ซัมซุงออกอัพเดตใหญ่ให้ Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวบนอุปกรณ์ตระกูล Galaxy ของใหม่ที่สำคัญคือ ฟีเจอร์ Text Call ที่เคยเปิดตัวในเกาหลีเมื่อเดือนธันวาคม 2022 ตอนนี้ออกเวอร์ชันภาษาอังกฤษแล้ว
Text Call คือการให้ Bixby สนทนาด้วยเสียงทางโทรศัพท์แทนผู้ใช้ (ที่อาจไม่สะดวกรับสาย เช่น กำลังประชุมอยู่) โดยผู้ใช้มีหน้าที่พิมพ์ข้อความที่อยากตอบ จากนั้น Bixby จะแปลงเป็นเสียงพูดแล้วไปคุยกับคนที่โทรมาให้แทน ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Custom Voice Creato ผู้ใช้สามารถอัดเสียงตัวเองเป็นตัวอย่างฝาก Bixby เอาไว้ แล้วแปลงเป็นเสียงพูดที่คล้ายๆ กับเสียงเราได้ ตอนนี้ฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะภาษาเกาหลีเท่านั้น
ฟีเจอร์อื่นของ Bixby ที่เพิ่มเข้ามารอบนี้ยังมี on-device AI ขยายคำสั่งที่คุยได้แบบออฟไลน์ เช่น เปิดไฟฉาย จับภาพหน้าจอ ตั้งเวลา โดยรองรับการใช้งานใน 6 ภาษาคือ อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เกาหลี
ที่มา - Samsung
Comments
อาจจะนอกเรื่องนะครับ แต่มันคือความอัดอั้นตันใจ ของคนใช้ Nokia แล้ว พึ่งเปลี่ยนมาใช้ Sumsung แล้วพบว่า
ความมั่นหน้ามั่นโหนก เป็นสิ่งที่ดีนะครับ การที่ซัมซุงตั้งค่าให้ Bixby ให้เป็น Factory Default Assistant เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่มันควรจะเปิดพื้นที่ให้เปลี่ยนเป็น Assistant ตัวอื่นด้วย การบังคับไม่ให้เปลี่ยนแล้ว UX ของ Bixby ออกมาเหี้ยมันทำให้ผู้ใช้ที่ซื้อเครื่องมาใช้ครั้งเดียวแล้วเลิกใช้ ไม่ซื้อแบรนด์ซัมซุงอีกครับ
UX ของ Bixby ของซัมซุง มันเข้าขั้นห่วยแตกมาก ห่วยแตกจนผมต้องหาทางเปลี่ยนปุ่ม assistant ให้เรียก Google Assistant ให้ได้ครับ น้อง Bixby น้องทำอะไรไม่ได้มากเท่า Google Assistant เลย ซัมซุงควรปล่อยให้กูเกิลทำไปแล้วตัวเองไปเอาดีด้านอื่นหรือไม่ก็พัฒนาน้องให้มันดีเท่า หรือดีกว่า AI ตัวอื่นครับ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันทำให้ User Experiment แย่ครับ
ป.ล. ตอนนี้คิดว่า คิดว่า อยากกลับไปใช้ Nokia แต่ศูนย์ซ่อมอย่างเป็นทางการน้อยมาก และสเปคที่หาไปตรงไหนก็เจอแต่ซีพียูจีน ของ Snapdragon ได้ไหมครับ?
