J.D. Power and Associates บริษัทวิจัยการตลาดเปิดเผยผลสำรวจจากผู้ใช้รถ ที่เพิ่งซื้อรถใหม่ไม่เกิน 90 วันเกี่ยวกับเทคโนโลยีบนรถพบว่า ส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่บนรถยนต์ในปัจจุบัน โดยคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ราว 730 จาก 1,000 โดยเทคโนโลยีที่มีคะแนนรั้งท้ายคือระบบนำทางบนรถ ที่ได้คะแนนความพึงพอใจอยู่แค่ 687 คะแนน
ผลสำรวจชี้ว่าเกินกว่า 50% ของผู้ใช้รถที่มีระบบ GPS ติดตั้งมาให้ใช้ ไม่เคยใช้งานระบบนำทางบนรถเลย ขณะที่ 2/3 ระบุว่าใช้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์นำทางพกพาแทน ส่วนอีกเกือบๆ 1/3 ระบุว่าเคยใช้งานระบบนำทางบนรถราว 2 อาทิตย์ ก่อนจะล้มเลิกและหันมาใช้สมาร์ทโฟนแทน
สาเหตุสำคัญที่ระบบนำทางไม่ได้รับความนิยม หนีไม่พ้นความยุ่งยากวุ่นวายของอินเทอร์เฟส ต้องเปิดไปหลายหน้าหลายเมนู กว่าจะสามารถกรอกสถานที่ปลายทางได้ ขณะเดียวกันการกรอกข้อมูลที่หมายก็ไม่สามารถทำได้ หากรถกำลังเคลื่อนที่อยู่ และการใช้คำสั่งเสียงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน เพราะต้องพูดซ้ำอยู่หลายครั้ง ถึงจะถูกต้อง
ดูจากผลสำรวจนี้แล้ว ระบบ Android Auto และ CarPlay ที่แสดงผลการนำทางจากสมาร์ทโฟน น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น
ที่มา - CNN Money
Comments
ระบบนำทางของเบนซ์ที่ติดมากับรถผม เค้าขายแยกอยู่ที่ 25,000 บาท
บอกตรงๆว่าแพ้ Google Map ขาดลอยครับ
นี่ขนาดรถใหม่พึ่งซื้อปี 2016 แต่ระบบนำทางก้ยังโบราณและใช้งานยากเหมือนรถคันเก่าที่อายุ 5 ปี
เบนซ์ให้ภาษาไทยพอดี ปุ่มหมุนพังก่อนพอดี แผนที่ใช้Navteq ตอนนี้ใช้ HERE เอาเถอะรถหรูอย่างนี้ล่ะครับ
ระบบของ Mercedes นี้สุด ๆ จริง ๆ ครับ
มอเตอร์เวย์ตรงช่วงต่างระดับจากทางหลวงแผ่นดินสาย 36 ไป พัทยา ยังไม่มีอัพเดทเลยครับ ไม่ไหว
เบนซ์รุ่น 2015 ขึ้นไปใช้ CarPlay ได้หมด แต่รู้สึกต้องซื้อเพิ่มในบางรุ่น และบางรุ่นเบนซ์ไทยตัดออก ซื้อจากในตลาดเทาได้จะรถฟังก์ชัน ครบกว่า
ส่วนการ์ด Garmin 25,000 บาท ราคานี้เสียดายเงินเปล่าๆ
จริงๆ CarPlay ของเบนว์ใช้ได้เฉพาะในรุ่นใหม่ๆที่เมกา รถปี 2016
ส่วนในไทย*
รุ่นที่เปิดตัวมาก่อนแล้ว ก้ยังไม่มี CarPlay มาครับอาจต้องรอปี 2017 หรือ 2018 เลยทีเดียว
ศูนย์ไทยชอบตัด feature ดีๆออกให้
ใช้ nissan xtrail อยู่ และใช้ระบบนำทางของรถด้วยครับ แม่นมากและ(คิดว่า)ไม่ได้ใช้ยากแต่อย่างใด
ใช้ของรถครับ จอใหญ่กว่า เสียงดัง ไม่ต้องต่อเน็ต(ถึงระบบเสริชห่วยกว่ามือถือมาก)
GPS ของรถพวกนี้มันออนไลน์หรือเปล่าครับ? ผมเข้าใจว่าส่วนหนึ่งที่ไม่ใช้กันเพราะมันไม่มีข้อมูลการจราจรด้วยหรือเปล่า?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ที่อเมริกามีระบบแสดงสภาพจราจรผ่านสัญญาณดาวเทียมได้ครับ รถส่วนใหญ่น่าจะมี
รถผม (Forester 2016) ตัวระบบนำทางของรถบอกข้อมูลการจราจรได้ น่าจะเป็นคลื่นวิทยุครับ
oxygen2.me , panithi's blo g
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
