![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/docomo.png?itok=ivkkJLrb)
NTT DOCOMO ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Meiji และบริษัท H2L เปิดตัวเทคโนโลยีต้นแบบที่สามารถสร้างรสชาติเลียนแบบขึ้นมาได้ โดยอาศัยข้อมูลของรสชาติอาหารที่เชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์ม FEEL TECH ของ DOCOMO
FEEL TECH เป็นแพลตฟอร์มที่จำลองการส่งต่อข้อมูลประสาทสัมผัสทั้ง 5 (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) ระหว่างผู้ใช้งาน ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดของ DOCOMO นี้ เป็นการส่งต่อรสชาติอาหาร โดยอาศัยข้อมูลประมาณ 25 ตำแหน่ง เพื่อจำลองการสร้างรสชาติขึ้นมาจาก 5 รสชาติพื้นฐาน (หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม และอูมามิ) ด้วยของเหลว 20 ชนิด ทำให้ได้รสชาติที่ใกล้เคียงต้นแบบมากขึ้น และไม่ได้อาศัยแค่คำบรรยาย
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/shutterstock_532218982.png?itok=QvYoX_cR)
การนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคส่วนบริการและร้านอาหารเป็นวิธีที่ภาคบริการมองว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและให้บริการได้เร็วขึ้น รวมทั้งช่วยให้พนักงานสามารถบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่เพราะมีหุ่นยนต์ช่วยทำงานอื่น ๆ เช่น เสิร์ฟอาหาร เก็บโต๊ะ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับร้านนั้น ๆ ว่าเป็นร้านที่ทันสมัยและเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้
ข้อมูลจากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติเผยว่าหุ่นยนต์สำหรับส่วนการบริการขายได้ราว 121,000 เครื่องเมื่อปีที่แล้ว ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ชื่อว่า White Castle ที่ใช้หุ่นยนต์ Flippy 2 ส่งอาหารในร้านค้ากว่า 350 สาขาและวางแผนจะใช้เพิ่มอีก 100 แห่ง
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/flag-of-japan.png?itok=OO9cS2Yr)
มหาวิทยาลัยเมจิและบริษัทเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น Kirin ร่วมกันพัฒนาช้อนและชามที่ทำให้ผู้รับประทานอาหารรู้สึกว่าอาหารมีรสชาติเค็มขึ้น ซึ่ง ก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วมมือกันพัฒนาตะเกียบสร้างรสเค็มเสมือนไป
ช้อนและชามมีส่วนที่สร้างกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ซึ่งจะส่งผ่านพื้นผิวของช้อนและชามเพื่อเข้าไปสู่อาหารและแตกตัวเป็นไอออนอย่างโซเดียมคลอไรด์ที่ไปกระตุ้นการรับรสให้ผู้บริโภครู้สึกว่าอาหารมีรสชาติเค็มขึ้นกว่ารสชาติจริง 1.5 เท่าโดยไม่ต้องเติมเกลือลงในอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเกลือ
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/flag-of-japan.png?itok=OO9cS2Yr)
ศาสตราจารย์ Homei Miyashita นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมจิ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับ Kirin บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ พัฒนาตะเกียบคอมพิวเตอร์ ที่สามารถสร้างรสเค็มเสมือนขึ้นได้ ช่วยลดการบริโภคเกลือ
อุปกรณ์มีสองส่วนคือสายรัดข้อมือ ที่ทำหน้าที่เป็นคอมพิวเตอร์เล็กคอยประมวลผล และตะเกียบที่เชื่อมต่อกับสายรัด เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าแบบอ่อน ให้มีไอออนโซเดียมลงไปในอาหาร ทำให้เมื่อกินอาหารเข้าไปจะได้รสสัมผัสความเค็ม โดยผลวิจัยพบว่าได้ความเค็มมากขึ้น 1.5 เท่า
