่งคริปโต
แต่ต้องดูกันต่อไปว่าพอออกกฏมาแล้วจะมีอะไรเจ๋งๆ ออกมาให้ดูมั้ย