มีระบบ TMC ครับ เมืองไทยก็มี แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นะครับ เพราะมีถนนสายหลักไม่กี่สายเอง แถมถ้าถนนไหนไม่มีข้อมูล algorithm ของระบบนำทางจะตั้งสมมุติฐานเลยว่า ถนนสายนั้นไม่มีปัญหาจราจร
ถ้าไม่ใช่ Android Auto ก็ยุ่งยากไปหมด แถมของรถ POI ไม่อัพเดทหรืออัพเดทช้า ประเด็นคือไม่ฟรีและขายโคตรแพงเป็นหลักหมื่นเวลาขอซื้อหรืออัพเดทจากศูนย์
ของในรถมันไม่ค่อยอัพเดตเลยครับ ในมือถือ ถึงไม่ต่อเน็ตก็ใช้ได้นะครับ (ซื้อของ Sygic มาใช้ คุ้มดีครับ)
ยุ่งยากไม่ใช้ดีกว่าจบนะ
ได้ทั้งสอง
เคยใช้ของ Fortuner TRD โฉมก่อนหน้า ช่างเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์เอามากๆ
ผมใช้ Here Maps ในมือถือดีกว่า มีเสียงบอกจำกัดความเร็วด้วย
พลาด หลงซื้อการ์ดแผนที่เพิมตอนออกรถเมื่อปีที่แล้วไป 16000บาท แต่... ได้ใช้แค่ 2-3ครั้งเอง หลังจากนั้นใช้ Google Map จากมือถือมาตลอด เพราะ การ์ดแผนที่ติดรถ เวลากดหาสถานที่ยากต้องจิ้มหรือหมุนปุ่มไปมา กว่าจะเจอนี่ช้ามาก เอียงตัวกดจอรถจนเมื่อย เลยใช้มือถือ พิมพ์แปบๆก็เจอแล้ว
ตอนนี้การ์ดแผนที่ที่ซื้อมา ไม่ได้เปิดเลย เสียดายเงินมาก และที่เจ็บใจอีก ตอนนี้มีคนแฮกให้โหลดมาลง SD Card ได้ฟรีๆกันแล้ว เมื่อก่อนมันจะล็อค 1 Card ที่ซื้อ 16000บาท ใช้ได้กับรถแค่คันเดียว
ให้ผมเดานี่น่าจะเป็น Mazda รุ่นไหนซักรุ่นนึงแน่ ๆ เลย ใช่ป่ะครับ ^ ^
ของ BMW หรือ Benz แผนที่ในไทย นี่เรียกว่าแค่ให้มีครับ สู้ google map ไม่ได้เลยครับ ไม่คุ้มที่จะทำหรอกครับ ปีนึงขายไม่กี่พันคัน ตอนนี้ใช้วิธีไปซื้อ map ของบริษัทแผนที่ พร้อม POS แต่ก็รับเฉพาะภาษาอังกฤษ และไม่อัพเดท ยังไงก็ไม่เวิร์คแน่ครับ
ด้วยเทคโนโลยี ทาง BMW และ Benz ก็ต้องให้ทางเลือกเราในการ ใช้ android หรือ ios มาโชว์ที่หน้าจอรถเรา ไม่งั้นหงุดหงิดจริงๆ ครับ ต้องหาที่วางโทรศัพท์ ดูไปขับไป
เมื่อก่อน มันก็ไม่แตกต่างกันมากนะ
แต่ ....ตอนหลังมา google map มันอัดเดตทันสมัย
และ ใช้ข้อมูลการจราจร ในการเลือกเส้นทางด้วย
ทำให้ gps navigator system บนรถ ด้อยกว่า เลย
ผมใช้ xtrail แล้วเชื่อมต่อ ออนไลน์ทางapp nissan connectก็ ค้นหาสถานที่จาก google search ได้
เสียดาย ในประเทศไทย ไม่มี คุณสมบัติ send to carสำหรับ ส่งพิกัด จากมือถือ ไปที่รถ
ปกติผมใช้ gps มือถือเป็นประจำ แต่มารถคันนี้ ฟิลม์กรองแสงมันกันสัญญาณgpsทำให้จำเป็นต้องใช้ gps ของรถ
มันสะดวกกว่าไงครับ ไหน ๆ ก็มี 3G แล้ว
ตอนกำลังทำช่องติด android tablet แทนเครื่องเสียงในรถอยู่ แบบถอดเสียบได้ (ทำเอง)
- ต่อ ODB2 ใช้งาน apps torque
- เป็น Wifi Hotspot
- ฟังเพลงจาก Tunein
- Youtube, Movie, Music
- Google Maps GPS
- Car DVR กับกล้อง USB Webcam
- เป็นจอต่อกล้องมองหลังตอนเข้าเกียร์ถอย
- ฯลฯ
สุดท้ายทำเสร็จ เวลาเดินทาง คงโดนแฟนถอดออกมาเล่นเกมส์ candy crush เศร้าเนอะ
ผมนี่อยากรู้วิธีเลยครับ ขอติดตาม
แก้ด้วยซื้อให้แฟนเล่นเป็นเครื่องหลักไปเลย แยกจากเครื่องบนรถ ใช้ได้สะดวกด้วย
Get ready to work from now on.