งานวิจัยนี้เกิดจากปัญหาการบริโภคเค็มในญี่ปุ่น ซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 10 กรัมต่อวัน สูงกว่าตัวเลขที่องค์การอนามันโลกแนะนำสองเท่า ทั้งนี้ศาสตราจารย์ Miyashita และ Kirin คาดว่าจะเริ่มขายตะเกียบต้นแบบนี้ได้ในปีหน้า
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/news-thumbnails/bt.png?itok=Vvn6VbDZ)
นักวิจัยที่มหาวิทลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย นำโดยศาสตราจารย์ Matthew Hill, ด็อกเตอร์ Mahdokht Shaibani และศาสตราจารย์ Mainak Majumber ทำการปรับปรุงแผ่นคั่นสำหรับแบตเตอรีลิเธียม-ซัลเฟอร์ ได้สำเร็จ โดยทำให้การถ่ายโอนลิเธียมไออนทำได้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพรวมถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี
ศาสตราจารย์ Matthew Hill ระบุว่าการใช้แผ่นคั่นแบบ nanoporous interlayer ทำให้ส่งผ่านลิเธียมได้เร็วขึ้น ส่งผลให้การชาร์จและปล่อยกระแสทำได้เร็วขึ้นและแก้ปัญหาเดิมที่ทำให้แบตเตอรีชนิดนี้มีอายุสั้น โดยทำให้สารโพลีซัลไฟด์ที่เกิดจากปฏิริยาเคมีและทำให้อายุการใช้งานสั้นลง เดินทางระหว่างแอโนดและแคโทดไม่ได้
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/flag-of-japan.png?itok=OO9cS2Yr)
ศาสตราจารย์ Homei Miyashita นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเมจิ ประเทศญี่ปุ่น ผลิตทีวีลิ้มรสได้ Taste the TV (TTTV) ที่มาพร้อมกับสเปรย์รสชาติสังเคราะห์ 10 รสชาติ ที่จะพ่นรสชาติผสมกันออกมาบนฟิล์มอนามัยบนหน้าจอ ให้คล้ายกับอาหารตามที่ตั้งค่าไว้ แล้วให้ผู้ใช้งานสามารถเลียเพื่อชิมรสบนหน้าจอได้ (หรือจริงๆ เอานิ้วป้ายมาชิมก็น่าจะเวิร์ค)
ศาสตราจารย์ Miyashita ระบุว่าหน้าจอนี้จะสามารถสร้างรูปแบบปฏิสัมพันธ์ใหม่ของผู้คนในช่วงโควิด-19 จุดประสงค์คือให้ผู้คนสามารถรับประสบการณ์เหมือนทานอาหารที่ร้านในอีกซีกโลกด้วยตัวเอง แม้อยู่แต่บ้านก็ตาม แต่ไม่ได้พูดถึงการระบาดของโรคจากการเลียหน้าจอต่อกันแต่อย่างใด
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/news-thumbnails/COSO.png?itok=cFpyLDrb)
นักวิทยาศาสตร์หญิงชาวเยอรมัน Rebecca Weiss ชนะรางวัลออกแบบ Dyson Awards ด้วยไอเดียเครื่อง COSO เครื่องอุ่นไข่เพื่อคุมกำเนิดชายชั่วคราว หลังเธอตรวจพบสารตั้งต้นของมะเร็งปากมดลูกที่อาจเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิดฝ่ายหญิงและปรึกษาว่าจะให้ฝ่ายชายคุมกำเนิดแทน
เธอพบว่านอกจากถุงยางแล้ว ผู้ชายยังมีตัวเลือกการคุมกำเนิดที่จำกัดกว่าผู้หญิง ที่มียาคุมกำเนิดทั้งแบบทานปกติ แบบฉุกเฉิน และแบบฝัง เธอจึงอยากเพิ่มทางเลือกคุมกำเนิดให้ผู้ชาย และแบ่งเบาภาระการคุมกำเนิดที่ตกอยู่กับฝ่ายหญิง โดยออกแบบเครื่อง COSO ขึ้นมา
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/news-thumbnails/logo-StartUp.png?itok=uRScrsSo)
