The Walt Disney Company
Venu Sports บริษัทถ่ายทอดสดกีฬาผ่านสตรีมมิ่ง ที่กลุ่มทุนสื่อยักษ์ใหญ๋ในสหรัฐ 3 รายคือ ESPN ในเครือ Disney, Fox, Warner Bros. Discovery ร่วมทุนกันสร้างเมื่อต้นปี 2024 ถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว
ESPN แถลงสั้นๆ ว่าทั้งสามบริษัทพิจารณาแล้ว จะเลือกไปถ่ายทอดกีฬาตามช่องทางของตัวเองเหมือนเดิม
เหตุผลที่ Venu Sports แท้งก่อนคลอด เป็นเรื่องคดีความที่โดนบริษัทคู่แข่งด้านสตรีมกีฬา Fubo ยื่นฟ้องว่าทำลายการแข่งขัน เพราะบริษัทใหญ่ทั้ง 3 มีส่วนแบ่งตลาดด้านการถ่ายทอดกีฬาในสหรัฐรวมกันเกิน 50%
ดิสนีย์รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสเดือนกันยายน เฉพาะกลุ่มธุรกิจสตรีมมิ่ง (Direct-to-Consumer) มีรายได้รวม 6,296 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน 321 ล้านดอลลาร์ ทำให้ธุรกิจสตรีมมิ่งของดิสนีย์มีกำไรเป็นบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง หลังจากเริ่ม มีกำไรครั้งแรก ในไตรมาสก่อนหน้านี้
ดิสนีย์บอกว่าการเติบโตของธุรกิจกลุ่มนี้มาจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ราคาสมาชิกที่ปรับเพิ่มขึ้นมา จำนวนโฆษณาที่ลงมากขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ลดลงของ Disney+
Disney+ เริ่มส่งข้อความแจ้งผู้ใช้งานที่ใช้บัญชีรวมกับผู้อื่นแต่ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังเดียวกันว่า ตัวเลือกแชร์บัญชีแบบจ่ายเงินเพิ่มพร้อมใช้งานแล้ว โดยก่อนหน้านี้ Disney+ คอนเฟิร์มว่า จะจัดการสายหารและขึ้นราคาบริการในสหรัฐฯ
ต่อจากนี้ บัญชีที่มีผู้ใช้อยู่บ้านอื่นจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มสำหรับการใช้บัญชีร่วม บริการนี้เปิดให้ใช้แล้วในบางตลาด เช่น สหรัฐฯ แคนาดา คอสตาริกา กัวเตมาลา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก
มีเอกสารภายในของ Disney หลุดออกมาสู่สาธารณะ ว่าบริษัทกำลังย้ายระบบแชทภายในจากเดิมใช้ Slack มาเป็น Microsoft Teams ด้วยเหตุผลเรื่องข้อมูลหลุด
เอกสารนี้เป็นอีเมลของ Hugh Johnston ซีเอฟโอของ Disney ที่แจ้งต่อพนักงานว่ากำลังจะย้ายระบบ Slack โดยทีมเทคโนโลยีมีกำหนดเริ่มย้ายในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2024 และจะเสร้จสมบูรณ์ในไตรมาส 1 ปี 2025
ก่อนหน้านี้เคยมีกลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Nullbulge อ้างว่าสามารถเจาะระบบ Slack ของ Disney และได้เอกสารภายในขนาด 1.1TB ไปเผยแพร่ต่อสาธารณะในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การเจาะระบบครั้งนี้เกิดจากคอมพิวเตอร์ของพนักงานรายหนึ่งถูกเจาะ ส่งผลให้ข้อมูลใน Slack ที่พนักงานรายนี้เข้าถึงได้นั้นหลุดตามไปด้วย
