ช่วงนี้เราเห็นไมโครซอฟท์ปล่อยหมัดออกมาชุดใหญ่ ทั้ง แท็บเล็ต Surface , Windows Phone 8 รวมไปถึง ข่าวหลุดของ Xbox 720 อีกด้วย
ถ้าเรามองย้อนกลับไปตอนนี้ เราจะเห็น "จิ๊กซอ" ของไมโครซอฟท์ที่กำลังเริ่มก่อตัวอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และน่ากลัวมากทีเดียว
การทำความเข้าใจกับท่าทีของไมโครซอฟท์ในช่วงนี้ ต้องย้อนไปดู "ความตั้งใจ" ของไมโครซอฟท์ช่วงก่อนหน้านี้เสียก่อน ยุทธศาสตร์ที่ไมโครซอฟท์วางไว้ตั้งแต่ปี 2009 โดย Ray Ozzie ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของบิล เกตส์ (ปัจจุบันเขาลาออกไปแล้ว) คือคำว่า "Three Screens and a Cloud" ( อ้างอิง , ภาพประกอบ )
ยุทธศาสตร์ "Three Screens and a Cloud" ของไมโครซอฟท์พูดถึง "หน้าจอ" สามชนิดได้แก่ โทรศัพท์ พีซี และทีวี บวกกับ "กลุ่มเมฆ" ที่ทุกคนคงเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร
ถึงแม้ว่าหลังจากไมโครซอฟท์ประกาศยุทธศาสตร์นี้แล้ว เราจะเห็นอุปกรณ์ชนิดใหม่อย่าง "แท็บเล็ต" เพิ่มเข้ามา แต่ผมว่าในภาพใหญ่ๆ แล้วมันก็ยังเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ได้ และตอนนี้เราก็เห็นการเดินเกมของไมโครซอฟท์ตามยุทธศาสตร์นี้ขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
- พีซี/แท็บเล็ตซอฟต์แวร์ Windows 8 + แท็บเล็ต Surface
- ทีวีเกมคอนโซล Xbox + Kinect
- โทรศัพท์Windows Phone 8 ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด
กรณีของ Windows 8 กับ Windows Phone 8 นั้นไมโครซอฟท์ประกาศออกมาแล้วว่าจะใช้สถาปัตยกรรมร่วมกันหรือ "Shared Windows Core" และน่าจะใช้เทคนิคการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็น Windows RT เหมือนกัน
ถ้าเราบวกกับข่าวลือของ Xbox 720 ว่าจะใช้สถาปัตยกรรมเดียวกัน เขียนแอพข้ามกันได้ เราจะยิ่งเห็นว่าหน้าจอทั้งสามแบบในโลกของไมโครซอฟท์ จะใช้งานแอพข้ามกันได้หมดในอนาคตอันใกล้นี้ (และทุกอย่างเป็น Metro)
หากว่าไมโครซอฟท์สามารถต่อจิ๊กซอได้ครบแผ่น ทำทุกอย่างได้ตามเป้าหมาย จะกลายเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่น่ากลัวมากๆ เลยนะครับ เพราะคู่แข่งอย่างแอปเปิลและกูเกิลยังต่อภาพพวกนี้ได้น้อยกว่าไมโครซอฟท์มาก
แอปเปิลมีดีเพียงฝั่งโทรศัพท์+แท็บเล็ต (และทำได้ดีมาก) ส่วนคอมพิวเตอร์ถึงแม้ว่าแมคจะมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ส่วนแบ่งตลาดก็น้อยกว่าวินโดวส์มากๆ ทีวีเองก็ลูกผีลูกคน ส่วนฝั่งกลุ่มเมฆก็ยังแทบไม่มีอะไรเลย มีแต่ iCloud ที่กำลังก่อร่างสร้างตัว
กูเกิลเองไปได้ดีในตลาดโทรศัพท์ ตลาดแท็บเล็ตก็มีอิทธิพลบ้าง คอมพิวเตอร์ไม่มีเลย (แต่พยายามแก้เกมด้วย Chrome/Chrome OS ซึ่งเป็นวิธีคิดอีกแบบ) ทีวีทำได้แย่กว่าแอปเปิลด้วยซ้ำ จะมีดีที่ฝั่งกลุ่มเมฆเท่านั้น
แต่ไมโครซอฟท์มีครบพร้อมสรรพ ถ้าเอาเฉพาะฝั่งกลุ่มเมฆ ได้แก่
- เซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลรันแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ ทั้ง Windows Server, IIS, MS SQL, Exchange ฯลฯ
- กลุ่มเมฆแบบ hosted services มีตระกูล Office 365
- กลุ่มเมฆแบบ public cloud ก็มี Azure ที่กำลังบ่มเพาะอยู่
- ฝั่งเว็บมี Bing, Windows Live, SkyDrive รวมถึง Skype และอาจจะเป็น Yammer
- ฝั่งความบันเทิงออนไลน์มีแพลตฟอร์ม Xbox Live ที่ดูด Zune เข้ามา หนังเพลงทีวีมาครบ
ไมโครซอฟท์อาจทำได้ไม่ดีในบางตลาด แต่ถ้าเทียบสายผลิตภัณฑ์แล้ว ความครบถ้วนมากกว่าคู่แข่งมาก
ผมคิดว่าจุดชี้เป็นชี้ตายของไมโครซอฟท์จะอยู่ช่วงปลายปีนี้ เพราะจิ๊กซอ 2 ชิ้นใหญ่ๆ จะถูกวางลงมา ได้แก่ Windows 8 และ Windows Phone 8 ซึ่งถ้าไมโครซอฟท์ทำได้สำเร็จ โมเมนตัมจะไหลไปอยู่กับไมโครซอฟท์ทันที และจากนั้นปีหน้าเราก็น่าจะได้เห็น Xbox 720 เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นสุดท้าย ที่ทำให้ "ไมโครซอฟท์ 2.0" เสร็จสมบูรณ์
การมองไมโครซอฟท์ยุคหน้าจะต้องทิ้งภาพไมโครซอฟท์แบบเดิมๆ ไปให้หมดนะครับ เดสก์ท็อปมีหน้าต่างแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ต้องลืมมันไปให้หมด เปลี่ยนความคิดใหม่เป็น Metro และ WinRT เราจะเห็นการต่อเชื่อมกันของจิ๊กซอของไมโครซอฟท์ที่ชัดเจนขึ้น (ระบบเดสก์ท็อปจะกลายเป็น legacy mode สำหรับงานเฉพาะทางบางอย่างเท่านั้น)