AIS Business และ AIS The StartUp จัดงาน NATIONAL DIGITAL CTO FORUM 2022 รวมผู้นำวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ อัพเดตเทรนด์เทคโนโลยี โอกาสและความท้าทายของวงการสตาร์ทอัพที่กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สองย้อนกลับไปราวปี 2011 ถือเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของวงการสตาร์ทอัพในไทย เรามองเห็นการจัดการแข่งขันประชันไอเดีย สร้างโมเดลธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ pain point ของลูกค้าและสังคม เรามองเห็นการระดมทุนอย่างคึกคักและไทยก็ถือว่ามีศักยภาพเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพในอาเซียนได้
แนวคิดของหน่วยงาน AIS the StartUp เองเริ่มก่อตั้งขึ้นในปลายปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงระยะแรกของวงการสตาร์ทอัพพอดี โดยเอไอเอสเล็งเห็นแล้วว่าประเทศไทยไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยสินค้าอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วยบริการและต้องเป็นบริการดิจิทัลด้วย จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้บริหารเริ่มโครงการ Startup ขึ้นมา
จนถึงตอนนี้ผ่านมาสิบปี ก้าวสู่ทศวรรษที่สองของสตาร์ทอัพ มีการเปลี่ยนแปลงจากสิบปีที่แล้วอย่างไร และต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่ทศวรรษที่สองของสตาร์ทอัพได้อย่างไร Blognone จะพาไปหาคำตอบที่งานเสวนาออนไลน์ครั้งนี้
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/verge.jpg?itok=1HNNCAP2)
The Verge เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีชื่อดังได้รวบรวมความล้มเหลวของสิ่งประดิษฐ์และเรื่องราวต่างๆ ในโลกเทคโนโลยีในรอบทศวรรษนี้ไว้ 84 อย่าง ผมเห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอา 10 อันดับแรกมาให้อ่านกัน ดังนี้
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/news-thumbnails/TMH_2_0.jpg?itok=lHMyCTb-)
ทรูมูฟ เอช เตรียมนำเครือข่ายสู่ 5G ที่ให้ความเร็วได้สูงถึงระดับกิกะบิต ประกาศลงทุน 57,000 ล้านบาทด้านโครงข่าย เตรียมความพร้อมสู่ยุค 5G
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/f8.png?itok=rXGZ4DyQ)
ในงานสัมมนา F8 ของ Facebook ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 - 19 เมษายนที่ผ่านมามีการพูดถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่ทาง Facebook กำลังพัฒนาอยู่ หนึ่งในโปรเจ็กต์ที่ผมคิดว่าน่าทึ่งมากจนอยากบอกต่อคือ "ระบบคำพูดไร้เสียง" (Silent Speech System) ซึ่งอาศัยเซ็นเซอร์ในการรับและส่งสัญญาณข้อมูลให้สมองโดยไม่ต้องออกเสียงเลย
- Read more about สู่ยุคโทรจิต Facebook พัฒนาระบบสื่อสารไร้เสียง
- 9 comments
- Log in or register to post comments
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/Flag_of_the_United_States.svg_.png?itok=nF4EgGF0)
Solar Roadways หรือถนนจากแผงโซลาร์เป็นนวัตกรรมจากบริษัท Solar Roadways มีฐานที่ไอดาโฮ ทางบริษัทหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นถนนแห่งอนาคตชนิดที่จะทำให้ลืมถนนแอสฟัสต์แบบเดิมๆ ล่าสุดทำสัญญากับหน่วยงานจราจรในเมือง Missouri มีแผนจะสร้างถนนแผงโซลาร์นี้ที่ Route 66 เป็นที่แรก
ตัวถนนเป็นแผงทำจากแก้วเทมเปอร์ ประกอบด้วยโมดุลเล็กๆ รวมกัน ออกแบบมาให้สามารถสัญจรได้ รับน้ำหนักได้ และเดินบนถนนได้ มีความร้อนในตัว แก้ปัญหาหิมะกองสูงตามท้องถนนได้ นอกจากนี้ยังมีไฟ LED ในตัว ใช้แทนการตีเส้นถนนแบบเดิม ในแต่ละโมดุลมีตัวประมวลผล หรือ microprocessor ที่จะเชื่อมต่อกับโมดุลอื่นๆ ตัวควบคุมกลาง หรือแม้แต่รถที่สัญจรไปมา
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/nec.png?itok=te_1Ud8g)
