หลังจากที่มีข่าว การส่งเมมโมหรือจดหมายเวียนภายในองค์กรที่พูดถึงเรื่องเพศ จนทำให้ต้อง ปลดพนักงานที่เขียนจดหมายเวียนนี้ออกจาก Google โดยอ้างว่าเนื้อหาของจดหมายนั้นละเมิดหลักจริยธรรมขององค์กรและการกำหนดรูปแบบระหว่างเพศไม่สอดคล้องในการทำงาน
ล่าสุด Susan Wojcicki ซีอีโอ YouTube เผยว่า ลูกสาวของเธอตั้งคำถามเรื่องการมีผู้หญิงในองค์กรไอทีน้อยและผู้นำที่เป็นผู้หญิงน้อย มันเป็นเหตุผลทางชีวภาพจริงหรือ?
เธอจึงหันมาสำรวจตัวเองและก็พบว่า ตัวเองนั้นโชคดีมากที่มีแต่คนสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น Larry Page, Sergey Brin, Eric Schmidt ฯลฯ เธอชี้ว่า ตอนที่เธอเห็นเนื้อความจากจดหมายนั้น เธอรู้สึกเจ็บปวดและคิดว่าความเจ็บปวดนั้นคงมาจากสาเหตุอื่นด้วย
เธอคิดว่าผู้หญิงที่ทำงานใน Google คงจะต้องเจอการตั้งคำถามเกี่ยวกับศักยภาพของเธอ และผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยีเหล่านี้ก็คงพร้อมที่จะจัดการกับอคติที่หลอกหลอนพวกเธอทั้งหลายอยู่ เธอคิดว่าช่องว่างระหว่างเพศหญิงและเพศชายนี้จะยังมีอยู่ต่อไปและความคิดที่อคติเหล่านี้ก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักเหตุผล (เคยมีการศึกษาวิจัยพบว่า ความแตกต่างทางเพศ ทำให้ความสนใจแตกต่างกันจริง แต่ไม่ได้ถูกกำหนดทางชีวภาพ ผู้หญิงกับผู้ชายมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์พอๆ กัน ถ้าคิดว่าผู้ชายเก่งคณิตฯ มากกว่า นั่นหมายความว่าคุณกำลังถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมที่มีอคติ )
ถึงแม้ว่า Google จะยืนหยัดในการสนับสนุนให้พนักงานแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี แต่ในขณะที่ผู้คนใช้สิทธิที่จะแสดงความเชื่อของเขาในที่สาธารณะ ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะไม่ทำอะไรเลย หากผู้หญิงถูกทำให้เป็นประเด็นและถูกเหมารวมในแง่ลบเกี่ยวกับเรื่องเพศของเธอ บริษัทจะจัดการกับพนักงานที่ทำในสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่มีต่อเพื่อนร่วมงาน รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรในการทำงาน
Susan มองว่า หากเปลี่ยนถ้อยคำในจดหมายจากคำว่าผู้หญิงเป็นคำอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิว หรือคนข้ามเพศในกลุ่ม LGBTQ นั้น จะเป็นอย่างไร เธอเห็นว่าการใช้ภาษาในการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลทำได้หลากหลายรูปแบบและไม่มีใครรับได้
ภาพจาก Twitter Susan Wojcicki
(ชุดสีเทาด้านซ้าย)
Susan เคยเขียนบทความลง Vanity Fair พูดถึงซิลิคอนวัลเลย์จะทำลายกำแพงกระจกที่มีแต่ผู้ชายแวดล้อมวงการไอทีอย่างไร
เธอให้สัมภาษณ์ใน CNNMoney พูดถึงปัญหาที่มีแต่ผู้ชายในวงการไอที เธอจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ที่มา - Fortune
Comments
เจอการกับตั้งคำถาม ?
เปลี่ยนจากเนื้อหา ?
