Linux Foundation ประกาศตั้งกลุ่ม Supporters of Chromium-Based Browsersดึงหลายๆ บริษัทเข้ามาช่วยพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ตระกูล Chromium
กลุ่ม Supporters of Chromium-Based Bowsers ที่อยู่ภายใต้ Linux Foundation จะทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการร่วมพัฒนา Chromium เพิ่มเติมจากกูเกิลทำอยู่รายเดียว ตอนนี้มีสมาชิกเข้าร่วมเพิ่มอีก 3 รายคือ Meta, Microsoft, Opera และจะเปิดรับสมาชิกเพิ่มเติมอีกในอนาคต
Meta ประกาศว่าจะอนุญาตให้ eBay แสดงข้อมูลสินค้าได้บน Facebook Marketplace ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกดูค้นหาและทำคำสั่งซื้อหรืออื่น ๆ ได้เลยกับ eBay ภายในแอป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะในยุโรปและอเมริกาเท่านั้น โดยจะทดสอบที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และอเมริกา
เหตุผลหนึ่งที่น่าจะทำให้ Meta อนุญาตให้ eBay แสดงข้อมูลสินค้าได้บนแพลตฟอร์ม เนื่องจาก สหภาพยุโรปได้สั่งปรับเงิน Meta 797 ล้านยูโร เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากประเด็นที่ Facebook ถูกกล่าวว่าใช้ข้อได้เปรียบบางอย่างใน Facebook Marketplace เหนือคู่แข่งที่อยู่บนมาร์เกตเพลส โดย Meta ก็ได้ยื่นอุทธรณ์
Meta และซีอีโอ Mark Zuckerberg ประกาศการเปลี่ยนแปลงของเครื่องมือตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าว (Fact-Checking) จากที่ใช้แหล่งข้อมูลจากองค์กรภายนอก 3rd Party มาเป็นระบบให้ชุมชนช่วยกันรายงานและตรวจสอบเนื้อหาที่ถูกต้องหรือ Community Notes แบบเดียวกับ X ซึ่งจะ มีผลในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก
Meta บอกว่า Community Notes มีแผนเตรียมขยายไปยังผู้ใช้งานประเทศอื่นด้วย เมื่อเครื่องมือนี้มีการปรับปรุงมากขึ้น โดยปัจจุบันการตรวจสอบ Fact-Checking ของ Meta ใช้ข้อมูลผ่านเครือข่าย International Fact-Checking Network และ European Fact-Checking Standards Network สำหรับผู้ใช้งานในยุโรป มีผลทั้งบน Facebook, Instagram และ Threads
Meta ปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงฝ่ายนโยบายสาธารณะ โดย Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ อยู่ในตำแหน่งนี้ มาตั้งแต่ปี 2018 จะลงจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง Joel Kaplan รองประธานฝ่ายนโยบายของ Meta มารับตำแหน่งแทน
Clegg โพสต์ใน Threads ว่าตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมในการลงจากตำแหน่งของเขา ซึ่งเขาจะใช้เวลาจากนี้ในการส่งต่องานให้กับ Kaplan ทั้งคู่ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว Clegg ยังบอกว่า Kaplan เป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานนี้ในช่วงเวลาตอนนี้
มาเลเซียออกใบอนุญาต WeChat และ TikTok ให้บริการโซเชียลมีเดียในประเทศ ซึ่งเป็นสองบริษัทแรกที่ได้ใบอนุญาต หลังกฎหมายเริ่มมีผลปีนี้ ระบุว่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และรับส่งข้อความ ที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียมากกว่า 8 ล้านคน ต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาล มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย
หน่วยงานดูแลการสื่อสารและสื่อของมาเลเซียยังเปิดเผยว่า Telegram และ Meta Platforms ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ก็เริ่มดำเนินการขอใบอนุญาตแล้ว ส่วน X และ YouTube ยังไม่ได้มาขอใบอนุญาต โดย X ให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มมีคนใช้งานในมาเลเซียไม่ถึง 8 ล้านคน ขณะที่ YouTube มองว่าแพลตฟอร์มวิดีโอของตนไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายนี้ แม้หน่วยงานกำกับดูแลจะยืนยันว่าเข้าเกณฑ์ก็ตาม