สิ่งที่ไมโครซอฟท์ยังไม่ประกาศออกมาคือกระบวนการพัฒนาแอพบน Windows Phone 8 ว่าจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับ WinRT บ้าง แต่ก็น่าจะเดาได้ว่าแอพ WinRT ควรจะทำงานได้ทั้งบน Windows 8 และ Windows Phone 8 โดยแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมสุดท้ายมันควรจะไปทำงานบน Xbox 720 ได้ด้วย เพราะหลักการทำงานโดยนิ้วสัมผัสนั้นไม่ต่างกัน (อย่าลืมว่าไมโครซอฟท์มี SmartGlass ไว้เพื่อการนี้)
ส่วนยุทธศาสตร์การทำฮาร์ดแวร์เองเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่าก็เป็นเรื่องน่าสนใจ ไมโครซอฟท์มีบทเรียนมาอย่าง โชกโชน จาก Xbox และการออกแท็บเล็ต Surface ก็แสดงให้เห็นชัดว่าไมโครซอฟท์จะเดินไปในเส้นทางนี้ (ผมคิดว่ายังมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่ไมโครซอฟท์จะเอาให้สุดคือออก Surface Phone ตามมาด้วยอีกในอนาคต)
แพลตฟอร์ม WinRT น่าจะได้รับการผลักดันจาก Windows 8 ช่วยให้มันไปรุ่งกับ Windows Phone 8 ด้วย ซึ่งน่าจะส่งผลให้แอพบน Windows Phone 8 เยอะขึ้นอย่างรวดเร็วไปโดยปริยาย (แต่ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนใช้ WP7 ณ ปัจจุบันที่อัพเกรดไม่ได้ด้วยเช่นกัน ยุทธศาสตร์การพัฒนาของไมโครซอฟท์เหมาะสมแล้ว แต่ผู้ใช้ซวยจริงๆ)
เท่าที่ผมลองใช้ Windows 8 มา ผมพบว่าการใช้งานบนพีซีแบบเดิมๆ ให้ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก (เพราะมันออกแบบมาสำหรับแท็บเล็ตและอุปกรณ์ไฮบริด) ซึ่งตรงนี้อาจเป็นจุดตายของ Windows 8 ในมุมกลับเช่นกัน ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วผู้บริโภคจะตอบรับดีแค่ไหน
พูดง่ายๆ ว่ายุทธศาสตร์ (strategy) ออกแบบมาอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ขึ้นกับการดำเนินงาน (execution) ว่าจะทำได้จริงตามเป้าแค่ไหนเท่านั้น ถ้าผลออกมาดี ไมโครซอฟท์จะไปรุ่งและอาจกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ถ้าผลออกมาตรงข้าม เราก็อาจเห็นการสิ้นสุดของไมโครซอฟท์ในตลาดคอนซูเมอร์อีกเหมือนกัน
เรื่องนี้ไม่น่าจะนานเกินรอ ปลายปีนี้คงเริ่มรู้เรื่อง และสักกลางปีหน้า ผลชี้ขาดคงเริ่มเด่นชัด
Comments
วิเคราะห์ได้สุดยอดมาก ผมมองว่าถ้าหากให้อัพเกรดรุ่นเก่าได้หน่อยก็คงจะเป็นจิกซอว์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
หมัดแรกทำเอาแฟนบอยหน้าหงายไปเป็นแถบๆ เลย เยี่ยมจริงๆ M$
+1 การเล่นบทโหด ทิ้งกันดื้อๆแบบนี้ คนบางส่วนเจ็บปวดจนอาจไม่เชื่อถือในคำพูดล่อลวงอีกต่อไป..
เรื่องแบบนี้มันเป็นศิลปะการครองใจนะครับ คนเรา.. ถ้าไม่ได้ใจกันแล้ว ยากนะครับที่จะยอมมากินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันได้อีก
ดังนั้น ถ้าคุณ MK บอก ผลออกปลายปี ผมบอกได้เลย ไมโครซอฟท์ เละแน่ๆ เพราะไม่มีทาง ที่ Nokia จะออกรุ่นใหม่มาแล้วชนะ
iPhone 5 ที่คนอีกมหาศาลเฝ้ารอจะควักบัตรมารูดปรื๊ดๆได้เลย (ยิ่งเพิ่งเล่นบทโหดกับ Lumia 900 ไปหยกๆ) ปริมาณนักพัฒนาอีก
ซึ่งยังไงๆก็ต้อง Playsafe จัดเพื่อปากเพื่อท้อง พัฒนา ios + Droid กันต่อไป กลางปีนู๊น อาจค่อยๆเริ่มคิดถ้า คนใช้ W8 มันเยอะพอ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ยาก เพราะกว่าจะถึงวันนั้น Samsung คงจัด สเปกหนัก ราคาถูก มาอีกหลายดอก ต่อด้วย iPad 2013 อีก
สรุป ผมว่าตายครับ ไมโครซอฟท์ ตายยั๋งอึ่ง แน่ๆ
อันนี้ผมเลยคิดว่ามันเป็นไปได้เหมือนกันที่เราจะได้เห็น Surface Phone น่ะครับ เพียงแต่ก็ต้องดูว่าไมโครซอฟท์จะกล้าหักดิบหรือเปล่า
ผมว่าเมืองนอกก็คงไม่ได้สะท้านอะไรมากนะครับ เพราะ Lumia 900 วางขายก่อนบ้านเรา กว่าจะออก WP8 มาขายจริงก็คงปลายปี รวมๆอายุก็น่าจะเกือบปี
ในความคิดของ ผมยังคงเชื่อใน Microsoft อยู่นะครับ แม้ว่าก้าวนี้อาจะเป็นก้าวที่ผิดพลาด แต่ผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนมันทำให้ผมเชื่อว่าก้าวถัดไปของไมโครซอฟต์ต้องออกมาดีแน่ๆ
ครับ ผมก็อยากเดาผิดนะ เพราะถ้าผมผิด นั่นแสดงว่า อนาคตคงมีของเล่นสนุกๆ มาให้ผมทดลองอีกเยอะเลยทีเดียวเชียว
+1
สะท้านสิครับ คำว่า Disappoint, Piss off มีอยู่เพียบ ไม่เว้นแม้แต่ WMPoweruser, XDA
Microsoft just stuffed me up Big Time
Lumia owner cheated and angry
Will you buy a WP 8?
ถ้าจะอ้างตามผลการสำรวจว่าผู้ใช้พึงพอใจใน WP คงต้องคิดใหม่จากเปอร์เซ็นต์ตัวเลือก No, I will move to another OS ในโพล (ผมด้วยอีกคน)
Good job M$, เพียงแค่วันเดียวทำ Brand Royalty ของลูกค้าจำนวนมากพังราบคาบ
How Angry Should WP7 Owners Be About Windows Phone 8?
