Data Protection Authority หรือ DPA ของประเทศสวีเดนได้สั่งปรับตามกฎหมาย GDPR เป็นครั้งแรกในประเทศ โดยผู้ที่โดนปรับเป็นโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมือง Skellefteå
โรงเรียนมัธยมแห่งนี้ทำโครงการทดลองเช็คชื่อนักเรียน 22 คนเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ด้วยการใช้เทคโนโลยีจำแนกใบหน้า ทดแทนการขานชื่อแบบเดิม โดยพบว่าทางโรงเรียนได้ประมวลผลข้อมูลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก่อนที่จะเปิดตัวโครงการนี้ ทางโรงเรียนไม่ได้ขอคำปรึกษาจาก DPA รวมถึงไม่ได้ประเมินผลกระทบของโครงการอย่างถูกต้องด้วย
แม้ว่าทางโรงเรียนจะยืนยันว่าได้รับอนุญาตจากนักเรียนแล้ว แต่ DPA พบว่าไม่มีหลักฐานที่อ้างอิงได้ตามกฎหมาย ซึ่งโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ถูกสั่งปรับไปเป็นจำนวน 200,000 โครเนอร์สวีเดน หรือเป็นเงินกว่า 6 แสนบาท แม้จะไม่ได้เป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับค่าปรับสูงสุดของ GDPR ที่ 1 ล้านยูโรหรือ 33 ล้านบาท แต่ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจเพื่อเตือนให้ผู้ที่คิดจะทำโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้งานข้อมูลจริงจะต้องระมัดระวังและศึกษากฎหมายให้รอบคอบ
ที่มา - The Next Web , European Data Protection Board
ภาพ Unif/Pixabay
( Pixabay License
)
Comments
ต้องย้อนกลับที่โรงเรียนในไทยด้วย ว่าตัวโรงเรียนเคยขอความยินยอม (consent) กับตัวนักเรียน และผู้ปกครองที่จะจัดเก็บข้อมูล biometrics แล้วหรือยัง
ยังไม่รวมไปถึงการควบคุมดูแลข้อมูล biometrics ดังกล่าวด้วยนะ ซึ่งควรจะได้มาตราฐานการจัดเก็บที่มั่นคงปลอดภัย และถูกทำลายสิ้นอย่างถูกต้องไปหลังจากตัวนักเรียนได้เรียนจบออกไปแล้ว
ในไทย บางโรงทำไปแล้วเป็นปีๆ ไม่รู้ว่ามีกฎหมายหรือข้อตกลงอะไรรองรับรึเปล่า
นึกไม่ออกว่ามันต่างจากขานชื่อตรวจตรงไหน?
ต่างครับ ถ้าขานชื่อตรวจ คนตรวจต้องเงยหน้ามามองด้วยว่าคนขานรับใช่ตัวจริงหรือเปล่าถ้าจำหน้าได้อ่ะนะ ถ้าคนขานเบลอนี่ก็โดนหลอกได้เลย แบบพวกข้าห้องไม่ทันแล้วขานรับแทนเพื่อนๆไง แล้วอีกแบบตัวจริงก็เข้ามาพอดี ถ้านักเรียนมีเยอะ เขาไม่นับจำนวนนยอดนักเรียนก่อนให้ขานชื่อหรอกครับ เพราะงั้นก็อาจโมเมได้ในกรณีนี้
หมายถึงการเก็บข้อมูลครับการจำได้จำแม่นผิดถูกคงไม่เกี่ยวกับกฏหมาย