JPMorgan รายงานข้อมูลโดยอ้างตัวเลขจาก New Street Research ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ มีการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลสำหรับงานประมวลผล AI เป็นจำนวนเท่าใดในปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขนี้มาจากช่วงมกราคม-สิงหาคม 2024 คำนวณจากการลงทุนสินทรัพย์ถาวร AI และค่าใช้จ่ายในการดูแลศูนย์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ไมโครซอฟท์มีการลงทุนมากที่สุดในปีที่ผ่านมารวม 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นการค่าใช้จ่ายจีพียูและชิปประมวลผล 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์, ค่าใช้จ่าย AI อื่น ๆ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์, การฝึกอบรมและวิจัย 3 พันล้านดอลลาร์ และการทำ AI Inference 3 พันล้านดอลลาร์
อีก 3 บริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ในรายงาน มีตัวเลขดังนี้
NPCI หน่วยงานกำกับดูแลระบบการจ่ายเงินออนไลน์ UPI ในประเทศอินเดีย ประกาศยกเลิกจำกัดจำนวนผู้ใช้งานบริการจ่ายเงิน WhatsApp Pay ของ Meta จากก่อนหน้านี้กำหนดเพดานไว้ที่ 100 ล้านคน มาตั้งแต่ปี 2022 ทำให้บริการ WhatsApp Pay ที่ทำงานบน UPI เช่นกัน สามารถเข้าถึงผู้ใช้งาน WhatsApp ที่มีมากกว่า 500 ล้านคนในอินเดียได้ทันที
ปัจจุบันแพลตฟอร์ม UPI ของอินเดียมีปริมาณการทำธุรกรรมมากกว่า 1.3 หมื่นล้านครั้งต่อเดือน โดยธุรกรรมมากกว่า 85% มาจาก Google Pay และ PhonePe บริการชำระเงินที่มี Walmart เป็นผู้ถือหุ้น การเข้ามาของ WhatsApp Pay ที่มากขึ้น จึงคาดหวังว่าจะมีการแข่งขันมากขึ้นในตลาด
บริการ Meta AI ที่เป็นแชตบอตสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เปิดให้ใช้งานในประเทศไทยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้จำกัดประเทศผู้ใช้งาน
Meta AI ใช้ Llama 3 เป็นฐานในการให้บริการ โดยผู้ใช้ในไทยสามารถใช้งานได้ครบถ้วน ทั้งการสสร้างภาพ หรือแม้แต่แปลงภาพให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวก็ยังได้
ที่มา - Meta AI
- Read more about บริการแชต Meta AI เปิดให้ใช้งานในไทย
- 14 comments
- Log in or register to post comments
มีรายงานจาก The Information ว่า Meta เตรียมเพิ่มหน้าจอแสดงผลในแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta Glasses เพื่อรองรับความสามารถใหม่ที่ต้องการใส่เข้ามาในอนาคต คาดว่าแว่นรุ่นใหม่นี้จะเปิดตัวภายในครึ่งหลังของปีหน้า 2025
หน้าจอแสดงผลนี้จะไม่ได้กินพื้นที่ทั้งเลนส์ของแว่นตาให้กลายเป็นอุปกรณ์ Metaverse เหมือน แว่นตา Orion แต่จะมีขนาดจอเล็ก ๆ อยู่ที่ด้านหนึ่งของแว่น ไว้แสดงข้อมูลแจ้งเตือน หรือแสดงผลการตอบสนองของ Meta AI
รายงานบอกว่าแว่นตา Ray-Ban Meta Glasses เป็นสินค้าขายดีมากกว่าที่ Meta ประเมินไว้ตอนแรก ทำให้บริษัทพยายามต่อยอดสินค้านี้ด้วยการใส่ฟีเจอร์ใหม่มาดึงดูดลูกค้ามากขึ้นนั่นเอง
Meta รายงานถึงความคืบหน้าในการย้ายโค้ด Android จาก Java ไปเป็น Kotlin หลังจากเปลี่ยนแนวทางมาใช้ Kotlin เป็นหลักตั้งแต่ปี 2020 แต่ก็ยังมีโค้ด Java จำนวนมาก แต่ในช่วงหลังก็สามารถเร่งความเร็วในการแปลงโค้ดได้จากการทำงานร่วมกับ JetBrains ผู้สร้าง IntelliJ
ก่อนหน้านี้ Meta แปลง Java เป็น Kotlin โดยอาศัยฟีเจอร์แปลงโค้ดของ IntelliJ เป็นหลัก การแปลงแต่ละครั้งอาศัยนักพัฒนาคลิก IDE ทีละไฟล์เอง กระบวนการนี้ทำให้การแปลงโค้ดช้ามาก ทาง Meta เข้าไปช่วย IntelliJ พัฒนา J2K ที่เป็นเอนจินแปลงโค้ดภายใน IntelliJ ให้สามารถรันได้โดยไม่ต้องการ IntelliJ
