นับเป็นวิบากกรรมต่อเนื่องจากกรณีถูก รัฐบาลออสซี่สั่งแบนอุปกรณ์หัวเหว่ยด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย มารอบนี้เจอคนรักบอกเลิกกันเลยทีเดียว
ย้อนไปเมื่อสี่ปีที่แล้วไซแมนเทคและหัวเหว่ยจับมือกันเปิดบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยเครือข่ายในชื่อ Huawei Symantec Technologies โดยอาศัยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเครือข่ายของไซแมนเทคกับความสามารถในการผลิตฮาร์ดแวร์ของหัวเหว่ย
แต่งานเลี้ยงก็มีอันต้องเลิกลาเมื่อทางไซแมนเทคเป็นฝ่ายประกาศข่าวเตรียมถอนตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และจะขายหุ้น 49 เปอร์เซนต์คืนให้หัวเหว่ยทั้งหมดภายในสองสัปดาห์หน้านี้ Enrique Salem ผู้บริหารสูงสุดของไซแมนเทคให้เหตุผลว่า "เราได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการร่วมทุนที่เคยตั้งไว้เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว" และ "เราจึงถอนตัวในตอนที่ผลตอบแทนจากการลงทุนยังดีอยู่"
แต่งานนี้ข่าววงในแจ้งมาว่าทางไซแมนเทคต้องรีบตัดความสัมพันธ์กับบริษัทจีนแห่งนี้เพราะกลัวถูกระแวงจากภาครัฐ จนทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการแบ่งปันข้อมูลการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทางภาครัฐกำลังจะขยายความร่วมมือมายังภาคเอกชนในไม่ช้า
สมรภูมิไซเบอร์ระหว่างประเทศก็เป็นอะไรที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทางฝั่งอเมริกาก็กำลังเตรียมแนวรับอย่างเต็มที่ แต่ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็คือหัวเหว่ยที่ไหนจะเจอ สหรัฐปฏิเสธไม่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ยในเครือข่ายในประเทศ ไปก่อนหน้านี้จนมาเจอไซแมนเทคตัดความสัมพันธ์อีก งานนี้ถ้าหัวเหว่ยจะหันมาเอาดีทางตลาดสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตก็อาจจะดีกว่านะครับ
ที่มา - The Verge , The New York Times
Comments
ถ้าทำสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ต นี่อาจเจอรูรั่วที่แรงกว่านั้นนะครับ XD
มีความรู้สึกว่า จีนกำลังถูกกีดกันทางการค้านะ
กลับกัน ถ้าจีนห้ามไม่ให้ระบบเครือข่ายของ usa เข้ามาในส่วนของราชการของจีนมี่งด้วยเหตุผลเดียวกัน ทางอเมริกาจะยอมไหมเนี่ย
รัฐบาลจีนเคยให้ระบบเครือข่ายชาติอื่นนอกจากจีนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับระบบราชการด้วยเหรอครับ
จีนนิยมใช้ของตัวเองครับ ถ้าผลิตได้ ขนาดรถยนต์ ถ้าจะเข้าไปตีตลาดจีน ต้องร่วมมือกับค่ายรถจีนด้วยครับ
ไม่ใช่นิยม แต่เป็นกฎหมายต่างหากครับ
งัดข้อกันไปเรื่อยเปื่อย
เห็นเศรษฐกิจจีนถึงขาลง เลยต้องรีบชิ่ง นี่แหละมะกัน มันไม่เคยเห็นประเทศไหนดีเท่าประเทศมัน ประเทศไหนจะเดือดร้อน พวกมันไม่สนใจหรอก ผลประโยชน์เท่านั้นที่คุยกันได้ ดังนั้นไม่แปลกใจที่จีนจะไม่เคยอ่อนให้เวลาประลองในเกมส์ธุรกิจ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ปกติสำหรับทุกคนแหล่ะครับ
ชอบสไตล์การเขียนจัง :)
ขอบคุณครับ :)
เริ่มแล้วสินะ สงครามธุรกิจระหว่างประเทศ ผมมองว่าเป็นปกติของทุกประเทศนะครับที่พยายามปกติผลประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้งสูงสุด ในกรณีนี้ก็เรียกได้เต็มปากเลยว่ากีดกันทางการค้า แต่จะลำบากจีนหน่อยตรงที่หน่วยงานที่รับผิดชอบตัดสินคดีความตรงนี้ ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศอเมริกา+ยุโรปที่เป็นคนเริ่มสงครามนี้ซะเอง ผมว่าถ้าอเมริกา+ยุโรปไม่หวังพึ่งจีนในการกอบกู้เศรษฐกิจของตัวเอง จีนคงโดนเยอะกว่านี้อีก แต่จะว่าไปจีนก็กันท่าสินค้า+บริการจากสหรัฐเต็มที่เหมือนกันนะ