Wall Street Journal รายงานว่า Bose บริษัทผู้ผลิตหูฟังและลำโพงยื่นฟ้อง Beats คู่แข่งที่เพิ่งขายบริษัทให้แอปเปิล ในฐานละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนในหูฟังรุ่น Studio และ Studio Wireless
ในการฟ้องร้อง Bose ได้เรียกร้องค่าเสียหาย และได้ยื่นเรื่องไปทางคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (International Trade Commission: ITC) ให้สั่งระงับการขายและนำเข้าสินค้าของ Beats ที่ละเมิดสิทธิบัตรด้วย
อย่างไรก็ดีการฟ้องร้องนี้ จะไม่มีผลต่อการปิดดีลเข้าซื้อ Beats ของแอปเปิลในเดือนกันยายนนี้
ที่มา - Wall Street Journal
Comments
ละเมิดลิขสิทธิ์ => ละเมิดสิทธิบัตร
ฉลาดจริงๆฟ้องหลังขายให้เศรษฐีจะได้โขกได้แพงๆ
ผมมีข้อสงสัยเรื่องสิทธิบัตรประเภทนี้ครับ ใครมีความรู้ช่วยอธิบายให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ การละเมิดที่ว่านี่คือละเมิด "ความสามารถในการตัดเสียงรบกวน" หรือว่า "เทคโนโลยีในการตัดเสียงรบกวน"
ถ้าหากผมคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกแต่ใช้วิธีการที่แตกต่างจาก Bose อย่างนี้ผมจะโดนฟ้องร้องมั้ยครับ สิทธิบัตรประเภทนี้มันครอบคลุมถึงขึ้นไหน
ผมว่าสิทธิบัตร Bose ไม่ครอบคุมขนาดนั้นหรอก ไม่อย่างงั้น sony sennheiser beyerdynamic บลาๆ ก็ต้องโดนแล้วซิ
ไม่โดนครับ แต่ถ้าใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับโบส โดนฟ้องแน่นอน
ถ้าใช้ "เทคนิค" เดียวกัน หรือจะพูดประมาณว่า concept เดียวกัน หรือแนวทางเดียวกัน แบบนั้นคือละเมิดสิทธิบัตรครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
ต้องถามก่อนว่าอะไรที่คุณคิดให้เพราะคำว่าเทคนิค หรือเทคโนโลยี เป็นคำรวมเกินไป เช่น
ถ้าเป็นคิดชิ้นส่วน Hardward หรือทาง physical ใหม่ ก็จดได้ครับอันนี้เปรียบเทียบไม่ยาก และดูตามคำพิพากษาเดิม
ถ้าเป็น Software หรือกระบวนการทำงาน หรือแนวทาง(แนวคิด) หรือสูตร ใหม่ อันนี้จดยากครับ และใช้เวลานานกว่าจะเปรียบเทียบ เพื่อป้องกันใช้เล่ห์เหลี่ยมไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดจากการพัฒนาจริง
ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาที่มักพบคือ แนวทาง(แนวคิด) และกระบวนการทำงาน เพราะมันครอบคลุมมากเกินไปจนคนอื่นพัฒนาไม่ได้ และบริษัทใหญ่ๆบางบริษัทก็จดพวกนี้เพื่อกันเทคโนโลยีไว้(เหมือนวางหมาก) ไม่ได้พัฒนาจริงจัง หรือเป็นตัวกดดันบริษัทเล็กที่ีกำลังโตให้ขายบริษัทให้ตนจากค่าลิขสิทธิ์(อันนี้ความเห็นส่วนตัว)
แต่พัฒนาต่อยอด(การวางหมากสามารถว่างดัก)ได้ แต่ถ้าใช้เงินต้องจ่าย เช่นหรือที่ Apple พัฒนาระบบถ่ายภาพ เพื่อใช้กับการถ่ายภาพถ่ายก่อนโฟกัสที่หลัง.
ขออธิบายเสริมเพิ่มเติมนะครับ...