ลองดูอันนี้สิครับ
ไม่ดูอะไรจาก M$ แล้วครับ กำเงินรอซื้อ iPhone 5 อย่างเดียว จบ
ให้เวลาพิสูจน์ตัวเองมานับปีแล้ว
มันมีคนที่ซื้อมือถือโดยไม่ได้คิดเรื่องการอัพเกรดซอร์ฟแวร์เยอะพอๆกับ คนที่คำนึงเรื่องนี้นะครับ
แล้วคนที่ซื้อโนเกีย แต่ไม่ได้อยู่ในจักรวาล IT มันก็มีเยอะนะครับ
คนที่ซื้อโทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจ spec มันก็ยิ่งมีเยอะอีกนะครับ(หลังๆ smart phone ถูกลง กลุ่ม user ปรกติชนมากขึ้น สนใจ spec น้อยลง สนใจรูปร่างหน้าตา brand และ ประสบการณ์การใช้งานเป็นหลัก)
ผมว่าการที่จะทิ้งกันไม่ทำให้ microsoft เละหรอกครับ แต่ออกจะผิดธรรมเนียมที่เคยเป็นมาไปมาก
แต่การไม่ยอมทิ้งกันทำให้เราเห็น windows mobile 6.5 IE 6 7 อยู่อย่างยาวนาน การต่ออายุ XP
และเห็น microsoft ดูเหมือนจะตามหลังเจ้าอื่นเหมือนในปัจจุบัน
อันนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะ เพราะรอบๆตัวผมตอนนี้ เค้าไม่รู้หรอกว่ามันใช้ OS อะไรขอแค่เป็น Nokia ที่เค้าชอบก็พอแล้ว(เพราะเครื่องเก่าที่ใช้ก็ Nokia)
จริง ผมใช้ S60 กับ Android ตัวละ 3000 เท่ากัน
S60 ใช้สะดวกกว่าเยอะ ไม่แครช ต่อคอมก็ง่าย จัดการคอนแทคก็ง่าย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ถึงไม่ได้อัพเป็น win8 ก็ไม่ได้ความว่าจะหยุดอัพต่อไปนิครับ CEO เค้าก็ยืนยันแล้วว่าจะอัพ Lumia ทุกตัวออกไปอีกเป็นระยะเวลานาน
8 ออกปลายปีนี้หรือปีหน้านะ ลืม.. แต่ลองคิดแบบนี้นะ
เราจะอัพ Lumia 900 ให้คุณสิ้นปีนี้เป็น 7.2 ต้นปีหน้า เราอัพให้เป็น 7.3กลางปีหน้าเราอัพให้เป็น 7.4 สิ้นปีหน้าเราอัพให้เป็น 7.5 5555555555555555555
แล้วผมถาม "ใจคุณ" หน่อย คุณจะซื้อมั้ย...
ถ้า App มันใช้รวมกันได้ผมไม่มีปัญหานะเรื่องอัพได้ไม่ได้ ประเด็นจริงๆ มันก็แค่ตรงนั้นแหละ
อย่างตอนนี้ผมใช้ iPhone 4 อัพตัวใหม่ได้แล้วไงแหละครับ siri หรือฟังก์ชันใหม่ๆ หลายอย่าง
ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน ผมว่ามันก็ไม่ต่างกับอัพไม่ได้หรอก หรือจะให้ MS ออกมาแบบ Apple
คือบอกว่าอัพได้ แต่ตัวนี้ตัวนั้นจะใช้ไม่ได้อะไรแบบนั้น อย่างที่ผมบอกตอนต้นมันสำคัญที่ว่า
App เดิมผมและ App ใหม่ยังมีใช้งานได้ปกติหรือเปล่า ถ้าได้ผมก็จบ
ตอนนี้มันก็ 7.5 อยู่แล้วนะครับ
สำหรับผมก็คอยดูต่อไปว่าไอ้ 7.8 ที่จะให้มา จะใกล้เคียง 8 ขนาดไหน
ถ้าฟีเจอร์ไม่ต่างกันมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ใช่ก็คงต้องด่า เพราะผมถืออยู่เครื่องนึง = ="
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
มุมของผมนั้นต่างกับเจ้าของข่าวมากเลยครับ
เขียนเลยครับ :P
Dream high, work hard.
ปูเสื่อรอ
ขอต้มน้ำรอได้ไหม? ...อะอ๊ะอย่าคิดมาก ดึกแล้วกำลังหิว
เป็นยังไงหว่า เล่าหน่อยครับ
ผมก็มองต่างนะ ผมว่าโทรศัพท์ก็ส่วนโทรศัพท์ PC ก็ส่วน PC ผมคงไม่มานั่งพิมพ์ MS Word บนมือถือหรอก แต่ถ้าแก้ไขนิดหน่อยก็มี QuickOffice หรือ Document to Go แก้ขัดได้ หรือเล่นเกมส์บน Xbox แล้วจะเอามาเล่นต่อบนมือถือหรือ ผมก็ว่ามันคนละส่วนกันอยู่ดี เล่นได้ก็ไม่สนุกหรอกจอนิดเดียว บังคับก็ยาก ผมอาจจะใช้ Win8 บน PC แต่มือถือผมคงใช้ Android ต่อไปคงไม่เปลี่ยนมาใช้ Win Phone 8 หรอกต่อให้มันหน้าตาเหมือนกับ Win8 เบื่อตายเลย ส่วน Tablet กะ Notebook ต่อไปผมมองว่ามันจะหลอมรวมกันเป็น Transformer ซึ่งอันนี้แหละที่ต้องมาช่วงชิงกันว่าจะเป็น Win8 หรือ iOS หรือว่า Android(Chrome) ละ ซึ่งผมพอจะเดาได้ว่า คนที่ใช้ โทรศัพท์ iPhone ก็จะหันมาใช้ iPad คนที่ใช้โทรศัพท์ Win Phone8 ก็จะใช้ Transformer Win8 คนที่ใช้โทรศัพท์ Android ก็จะหันมาใช้ Transformer Chrome และ/หรือ Win8
ผมมองไปอีกแบบครับ. ถ้าต่อไปเราถือแค่โทรศัพท์มือถือ พอจะพิมพ์งานหรืออยากใช้ desktop ก็ต่อกับ dock เหมือนของ Moto ครั้นจะเล่น tablet ก็เสียบด้านหลังเหมือน Asus PadFone มันก็น่าจะเป็นไปได้ แถม M$ บอกเองว่า WP8 ใช้แกนเดียวกันกับ Win8 ดังนั้น เค้าคงจะรวม OS เป็นอันเดียวมากกว่าจะแยกครับ.