ใช้ app ประเภท drive assist ด้วยสิครับ เช่น ส่งเสียงเตือดเวลาขับคร่อมเลนส์ หรือ เผลอจี้คันหน้าใกล้เกินไปเมื่อเทียบกับความเร็ว
ถ้าทำสำเร็จช่วยทำออกมาขายด้วยนะครับ จะรอซื้อ กำลังหาอยู่พอดี
ปัญหาหลักๆ คือ
* การใส่ข้อมูลว่าจะไปที่ไหนใหม่ได้ยาก เพราะมันไม่เชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ส่วนใหญ่เราทำการบ้านมาแล้วว่าจะไปไหน อาจจะได้พิกัดมาหรือหาเจอบน Google Map พอจะใช้ GPS บนรถ ต้องมานั่งกรอก ต้องมานั่งพิมพ์เอง ซึ่งมันแย่มาก ตรงข้ามถ้าเลือกที่หมายที่เคยนำทางไปแล้วก็จะเร็วกว่า* ข้อมูลแผนที่ไม่เป็นปัจจุบัน
* ระบบนำทางในรถ หลายระบบไม่มีข้อมูลสภาพถนนแบบ realtime ทำให้อาจจะแนะนำไปใช้เส้นทางที่ติดขัด เช่นไปใช้ถนนแถวโรงเรียนช่วงเวลารับส่งเด็ก, กำลังทำถนน, เกิดอุบัติเหตุ, หรือแม้แต่มีด่านตรวจอยู่!
ข้อดีของระบบนำทางในรถ อาจจะมี
* มันเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เพียงอย่างเดียว ไม่มีปัญหาสายเข้าในช่วงเวลาสำคัญ! (เลี้ยวผิด!)
* ระบบนำทางในรถมักจะมีตำแหน่งคงที่ ไม่เลื่อนไม่หล่น ไม่เหมือนมือถือที่ mount ติด บางทีเดี๋ยวหล่น เดี๋ยวหลุด
Google Map + Sygic + iGO OnlyGarmin แพงเกิน
ใช้เตัวนี้ของจีนมาได้ 2ปีแล้ว ^ ^
http://forum.xda-developers.com/android-auto/android-head-units/4-4-2-kitkat-head-unit-newsmy-carpad-t2865525#post58940723
ผมว่าหลักๆมันก็คือการป้อนตำแหน่งที่ตั้งนี่แหละครับ
บนมือถือมันมีคีย์บอร์ดมาให้พิมพ์ และยังมีเน็ตไว้ค้นหาสถานที่ตามที่เราพิมพ์ให้อีกเดี๋ยวนี้พวกอุปกรณ์อัฉริยะมักจะมาแพ้มือถือก็ตรงคีย์บอร์ดนี่แหละครับ
ทีวีก็อีกตัวนึง ลูกเล่นเยอะไปก็เท่านั้น เพราะพิมพ์ข้อความไม่สะดวกเท่ามือถืออยู่ดี
เพื่อนใช้ teana
การป้อนข้อมูลยากในระดับที่อยากจะทำว่าตั้งใจจะทำไว้ให้ใช้งานได้จริิงเหรอ
ต้องเอารัโมทเลื่อนหาทีละตัวอักษรแล้วกดเอา
คิดทางแก้ง่ายๆคือ ให้เชื่อมต่อกับมือถือด้วย Bluetooth/Wifi
จะได้ใส่สถานที่ง่ายๆหน่อย
เคยลองงมเป็น 10 นาที ไม่ได้ออกรถ
ไม่งั้นก็ทำแค่จอรับ miracast จากมือถือ + ส่ง touch กลับไปควบคุมมือถือแล้วโละ แผนที่ในรถไปเลย น่าจะถูกดี
อีกอันคือ ส่งค่า GPS ของรถให้มือถือผ่าน Bluetoothเพราะ GPS ของรถ จับสัญญาณดีกว่ามือถือมาก
ก็ถ้ามันจะทำได้แบบ Tesla น่ะนะครับ
ใช้ Android Auto ครับ
ในไทยเปล่าครับ?
