เรื่องราวของโนเกียที่แพ้ในสงครามสมาร์ทโฟนโดยมี iPhone ของแอปเปิลเป็นจุดเริ่มการเปลี่ยนแปลง น่าจะเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาทางธุรกิจที่พบได้ทั่วไปในตำราโรงเรียนบริหารยุคนี้ ล่าสุดโครงการ Nokia Design Archive โดยมหาวิทยาลัย Aalto ของฟินแลนด์ ซึ่งรับผิดชอบการเก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารภายในของโนเกีย เพื่อสะท้อนแนวคิดต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา มีเอกสารฉบับหนึ่งจากพนักงานโนเกีย 9 คน ในเวลานั้น ที่นำเสนอผู้บริหารว่า iPhone กำลังเป็นภัยคุกคามโนเกียที่น่ากลัวอย่างไร
สไลด์ 22 หน้านี้มีหัวข้อว่า "แอปเปิลเพิ่งเปิดตัว iPhone" พร้อมดอกจันว่าเขาใช้ชื่อนี้จริง ๆ เพราะมีประเด็นเรื่องแบรนด์ไปซ้ำกับสินค้าของ Cisco แต่ ตกลงกันได้ ในที่สุด
โนเกียในตอนนั้นมีส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือโลกมากกว่า 50% และสูงเด่นกว่าคู่แข่งทั้งหมด สตีฟ จ็อบส์ก็กล่าวคำพูดเมื่อตอนเปิดตัว iPhone ว่า ขอส่วนแบ่งตลาดแค่ 1% เท่านั้น จึงอาจสะท้อนได้ว่าผู้บริหารโนเกียคงไม่เห็นถึงภัยคุกคามนี้นัก แต่นับจาก iPhone เปิดตัวในปี 2007 เพียง 7 ปีเท่านั้น โนเกียก็ยุติการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ โดยขายกิจการให้กับไมโครซอฟท์ ผ่านไปอีก 2 ปี ไมโครซอฟท์ก็ ถอนตัวจากธุรกิจโทรศัพท์ และขายส่วน ฟีเจอร์โฟนแบรนด์โนเกียให้กับ HMD
เนื้อหาในสไลด์พูดถึงจุดเด่นของ iPhone ที่ทำให้พนักงานโนเกียกลุ่มนี้มองว่า บริษัทต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปิดช่องโหว่ได้แก่
- UI แบบจอสัมผัสไร้คีย์บอร์ด มีปุ่มเดียว อาจทำให้ UI ที่เป็นจุดแข็งมาตลอดของโนเกียกระทบ เสนอให้เร่งพัฒนา Maemo มาแก้ปัญหา
- iPhone อาจแย่งลูกค้าตลาดบน เพราะได้ความสนใจจากสื่อ ทำให้สินค้าดูเท่น่าใช้ กระทบกับสินค้าตระกูล N ของโนเกีย
- หากทุกอย่างเป็นตามที่แอปเปิลคาด โนเกียจะเริ่มเห็นผลกระทบด้านยอดขายตั้งแต่ปี 2008
สไลด์ชุดนี้ยังพูดถึงอีกหลายจุดเด่นของ iPhone แต่ไม่ได้ระบุว่าอาจเป็นปัญหา เช่น เบราว์เซอร์บนมือถือในการเข้าเว็บ และการออกแบบแอปให้ใช้งาน อย่างไรก็ตามสไลด์ที่มาจากโครงการ Nokia Design Archive นี้ ทำให้เห็นว่าโนเกียก็มองเห็นผลกระทบจาก iPhone เช่นกัน สามารถดูสไลด์เต็มได้จากที่มา
- อ่านเพิ่มเติม: ย้อนตำนาน Nokia เดินหมากพลาดตาเดียว พ่ายแพ้ทั้งกระดาน
Comments
ให้แบรนด์โนเกียให้กับ HMD ?