เขียนเลยครับ อยากเห็นหลายๆมุม :)
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
น่าสนุกนะครับ อาจจะเป็นการเอาคืนของ "วุยก๊ก" หลังจากที่พ่ายศึกเซ็กเพ็ก (Search+Smart Phone) ถ้าเอาตาม 3 ก๊ก “จ๊กก๊ก” (Google) ยุคหลังต้องโดนปราบก่อนเพื่อนเลย แต่ผมสนใจว่าใครจะเป็นตระกูล "สุมา" ที่รวมแผ่นดินได้มากกว่า อิอิ จะใช่ สุมาร์ค รึเปล่านี่ก็น่าลุ้น
มุมของผมเหมือเจ้าของข่าวเลยครับ แต่ key ของผมมีแค่ windows 8 เพียงตัวเดียว เพราะทันทีที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ windows 8 ได้เมื่อไร windows phone จะตามมาติดๆ เพราะแทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย เพียงแค่หยิบขึ้นมาเขาก็รู้แล้วว่าควรจะใช้งานยังไง
+1 ครับ ความรู้สึกดีๆเกิดจากสิ่งเล็กๆ ^^ ส่วนตัวผมว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมนะ แต่ก็ถือเป็นการเสี่ยงครั้งใหญ่สำหรับการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ pcทั้งหลาย เรียกได้ว่าพลิกระบบกันเลย ถ้าms ทำได้ตามแผนจริง= ครองโลกกันเลยทีเดียว ทุกวันนี้หลายๆคนก็รอ แทบเล็ตของwindow อยู่นะ ผมว่ามีโอกาสสูงที่ms จะครองตลาดแทบเล็ตได้ ลองนึกภาพวันนึง โลกใช้os เดียวกันหมดสิครับ นึกถึงเกมส์ watchdog เลย O_o ปล วิเคราะห์ได้ดีมากครับ ชอบอ่านบทความวิเคราะห์ของคุณmk มากครับ เหมือนได้อ่านนิยายดีๆเลย อยากเห็นภาคต่อของ 3ก๊กจัง ^^
ที่เห็นด้วยกับคุณ mk คือ จุดตัดสินน่าจะอยู่ที่สิ้นปีนี้ บนตลาด tablet คือยอดขายของ winRT
แต่ที่มองข้ามไม่ได้คือ android ในจุดแรกคือ ผมไม่คิดว่า android จะอยู่แค่บนมือถือ tablet และบน pc ปล่อยให้ chrome os (จริง ๆ แล้ว android ถูกออกแบบมา ให้ใช้กับ comupter ทุกชนิดรวมถึงใน tv รถยนต์ เช่นเดียวกับ win8 และถ้าดูไม่ผิด เหมือนจะมี all-in-one pc ที่เป็น android ออกมาแล้ว)ในกรณีกลุ่มเมฆ ผมว่า MS ตามหลัง google ค่อนข้างไกล ทั้ง gmail search map (จะมีก็ในบางเรื่อง เช่น office และ เกม ที่ทาง MS น่าจะทำได้ดีกว่า)
โดยรวม MS ถือว่าปรับยุทธศาสตร์ไล่กวด google มาติด ๆ โดยมีอาวุธหลักเพียงอย่างเดียวคือ ฐานผู้ใช้ PC และ ฐาน app จาก PC ที่มีปริมาณมหาศาล ซึ่ง MS ต้อง migrate ทั้งหมดมาอยู่บน winRT ให้ได้ (เป็นงานที่หินจริง ๆ เพราะดูจากใน blognone dev ส่วนใหญ่เหมือนจะไม่ค่อยชอบการมาของ winRT)
ผมว่าสิ่งที่น่าจับตาที่สุดของ Android คือ Android@Home ที่ปีที่แล้วโผล่มาเหมือนจะยิ่งใหญ่แต่ดันหายเงียบไปเลย คิดว่าปีนี้น่าจะเอากลับมาอีกรอบ
เกมของกูเกิลจะเป็น internet of things หรือว่าสิ่งของต่างๆ ที่ต่อเน็ตได้น่ะครับ เพียงแต่ผมคิดว่าเอาจริงๆ แล้วคนเราก็จะใช้ของต่อเน็ตหลักๆ อยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่งไมโครซอฟท์มีครบหมด (เช่น Android ไปกว้างจริงแต่ก็ไม่สามารถเจาะบนคอนโซลได้อยู่ดี ยกเว้น PS4 จะใช้ Android อะนะ)
สำหรับเครื่อง คอนโซล นะครับ ผมมองว่ามันกำลังจะตาย (ไม่มีความสำคัญ และจะไม่มีใครซื้อ คอนโซล อีกต่อไป) เพราะอะไร เพราะสินค้าที่แทนได้กำลังจะมาแบบโหมกระหน่ำ ทั้ง all-in-one pc และ smart tv และพวกเครื่องคอมขนาดเล็กที่ต่อกับ tv (ใช่ผมกำลังจะบอกคุณว่า ไม่มึใครจะซื้อ คอนโซล มาเล่นเกมอีก เพราะซื้อทีวีธรรมดาก็เล่นได้) ระยะนี้อาจจะติดเรื่องคุณภาพเครื่องและเกมแบบ ไฮเอนด์ (แต่ถ้าคุณดูมือถือตอนนี้ คุณจะนึกภาพออกเองว่าอีกไม่นาน เกมไฮเอนด์ ก็ต้องมา)
แต่ผมกลับไม่คิดว่าจะมีคนซื้อ TV ที่เป็น platform dependent มาเล่นเกมหรอกครับ เพราะว่าต้นทุนมันสูงเวลาจะย้ายไปเล่นเกมของ platform อื่น ><
ลองจินตนาการการเล่น Halo/winning/Assassin's creed แบบ 3D/FullHD บนทีวี 60 นิ้วดูซิครับ ถึงตลาดมันจะทับซ้อนกันบ้างแต่พวกฮาร์ดคอร์ ก็ยังไม่สูญพันธุ์ในเร็ว ๆ นี้แน่
Console ก็ต้องปรับตัวครับ พยายามนำเนื้อหาอื่นๆ มาใส่ใน platform ของตัวเอง ซึ่งเจ้าหลักๆ ทั้ง Xbox และ PS3 ก็กำลังหักหางเสือกันอยู่