คงไม่ต้องปวดหัวกับการตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมว่าของแท้ หรือของก๊อปเกรดเออีกต่อไป เมื่อ NEC บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นโชว์ระบบตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนม โดยอาศัยอาศัยเลนส์ติดสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีของ บริษัทในการตรวจสอบ
NEC เรียกระบบนี้ว่า Object Fingerprint Identificationซึ่งตรวจสอบจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเปรียบเสมือนลายนิ้วมือที่ยากแก่การปลอมแปลง เช่น รอยตะเข็บ ตัวซิป เนื้อผ้า ฯลฯ โดยตัวเลนส์ที่ติดกับกล้องสมาร์ทโฟนจะช่วยให้เห็นรายละเอียด (super-detailed) ของพื้นผิวส่วนต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/apple.png?itok=qzSYiiGr)
นาย Lars Hard ผู้ก่อตั้ง Expertmaker บริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ artificial intelligence จากประเทศสวีเดนได้ออกมาบอกว่า การที่แอปเปิลได้เปลี่ยนมาใช้ UI แบบสามมิติใน iOS 7 ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่
UI สามมิติที่เขาพูดถึงนี้ คือเอฟเฟค parallax ที่สามารถเห็นได้บนหน้า home screen ที่ยังสามารถเห็นได้ว่ามันยังเคลื่อนไหวและทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะมีการรัน semi-transparent layer อื่นทับอยู่ เช่น notifications center โดยวิธีนี้สามารถนำไปต่อยอดในการทำฟีเจอร์ที่ซับซ้อนกว่านี้ได้ และวิธีนี้ จำเป็นต้องใช้เซ็นเซอร์บนอุปกรณ์มากมาย ที่เรายังไม่เห็นอุปกรณ์อื่น ๆ นำมาใช้ทุกวันนี้
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/u24Glc4J.png?itok=FdA6j-M-)
Jason Mackenzie, ผู้จัดการฝ่ายขายของเอชทีซี ได้ให้สัมภาษณ์กับ Fierce Wireless และได้เปิดเผยเรื่องราวที่สำคัญเรื่องหนึ่ง ถึงเทคโนโลยีกล้องที่ใช้ใน HTC ปี 2012 ทั้งหมด
Jason บอกว่า ตั้งแต่พวกเขาเปิดตัวเทคโนโลยี Burst Shot ใน HTC One 2012 เมื่อตอนเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 หลังจากนั้นไม่นาน ซัมซุงก็เปิดตัวเทคโนโลยีที่เหมือนกันออกมาใน Galaxy S III และไม่ใช่แค่ซัมซุงเท่านั้น โซนี่ และ LG ยังได้ลอกเลียนนวัตกรรม Burst Shot ไปใช้งานกับอุปกรณ์ของตนเอง เฉกเช่นเดียวกับซัมซุงเช่นกัน โดยเฉพาะโซนี่ ที่ลอกเลียนแม้กระทั่ง UI ของกล้อง ที่เอาปุ่มอัดวีดีโอมาวางไว้ข้างๆ ปุ่มชัตเตอร์เลยทีเดียว (ใน Xperia Z)
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/apple.png?itok=qzSYiiGr)
Wall Street Journal รายงานถึงการสัมภาษณ์ Steve Wozniak (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Woz) กับ BBC ซึ่งเขาได้เอ่ยในระหว่างการสัมภาษณ์ว่าสังคมที่ไม่ยอมรับพฤติกรรมที่แย่และลงโทษคนเหล่านี้อย่างหนัก และสังคมที่ไม่สอนให้คนคิดด้วยตัวเอง ทำให้ประเทศสิงคโปร์เสียเปรียบเมื่อถึงเวลาที่ต้องการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และบริษัทอย่างแอปเปิลก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในประเทศแบบนี้
ดูที่ตัวอย่างสังคมสิงคโปร์สิครับ สังคมนี้เป็นสังคมที่ไม่ยอมรับพฤติกรรมแย่ ๆ และคุณก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก ลองหาดูสิว่าหัวคิดสร้างสรรค์ในประเทศนี้อยู่ไหน? ศิลปินต่าง ๆ หายไปไหนหมด? นักร้องนักดนตรีล่ะ? นักเขียนล่ะ?