อ่านไปแล้วก็รู้สึกแก่
สมัยนั้นแค่ UI ก็ชัดเจนแล้วมั้ง ลื่นคนละเรื่อง ไม่รีบแก้อีก รอจนเจ๊ง
+1 ใช้ซิมเบี้ยนละหดหู่มาก
ตอนนั้นที่ลุ้นให้เกิดอีกอันคือ Bada UI ลื่นมาก เสียดายแอปไม่ค่อยเยอะ
UIQ ผมว่ารอดนะ แค่ทีมพัฒนาสมองยังล้าหลังมาก แต่ความ Expert นี้คือมาสุด
ใครจะคิดซิมเบี้ยนที่มีนักพัฒนาในมือเยอะสุด จะพลาดท่าเพราะปล่อยจอยมากไป
ซิมเบี้ยนเคยใช้จริงจังแค่รุ่นเดียว N70 กล้องแล็คมาก ถ่ายรูปนึงได้อีกรูปนึง แต่สมัยนั้นติติงอะไรไม่ได้นะ ติ่งโนเกียดุมากตามเว็บบอร์ด ตามพันทิป นี่ดุประดุจเจ้าของ บริษัท มาเองเลย
Microsoft เองก็มีส่วนทำให้ Nokia เจ๊งด้วย
ว่าไป ยุคนั้น iphone ก็ไม่ต่างจากฟีเจอร์โฟนมากนัก เพราะ ตอนนั้นยังไม่มี app store เลย แต่ nokia มีโปรแกรมที่สามารถลงเพิ่มได้
ก่อนมี app store นี่ คนยังมองว่าไม่มีทางสู้ symbian ได้ แต่พอมี app store แล้วเริ่มมีเกมนี่ ระดับของเกมมันต่างกับเกม symbian ฟ้ากะเหวมากแถมตอนนั้นมันมี ds ที่แสดงให้เห็นว่า เกมจอสัมผัสมันทำกันยังไงด้วย เกมบน iphone ก็เลยได้อานิสงค์
ก็นะราคาที่เท่ากันไอโฟนมันเล่นได้เยอะกว่า
โนเกียพวกรุ่น 4-5 หมื่นเน้นแฟชั่นนอกจากวัสดุจับ ที่เหลือทำได้แค่โทรออกกับเล่นเกมงู ความจุระดับ MB เล่นเนตแบบฝืนใจเปิด
แถมก่อนหน้านั้นเพิ่งออกรุ่น N-gage แล้วยังแพ้ GBA ของนินเทนโดอีก
สมัยรุ่นไอโฟนคิลเลอร์นี่จ้างหน้าม้าไทยมาอวยยังอวยไม่ออก
Samsung ก็ตีกินเนียนๆเลย
Nokia รุ่นอะไรครับ?4-5หมื่น ทำได้แค่โทรออกและเกมงู
Nokia Cityman 800 ราคา 120,000 โทรได้อย่างเดียว ไม่มีเกมเลยครับ
Symbian มันถูกพัฒนามาจากมือถือปุ่มกด พอพยายามปรับเป็นทัชสกรีนเลยทำได้ไม่ค่อยดีนัก แถม UI ไม่ค่อยสวยด้วย เอาแค่เวลาเลือกต้องจิ้ม 2 ทีบางคนก็บ่นแล้ว ที่สำคัญอีกอย่างคือ ทัชสกรีนของเจ้าเดิมเป็นแบบ resistive (จอนิ่ม ต้องใช้ของแข็ง ปากกา หรือปลายเล็บจิ้ม) แต่จอทัชสกรีนของค่ายผลไม้แหว่งเป็นแบบ capasitive ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานดีกว่ามาก
ในยุคที่ Nokia เพลี่ยงพล้ำ สมัยนั้นนี่ไม่แล Nokia แล้ว ไป SE บ้าง Moto บ้าง Samsung บ้าง วนไป ไม่แล Nokia เลย จนมันเจ๊งคาตา ไม่อินกับ Symbian อะไรทั้งนั้น แม้ตอนนั้น Samsung ก็มี Symbian และได้ใช้มาบ้าง แต่ก็ไม่อินกับ Nokia อยู่ดี
แม้แต่motorolaก็ขายส่วนที่ผลิตมือถือให้lenovoไปละกลายเป็นมือถืออินดี้ที่ต้องซื้อเครื่องนอกมาใช้ซะงั้น
ผมเดาว่า เหมือนผู้บริหารมีเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่างกัน ทาง Nokia มองแค่ว่านี่คืออุปกรณ์สำหรับใช้งานโทรศัพท์เป็นหลัก โปรแกรมอื่นๆเป็นแค่ส่วนเสริม แต่ Apple มองไปที่การสร้าง smartphone ที่ฟีเจอร์การโทรเป็นแค่ความสามารถนึงของอุปกรณ์ เลยออกแบบ OS เตรียมเผื่อไว้ ก็เลยพัฒนาต่อได้อีกไกล
..: เรื่อยไป
กรณีเดียวกับ Ballmer ผู้บริหาร MS หัวเราะ iPhone 1
ถ้าวันใดก็ตาม Privacy & Security ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของการเลือกมือถือของลูกค้า iPhone ก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างจาก Nokia แต่คงอีกนาน
ชอบ Meego อยู่นะ