หลังจากนั้น Meta พัฒนาเครื่องมือภายใน ชื่อว่า Kotlinator ที่ใช้ J2K เป็นแกน แต่มีฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติม
- Read more about Meta ย้ายโค้ด Java ไป Kotlin ครึ่งทางแล้ว
- 9 comments
- Log in or register to post comments
ตามที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปได้ออก กฎหมายดิจิทัล DMA เพื่อกำหนดให้ผู้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ต้องเปิดให้คู่แข่งเข้ามาเชื่อมต่อระบบได้ ทำให้ไม่เป็นการกีดกันนักพัฒนารายย่อย หนึ่งในบริษัทที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้คือแอปเปิล ซึ่งกรณีใหญ่ก็คือการ เปิดให้ลงสโตร์ภายนอก ตั้งแต่ iOS 17.4 และ ปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม นักพัฒนา หรือล่าสุดคือการเปิด NFC ใน iPhone ให้แอปจ่ายเงินเข้าถึงได้ ตามคำสั่งของสหภาพยุโรป หรือ EU รวมทั้งต้องปฏิบัติตามคำร้องขอของนักพัฒนาหากต้องการเข้าถึงส่วนอื่นเพิ่มเติม
Meta ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Live AI ในแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta Glasses ช่วยให้ AI มองเห็นภาพเดียวกับที่ผู้ใช้งานเห็นตรงหน้า สามารถโต้ตอบผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์
Meta บอกว่าฟีเจอร์ใหม่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน เพราะสามารถให้คำแนะนำโดยอัตโนมัติตามภาพที่เห็น ไม่ต้องรอให้ผู้ใช้งานเป็นคนสั่ง รวมทั้งการช่วยเหลือแบบ hands-free help เช่น เตรียมมื้ออาหาร ทำสวน โดยไม่ต้องพูด wake word เพื่อปลุก AI มารับคำสั่ง
ส่วนฟีเจอร์แปลภาษาที่มาคู่กับ Live AI สามารถแปลบทสนทนาภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลีได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ Ray-Ban Meta Glasses ยังใช้ร่วมกับ Shazam สำหรับค้นหาเพลง เพียงแค่ถามว่า “Hey Meta, what is this song?”
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta โพสต์ข้อความ ว่า Threads แพลตฟอร์มโซเชียลเน้นตัวหนังสือที่ออกมาแข่งกับ X และ Bluesky มีตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs - Monthly Active Users) มากกว่า 300 ล้านบัญชีแล้ว
ที่น่าสนใจคือ Meta เปิดเผยจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs - Daily Active Users) เป็นครั้งแรกว่ามีมากกว่า 100 ล้านบัญชี
ตัวเลข DAUs นี้เป็นการย้ำกว่า Threads มีฐานผู้ใช้งานที่ใหญ่กว่า Bluesky มาก แต่ก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับ X
Meta ออกเครื่องมือเพื่อใส่ลายน้ำในวิดีโอที่สร้างจาก AI เรียกชื่อว่า "Meta Video Seal" ซึ่งเผยแพร่แบบโอเพนซอร์สทำให้สามารถนำไปเพิ่มกับซอฟต์แวร์อื่นได้ด้วย
Pierre Fernandez นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายวิจัย AI ของ Meta บอกว่าถึงแม้ในตลาดมีเครื่องมือใส่ลายน้ำในวิดีโออยู่มากมาย เช่น SynthID ของ DeepMind แต่ยังมีข้อจำกัดเมื่อวิดีโอถูกบีบอัดความละเอียด ทำให้เกิดปัญหาเมื่อวิดีโอไปแชร์ในแพลตฟอร์มอื่น ลายน้ำไม่ได้ถูกฝังตามไปด้วย
ฝ่ายวิจัยปัญญาประดิษฐ์พื้นฐานของ Meta หรือทีม FAIR เผยแพร่ Meta Motivo โมเดล AI ที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของคนในโลกเสมือนให้สมจริงมากยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานใน Metaverse