จาก ประเด็น ที่มีคนต้องการฟ้องดิสนีย์ เนื่องจากภรรยาของเขา ไปกินอาหารที่ร้านอาหารในสวนสนุก Walt Disney World แล้วแพ้อาหารจนเสียชีวิต แต่ดิสนีย์บอกว่าไม่สามารถฟ้องได้ เพราะเคยทดลองสมัครใช้งาน Disney+ และยอมรับเงื่อนไขข้อหนึ่งว่าจะไกล่เกลี่ยกับดิสนีย์นอกศาลในทุกข้อขัดแย้ง ล่าสุดดิสนีย์ยอมถอยแล้ว
Josh D'Amaro หัวหน้าฝ่าย Experience ของดิสนีย์เปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องอ่อนไหวและมีการสูญเสียบุคคล จึงต้องหาทางออกที่เหมาะสม บริษัทจึงละเว้นสิทธิที่ให้ไกล่เกลี่ยนอกศาล และให้ดำเนินเรื่องนี้ต่อไปในศาล
เจฟฟรีย์ พิกโคโล ต้องการฟ้องร้องดิสนีย์และเจ้าของร้านอาหารใน Walt Disney World ในข้อหาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยมิชอบ เนื่องจากภรรยาของเขา แพทย์หญิงกนกพร แต่งสวน เสียชีวิตจากอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ดิสนีย์อ้างว่า เจฟฟรีย์ พิกโคโล ไม่สามารถฟ้องร้องได้เพราะเคยสมัครทดลอง Disney+ เป็นเวลา 1 เดือน ในปี 2019 และได้ยอมรับเงื่อนไขในการลงทะเบียนว่า จะไกล่เกลี่ยกับดิสนีย์นอกศาลในทุกข้อขัดแย้ง
ในงานแถลงข่าว D23 ดิสนีย์ได้ประกาศแผนงานภาพยนตร์หลายเรื่องที่จะออกมาในอนาคต ซึ่งในกลุ่มอนิเมชันนั้นมีทั้ง Moana 2, Frozen 3, Incredibles 3 และ Toy Story 5 ซึ่งเรื่องหลังสุดนั้นมีประเด็นเล็ก ๆ จากคนที่สังเกตและจำได้
Pixar สตูดิโอผู้ผลิต Toy Story 5 ได้ โพสต์ทีเซอร์ ใน X เพื่อประกาศการกลับมาของ Woody, Buzz และผองเพื่อน กำหนดฉายในฤดูร้อนที่อเมริกาปี 2026 แต่ Dylan McDonald ได้โควทและตั้งข้อสังเกตใน X ว่าคลิปอนิเมชันทั้งหมดที่ปรากฏนั้น เหมือนกับอนิเมชันที่อยู่ในหน้าปัด Apple Watch พร้อมเทียบให้ดูเป็นฉากต่อฉาก
Disney ประกาศขึ้นราคาบริการสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกาทั้ง 3 ตัวคือ Disney+, Hulu, ESPN+ โดยแพ็กเกจ Disney+ แบบมีโฆษณาเพิ่มจากเดือนละ 7.99 ดอลลาร์เป็น 9.99 ดอลลาร์ และแพ็กเกจแบบไม่มีโฆษณาเพิ่มจาก 13.99 ดอลลาร์เป็น 15.99 ดอลลาร์
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในวันที่ 17 ตุลาคม 2024 เฉพาะลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และไม่รวมถึงกรณีของไทยที่เป็นบริการแยกอีกตัวคือ Disney+ Hotstar ซึ่งขึ้นราคาไปก่อนแล้ว
ในงานแถลงผลประกอบการของ Disney เมื่อคืนนี้ ซีอีโอ Bob Iger ยืนยันว่าจะเริ่มใช้มาตรการแบนลูกค้าที่แชร์รหัสผ่านกันในเดือนกันยายน 2024 แบบเดียวกับที่ Netflix ทำมาก่อนแล้ว และประสบความสำเร็จดี
ดิสนีย์รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนมิถุนายน โดยธุรกิจสตรีมมิ่งทั้งหมดของดิสนีย์ (กลุ่ม Direct-to-Consumer หรือ DTC รวมกับ ESPN+) มีกำไรจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก 47 ล้านดอลลาร์ จาก ไตรมาสก่อนหน้านี้ เฉพาะ DTC (Disney+ และ Hulu) ที่มีกำไร