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ใช้ได้นะครับ แต่ต้องชื้อ head unit ที่รองรับด้วย ใช้แผนที่ของ Google maps ได้เลยครับ
、ヽ`、ヽ`(っ´▽`)っ☂ `ヽ、`ヽ
เปิดให้ใช้ในไทยแล้วหรอครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
โหลดเป็น APK มาติดตั้งในโทรศัพท์ครับ แล้วมี Head Unit ที่รองรับด้วยนะอย่างผมใช้ Pioneer 8850BT ต่อเข้ากับ USBแล้วมันก็เด้งขึ้นมาเลยแล้วก็สั่งจากหน้าต่อ โอเคเลยครับหรือถ้าอยากเล่น Kenwood ก็มีรองรับครับแต่แพงกว่านะ
2 din แบบใส่ซิมได้ มีรึเปล่าครับ เห็นแต่ ต้อง hotspot ไป เผื่ออยากใช้ multi sim
ผมใช้ GPS บนรถอยู่นะครับ แต่ติดตั้งเพิ่มนะ เป็นของ Garmin
เรื่องหา POI ผมไม่ค่อยมีปัญหานะครับ กดเอาจากเบอร์โทรศัพท์ของจุดมหายเลย ง่ายดี เร็วกว่าที่จะพิมพ์ชื่อสถานที่ด้วย หรือไม่ก็ทำการบ้านนิดหน่อย ดึงเอาพิกัดทางภูมิศาสตร์มาใส่ที่เครื่องเลย
ในเมืองใช้ google map เพราะว่า สามารถดึงการจราจรจากผู้ใช้บนถนนได้แบบเรียลไทม์ มาร่วมกับการนำทาง ถ้ารถติดจะแนะนำเส้นทางอื่นได้ทันที
นอกเมืองใช้ garmin เพราะว่า poi มีการสำรวจมาไม่มั่วเหมือน google map เลยไว้ใจได้(ถึงแม้บางสถานที่จะปิดไปโดยไม่ได้บอก) และก็เลือกเส้นทางได้เมคเซ๊นกว่าโปรแกรมนำทางอื่นๆ อย่างเช่น sygic ครับ
ส่วน gps บนรถ ไม่น่าใช้ซักรุ่นใช้งานลำบาก ยกเว้น subaru , honda , isuzu ที่ใส่ garmin มาในเครื่องเสียงเลย
ใช้ garmin เพราะผมไม่ได้เดินทางใน กทม เลยไม่ต้องพึ่งข้อมูลการจราจร ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรค่อนข้างแม่น
หัวข้อข่าวเหมือนชี้นำให้เปรียบเทียบระหว่าง "สมาร์ทโฟนกับ GPS ติดรถ" แต่ที่จริง ผลสำรวจหมายถึงคนไม่ใช้ GPS ที่ติดตั้งในรถ แต่ใช้ GPS ที่ซื้อแยกมา หรือไม่ก็สมาร์ทโฟน
ว่าที่จริง คนที่อเมริกาใช้ GPS เช่น Garmin หรือ Tomtom มีเยอะมากนะครับ โดยส่วนตัวลองใช้ Google map แต่เวลานำทางก็ยังสู้ระบบ GPS Portable device ไม่ได้ ยิ่งถ้าใช้ของ Garmin หรือ Tomtom เห็นได้ชัดเลย อย่าไปเทียบกับ GPS จีนนะครับ นอกจากนี้ POI Garmin ของไทย ดีกว่า ตรงกว่า เชื่อถือได้มากกว่า ไปต่างจังหวัดไม่เคยไป เชื่อใจได้ว่าพาไปถึงที่หมายแบบไม่พาเข้าตรอกเล็กๆ
ถ้าใครซื้อรถใหม่ มาถามว่าควรเสียเงินเพิ่มเพื่อเอารุ่นได้ Navigator ไหม ผมบอกเลยเอาเงินไปซื้อ Garmin แยกดีกว่า
