นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA เผยว่าได้ลาออกจาก ETDA เพื่อไปสร้างสตาร์ทอัพชื่อว่า Be Tech Tech Company เป็นสตาร์ทอัพที่มีสองแกนใหญ่คืออีคอมเมิร์ซ และ digital content โดยมีทีมงานจำนวนหนึ่งออกไปทำสตาร์ทอัพด้วย เช่น นางสาวจิตใส เก่งสาริกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และ นายสรณันท์ จิวะสุรัตน์ รองผู้อำนวยการ เป็นต้น
จากการที่นางสุรางคณา ให้สัมภาษณ์ต่อประชาชาติธุรกิจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจสร้างสตาร์ทอัพ มีการระบุว่า Be Tech Tech Company จะเน้นการระดมทุนจากเอกชน นักลงทุน และจะมีการดึงตระกูลใหญ่เข้ามาช่วยลงทุนด้วย
นางสุรางคณาระบุว่า เพราะไทยไม่มีแพลตฟอร์มใหญ่ของตัวเอง คนไทยต้องใช้แพลตฟอร์มต่างชาติ จึงคิดนอกกรอบ ไม่ใช้เงินรัฐแต่ระดมทุนจากเอกชน ดึงตระกูลใหญ่มาช่วยทำ national platform ดึงทีมงานไฟแรงออกมาทำ และยอมรับว่ากลไกภาครัฐยังเป็นอุปสรรคในการสู้ดิสรัปชั่น
นางสุรางคณายังบอกด้วยว่า "ที่ผ่านมาวงการสตาร์ตอัพบ้านเราเป็นเหมือน พี.อาร์. ไม่ได้เป็นสตาร์ตอัพจริงๆ คือ เน้นสร้างสตอรี่ สตาร์ตอัพคือคนที่ซีเรียสกับการพัฒนาอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้วทำให้ทรัพย์สินทางปัญญาของเขามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ต่อยอดได้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ซอฟต์แวร์เฮาส์"
นางสุรางคณา อยู่ที่ ETDA มา 9 ปี และการลาออกจะมีผลในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ภาพจาก Facebook ETDA
ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ , ผู้จัดการ
Comments
อยากได้ ต้องทำเอง
สงสัยท่านอ่าน blognone บ่อย
ภาพจำระบบราชการหรือหน่วยงานรัฐ ช้า อืด คนไม่ค่อยมีศักยภาพ ระบบเส้นสาย ผลประโยชน์ตัวเอง
งานที่ต้องการความรวดเร็วทันโลกที่ปรับเปลี่ยนไวมากในปัจจุบัน ต้องเอกชนขับเคลื่อนไว ตัดสินใจได้ทันการ ปรับเปลี่ยนไว เพื่ออยู่รอดและเติบโต
ซึ่งยังคงเป็นจริงทุกยุคทุกสมัยทั่วโลกเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่เกลียดหน่วยงานรัฐ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ หรือเป็นข้อบังคับที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทำตั้งแต่ระดับคอมไพล์เลอร์เลย?
แพลตฟอร์มที่ว่า คงหมายถึง lazada shopee
เอ ปกติเวลาเค้าจะออกนี่เค้าทำบริษัทใหม่ไปคุยตกลงกันก่อนได้เป็นปีๆเลยหรอ ว่างขนาดนั้นเลยหรอ แล้วองค์กรก็อนุญาตให้ทำด้วยดีจัง อ่อลืมไปตัวเองเป็นหัวนี่นา
เขาไม่เสียเวลาไป Present หรือเตรียมการอะไรหรอก อาจมีคนนึงมีเงิน มีทุน อีกคนมีความรู้ ฝ่ายใดฝ่ายนึงโทรเข้าไปชวน โทรกับคุยกันแป๊บๆ ถ้าคลิกกัน เขาก็ร่วมงานกันแล้ว แจ็คหม่าตอนได้เงินจาก Softbank ก็คุยกันไม่ถึง 5 นาที มาซาโยชิ ซน ก็ให้ทุนตั้งต้นหลักพันล้านแล้ว เขาถึงบอกว่าเครดิตสำคัญกว่าเงิน อยากทำ Startup บางที่ไม่ต้องเก่งมากแต่มี Connection ดีมีความสามารถในการบริหารจัดการ มี List รายชื่อคนมีฝีมือ ก็มีคนลงทุนให้แล้ว
นักลงทุนส่วนมากจะเก่งเรื่องการมองคน กล้าได้กล้าเสีย ถ้าได้คุยกันตัวต่อตัว โอกาสได้ทุนจะสูงกว่า Present ตามระดับ เพราะกรรมการก็ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจอะไร หลักการคือต้องเข้าถึงตัวนายทุนที่มีอำนาจตัดสินใจให้ได้ ซึ่งยากถ้าคุณมีเครดิต หรือชื่อเสียงไม่พอ
ขนาดหัวของ ETDA ยังออกมาบอกว่าหน่วยงานภาครัฐยังเป็นอุปสรรค จะสนับสนุน Start Up ก็ทำแบบเอาหน้า (PR) แล้วเราจะหวังอะไรได้ล่ะเนี่ย TT
ที่น่าเจ็บใจคือดึง'ตระกูลใหญ่'มาลงทุน นี่ถ้าผมติดคิดแบบ conspiracy theory คงคิดว่าภาครัฐจงใจให้เป็นอุปสรรคจะได้เป็นข้ออ้างให้ไปหาตระกูลใหญ่
ให้รัฐเอางบซื้อหมอนมาทำอันนี้ยังจะดีกว่า
แล้วให้ชาวไร่นาสวน เอาสินค้ามาลงได้ด้วย
- ลดปัญหาพ่อค้าคนกลาง กลาง กลาง
- มีสินค้าเข้าระบบภาษีมากขึ้น
ของง่ายๆ แบบนี้คนไม่มีความรู้ยังคิดได้เลย
เหมือนจะมีอยู่แล้วนะครับ otoptoday
/ แต่ดูเละทะมาก ?
เละเทะจริง
ผมว่ามันควรจะเป็นแบบ lazada shopee ไปเลยครับ ให้คนมาเปิดร้านเอง (เผลอๆ จะมีคนเอาเกรดส่งออก ที่คนไทยทั่วไปไม่มีโอกาสได้ลองมาลงด้วย)เป็นร้ฐได้เปรียบอยู่แล้วเรื่องโปรโมท ให้เข้าถึงประชาชน
สู้ครับๆ ผมเชียร์ ผอ. สุดตัวเลยหากได้ร่วมงานกัน คงจะดีไม่น้อย คนยุคเก่า แต่แนวคิดสมัยใหม่ ประเทศเราต้องการคนแบบนี้ครับ
อยู่มา 9 ปี ประเทศไทยสตาร์อัพไม่เคยเกิดหรือเกิดได้แต่ไปโตประเทศอื่น ไม่โตในไทย ดีครับลงมาครั้งนี้จะได้รู้ปัญหาไปเลยเพราะอะไรถึงไม่เกิด และถ้าให้ทายนะ ถ้าไม่เกิด(เป็นซอมบี้) ก็ไปโตในประเทศอื่น
ประเทศไทยมันมีปัญหาหลายอย่างครับ ท่านก็รู้แต่ท่านดันไม่ไปมันต้องช่วยกันดัน
จะรอดูครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
คนคนนี้เป็นอะไรกับ ศ.ไพโรจน์ วายุภาพ เหรอครับ
น่าจะเป็นภรรยานะครับ