ไม่เคยใช้ bixby แต่จากประสบการณ์กับเครื่องใช้เกาหลีหลายๆ อย่าง มันดีหากคุณเป็นคนเกาหลี แต่กับประเทศอื่นเข้าขั้นห่วย เขาผลิตมาเอาใจแต่คนเกาหลีครับ ถึงเขาจะขายให้ประเทศอื่นๆ แต่ความใส่ไม่เท่าครับ
ครับ
มี Nokia x10 อยู่เครื่องนึง มีบั๊กแปลก ๆ คือแตะ 2 เพื่อเปิดจอมักไม่ติด ตั้งเข้าปิด-เปิด ฟังก์ชันนี้ใหม่ และถ้าปิดฟังก์ชั่นแถวแนะนำแอปในหน้าแอปรวมหน้านี้มันกระพริบ ปัดติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่เหนือสิ่งอื่นไดใช้งานได้ลื่นไหลกว่า A53 5G เสียอีก บางครั้งก็แอบคิดนะว่ามันลื่นไหลกว่า s22u ที่ใช้เป็นเครื่องหลักเสียอีก
ส่วนบิ๊กซ์บ้าไม่คิดแม้แต่จะใช้ อันไหน disable ได้จัดการให้หมด ปุ่มนั้นเอาไว้เป็นปุ่มลัดเข้าแอปโปรดแทน Google Assist ปัดจอเอา
คือ Nokia ตั้งแต่ใช้ CPU ของจีนก็เป๋ไปเยอะเหมือนกันครับ ผมเลยขอนอกใจมาซื้อซัมซุง แต่แล้วก็🙄
คิดซะว่าไม่เคยมีปุ่มนั้นครับ แล้วจะสบายใจ disable ไปเลยผมน่ะ
อ๋อ ผมหาวิธีเปลี่ยนเป็น Google Assistant ได้แล้วครับ ชีวิตดีขึ้นเยอะ...
ส่วนตัวผมว่า Samsung นี่ตัวทำ Android เสียภาพลักษณ์เลยฟีเจอร์อะไรครึ่งๆ กลางๆ ยังไม่เสร็จ ไม่เสถียรดีก็รีบใส่ไว้ก่อน เพื่อที่จะได้โม้ได้โชว์ว่าเป็น no.1 โฆษณาก็มีแต่แซะ Apple เพื่อจะได้ให้คนรู้ว่าเป็นผู้ตาม จอขอบโค้งไม่มีคนชอบแต่ก็จะใส่มา คนลองใช้ Android มาเจอ Samsung ก็คิดว่าค่ายอื่นจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด
ต่อไปคุยโทรศัพท์เรื่องสำคัญ คงต้องนัดคุยกันต่อหน้าแล้ว ฟังแต่เสียงอาจเจอบ็อท
ไม่เห็นด้วยกับอะไรแบบนี่เท่าไหร่ควรจะใช่เสียงแยก วางตัวเป็นผู้ช่วย
ใช่ๆ
เขาคงอยากได้ข้อมูลไป train ตัวระบบเขาด้วยแหล่ะ เดาว่าถ้าอ่าน policy น่าจะเขียนเอาไว้ แต่อาจลืมนึกไปว่าอาจมีคนเอาเสียงเรา ไปปลอมเพื่อมาหลอกคนรู้จักของเราอีกที
แก๊งคอลเซนเตอร์ชอบสิ่งนี้ ปลอมเสียงเป็นลูกมาหลอกยืมเงินพ่อแม่ ถ้าเช็คได้ว่าไม่ได้อยู่จังหวัดเดียวกันไม่ค่อยได้ติดต่อกันบ่อย เป็นปัญหาแน่นอน รอบนี้คนหลอกไม่ต้องบอกตัวเองว่าเป็นหวัดแล้ว วิจัยและพัฒนาเรื่องแบบนี้กันเข้าไป อนาคตโลกออนไลน์จะเชื่อถือตัวตนคนนั้นๆไม่ได้เลยถ้าไม่เจอตัวเป็นๆ ไม่ก็ต้องมีระบบยืนยันตัวตนที่ซัพซ้อนซึ่งจะมีคนใช้ได้ไม่กี่คนเพราะราคาค่าใช้จ่ายมันแพง
ผมทำนายว่าถ้ายังพัฒนาเรื่องนี้ ในอนาคตจะบ่อนทำลายการใช้งานออนไลน์ในระดับ C to C ส่วนระดับ C to B , B to C หรือ B to B จะไม่ค่อยกระทบเพราะมีระบบยืนยันตัวตนเข้มข้นมาจัดการให้
ลองนึกภาพว่าเจ้าของเครื่องเสียชีวิต แล้วมีคนรู้รหัส เอาเครื่องไปใช้งานหลอกคนอื่น จนไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของเครื่องเสียชีวิตแล้ว