นอกจากนี้ที่ตั้งของ Navigator ติดรถมาก็วางในตำแหน่งต่ำลงมา ทำให้ต้องละสายตาจากถนน เทียบกับ GPS Portable device เอาแปะกระจกตำแหน่งไหนก็ได้ที่เราถนัด ไม่บังสายตา แต่ก็ไม่ต้องก้มลงมา สมควรแล้วที่ระบบ GPS ติดรถจะได้คะแนนความพอใจต่ำสุด
"เชื่อใจได้ว่าพาไปถึงที่หมายแบบไม่พาเข้าตรอกเล็กๆ"
ฉึก... เจอบ่อยมากครับ Google Maps 555
แต่ก็ไปตามทางนั้นได้จริงๆ นะครับ
ผมไปเที่ยวบางแสนมาแทบไม่ได้วิ่งถนนใหญ่เลยครับ แถมเจอแต่รถคนในพื้นที่วิ่งกันเยอะแยะด้วย คือรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชำนาญเส้นทางขึ้นมาทันที
ใช่ครับ ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนในพื้นที่ทันที ป้ายบอกทางไม่มีเลยแต่ถึงจุดหมายได้
แต่บางที...มันเกินไปครับ 555 ถนนบางที่คือแย่มากเลย (หรือ..ไม่มีถนน) จนรู้สึกว่าขอวิ่งถนนใหญ่แต่รถติดก็ได้
ผมก็ใช้มือถือนำทาง เพราะไว้ใจ Google Maps มากกว่า
ดีเสียต่างกันครับ
Smart Device (Google Map)
- ฉลาดในการค้นหามากกว่า เดา keyword หรือสถานที่ใกล้เคียงกับคำที่ใส่ได้ ซึ่ง GPS Device มันต้องพิมพ์ตรงเป๊ะ แล้วไปวัดดวงว่าตรงกับที่มีใน POI หรือเปล่า ถ้าเป็นสถานที่ที่ไม่ดังมากนี่แทบจะต้องหา lat long มาใส่กันเลย
- ต่อ Internet รู้สภาพการจราจรได้ทันที
GPS Device
- ฉลาดในการเลือกเส้นทางให้ (สำหรับ Garmin นะครับ GPS จีนนี่พาลงทุ่งก็เคยมาแล้ว) ไม่ค่อยพาออกนอกทางหลักทางใหญ่เท่าไร- Junction View ช่วยในการตัดสินใจเลี้ยวในแยกซับซ้อนได้ดีมาก
- แยกเด็ดขาดจาก Smart Device เอา Smart Device ไปทำอย่างอื่นได้
รุ่นใหม่ๆ ค้นหาได้ดีขึ้นมากแล้วครับ เมื่อก่อนมีปัญหาตรง POI ที่เป็นคำไทยภาษาอังกฤษเช่น บิ๊กซี ซึ่่งรุ่นใหม่ๆก็สามารถค้นหาเป็นคำอังกฤษไปเลย แก้ปัญหาได้เยอะ เรียกว่าปัญหาเหลือแค่ มี หรือไม่มี POI ไปเลย
แล้ว POI ใน Google map มีเยอะจริง ผมกลับมองว่าผิดเยอะมาก ค้นเจอจริงแต่ที่ตั้งผิดไปเป็นกิโล เพราะใครจะเพิ่มตรงไหนก็ได้ ไม่มีการ verify บางทีชื่อเดียวกัน มี 3 ที่ตั้ง! ขับตามไปอ้าวเป็นทุ่งนา ถ้าสถานที่ดัง POI ใน google map คงไม่ผิด แต่ถ้าสถานที่นั้นไม่ดัง ไม่เคยไป ผมเชื่อแค่ 50-50 แต่ถ้า POI ใน Garmin ผมเชื่อถือมากกว่า 90%