การพัฒนาต่อยอด คือ อนุสิทธิบัตรครับ
อันตรงจุดที่ผมใช้คำว่า "เทคนิค" ใน Reply ก่อนนี้ ก็เพราะพยายามอธิบายให้สั้นที่สุดเท่านั้นครับ จะเอาตามจริงคงต้องขยายความกันมากเกินกว่าเวลาที่ผมมีที่จะพิมพ์อธิบายเผื่อแผ่ประสบการณ์ได้ในเวลานี้
ส่วนเรื่องความเข้าใจในเรื่องสิทธิบัตรนั้น ผมเข้าใจถูกต้องอย่างแน่นอนครับ เพราะถ้ามีใครในนี้เป็นข้าราชการทำงานในกรมทรัพย์ฯ ที่สนามบินน้ำ คุณจะเคยเห็นผม ซึ่งเป็นหนึ่งในคนไทยไม่กี่คน ที่มีสิทธิบัตรไปยื่นจดของตนเอง ทั้งการประดิษฐ์และการออกแบบ ไปยื่น PCT เอง ด้วยตนเอง หอบลูกน้อง หอบ Notebook ตลอดจน Printer, UPS,Hub, ปลั๊กต่อ, ทนายและผู้ถือหุ้นไปนั่งปรับแก้เอกสารกันสดๆ ม้วนเดียวจบในวันเดียวให้ข้าราชการและคนที่ไปติดต่อได้ทึ่งและอมยิ้มกันทั้งกรมกอง (ผู้ประดิษฐ์คือชื่อผม แต่ผมยกสิทธิ์ให้นิติบุคคลหมดนะครับ)
ผมคือคนบ้าคนนั้นไงครับ
ที่กล่าวมา ไม่ได้หมายความว่า คุณ Zeball ผิดอะไรแต่ประการใดนะครับ ผมดักคอกลุ่มเด็กรุ่นใหม่บางคนที่ทำตัวเป็น "น้ำเต็มแก้ว" จะมาจิกอะไรผมแบบไม่ยั้งคิดอีก (ไม่ได้ว่ากล่าวคุณนะครับ อย่าคิดมาก) เหตุการณ์แบบนี้ในสังคม ทำให้คนประสบการณ์สูงเก๋าๆ เขาไม่อยากมาแบ่งปันอะไรให้สังคมอีก คงเหลือคนอดทนได้อย่างผมไม่มากนักดอกครับ (ย่อหน้านี้ก็หยอดดักเด็กๆ ไว้เช่นกันครับ)
ขอบคุณมากครับ
ผมก็ได้ความรู้ไปด้วยครับ รบกวนช่วยบอกเคล็ดลับได้ไหมครับว่าทำอย่างไรให้จดสิทธิบัตร หรืออนุสิทธิบัตรได้ดีขึ้น และเร็วขึ้น ในครั้งนั้นที่แก้ และปัญหาคืออะไรเพราะผมเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาในการจด ที่ซ่ำร้ายกว่านั้นคือไม่รู้ปัญหาอยู่ตรงไหนตัวเองเลยแก้ไม่ถูก และอะไรที่คิดว่าเป็นส่วนสำคัญที่ต้องเตรียมตัวดีๆก่อนจดครับ
ขอบคุณมากครับที่กรุณาแนะนำ
ขอเวลาว่างยาวๆ สักหน่อย จะมาตอบให้นะครับ อันนี้เรื่องยาวมาก คงต้องแบ่งพิมพ์เล่าเป็นตอนๆ กันเลยล่ะครับ
No. 6,717,537 - "Method and apparatus for minimizing latency in digital signal processing systems"
No. 8,073,150 - "Dynamically configurable ANR signal processing topology"
No. 8,073,151 - "Dynamically configurable ANR filter block topology"
No. 8,054,992 - "High frequency compensating"
No. 8,345,888 - "Digital high frequency phase compensation"
เค้าบอกว่า ฟ้อง 5 ตัวนี้นะครับผมดูแล้ว ไม่เหมือนของ Sony แน่ ๆ ครับ
ที่ฟ้องกันก็คือฟ้องในตัววิธีการหรือเทคโนโลยีที่ใช้
และได้จด สิทธิบัตร คุ้มครองไว้ในประเทศนั้นๆครับ
โดยวิธีการจะต้องเป็นไปตามที่ได้จดไว้
กรณีเหล่านี้ คนอเมริกา เขาทำอะไรนิดหน่อยก็มักจะรีบจดกันเลย
และบางอย่างเมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะดูตลกๆ ว่าสิทธิบัตรแบบนี้มีด้วยหรือ