Bob Iger ซีอีโอดิสนีย์กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมาธุรกิจบันเทิงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งภาพยนตร์ใน Box Office และธุรกิจสตรีมมิ่งที่มีกำไรเป็นครั้งแรก โดย Inside Out 2 ทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เป็นภาพยนตร์อนิเมชันทำเงินสูงสุดตลอดกาล
Disney+ มีจำนวนสมาชิกทั่วโลก 118.3 ล้านบัญชี โดยยังไม่รวม Disney+ Hotstar ที่มีสมาชิก 35.5 ล้านบัญชี ส่วน Hulu มีสมาชิก 51.1 ล้านบัญชี
ดิสนีย์มีโครงการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ใน Disney+ โดยตั้งเป้าหมายให้ผู้ใช้งานใช้เวลาบนแพลตฟอร์มนานขึ้น เพิ่ม Engagement ซึ่งเป็นแนวทางเหมือนกับที่ Netflix ให้ความสำคัญในปัจจุบัน
รายงานของ The Wall Street Journal บอกว่าการโฟกัสที่ Engagement ผู้ใช้งาน ช่วยสองเรื่องคือ ลดความเสี่ยงผู้ใช้งานหนีไปแพลตฟอร์มอื่น และสามารถขายโฆษณาในแพ็คเกจที่มีโฆษณาได้ดีขึ้น
ฟีเจอร์ใหม่ที่ Disney+ เตรียมนำมาเสริม หลายอย่างก็เป็นสูตรเดียวกับ Netflix ใช้ก่อนหน้านี้ เช่น อัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์แยกแต่ละผู้ใช้งาน, ภาพหน้าปกที่ปรับสำหรับแต่ละคน, อีเมลเตือนหากคอนเทนต์ที่ดูยังดูไม่จบ และการไม่ปล่อยซีรีส์ออริจินัลรวดเดียวจนจบ แต่ปล่อยเป็นชุด เพื่อให้มาตามดูทุกสัปดาห์
GungHo Online Entertainment ค่ายเกมญี่ปุ่นเจ้าของเกม Puzzles and Dragons เปิดตัวเกมมือถือ Disney Pixel RPG รูปแบบเกมเพลย์ตรงตามชื่อเกม คือเป็นเกม RPG กราฟิกแบบ 2D พิกเซลและใช้ตัวละครจากค่าย Disney เช่น Mickey Mouse, Ariel, Pooh, Genie, Baymax, Stitch เป็นต้น
เนื้อเรื่องของเกมคือโลกของตัวละคร Disney แต่ละตัวถูกรุกราน และโลกหลอมรวมเข้าด้วยกัน เราต้องสวมบทเป็นตัวละคร Disney บุกฝ่าฟันโลกต่างๆ ในเกมเพื่อให้โลกกลับมาสงบสุข รูปแบบเกมเพลย์เป็น turn-based RPG ที่บอกว่าเล่นง่าย ไม่เคยเล่นเกม RPG มาก่อนก็เล่นได้
สตูดิโอแอนิเมชัน Pixar ประกาศปลดพนักงานประมาณ 175 คน คิดเป็น 14% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ซึ่งไม่ได้เป็นข่าวใหม่เพราะ Pixar เคย ยืนยันแผนการปลดพนักงาน เมื่อเดือนมกราคม แต่จำนวนพนักงานน้อยกว่าที่คาดกันก่อนหน้าว่า 20%
Pixar ประสบปัญหาตั้งแต่ช่วงการระบาดโควิด ที่มีการปรับแผนนำภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องยาวตั้งแต่ Soul, Luca และ Turning Red ลงแพลตฟอร์ม Disney+ ทันทีเพื่อดึงผู้ชม แต่ผลคือเมื่อบริษัทกลับมานำภาพยนตร์แอนิเมชันฉายที่โรงภาพยนตร์ก่อนเหมือนเดิมอย่าง Lightyear ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วน Elemental แม้จะทำเงินถึง 495 ล้านดอลลาร์ แต่ก็น้อยกว่าผลงานในอดีตของ Pixar