ผมมองคนละแบบเลยนะ ผมมองว่ายังไงตลาดคอนโซลก็ยังอยู่ เพียงแต่อาจจะไม่กว้างเท่าปัจจุบันอาจจะเล็กลง ส่วนทีวีที่เล่นเกมได้ผมว่ายากนะ dev ต้องมานั่งพัฒนาแพลตฟอร์มที่ต่างกันแบบนั้นลำบากเกิน อีกอย่างเกมของmsมาถูกทางแล้วครับ xbox ไม่ใช่แค่เครื่องเล่นเกมคอนโซลเพยงอย่างเดียวแล้ว มันเป็นเครื่องที่จะต้องมีติดห้องนั่งเล่นเลยก็ว่าได้ คนที่เล่นเกมจริงๆกับคนที่ไม่เล่นเกมมันมองต่างกันนะ
อนาคตของคอนโซลก็คือ BOX เอนเตอร์เทนทุกอย่างที่วางไว้กลางบ้านให้ใครๆ ก็ใช้ได้นี่แหละครับ มันไม่ตายหรอกเพราะมันเสถียรราคาไม่แพง ใช้งานได้หลายอย่าง แค่เปลี่ยนจากการขายแผ่นมาเป็นดาวน์โหลดให้ได้ก็จะเข้าถึงทุกประเทศมากกว่านี้ แต่กรณีนี้อุปสรรคมันอยู่ที่ร้านเกมใหญ่ๆ ยังไม่ยอมให้ค่ายเกมทำแบบนั้นโดยสะดวก มันเหมือนสงครามเย็นกันอยู่
คิดอีกแบบนะ เอาเป็นว่า ทีวีเป็นแอนดรอยเลย
มีแอปหลักเป็น Tuner ที่เหลือก็รันโปรแกรมแอนดรอยได้หมด ดังนั้น dev ไม่ต้องทำเกมส์ใหม่เลย เกมส์แอนดรอยตอนนี้มีเกม 3D หนักๆเยอะแยะ แทนเกมส์คอนโซลได้เลย และยังจะออกมาอีกมากมาย
สั่งงานผ่านจอยไร้สาย + เมาส์ + คียบอร์ดไร้สาย + สมาร์โฟน(wifi) + irRemote ทั่วไป
บางเกมส์ทำมาเพื่อสัมผัสจอตรงๆก็คงเล่นไม่ได้ อย่าง fruit ninja แต่เกมส์เดินลุย Shadow gun เกมส์กีฬา เกมส์มากมายน่าจะเล่นได้ผ่านจอยสติ๊ก
= = ย้ำอีกทีนะครับ คนที่เล่นเกมจริงๆกับบคนเล่นแค่เกอม arcade ทั่วไปบนสมาทโฟนมันต่างกันนะครับ เกมบนคอนโซลมันมีเรื่อวราว และความสนุกต่างกันเยอะเน่อ ลองเล่นเกมดีๆในคอนโซลสักเกมแ้วจะเข้าใจครับ ^^
ต่างกันเยอะ?? ยังไงครับ เกมส์ของเพลยสเตชั่นที่ลงแอนดรอยได้ นี่ถือว่ามีเรื่องราวไหมครับ ตอนนี้ใช้อีมูเลเตอร์ก็เล่นได้นิครับ
ตอนนี้ยังต่าง เพราะแอนดรอยยังไม่นิ่งบนทีวี
่ระบบการควบคุมยังไม่ได้ดี หมายถึงการบังเกมส์บนจอมือถือมันสู้จอยแพดไม่ได้หรอก แต่วันนึงมันก็ใช้จอยแพดได้
เกมส์อาเขตที่คุณว่า ซักวันมันจะลงแอนดรอย เหมือนเกมส์เพลยเสตชั่นนั่นแหละ
ส่วนแบ่งของคอนโซล ก็จะโดนแย่งมา
ผมนึกถึง "เกม PC กำลังจะตาย" quote ใครก็ไม่รู้สัก 10 ปีก่อน ที่พูดทำนองนี้แล้วสุดท้ายก็ไม่เห็นมันทำอะไรได้
มันจบแค่ PS1 นะหล่ะครับ
บน PS2 มีชิพ Emotion Engine ซึ่งถ้ารันบน PC ต้องใช้ Hardware ที่แรงจึงจะสามารถ Emulate ได้ ซึ่งก็ได้แก่ CPU Multi Core ดังนั้น PS2, PS3 ขึ้นไปจึงยากทีจะ Emulate บน Hardware อื่นๆ ได้ นอกจากรันบน Platform ของมันโดยเฉพาะ (แม้แต่ Vita ที่มีทั้ง 4 Core ก็ยังไม่มี PS2 Emulator)
Console ก็คือ คอมพิวเตอร์ที่ต่อทีวีได้นั่นล่ะครับ (นี่คือความหมายจริง ๆ ของมันนะ)
Console ตัวหน้า น่าจะทำตัวเป็น Set Top Box ที่มีความสามารถสูง (กว่าพวก Settop ปัจจุบันสัก 100 เท่า) และก็คงต้องมุ่งไปทางฝั่ง Hard Core
เอาจริง ๆ นะ ผมว่า การเสียเงินซื้อทีวีทุก ๆ 2-3 ปีมันเป็นเรื่องงี่เง่ามาก แล้วถ้าเราเสียตังค์มาก ๆ เพื่อที่จะซื้อสมาร์ททีวีแล้วรอดูมันตกรุ่นภายในสองปีเนี่ย ใช้ Settop box คุ้มกว่าเยอะ เปลี่ยนทุกปีรวมกันแล้วราคายังไม่ถึงพวกสมาร์ททีวีเลย
ส่วนเกมมือถือลืมไปเถอะ ... ผมไม่รู้นะ แต่ถ้าให้ผมเล่น FPS บนหน้าจอมือถือ ผมคงไม่สนใจที่จะเล่นอ่ะ
เคยดูงาน E3 ไหมครับ -_-
แปลว่าคุณไม่ใช้นักเล่นเกมจริงๆ
ผมกำลังคิดว่า ถ้า xbox หรือ ps อยากจะรอด จะต้องทำ xbox TV หรือ ps TV ตลาดจะถูกบีบไปสู่จุดนั้น (ผมว่าเขามอง ออกโดยเฉพาะ MS ถ้ามองไม่ออก ก็เตรียมตัวจากไป ส่วน sony น่าจะสบาย ๆ) ส่วนปัญหาเรื่องซื้อ TV ใหม่เมื่อต้องการ upgrade ผมว่าผู้ผลิตชอบนะ (หรืออาจจะมีคนคิด TV แบบ upgrade box ออกมาแก้ปัญหาก็ได้ แต่ผมว่าไม่เวิร์คเท่าเปลี่ยน tv ใหม่หรอก เพราะเทคโนโลยีจอภาพ ก็เปลี่ยนเร็วพอพอกัน) ทั้งหมดนี้ผมว่าน่าจะเรียกตลาดคอมพิวเตอร์ในห้องนั่งเล่น ผมว่าตลาดนี้ยังมีให้เล่นอีกเยอะ (โดยเฉพาะ interface หลัก ที่ยังไม่นิ่ง) และสนุกกว่าตลาด tablet แน่
Xbox TV นี่ไม่ต้องอนาคตหรอกครับ ที่ Australia ให้บริการแล้ว เหมือนซื้อ Set top box นั่นแหละครับมีรายการที่วีให้ดู ซื้อก็ได้ หรือเคเบิ้ลทีวีที่ต้องจ่ายรายเดือนก็ได้
ความคิดผม Xbox ไม่ตายง่ายๆ แน่ๆ แต่มันจะไม่เป็นเพียงเครื่องเล่นเกมส์เพียงอย่างเดียว มันน่าจะเข้าไปอยู่ในห้องนั่งเล่นทุกบ้านได้ไม่ยาก ถ้า MS เอาจริง