แต่มันฟ้องกันได้จริง และต้องไปฟ้องที่ประเทศนั้นๆนะครับ
เช่นถ้าไม่ได้จดในไทย พี่ไทยก็สามารถทำออกมาได้ แต่ไม่มีสิทธิ์เอาไปเผยแพร่ในประเทศที่จดไว้
เมื่อเกือบ20ปีก่อนผมเคยเห็นเครื่องพิมพ์ยี่ห้อpexของฝรั่งลอกแท่นพิมพ์บ้านๆของอาตี่แถวๆนี้ ไปทำขายก็ยังเจอ
ส่วนเทคนิคการตัดเสียงรบกวนนี้มีทำหลายเจ้าครับ ต่างวิธีของใครของมัน
เช่นเซนไฮเซอร์ หรือยี่ห้อดังๆอีกหลายยี่ห้อ ก็มีทำกันแทบทุกเจ้า
ส่วนบีทน่ะปรกติก็ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรเป็นของตนเองนัก ที่ดังก็เพราะการตลาดเก่ง
และให้มันสเตอร์ เป็นคนทำให้มานานแสนนานก่อนจะแยกทางกันไม่นานมานี้
ส่วนคุณถ้าคิดจะทำตลาดในประเทศใหญ่ๆ ต้องหาทางป้องกันตัว หรือ หาพรรคพวก ไว้ก่อนนะครับ
ฟ้องก่อนหลังผมว่าไม่ใช่ประเด็นนะ ประเด็นคือคุณละเมิดเค้าจริงไหม ถ้าไม่จริงจะกลัวอะไรแต่ถ้าละเมิดจริง เค้าจะฟ้องขึ้นมาตอนไหนก็เป็นสิทธิที่เค้ากระทำได้
จริงๆ Beat นี่เขาก็มีดีของเขานั่นแหละครับคนเลยซื้อกันเยอะ (- -')a บอกถึงพฤติกรรมการซื้อและใช้ของของคนจำนวนมากได้ดีทีเดียว
เอ ก็เคยถาม แล้วก็มีคนตอบแล้วนี่ครับ?
โพสไม่ได้คับ -> ฟอรั่มไม่ใช่พื้นที่ให้คุณไปไล่ล่าคำตอบจากคนอื่นนะครับ ถูกลดโควต้าคอมเมนต์ต่อวันเพราะพฤติกรรมนี้นะครับ
การจะขายของให้ได้เยอะๆ มันต้องอาศัยวิชา แม้เทคโนโลยี bose จะน่าทึ่งเพียงใด แต่ถ้ามันจุดกระแสนิยมไม่ได้ก็เท่านั้นลูกค้าของ bose มักมาจากปากต่อปาก ลูกค้า beat มาจากภาพที่เห็นได้ในชีวิตประจำวัน บนรถเมล์ บน bts ในละคร ในข่าว ใน youtube
อีกอย่าง ผมว่าคนส่วนมากยังแยกเสียงดีไม่ไดีไม่ออก แยกออกแค่ เบสแน่นตึ้บ เสียงใส เสียงมีน้ำมีมวล ซึ่ง beat ก็ทำได้ดี
การจะขายของให้ได้เยอะๆ มันต้องอาศัยวิชา แม้เทคโนโลยี bose จะน่าทึ่งเพียงใด แต่ถ้ามันจุดกระแสนิยมไม่ได้ก็เท่านั้น
=
Bose ก่อตั้งโดยนักวิทยาศาสตร์ วิจัยเองตั้ง บ เอง แต่ละชิ้นยอมรับว่าเทพมากๆ
ลูกค้าของ bose มักมาจากปากต่อปาก ลูกค้า beat มาจากภาพที่เห็นได้ในชีวิตประจำวัน บนรถเมล์ บน bts ในละคร ในข่าว ใน youtube
=
Beat เน้นแต่การตลาด หูฟังที่พอฟังได้ก็มีแค่ตัวท๊อป แต่เสียงห่วยถ้าเทียบกับราคา
... นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จะว่าคนซื้อบีทก็การตลาดก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะบางคนกินเบสเป็นอาหาร ถึงในราคาเท่ากันแทบทุกยี่ห้อเสียงจะดีกว่าบีทหมด แต่เรื่องเบสพี่เค้าทำมาเอาใจคอนี้โดยเฉพาะ
ผมเห็นคอเบสบ่นว่า เบสล้นๆ บวม ๆ เหลว ๆ ไม่แน่นอย่างที่ควรจะเป็น น่ะครับ
เดาว่าแอทแทคน้อยไปมั้ง (เคยฟัง Beat เมื่อนานมาแล้ว จำไม่ได้เพราะไม่ประทับใจครับ)
จุดขายของ Beats คือขายความเป็นแฟชั่น แบบเดียวกับที่เป็นจุดขายของ Apple นะหล่ะครับ