Disney Entertainment และ Warner Bros. Discovery สองค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของโลกที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกันในธุรกิจสตรีมมิ่ง โดยจะออกแพ็กเกจสตรีมมิ่งใหม่ที่มัดรวมเอาบริการสตรีมมิ่งทั้งสองค่ายเข้าด้วยกัน
แพ็กเกจบันเดิลตัวใหม่จะได้ทั้ง Disney+, Hulu (ปัจจุบันเป็นของ Disney 100% แล้ว) และ Max (HBO Max เดิม) ตอนนี้ยังไม่ประกาศราคา แต่จะมีให้เลือกทั้งแบบมีและไม่มีโฆษณา และจะเริ่มให้บริการในสหรัฐอเมริกาช่วงฤดูร้อนกลางปีนี้
ดิสนีย์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส โดยได้รายงานจำนวนสมาชิก Disney+ ทั่วโลก เพิ่มขึ้นกว่า 6 ล้านบัญชี เป็น 117.6 ล้านบัญชีทั่วโลก ขณะที่ Hulu เพิ่มขึ้นเป็น 50.2 ล้านบัญชี และ ESPN+ มี 24.8 ล้านบัญชี
ประเด็นสำคัญคือส่วนธุรกิจสตรีมมิ่ง (เรียกรวมว่า Direct-to-Consumer) มีกำไรจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก หลังจากที่ขาดทุนมาโดยตลอด รายได้เฉพาะส่วนนี้ 5,642 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% และมีกำไรจากการดำเนินงาน 47 ล้านดอลลาร์ ซึ่งดิสนีย์ให้เหตุผลว่ามาจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น และราคาสมาชิกที่เพิ่มขึ้น
Bob Iger ซีอีโอดิสนีย์ กล่าวว่าผลประกอบการในไตรมาสเติบโตดีจากธุรกิจสตรีมมิ่งและสวนสนุก
ก่อนหน้านี้ดิสนีย์ เคยประกาศ แผน เตรียมป้องกันผู้ใช้งานหารหรือแชร์รหัสผ่าน Disney+ ระหว่างกัน ซึ่งบอกว่าน่าจะเริ่มได้ในปี 2024 แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา ล่าสุดดิสนีย์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว
Bob Iger ซีอีโอดิสนีย์ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC บอกว่าดิสนีย์จะเริ่มเปิดใช้ระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่านในเดือนมิถุนายนนี้ เริ่มในไม่กี่ประเทศก่อน จากนั้นจะขยายไปทั่วโลกในเดือนกันยายน รูปแบบการทำงานจะคล้ายกับ ระบบป้องกันการหารของ Netflix นั่นคือหากตรวจสอบพบการรับชมจากบ้านคนละหลัง จะขึ้นข้อความเตือนให้สมัครสมาชิกพ่วง โดยจ่ายค่าบริการเพิ่มบางส่วน อย่างไรก็ตาม Iger ยังไม่ได้ลงรายละเอียดค่าบริการส่วนนี้
Disney+ เริ่มผนวกคอนเทนต์จาก Hulu เข้ามา ตามที่เคยประกาศไว้ ตัวอย่างคอนเทนต์ของ Hulu ที่เพิ่มเข้ามาใน Disney+ ได้แก่ Grey’s Anatomy, Only Murders in the Building, Poor Things, The Bear
Hulu เป็นบริการสตรีมมิ่งที่มีเฉพาะในสหรัฐ ที่ค่ายสื่อยักษ์ใหญ่ 3 ค่ายเคยร่วมลงขันกัน หลังจากนั้น Disney ซื้อหุ้นทั้งหมดของ Hulu คืนมาได้สำเร็จในช่วงปลายปี 2023 และประกาศแผนระยะยาวในการควบรวมแอพ Hulu เข้ากับ Disney+
Disney เปิดตัวเกม Epic Mickey Rebrushed เกมเวอร์ชันรีเมคของ Epic Mickey ที่ลง Wii เมื่อปี 2010 เกมเวอร์ชันรีเมคพัฒนาโดย Purple Lamp จัดจำหน่ายโดย THQ Nordic มีแผนวางจำหน่ายภายในปี 2024 บน Switch, PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC
ผู้เล่นได้รับบทเป็น Mickey Mouse ที่แอบย่องเข้าไปในห้องทำงานของ Yen Sid แล้วดันไปหยิบพู่กันเวทมนตร์แล้วสร้าง Shadow Blot ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้ Mickey ถูกดูดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยตัวละครดิสนีย์ที่ถูกลืมเลือน เกมเป็นแนว Platformer ผจญภัยโดยการใช้พู่กันระบายสีใส่องค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเกม โดยมีทักษะใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชันรีเมค เช่น การพุ่ง, หมอบ และการวิ่งเร็ว ตัวเกมใช้ Unreal Engine ในการพัฒนา
จากกรณี มิกกี้เมาส์เวอร์ชันแรกกลายเป็นสาธารณสมบัติแล้ว หลังลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อ 1 มกราคม 2024
ทางค่ายคู่แข่ง Warner Bros. Discovery เจ้าของบริการสตรีมมิ่ง HBO Max ก็ "ลองของ" ด้วยการให้รายการทอล์คโชว์ Last Week Tonight ที่มีพิธีกรชื่อดัง John Oliver นำคาแรกเตอร์เจ้าหนู Steamboat Willie (มิกกี้เมาส์เวอร์ชันแรก) มาออกในรายการ พร้อมพาดหัวด้วยว่า "พวกเขา (Disney) จะฟ้องไหม"
รายการตอนนี้ออนแอร์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ แต่ทาง HBO ยังไม่เผยแพร่คลิปรายการในตอนนี้ เพื่อดึงให้คนที่อยากดูต้องไปดูบน HBO Max เท่านั้น
ที่มา - 9to5google
Disney ประกาศร่วมลงทุนใน Epic Games ผ่านการเข้าถือหุ้นคิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และทำข้อตกลงร่วมกันพัฒนาโครงการต่าง ๆ เป็นระยะเวลาต่อเนื่องหลายปี ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อน
ทั้งนี้ Disney และ Epic Games ไม่ได้รายงานว่า Disney เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ และประเมินมูลค่ากิจการของ Epic Games ไว้เท่าใด
Disney บอกว่าจากนี้จักรวาลของ Fortnite จะเปิดโอกาสให้สามารถ เล่น ชม ซื้อ กับคอนเทนต์และคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ที่เป็นของ Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, Avatar และอีกมาก ตลอดจนพัฒนาเนื้อหาบน Unreal Engine
ที่มา: Disney
3 บริษัทสื่อรายใหญ่ในอเมริกาคือ Walt Disney, FOX และ Warner Bros. Discovery ประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนที่ถือหุ้นเท่ากันรายละ 1 ใน 3 เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งถ่ายทอดสดรายการกีฬาโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรูปแบบบริการนี้สามารถสมัครแยกผ่านแอป หรืออาจเป็นแพ็คเกจรวมกับบริการเคเบิ้ล-สตรีมมิ่งที่แต่ละรายมีให้บริการอยู่แล้ว
Disney Research สาธิตเทคโนโลยี HoloTile พื้นที่เลื่อนเองคล้ายลู่วิ่งแต่สามารถเลื่อนผู้ใช้ได้ทุกทิศทาง ทำให้ผู้ใช้สามารถเดินไปมาอยู่กับที่ได้โดยไม่ล็อกว่าต้องเดินหน้าถอยหลังเหมือนลู่วิ่งปกติ