ลิงค์ที่สองไปยังข่าว "ปลดพนักงานที่เขียนจดหมายเวียนนี้ออกจาก Google" โยงไปผิดข่าวครับ จะต้องเป็น https://www.blognone.com/node/94608 แทน
คงมาจากฮอร์โมนมากกว่า ที่กำหนดให้เป็นเช่นนั้น...แต่ความรู้ความสามารถไม่เป็นอุปสรรคในชีวิตและงาน เพราะส่วนนี้ พัฒนาอบรมได้..ส่วนใหญ่ต้องเปลี่ยนความเชื่อ เพราะเป็นส่วนหนึ่งวัฒนธรรม..นานาจิตตัง
ได้เต็มที่ก็แค่ "ใกล้เคียงกัน" นะครับ จะให้เท่าเทียมกันทุกอย่างคงเป็นไปได้ยาก เพราะคนเราก็แตกต่างกันตั้งแต่เกิดแล้ว ในที่นี้ไม่ใช่ผู้ชายจะมีโอกาสและดีกว่าผู้หญิงเสมอไป ผู้หญิงหลายคนก็มีโอกาสและทำได้ดีกว่าผู้ชาย แต่ในภาพรวมผู้อาจมากกว่าเท่านั้นเอง
เรื่องความสามารถนี่เห็นด้วยเลยครับว่าผู้หญิงไม่ได้ด้อยกว่าผู้ชาย (เผลอๆ จะเก่งกว่า จากที่เรียนสายวิทย์มานี่พวกห้องท็อป/รองท็อปนี่อัตราส่วน ญ:ช ประมาณ 3:1) แต่เรื่องความสนใจนี่คงตอบยาก เพราะเหมือนสังคมมันก็หล่อหลอมมาแบบนั้น เลยไม่แน่ใจว่าที่ไม่ค่อยเรียนไอทีกันเพราะจริงๆ ไม่ชอบ หรือเพราะสังคมบอกว่า "ไม่ควรจะชอบ ไปเรียนหมอเถอะ" อะไรแบบนั้นมากกว่า
อันที่จริง memo ไม่ได้เหยียดผู้หญิง ตรงกันข้าม ออกจะพูดกลางๆ เรื่องให้พิจารณาความสามารถเป็นรายบุคคล
ไม่ใช่พิจารณาเพราะคนนั้นเป็นเพศใดเพศหนึ่ง
การพยายามให้สัดส่วนชายต่อหญิง เป็น 50:50 ดูเป็นเป็นเรื่องที่ผิดจุดประสงค์ เพราะแต่ละเพศ มีความสนใจไม่เหมือนกัน อย่างอาชีพทางความงาม แฟชั่น หรือ ประชาสัมพันธ์ ก็มีสัดส่วนผู้หญิงมากกว่า ก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปบังคับให้ต้องมีผู้ชายเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้นซะหน่อย
วงการ แฟชั่นและความงาม มี ผญ มากกว่าหรือเปล่า?
คือ ผญ สนใจ เรื่องความสวยความงาม
ผช สนใจ เทโนโลยี
ผมว่าเขาเปิดโอกาสอยู่แล้วนะ แต่ ผญ ส่วนใหญ่จะเข้ามาหรือเปล่า คนเข้ามาน้อยและคนที่เก่งจริงพอที่จะเข้าทำงานได้มันก็น้อยลง
ภาพ ของ ผญ ที่ทำงานในบริษัทเทคโนโลยีมันเลยน้อย
ความผิดของ memo ที่มีปัญหา ตามความคิดเห็นของผมคือ
1. คนเขีนยไม่ได้เป็น ผู้บริหารระดับสูง ใน google
2. ความพยายามปรับสัดส่วนให้ได้ 50:50 น่าจะเป็นนโยบายระดับสูงภายในของ Google เอง (แต่การ Force แบบนั้นหมายความว่า กำลัง Bias ให้รับ พนักงานหญิงก่อน)
ถ้าพูดถึง properties ส่วนตัวบุคคลคือ คุณ Susan ที่มีฐานะเป็น "พี่เมีย" Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google และมีเชื้อสาย รัสเซีย-ยิว เอาแบบ มือแตะที่หน้าอก แล้วตั้งคำถามแบบนี้ ยังได้เลยครับ ว่าที่ได้ตำแหน่งผู้บริหาร YouTube นี่ ความสามารถล้วน ๆ เลยใช่มั้ย ? อย่างอื่นไม่เกี่ยวเลย บังเอิญล้วน ๆ
ในบทความ link ไปที่บทความของ Adam Grant ที่เป็นนักวิชาการในสาย Management ที่คัดค้าน แต่ถ้าลองไปดู นักวิชาการในสาย Psychology บ้าง จะยืนยันว่า งานวิจัยเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศ ถูกต้องจริงตามหลักวิทยาศาสตร์ครับhttp://quillette.com/2017/08/07/google-memo-four-scientists-respond/