ขอบคุณครับ ผมคุ้น ๆ เหมือนกัน แต่ในความหมายของผมคือ ทิศทางที่ตลาดกำลังจะไปคือ การมี tv เครื่องเดียวไม่มี box แยกครับ คล้าย all-in-one pc (ซึ่งตอนนี้ ก็มีพวก internet tv กับ smart tv แล้วแต่ยังไม่มีใครยึดตลาดได้) คงต้องรอดู apple TV ปลายปีว่าจะออกมารูปแบบไหน (แต่ยังไงผมก็ว่า android น่ากลัว) ในตลาดนี้มีโจทย์ที่ไม่มึใครตีแตกคือ interface หลักที่ใช้ (ซึ่ง tv ตั้งอยู่ห่างจากผู้ใช้ประมาณ 5m ทำให้ touch screen ไม่ตอบโจทย์) ตัวที่น่าจะตอบโจทย์คือ การสั่งการด้วยเสียง หรือ kinect
ผมว่าแนวคิด all in one tv ไม่เวิร์ค ที่คอนโซลมันมีที่ยืนเพราะคนซื้อมาไม่ต้องมานั่งอัพเกรดสเปคเหมือนpc ทุกปีไงครับ ^^ สำหรับผม ที่น่ากลัวที่สุดคือ xbox ครับ การสั่งงานด้วยเสียงของ kinect นั้นทำได้ดีมาก(แต่อาจจะมีปัญหากับสำเนียงไทยนะ) แน่นอนms กำลังดันให้ xbox ไปอยู่ในห้องนั่งเล่นของทุกคนอยู่ ซึ่งทำได้ดีมาก สำหรับ android ผมยังมองไม่เห็นความน่ากลัวตรงไหนเลย = = ส่วน apple tv อาจจะเกิดได้จากพลังสาวก :p
ไม่ต้อง upgrade ทุกปีมันไม่จริงครับ xbox720 kenect2 ps4 (ถ้าไม่ต้องซื้อทีวีใหม่ด้วย เนี่ย จริงครับ) ที่ผมวิเคราะห์แบบนั้นเนี่ย เกิดจากการวิเคราะห์ตลาดรวม (คำถามแรกเลย ตลาดห้องนั่งเล่น มีคู่แข่ง 3 ราย xbox ps wii ตลาดนี้เข้ายากถ้าเป็นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยน ถ้า samsung อยากเข้ามาตลาดนี้เขาจะทำยังไง) ก็ใช้ความได้เปรียบในการขายทีวีอยู่แล้วขายพ่วงเครื่องเกมเข้ามา samsung ก็จะเข้ามาในตลาดอย่างง่ายดาย (android + samsung ถึงน่ากลัวไงครับ)
ผมว่า ยากนะที่ PS4 จะใช้ Android เพราะว่าส่วน OS มันเป็น Linux ซึ่งเป็น GPL ดังนั้นมันต้องเปิดโค๊ดด้วย (และสำหรับ Sony แล้วนี่เป็นปัญหาทางความปลอดภัยทีเดียว เกิดโดนแฮ๊คให้เล่นเกมฟรีได้ขึ้นมาจะยุ่ง) ยกเว้นถ้า Sony สามารถหาโค๊ดอื่นมาแทนส่วนที่เป็น GPL ได้ก็ว่ากันไป
ผมคิดเล่น ๆ นะ ว่าถ้ามีคนเอาส่วน Android Stack ไปรันบน BSD แทนจะออกมาเป็นแบบไหน เราอาจจะเจอมือถือ Android ที่ไม่ต้องเปิดโค๊ดก็ได้
คือเห็นด้วยว่ายากครับ แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างไปคือ Sony กลัว "เสียอธิปไตย" ทางซอฟต์แวร์น่ะครับ
ตรงนี้ขอเห็นต่างนิดนะครับ ถ้าเป็น MS ไม่ยอมแน่เพราะ MS ขาย OS เป็นหลัก แต่ sony ไม่ได้ขาย OS (การขายเครื่อง + OS ในระบบปิด ก็คล้าย ios) ซึ่งถ้าถึงวันหนึ่ง android ตอบโจทย์ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ (แน่นอนไม่มีใครอยากเอา OS อื่นมาใช้หรอก แต่ถึงวันหนึ่งมันอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึง ios ด้วย) อาจจะเห็นเป็นเรื่องตลกในตอนนี้โดยเฉพาะกรณ๊ ios แต่ตัวอย่างก็มีให้เห็น (การซื้อเครื่อง mac ไปลง windows) ตลาด os มันเป็นแบบนี้ละครับไม่มีใครอยาก dev บนหลาย platform สุดท้ายทุกคนจะเลือก dev บน os เดียวที่ครองตลาดสูงสุด ส่วน user ก็จะเลือก os ที่มี app ตอบโจทย์ตัวเอง ซึ่งมันเป็นตัวบีบให้ os ในตลาดเหลือเพียงตัวเดียวในที่สุด
ในช่วงปีนี้ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านของ MS ไม่ว่าจะตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีการข่ายทั้งการรีแบนด์ การควบรวม ผมมองแล้วค่อนข้างจะไปในทางที่ดีขึ้น ที่เห็นชัดๆ คือ "การตั้งชื่อ" ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไม่ยาวเฟ้ยเหมือนเมื่อก่อน ผมว่าปีหน้าคงสนุกไม่น้อยเลยล่ะครับ
ไม้เด็ดของ MS คือ Office ซึ่งทุกๆ คนตั้งตารอคอย ก็ต้องรอดูว่า Office บน Windows RT จะออกมาเป็นอย่างไร
แต่จริง ๆ ผมก็แอบคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าสมมติว่า MS พอร์ท Office มาลง WinRT แล้วมันจะออกมาในรูปแบบไหน แอบกลัวด้วยซ้ำว่าจะเกิดปัญหาเดียวกับ Final Cut X ของ Apple (ที่ตัดฟีเจอร์ออกเหี้ยนเพราะเขียนใหม่หมดเลย) แ่ต่ว่า WinRT เองก็รองรับโค๊ด C++ ปัญหาก็อาจจะน้อยกว่า (แต่ก็ไม่เชิงว่าจะไม่มีซะทีเดียว ผมไม่รู้ว่า WinRT เนี่ยมีพื้นมาจาก COM หรือเปล่า ถ้าไม่ล่ะก็โค๊ดเก่าอาจจะทำงานไม่ได้เลยก็ได้)
ท่าไม้ตาย เจอ "ไม่รับภาษาไทย"
lewcpe.com , @wasonliw
It's super effective!