แนวคิดเรื่องพื้นเลื่อนได้แบบนี้มีมานานแล้ว โดยแนวทางใช้งานหลักๆ คือการเปิดให้คนสามารถเดินหรือวิ่งได้ในโลก VR ก่อนหน้านี้ก็มีเครื่อง Omni One ของ Virtuix ที่เริ่มเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในราคา 2,595 ดอลลาร์
เว็บไซต์ TechCrunch อ้างแหล่งข่าว รายงานว่าสตูดิโอแอนิเมชัน Pixar เตรียมปลดพนักงาน ซึ่งตัวเลขอาจสูงถึง 20% ของพนักงานทั้งหมด 1,300 คน
Pixar ยืนยันข่าวว่าจะมีการปลดพนักงานจริง แต่บอกว่าตัวเลข 20% นั้นสูงเกินจริง แม้ไม่ยอมบอกว่าจะปลดพนักงานออกทั้งหมดเท่าไร โดยกำหนดการปลดจะเกิดขึ้นภายในปี 2024 นี้
เหตุผลของการปลดพนักงานออกคงหนีไม่พ้นหนังของ Pixar ในช่วงหลังทำเงินได้ไม่ตามเป้า เช่น Lightyear, Onward และล่าสุดคือ Elemental ทำเงินจากการฉายทั่วโลกราว 496 ล้านดอลลาร์
ภาพยนตร์สั้นคลาสสิคของ Disney ที่แจ้งเกิดให้กับมิกกี้เมาส์และมินนี่เมาส์ ในชื่อว่า Steamboat Willie ได้กลายเป็นสาธารณสมบัติ หรือ Public Domain แล้วในวันที่ 1 มกราคม 2024 ที่ผ่านมา
Steamboat Willie กำกับโดย Walt Disney และ Ub Iwerks เป็นภาพยนตร์ขาวดำที่ออกมาในปี 1928 ที่ทำให้ชาวโลกได้รู้จักกับตัวละครขวัญใจคนทั้งโลกอย่างมิกกี้เมาส์ และมินนี่เมาส์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในแอนิเมชันเรื่องแรกๆ ที่มีเสียงอีกด้วย (แพ้ My Old Kentucky Home ไป 2 ปี)
ถึงแม้เป็นคู่แข่งกันโดยตรงในวงการสตรีมมิ่ง แต่เมื่อรายการไม่ได้ซ้อนทับกัน ดีลธุรกิจก็เกิดขึ้นได้เสมอ ล่าสุด Netflix เซ็นสัญญากับ Disney ซื้อไลเซนส์รายการในเครือ Disney รวม 14 รายการไปฉายบน Netflix ตามกรอบเวลา 18 เดือน
รายการสำคัญในดีลรอบนี้คือซีรีส์ Grey’s Anatomy ของสถานีทีวี ABC ในเครือ Disney ที่กำลังจะออกซีซัน 20 (Netflix ได้ 19 ซีซันก่อนหน้าไปฉาย) นอกจากนี้ยังมีซีรีส์เรื่องอื่น เช่น Lost, This Is Us, Prison Break, Archer, How I Met Your Mother, White Collar, Home Improvement, The Resident, ESPN 30 for 30, My Wife and Kids, Reba, The Bernie Mac Show, Wonder Years รวมถึงซีรีส์ใหม่ The Hughleys ที่จะเริ่มฉายในปีหน้า
จาก กรณีดราม่าแบรนด์ดังๆ จำนวนหนึ่งถอนโฆษณาออกจาก X/Twitter จนทำให้บริษัทสูญรายได้ถึง 75 ล้านดอลลาร์
ท่านผู้นำ Elon Musk มีคิวไปพูดที่งานสัมมนา DealBook ของหนังสือพิมพ์ The New York Times พอดี เขาตอบคำถามประเด็นนี้อย่างเผ็ดร้อน โดยบอกว่าถ้าแบรนด์เหล่านี้ต้องการแบล็คเมล์เขาด้วยวิธีงดโฆษณา ก็ "go fuck yourself" (พูดซ้ำสองรอบ พร้อมทำมือประกอบ)
ถึงแม้มีแบรนด์จำนวนมากที่ถอนโฆษณาจาก Twitter รอบนี้ แต่เป้าหมายของ Elon ชัดเจนว่า หมายถึง Disney โดยเขาเอ่ยชื่อ "Bob" (หมายถึง Bob Iger ซีอีโอ Disney) ว่าหากเขานั่งฟังอยู่ในกลุ่มคนดูด้วย ก็ขอให้เข้าใจตามนี้ (go fuck yourself)