Meta Motivo ถูกเทรนด้วยชุดข้อมูลที่ไม่มีป้ายกำกับเบื้องต้น แล้วเรียนรู้แบบ Unsupervised Reinforcement ในรูปแบบพฤติกรรมท่าทางเลียนแบบมนุษย์ ผลลัพธ์คือการเคลื่อนที่ออกท่าทางในแต่ละส่วนได้เองตามที่สั่ง โดยไม่ต้องเทรนข้อมูลหรือฝึกฝนเพิ่มเติม
จุดเด่นของ Motivo คือการแสดงออกได้ตามสภาพแวดล้อมเป็นอุปสรรคที่กำหนดได้อย่างสมจริง เช่น ระบุว่าแรงโน้มถ่วงเปลี่ยนแปลง, มีลมพัด หรือมีการกำหนดทิศทาง จึงรองรับการใช้งานในโลกเสมือน เช่น การสร้าง NPC หรือรูปแบบที่ไม่มีการกำหนดเฉพาะ ได้มากรูปแบบยิ่งขึ้น
ประเด็นการยื่นขอ ปรับโครงสร้างบริษัท OpenAI ให้เป็นบริษัทแสวงหากำไร (For-Profit) จากที่ปัจจุบันเป็น (Non-Profit) ไม่ได้มีแค่ Elon Musk เท่านั้นที่พยายามขัดขวาง เพราะศึกนี้ Meta ก็มาด้วย
Meta ทำจดหมายยื่นต่ออัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย Rob Bonta เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บอกว่าหากศาลอนุมัติให้ OpenAI เป็นบริษัท For-Profit ได้ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่เป็นอันตรายมาก เพราะจากนี้สตาร์ทอัปจะเลือกมีสถานะเป็นบริษัท Non-Profit ที่ทำให้นักลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหลายอย่างไปก่อน จนกว่าจะพร้อมก็ค่อยมายื่นขอแปลงเป็น For-Profit ซึ่งนักลงทุนก็ได้กำไรอีกต่อ
หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงมาแรง โดยเมื่อคืนนี้มีสถิติใหม่หลายอย่าง ทั้งดัชนีหุ้น Nasdaq ที่สูงกว่า 20,000 จุดเป็นครั้งแรก จากราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้น
ราคาของหุ้น 7 นางฟ้า หรือ Magnificent Seven ที่นักลงทุนเรียกรวมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 แห่ง ต่างปรับเพิ่มสูงและทำสถิติใหม่สูงสุดหลายบริษัท โดย Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 195.40 ดอลลาร์ ทำสถิติใหม่สูงสุด เช่นเดียวกับ Tesla ที่ 424.77 ดอลลาร์ รวมทั้ง Amazon, Apple และ Meta ราคาหุ้นเมื่อคืนนี้ต่างทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ส่วน Microsoft และ NVIDIA แม้ราคาหุ้นปรับขึ้น แต่ยังต่ำกว่าราคาสูงสุดเล็กน้อย
มีรายงานปัญหา Facebook, Instagram และแพลตฟอร์มอื่นของ Meta ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อคืนนี้ ตั้งแต่เวลาประมาณ 1 นาฬิกา ข้อมูลล่าสุด ใน Downdetector มีคนพบปัญหาน้อยลง
Meta โพสต์ข้อความใน X เมื่อเวลา 1:48น. ยืนยันปัญหาทางเทคนิคที่ทำให้ผู้ใช้งานเข้าแอปไม่ได้ โดยขอโทษผู้ใช้งาน และกำลังเร่งแก้ไขให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด
เทรนด์ X ของประเทศไทยในช่วงดึกจึงมาครบทั้ง #ไอจีล่ม และ #เฟสล่ม
อัปเดต: Meta รายงาน เมื่อเวลา 5:26น. ว่าตอนนี้ระบบกลับมาเป็นปกติ 99% แล้ว และอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสุดท้าย
Oracle รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน มีรายได้รวม 14,059 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวเวลาเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 3,151 ล้านดอลลาร์
บริษัทมีรายรับผูกพันตามสัญญาคงเหลือที่ยังไม่เป็นรายได้ 9.7 หมื่นล้านดอลลาร์, รายได้เฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับคลาวด์ (IaaS กับ SaaS) เพิ่มขึ้น 24% เป็น 5.9 พันล้านดอลลาร์ มาจาก Infrastructure 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 52% และ Application 3.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%
Meta ได้แจ้งนักพัฒนาแอปที่ใช้งาน API เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเมื่อ เดือนกันยายน โดยปิดการทำงานของ Basic Display API มีผลตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา ซึ่ง API นี้สามารถดึงข้อมูลในหน้าโปรไฟล์ และโพสต์สาธารณะมาแสดงได้