เอาฮาใช่มั้ยครับ ^^
+1
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ไม่มีข้อมูล local และ US only
แหม บ้านเรา ประเทศโลกที่สาม ไม่ต้องรองรับก็ได้ ยอดขายคงไม่สูงเท่าไหร่หรอก ;-)
ที่เคยเห็นมาจะเป็นประมาณนี้ครับ ลองไล่ๆ link ดู
http://www.neowin.net/news/more-office-15-images-leak-after-the-technical-preview-gets-updated
ณ วันนี้ MS มาถึงทางที่จะต้องเสี่ยง ถ้าไม่ดันสิ่งใหม่ๆออกมา ก็คงจะตายไปกับสิ่งเดิมๆ เหมือนบริษัท IT ยุคเดียวกันที่ล้มหายไปทีละรายกับการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่นี้ ถ้าทำได้ก็จะมีที่ยืนไปอีกยาว แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็อาจจะพบกับจุดจบได้เช่นกัน
MS คิดไกลไปถึง OS HOME ด้วยนะครับ ยุทธศาสตร์นี้เขามองไกลไปถึงขั้นยึดห้องนั่งเล่น ยึดบ้านโดยสมบูรณ์ บทความวิเคราะได้ดีมากๆ ขอเอาไปแชร์ต่อในเว็บให้คนอื่นอ่านนะครับhttp://www.windowsphonethailand.com/forum/index.php?topic=205.0
Yanmar เอ้ย.. Yammer ด้วยครับ ^^
อ่านแบบนี้ เหมือน surface win 8 pro ไม่มีอนาคตเลย
ดูแนวทาง ไม่ไปไปทาง X86 เลย หันมาทาง arm
แล้ว intel จะว่าไงเนี่ย
ผมว่า Surface Win8 Pro ก็ยังมีลุ้นนะครับ ผมเองก็คนนึงล่ะที่จะซื้อ
ผมว่าตลาดองค์กร อยากได้ Win8 proมากกว่าครับ เพราะมีapplicationจำนวนมากใช้งานได้อยู่แล้ว
เท่าที่ลองนึกๆ ดูนะครับ
ตลาดตอนนี้ไม่น่าจะมีใครเป็นผู้นำได้ถึงขั้นเบ็ดเสร็จนะครับ เพราะมันก็จะมี Antithesis ขึ้นมา และบางที เราก็จะแชร์การใช้บริการไปยังหลายๆ เจ้า เพราะไม่อยากจะเอาทุกอย่างไปผูกไว้กับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งมากเกินไป แต่ถึงแม้จะไม่ขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด แน่นอนว่า MS ก็หาที่ยืนของตัวเองได้ดีกว่าบางเจ้า (RIM)
อีกตัวแปรหนึ่งบางทีอาจจะเป็นตลาดองค์กร (นั่นเป็นเหตุผลของการแข่งขันด้านบริการกลุ่มเมฆ) ความเข้ากันได้ของ Software และการรองรับการปรับแต่ง (ทั้งแง่เทคนิค ความมั่นคง ความปลอดภัย และข้อกำหนดทางกฏหมายของพื้นที่ให้บริการ เช่นที่กูเกิ้ลเคยมีปัญหากับจีน ) ส่วนตัวมองว่า มีคนที่แอบเป็นตาอยู่ที่ซุ่มอยู่อีกเจ้าหนึ่ง .. นั่นคือ Amazon ;)
my blog
ผมคิดว่าฝั่งคอนซูเมอร์จะเกิดภาวะ "สามก๊ก" ไปอีกนานเลยครับ อย่างต่ำน่าจะ 5 ปี อย่างยาวไม่ทราบได้
ส่วนตลาดองค์กรนี่ไมโครซอฟท์น่าจะยังยึดกุมไว้ได้ครับ (อย่างแย่ที่สุดคือสูญเสียตลาดคอนซูเมอร์ทั้งหมด กลายเป็นบริษัททำไอทีองค์กร)
ไม่รู้ละ ออกมายังไงผมก็ซื้อ ชอบที่มันintegrate กันได้สะดวก จะมือถือจะpcจะ tabขอให้มันดูหนังทำงานข้ามไปมาได้บนcloud แบบappleผมก็happyแล้ว ใช้ไม่ใช้อีกเรื่องหนึ่ง ทำออกมาขายเตอะ ผมจะซื้อ ลมแดงตั้งแต่WP7 แล้วเนี่ย รอ8จะได้ซื้อมาใช้ซะที
จริงๆ เจ้า Surface นี่ .. ยังไม่ถูกใจผมนะ ผมอยากปรับอีกนิดหน่อย
ผมอยากได้เครื่อง Spec แรงแบบ Ultrabook แต่ให้ทำ Interface หน้าตาแบบ Surface เลยโดยเอาตัวเครื่องไปไว้ฝั่งจอแบบนี้หละ (keyboard เอามันบางๆ ก็ได้นั้นหละ) แต่ขอเครื่องแรงๆ หน่อย ให้ทำงานได้อย่างกะ PC เลย
Ultrabook ใช้ Ivy Bridge น่าจะเจอปัญหาเรื่องความร้อน แล้วต้องใช้ระบบระบายความร้อนต่างหาก ผมว่าไม่น่าจะเวิร์คกับ Tablet นะ
เกิดเอามือไปบังช่องลม แล้วเครื่อง overheat ดับไปคงสนุก
บทความวิเคราะห์ได้สนุกดีครับ ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านครับ
ผมมองว่าความใจเสาะของ MS ที่ไม่กล้าขายนอก US หรือประเทศกำลังซื้อสูงๆเป็นปัญหาที่ชี้ชะตาพวกนี้มากกว่าซะอีก บทเรียนมี แต่ไม่เคยจำ
จริงเลย ผมว่าขายแต่ใน US แน่ เพราะที่อื่นต้องปล่อยให้ OEM ทำ คิดว่าต้องสั่งซื้อจากอเมริกาแทนแล้ว
รอ M$ ต่อไป
ผมมองแล้ว MS จะจุดกระแสนี้ไม่ขึ้น เพราะยังไงผู้ใช้และผู้พัฒนาก็ยังชอบจะอยู่กับ .NET และ Win32 อยู่ การที่บอกให้เขาหันไปเอา WinRT คงต้องใช้เวลาอีกซัก 5 ปี คนถึงจะยอมเปลี่ยนกัน (รอเปลี่ยนเครื่องใหม่ก่อน)
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง MS จะถูก android กินรวบทันที ซึ่ง MS จะปล่อยให้ถึงจุดนั้นไม่ได้ MS จะทำทุกอย่างให้ทุกคนย้ายไป winRT โดยจัดยาแรงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ถ้าอีกสักพัก app winRT ยังไม่มากพอเนี่ย เตรียมรับยาแรงจาก MS ได้เลยครับ
ลูกค้าองค์กรณ์คงไม่ย้ายล่ะครับ อันที่จริง ผมว่ายังไม่ย้ายไป 7 เลยด้วยซ้ำ (ผมใช้ XP :D)
ผมคิดว่า MS ตั้งใจให้มันเกิดตลาดคู่ 2 ตลาดอยู่ร่วมกันครับ คือพีซีเก่าก็ใช้ Windows 7 รันแอพ Win32/.NET ไป ส่วนอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ (ย้ำว่าชนิดใหม่ๆ) ก็จะพยายามผลักให้ไปใช้ WinRT (ซึ่งขึ้นอยู่กับพลังการตลาดของ MS เองละ)