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/microsoft-logo.png?itok=J9nSJ_SD)
เกิดเหตุปะทะคารมอีกแล้ว คราวนี้เป็นทีอดีตผู้บริหารของไมโครซอฟท์กับไมโครซอฟท์เอง
เมื่อสามวันก่อน คุณ Dick Brass อดีตรองประธานของไมโครซอฟท์ ได้เขียนบทความลง New York Times หัวข้อ "การทำลายความคิดสร้างสรรค์ของไมโครซอฟท์" (Microsoft’s Creative Destruction) โดยกล่าวว่า
คำถามที่สำคัญกว่าคือทำไมไมโครซอฟท์ไม่เคยนำพวกเรา [ผู้ใช้งาน]* ไปสู่อนาคตได้เลย ต่างกับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของคู่แข่ง ทั้งแท็บเล็ตอย่าง iPad, เครื่องอ่านอีบุ๊กอย่าง Kindle, สมาร์ทโฟนอย่างไอโฟนหรือแบล็คเบอร์รี่, บริการค้นหาข้อมูลอย่างกูเกิล, เครื่องเล่นเพลงอย่างไอพอดและบริการอย่างไอทูน หรือเว็บชุมชนออนไลน์อย่างเฟสบุ๊กหรือทวิตเตอร์
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/dyson.png?itok=1a3m94E0)
ดูเหมือนว่าในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาจะไม่มีเทคโนโลยีพัดลมใหม่ ๆ เลยจนกระทั่งวันนี้ Dyson บริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องดูดฝุ่นและที่เป่าผมได้ออกมาเปิดตัวพัดลมยุคใหม่ที่ไม่มีใบพัด
เมื่อเห็นรูปแล้ว (คลิกเข้ามาอ่านต่อ) หลาย ๆ คนก็อาจจะมานั่งคิดว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ถ้าหากดูดี ๆ แล้ว ตัวใบพัดจริง ๆ ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่มันย้ายไปอยู่ตรงฐานของพัดลมนั่นเอง การทำงานทั้งหลายว่าง่าย ๆ คล้ายกับที่ดูดฝุ่นแบบกลับด้านนั่นเอง
- Read more about Dyson เปิดตัวพัดลมไม่มีใบพัด
- 36 comments
- Log in or register to post comments
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตันในกรุงซีแอทเทิล ได้พัฒนาคอนแทคเลนส์ที่สามารถวางแผงวงจรและ LED เข้าไปได้
เลนส์ที่ผลิตมานี้สามารถใช้ใส่ได้ปกติ จากการทดสอบกับกระต่ายที่ได้สวมเลนส์ชนิดนี้เป็นเวลา 20 นาทีแล้วยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด แม้ว่าตัวต้นแบบที่ได้นำไปทดลองนั้นจะมี LED สีแดงติดอยู่ด้วยก็ตาม แต่มันยังไม่ถูกใช้งานแต่อย่างใด
แต่หากสามารถใช้งานได้จริงในอนาคต เป็นไปได้ว่าเราสามารถที่จะเล่นอินเทอร์เน็ตหรือเช็คอีเมลล์โดยไม่ต้องมองจอภาพอีกต่อไปก็ได้ (ประมาณเรามีการมองเห็นแบบหุ่นใน The Terminator เลยล่ะ เห็นตัวหนังสือวิ่ง ๆ)
นอกจากนี้แล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตาอีกด้วย ที่เลนส์ชนิดนีี้อาจจะมีส่วนช่วยในด้านใดด้านหนึ่ง
- Read more about LED บนคอนแทคเลนส์
- 14 comments
- Log in or register to post comments
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/apple.png?itok=qzSYiiGr)
The World's Thinnest Laptop อาจจะเป็นเพียงแค่คำที่ใช้อ้างในการขาย MacBook Air จากแอปเปิลเท่านั้น เมื่อในความจริงแล้วโน้ตบุคที่บางที่สุดในโลกนั้นผลิตโดย Sharp
ในปี 2003 คอมพิวเตอร์รุ่น Actius MM10 Muramasa จาก Sharp เป็นคอมพิวเตอร์ที่บางที่สุด ที่มีความหนาอยู่ที่ 13.7 มิลลิเมตร โดยเครื่องมาพร้อมกับ 1 GHz CPU จาก Transmeta และแรมขนาด 256MB, ฮาร์ดดิสก์ขนาด 15 GB พร้อมกับ Wi-Fi
ถ้านับโน้ตบุค Pedion จากมิซูบิชิที่มีความหนา 18.3 มิลลิเมตรแล้วละก็ MacBook Air นั้นเป็นอันดับที่สาม อยู่ที่ 19.3 มิลลิเมตร
- Read more about โน้ตบุคบางที่สุดในโลกไม่ใช่ MacBook Air
- 27 comments
- Log in or register to post comments
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/storage%20vector.png?itok=hWbLfCRT)
ผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายต่างเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันมานานแล้วว่าต่อให้ระบบทุกอย่างจะดีและเร็วขึ้นมากเท่าไหร่ก็ตาม สุดท้ายมันก็จะมีคอขวดอยู่ที่ฮาร์ดไดรว์ที่ความเร็วส่วนใหญ่แล้วต่ำกว่า 10000 rpm