ถึงแม้ Meta จะแจ้งนักพัฒนาล่วงหน้า 90 วัน และให้คำแนะนำสำหรับให้ย้ายไปใช้ Instagram API สำหรับบัญชีธุรกิจ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่มีช่องทางรองรับสำหรับบัญชีผู้ใช้งานทั่วไป จึงส่งผลกระทบต่อแอปที่มีฟีเจอร์ดึงข้อมูลจาก Instagram มาแสดงเสริม เช่นแอปเดทติ้ง Tinder หรือ Hinge ไม่สามารถแสดงข้อมูล Instagram ได้อีกต่อไป
Meta เปิดตัวโมเดล Llama 3.3 ที่อัพเดตต่อเนื่องจาก Llama 3.2 ในเดือนกันยายน โดยยังมีเฉพาะโมเดลข้อความล้วน (multilingual แถม รองรับภาษาไทย ) ในขณะที่ Llama 3.2 มีโมเดลข้อความ+ภาพ (multimodal) ให้ใช้งานด้วย
Meta ประกาศความร่วมมือกับ Lightstorm Vision บริษัทเทคโนโลยีและพัฒนาคอนเทนต์ 3D ของผู้กำกับ James Cameron (Avatar, Terminator และ Titanic) เพื่อพัฒนาการนำเสนอประสบการณ์รับชมเนื้อหาแบบ 3D ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา, คอนเสิร์ต, ภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ชื่อดังต่าง ๆ มาลงในเฮดเซต Meta Quest แบบเอ็กคลูซีฟ
Cameron บอกว่าความร่วมมือนี้เป็นแบบระยะเวลาต่อเนื่องหลายปี ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบใหม่ผ่านแพลตฟอร์มของ Meta
Fortune รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใน Meta บอกว่าถึงแม้ Meta จะมีโมเดล AI แบบโอเพนซอร์ส Llama ที่พยายามผลักดันอยู่ แต่เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดที่ใช้ภายในบริษัทชื่อ Metamate ก็เสริมการทำงานด้วยโมเดล AI จากหลายค่ายซึ่งรวมทั้ง GPT-4 ของ OpenAI และ Llama ของ Meta เอง
รายงานบอกว่า Metamate เป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดคล้าย GitHub CoPilot ที่สามารถส่งคำถามและใช้ AI ช่วยหาคำตอบ ซึ่ง Metamate จะเลือกจากทั้ง Llama หรือ GPT-4
Meta ประกาศรับข้อเสนอจากผู้พัฒนาแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ เพื่อนำมาใช้งานกับศูนย์ข้อมูลและการประมวลผล AI เป้าหมายอยู่ที่ 1-4 กิกะวัตต์ ภายในช่วงต้นทศวรรษ 2030 สำหรับในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Meta บอกว่าเหตุผลที่เลือกใช้วิธีการประกาศรับข้อเสนอต่อสาธารณะ แทนการเลือกพาร์ตเนอร์แบบที่หลายบริษัทใช้ ก็เพื่อให้ได้แนวทางใหม่จากทุกบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรม ไม่ต้องจำกัดเรื่องขนาดเตาปฏิกรณ์ สถานที่ตั้ง และปัจจัยอื่น
ประกาศนี้ของ Meta เป็นการยืนยันว่าบริษัทก็เลือกใช้ไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มารองรับการประมวลผล AI ด้วยเช่นกัน จากก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือออกมา แต่โครงการ ถูกระงับ ไปด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม
Meta ประกาศปรับปรุงเงื่อนไขผู้ลงโฆษณาในออสเตรเลียบนแพลตฟอร์มทั้ง Facebook และ Instagram โดยหากต้องการลงโฆษณาที่เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงิน ต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนเท่านั้น
เงื่อนไขระบุว่านอกจากผู้ลงโฆษณาต้องยืนยันตัวตนแล้ว ยังต้องแสดงหมายเลขใบอนุญาตในการให้บริการทางการเงินของหน่วยงานรัฐด้วย จึงจะสามารถลงโฆษณาที่เป็นบริการทางการเงินได้ เมื่อโฆษณาได้รับการอนุมัติให้แสดง แพลตฟอร์มจะขึ้นข้อมูลด้วยว่าโฆษณานี้ถูกซื้อโดยใคร (Paid for By...)
กฎใหม่นี้ออกมาหลังจาก Meta ในออสเตรเลียพบปัญหาโฆษณาหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน ซึ่ง Meta ได้ปิดไปแล้วกว่า 8,000 บัญชีที่เกี่ยวข้อง