ผมขอขยายความ คำว่าชนิดใหม่ให้ชัดเจนไปเลยนะครับ "Touch Screen" ครับ การมาของมันทำให้ user interface ของโปรแกรมทั้งหมดต้องถูกเขียนใหม่ครับ เพราะนิ้วเราใหญ่กว่า mouse (แน่นอน คอมเก่าที่ไม่มี touch ก็ใช้ win7 หรือ winXP ก็ตามใจครับไม่มีใครว่า และก็ไม่มีใครจะเปลี่ยนด้วย) ซึ่งจุดนี้แหละครับเป็นจุดตายของ MS เพราะ android และ ios มากับ app แบบ touch ตั้งแต่แรก และนับวัน app จาก windows ก็จะมาเป็นแบบ touch มากขึ้นเรื่อย ๆ (จนในที่สุด windows จะตายครับ เพราะตัวเองไม่มี touch app เลย การมีฐานผู้ใช้จำนวนมากจาก mouse app ถึงจุดหนึ่งมันก็จะไม่เป็นข้อได้เปรียบอีกต่อไป เพราะ touch app ก็มี app แบบเดียวกัน และนี่ก็คือเหตุผลของ winRT metro และความพยายามที่ต้องหักคอ dev ให้เปลี่ยนให้เร็วที่สุด) คำถามคือ คุณคิดว่าคอมพิวเตอร์ทั้งโลก (มือถือ tablet notebook pc) จะมี Touch Screen ใช้ภายในกี่ปี (3 ปี หรือ 5 ปี เร็วกว่า หรือช้ากว่านั้น) นั่นคือเวลาที่เหลืออยู่ของ MS ครับที่ต้องทำ ภาระกิจหนีตายนี้ให้สำเร็จ ไม่งั้นก็ต้องตายครับ
ผมว่าทั้ง winRT หรือ win8 ยังไงก็ไม่ตายหรอกครับเพราะ ทันทีที่ win8 มา พวกตลาด desktop pc หรือ notebook ก็จะพ่วง win8 มาด้วยทันที(รันได้ทั้งของเก่าและของใหม่)
ตอนนี้ถ้ามองจากจำนวน app ในสาย metro จะเห็นได้เลยว่าน้อยมาก ซึ่งตรงนี้เองที่จะทำให้ winRT เกิดได้ช้าหาก ms ไม่สามารถผลักดัน dev ให้มาพัฒนา app สายนี้ และเท่าที่ดู ms พยายามผลักดันอย่างมากโดยการลาก dev ให้มาเขียน app สาย metro และอวยว่าเขียนเพียง 1 app ก็ลงได้มากกว่า 1 platform(wp8 + win8/RT + xbox720) สามารถ port จาก ios หรือ android มาได้ง่ายๆ อะไรทำนองนั้น
ซึ่งถ้ามองจากตรงนี้หาก ms ชักจูง dev ให้มาทำ metro ได้สำเร็จก็จะทำให้ ทุก platform เกิดหมดในเวลาไม่กี่ปี
แต่ถ้าชักจูงให้ใครมาทำ app ไม่ได้ winRT ก็จะอยู่ในอาการโคม่า แต่ก็ไม่ตายเพราะยังไง win8 ก็ยังวนเวียนอยู่ในตลาดและก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จน dev หันมาทำ app กันอยู่ดี ซึ่งจะยึดเวลาการเกิดออกไปอีก
ส่วน wp8 ก็แทบไม่มีผลกระทบอะไรมากและก็ยังโตขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราเร็วคงเดิม โดยไม่ต้องไปแคร์ทั้ง android และ ios ด้วยซ้ำ เพราะยังไงผมมองว่า android ก็จะไปเดจาวู windows mobile อยู่ดี ตั้งแต่ทั้งความผิดพลาดตั้งแต่การออกแบบแต่แรก ความไม่เสถียรของ os และกิน spec ของมัน ส่วน ios นั้นตัว os ก็จะบวมและกิน spec ขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี
หากมองด้าน app และ os ของทั้ง android และ ios ทั้ง 2 ค่ายก็เริ่มหมดมุขที่จะทำอะไรกันแล้วเพราะ spec ก็เริ่มตันดันไม่ไหวเพราะไปคอขวดที่แบต ส่วน os ก็กินทรัพยากรขึ้นเรื่อยๆ, feature พื้นฐานก็ครบหมด เริ่มยัด boatware, cloud ก็ยังไม่ค่อยพร้อมดันไม่ได้แล้ว
พูดถึงเรื่อง touchscreen ผมว่ามันไม่ใช่ประเด็นเท่าไร เพราะถึงแม้คุณจะไม่ได้ใช้ touchscreen มันก็ยังสมควรเปลี่ยนไปใช้ win8 อยู่ดี เพราะยังไงก็ได้ app metro มาใช้เพิ่ม ได้ความสะดวกจาการ build-in ทุกสิ่งทุกอย่าง จาก app พวกนี้มาใช้อยู่ดี
ภาพรวมที่ผมเห็นหลายๆ อย่างที่ ms วาดฝันไว้ออกมาตรงกับ clip ชุดนี้เยอะมากเลยครับ
Productivity Future Vision (2009) ,
Productivity Future Vision (20011)
ผมเห็นด้วยครับว่า iOS/Android มันเริ่มหมดมุขในฐานะ "ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์พกพา" แล้วแหละ คือ 4-5 ปีที่ผ่านมามันโตเร็วแบบก้าวกระโดดโอเวอร์มากๆ ซึ่งก็คงได้เวลาการพัฒนาเริ่มช้าลงเพราะไม่รู้จะใส่อะไรแล้ว
แต่อันที่ยังไปได้คือการทำงานระหว่างอุปกรณ์ smart device พวกนี้แหละครับ ดังนั้น Android@Home หรือ Xbox SmartGlass พวกนี้น่าจับตามองมาก ยังไปได้อีกเยอะ
วิเคราะห์ได้เฉียบคมมาก
ถ้าApple บอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์คนใช้
Microsoft นี่แหละ ที่ใช้ประสบการณ์คนใช้จริงๆ คุณอาจจะพิมพ์งานที่ office แล้วเอาไปเปิดบนทีวีที่มี xbox ผ่าน office 365
คุณอาจจะเล่นเกมบน xbox หรือ pc แล้วไปต่อใน smart phone หรือ tablet ผ่าน Azure
คุณอาจจะสั่งเรียกไฟล์ Present บน PC ผ่าน Windows Phone 8
ถ้า Apple มีความบันเทิงบน ituneแล้ว Microsoft มีความบันเทิงชนิด Hardcore อย่างเกมบน PC , Xbox และ Library บน Zune ที่มีครบ
Apple ขาดหลุดรุ่ย .... iTV ก็ยังไม่เกิด แถม Console เกมเองก็ยังไม่มี
เชื่อแล้วว่าอีก 10 ปี Apple จะกลับไปสู่ยุด Post Steve Jobs
บทความชั้น 1 เยี่ยมมากครับ
Microsoft พยายามมากเลยนะครับ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง
เกมนี้ต้องดูกันสักพักครับ แล้วก็จะรู้ว่าใครคือผู้ชนะ ณ เวลานี้ทุกค่ายต่างมีดีมีด้อยต่างกันไป อยู่ที่ว่าใครจะทำจุดด้อยให้เป็นเป็นจุดเด่นก่อนกัน
สุดท้าย ผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสินเองครับ
DOS > Windows NT > Windows XP > Windows 8
ต่อไปจะเป็นอะไรน้อ?
-> Doors I/II/III/ and more...
kindly OS for all of Virus