อย่างเดียวที่เห็นว่า Google map ดีกว่าคือ สภาพจราจร เพราะมีทั่วประเทศทุกตำบล แล้วคำนวนแนะเส้นทางที่ไวสุดแบบ realtime แต่ระวังพาเข้าตรอกด้วย 555
มันเป็นธรรมชาติ (ห่วย ๆ) ของ Google Map ครับ ๕๕๕ ถ้าใช้บ่อยเจ็บบ่อย จะเริ่มรู้ละว่าต้องวางแผนล่วงหน้าหน่อย ถ้าจะไปไหนที่ไม่เด่นไม่ดัง ทำใจไว้ก่อนว่ามันจะผิดจะเพี้ยน ต้องดูข้อมูลรอบ ๆ ว่ามันใช่มั้ย เช่นสถานที่สำคัญรอบ ๆ (ยึด วัด โรงเรียน โรงแรม สถานีตำรวจ โรงพยาบาล เป็นหลัก พวกนี้ไม่ค่อยผิด) ดูแผนที่ดาวเทียม ดู street view แค่นั้นก็ทำให้มั่นใจได้มากขึ้นเกือบ 100% ละ แต่แน่นนอนว่ามันยุ่งยากโคตร ๆ ๕๕๕ (แต่ผมก็ยอมนะ เพราะไม่อยากสเียตังค์เพิ่มซื้อ Navigator ติดรถ)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
POI ของ GPS แม่นกว่านั้นเห็นด้วยครับ
สำหรับผมผมไม่คาดหวังให้ GPS พาไปถึงแบบถูกเป๊ะเท่าไรน่ะครับ (โดยเฉพาะ Google Maps)
ที่ต้องการจาก GPS จริงๆเลยคือให้มัน guide เส้นทางหลักๆว่าควรไปทางไหน
ส่วนพอเข้าพิกัด 2-3 กม.ก่อนถึงจุดหมายจริงก็ต้องดูด้วยตา สังเกตรอบทางประกอบด้วย เพราะเคยเจ็บกับ GPS รุ่นเก่าๆที่ทำงานช้าบอกแยกบอกเลี้ยวไม่ทันก็เจอมาแล้ว >.<
ซึ่งในมุมมองนี้ POI ของ Google ที่เยอะกว่า ถึงจะมั่วบ้างเพี้ยนหลายร้อยเมตรบ้างมันยังช่วยให้เราไปถึงใกล้เคียงจุดหมายได้ง่ายกว่าครับ ถ้าเทียบกับ GPS Device ที่หา POI ไม่เจอก็ไปกันไม่เป็นเลย
เรื่องค้นหาได้ดีขึ้นอันนี้สังเกตจาก Garmin รุ่นใหม่ๆทำได้ดีขึ้นแล้วครับแต่ยังมีปัญหาเรื่องการเดาคำที่เกิดจากสะกดคนละแบบอยู่ (เช่น POI ใช้ไม้ตรี แต่เราสะกดไม้โท ซึ่งบางทีเราก็เดาใจ POI ไม่ถูกว่ามันสะกดแบบไหน) บางครั้งหาไม่เจอจริงๆก็ต้องกดจากหมวด POI แล้วไล่หาด้วยตาก็ยังมีอยู่บ้าง (แต่น้อยลงกว่าเมื่อก่อน)
เทียบ pros/cons กันแล้วก็จะประมาณว่า
Google maps : หา POI เจอได้ง่ายกว่า ช่วยเราเดาคำแก้การสะกดผิดได้แม่นกว่า แต่ปลายทางต้องใช้วิจารณญาณดูทางรอบข้างประกอบด้วย
Garmin : มั่นใจได้ว่าพาไปทางหลักแน่ๆ ไม่ค่อยพาลงข้างทาง ส่วน POI ถ้าหาเจอจะเชื่อได้เกือบ 100% ว่าไปจอดถึงหน้าประตูแน่ๆไม่ผิดที่
ยังไม่เคยลองใช้ Garmin เลยแต่ใช้ Google Maps เป็นหลักโอเคมากๆ วันไหนอยากประหยัด Data จะใช้ Here ครับ
ถ้ามีโอกาส หามาลองนะครับ จะรู้ว่าให้ความรู้สึกในการขับต่างกันมาก มองง่ายกว่า ไม่ต้องกลัวโทรศัพท์เข้า อืมพูดไม่ถูกลองเอง