ก่อนหน้าที่จะมี Beats เคยเห็นคนทั่วไปใส่หูฟังสายสีแดง หรือใส่หูฟังครอบหัว เดินไปมาแบบไม่อายใครจนเห็นเป็นภาพชินตาเหมือนสมัยนี้ไหมครับ.. นั่นหล่ะครับคือสิ่งที่ Beats ได้ทำไว้ให้แก่วงการ
ถ้าเมืองไทยในกรุงเทพไม่ค่อยเห็นใครใส่หูฟังใหญ่ๆหรือเส้นสีแดงนะครับ ถ้าเห็นก็คงน้อยยยยยยยยยมาก
เห็นแต่หูฟังสายสีขาวสีดำทั้งนั้นเอาจริงๆ
yuin pk2 ราคา2,000บาทยังเสียงใส เสียงเพราะกว่าบีสราคา8,000บาทเลย ทำให้รู้เทคนิคการขายของมะกันหลายยี่ห้อเลย มีดีแค่ภาพลักษณ์อย่างเดียวจริงๆ
2000 บาท +แอมที่ขับเสียงออกมาดี มันไม่จบที่2000หน่ะสิ
แต่ที่น่าจับตามองคงเป็นไวแสง อันนี้ไม่ต้องพึ่งแอม
+1ฮะ ไวแสงซื้อแล้วจบเลย ขับเสียงออกง่ายมาก แม้ player จะเป็นสมาร์ทโฟนธรรมดาก็ตาม ;)
pk2 นะครับ ไม่ใช่ pk1 ที่ต้องพึ่งพาแอมป์ตลอดเวลาpk3,pk2 ใช้โดยไม่ต่อแอมป์ได้ดีเลยครับ
ปล.ผมก็ใช้ pk1 = ='
[Review] Yuin PK2 ในมุมมองของ sound engineer...
ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน+ยืนยันให้ครับ
เขาบอกแอมป์ Impedance 600 ohm ไม่เวิร์ค เบสไม่ออก แต่ 32 ohm เวิร์ค...
งั้นก็เหมาะแล้วกับ iPod ซึ่งมี Impedance 32 ohm อยู่แล้วน่ะสิ รวมถึง player อื่นๆที่ impedance ต่ำยิ่งกว่านี้อีก ก็ไม่รู้จะดีกว่ารึเปล่าด้วยนะ?
ที่ผมเคยใช้มา มือถือกับโนทบุคที่มีกำลังขับดีหน่อย (ซึ่งปกติพวกนี้ Impedance ประมาณนี้อยู่แล้ว ไม่ได้สูงแบบแอมป์ Studio ที่ในรีวิวบอกใช้แล้วเบสไม่ออก) เทียบกับแอมป์ Fiio E7 กับ E17 ซึ่งก็ Impedance ประมาณนี้เหมือนกัน พบว่าความแตกต่างอยู่ที่ย่านเบสจริงๆ แต่น้อยมากจนไม่มีปัญหาถ้าจะใช้โดยไม่มีแอมป์ครับ ดังนั้นก็ยังสรุปว่าใช้ทั่วไปโดยไม่มีแอมป์ มันก็อยู่แถว 32 Ohm อยู่แล้ว ไม่เจอปัญหาเหมือนที่รีวิวใช้แอมป์ 600 ohm แล้วเจอแน่นอน
ปล. ผมได้ใช้เกือบสองปี แล้วก็อัพเป็น pk1 เลย ไม่ได้อยู่ดูมันพัง ว่ามันจะพังเพราะแจ็คตามข้อเสียข้อแรกไหม
อย่าลืมคำว่ารสนิยมส่วนตัวด้วยนะครับ แต่ละคนชอบอะไรไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบน้ำเสียงแบบเดียวกัน เหมือนที่บางคนสามารถได้ยินเสียงของสีต่างๆ หรือรับรู้รสชาติของเสียงต่างๆ ได้
เพื่อนผม 3 คน ลอง Yuin pk2 แล้วบอกว่าเสียงเพราะ,เสียงใสกว่าหูฟังบีสราคา 8,000 บาททุกคนครับ
แต่คนหนึ่งที่ซื้อบีสเพราะเขาต้องการภาพลักษณ์ตอนใส่ครับ
แต่มันเปราะบางมากเลยนะตัวนี้ ซื้อมานี่ควรเปลี่ยนสายก่อนเป็นอย่างแรกเลยครับ
ของผมพังภายในสามเดือน
ผมเองก็ใช้ Bose COM 5 อยู่ ยอมรับว่าแยกเสียงได้ดีมาก เคยไปลอง Bose Comfort ก็ตัดเสียงได้ดีมากเช่นกัน หางบซื้ออยู่ครับแต่ของ Beat นี่ผมว่าเบสหนักมาก Bose ก็สู้ไม่ได้ มากจนกลบเสียงอื่นไปหมดครับ
สังเกตุว่า Bose จะทำผลงานแต่ละชิ้นนี่ ขายได้เป็นสิบ ๆ ปีเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อะไรมากมาย ใช่ไหมครับ