ล่าสุดนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Radboud Nijmegan ในเนเธอร์แลนด์ก็ได้เจอวิธีใหม่ที่ดีกว่าในการเข้าถึงข้อมูลในฮาร์ดไดรว์ที่เร็วขึ้นถึง 100 เท่า โดยใช้วิธีเขียนและอ่านข้อมูลด้วยลำแสงเลเซอร์แทนการใช้แม่เหล็กในการเขียนและอ่านข้อมูลไบนารี
- Read more about ฮาร์ดไดรว์เลเซอร์... เร็วขึ้นอีก 100 เท่า
- 7 comments
- Log in or register to post comments
เป็นเวลาหลายสิบปีที่เราใช้ใบพัดลมเพดานที่มีใบพัดสามถึงห้าปีก มีความเร็วในการหมุนให้เลือกได้หลายระดับ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราลืมพัฒนาสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของพัดลมเพดานไป นั่นก็คือลักษณะและรูปทรงของใบพัดนั่นเอง
ใบพัดลมที่เลียนแบบรูปทรงของฝักของต้น Sycamore ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทจากประเทศออสเตรเลียนั้น ได้รับการออกแบบมาให้มีความสวยงามแปลกตา และให้สามารถบังคับทิศทางลมได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าพัดลมนี้จะ มีใบพัดเพียงใบเดียว
นวัตกรรมชิ้นนี้สามารถให้แรงลมได้เท่ากับพัดลมที่เราใช้กันอยู่ ในขณะที่มีความเร็วในการหมุนที่ต่ำกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดเสียงรำคาญน้อยลง และประหยัดพลังงานมากขึ้น
- Read more about ใบพัดลมรูปทรงเลียนแบบธรรมชาติ
- 9 comments
- Log in or register to post comments
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/flask-305804_960_720.png?itok=ihpgCCs8)
บริษัท Given Imaging Ltd. จากประเทศอิสราเอลได้ทำการออกสินค้าชนิดใหม่ ชื่อว่า PillCam™ ESO2 ซึ่งเป็นแคปซูลที่บรรจุกล้องภายในทั้งด้านหัวและท้ายเพื่อใช้ในทางการแพทย์
กล้องขนาดเล็กนี้สามารถถูกกลืนได้โดยคนไข้ และสามารถถ่ายภาพที่สำคัญทางการแพทย์ในระหว่างที่มันเดินทางอยุ่ในช่องอาหารของผู้ป่วย จากนั้นภาพถ่ายที่ถ่ายได้นั้นจะถูกส่งกลับไปยัง Sensor Arrays ที่ติดอยู่กับหน้าอกของผู้ป่วยด้วยความเร็ว 18 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเพียงพอที่จะเป็นประโยชน์แก่แพทย์ในการรักษา และต่อตัวคนไข้เองในการเข้าใจโรคที่เกิดขึ้น
แคปซูลดังกล่าวมีจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านบริษัทในเครือ Johnson and Johnson
สงสัยว่ามันจะนำมารียูสได้ไหม ถ้าได้ละก็ผมไม่ใช้จริงๆนะ
- Read more about กล้องแคปซูลเพื่อการถ่ายภาพในช่องทางเดินอาหาร
- 10 comments
- Log in or register to post comments
![Node Thumbnail](https://www.blognone.com/sites/default/files/styles/thumbnail/public/topics-images/flask-305804_960_720.png?itok=ihpgCCs8)
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ (University of Utah) ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่จะช่วยเปลี่ยนพลังงานความร้อนจากเครื่องใช้ไฟฟ้าไปเป็นคลื่นเสียง และจากนั้นจึงทำการแปรสภาพเสียงนั้นกลับเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานได้
ในการทดลอง ผู้คิดค้นได้ทำการแปลงพลังงานความร้อนไปเป็นพลังงานเสียง โดยผ่านเครื่องมือ thermoacoustic ชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อให้ความร้อนแก่อุปกรณ์ชิ้นนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคลื่นความถี่เสียงความถี่หนึ่งเช่นเดียวกับคลื่นความถี่ของขลุ่ย
เมื่อนำความถี่ที่ได้ไปใช้กับเครื่องมือประเภท piezoelectric แรงดันที่เกิดจากความถี่ของเสียงนั้นจะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้าที่เราต้องการ
- Read more about เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเย็นลง และประหยัดไฟยิ่งขึ้น
- 6 comments
- Log in or register to post comments