สองวันก่อน Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ SpaceX ได้ไปพูดที่งานประชุม International Space Station Research and Development Conference 2017 (ISSR&D 2017) ซึ่งเป็นงานประชุมเกี่ยวกับอวกาศ จัดที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยช่วงกลางๆ ผู้เข้าร่วมงานคนหนึ่งได้ถาม Elon เกี่ยวกับการศึกษา และเขาได้แสดงความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ
ผู้เข้าร่วมงานถามว่า Elon คิดอย่างไรกับนวัตกรรมและระบบการศึกษาในปัจจุบัน เขาตอบว่าครูไม่เคยบอกนักเรียนว่าเรียนวิชาต่างๆ ไปเพื่ออะไร พร้อมยกตัวอย่างว่าจู่ๆ นักเรียนก็ถูกโยนวิชาคณิตศาสตร์มาให้ เราจะเรียนมันไปทำไม นักเรียนก็สงสัยว่าเราจะมาแก้โจทย์แปลกๆ พวกนี้ทำไมกัน พร้อมบอกว่าปัญหาตอนนี้คือการสั่งให้นักเรียนจำข้อมูลหรือเรียนสูตรต่างๆ โดยที่ไม่บอกว่าทำไมมันถึงสำคัญ
เขายกประเด็นว่าการถามว่า "ทำไม" เป็นสิ่งสำคัญมาก (The why of things is extremely important) เนื่องจากสมองมนุษย์ถูกพัฒนาให้ละทิ้งข้อมูลที่มันคิดว่าไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้อง โดยเขาได้ยกตัวอย่างอีกอันว่าการบอกรายชื่อเครื่องมือนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้รู้วิธีการแยกส่วนเครื่องยนต์ ซึ่งนักเรียนต้องลองทำมันจริงๆ และแนะนำว่าการทดลองแยกชิ้นส่วนเครื่องยนต์ถึงจะทำให้รู้ว่าเราต้องใช้ไขควงและประแจ แบบนี้นักเรียนถึงจะเห็นความเกี่ยวข้องกันนั่นเอง
ความเห็นของ Elon ไปตรงกับการศึกษาของมหาวิทยาลัยชิคาโกในปี 2015 ที่ระบุว่าความเข้าใจในคอนเซปต์เกี่ยวกับโมเมนตัมและแรงบิด (torque) มาจากการที่ได้ลองสัมผัสแรงเหล่านั้นจริงๆ และนักเรียนทำคะแนนในควิซได้ดีขึ้น
หลังจาก Elon ประสบความสำเร็จกับ PayPal เขาก็เบนความสนใจไปยังรถยนต์ไฟฟ้าและจรวด ซึ่งตอนนั้นเขาไม่มีความรู้ด้านจรวดเท่าใดนัก โดยในปี 2015 Kevin Hartz ผู้ร่วมลงทุนใน PayPal ยุคแรกๆ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าวันหนึ่งพวกเขานั่งเล่นกันอยู่ในกระท่อมริมสระน้ำที่ Hard Rock Cafe และ Elon ก็นั่งอ่านหนังสือเก่าๆ เกี่ยวกับจรวดของโซเวียต ที่ดูเหมือนว่าซื้อมาจากอีเบย์ และในที่สุด Elon ก็กลายเป็นเซียนด้านจรวด และเป็นซีอีโอของ SpaceX บริษัทเอกชนด้านอวกาศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่ง
ชมคลิปฉบับเต็มได้ท้ายข่าว ส่วนประเด็นในข่าวนี้อยู่ที่นาที 40:50 ครับ
Comments
ขอกระทืบไลค์ได้ไหม...
อีกข้อคือ สอนแต่สมการ เน้นแต่สมการ ไม่เคยสอนว่าตัวอย่างการประยุกต์เป็นอย่างไร
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
เด็กรุ่นไหม่ หลักสูตรไหม่ พร้อม โลก internet และ app ที่เปิดกว้างมากๆ น่าจะไม่มีปัญหาตรงนี้แล้วนะครับ มีแต่รุ่นพวกเรานี่แหละ (รุ่นก่อน สมาร์ทโฟน vdo stream ความเร็วสูง)
จริงๆ คณิตศาสตร์คือภาษาชนิดหนึ่งครับ มันคือภาษาที่ใช้คุยกันให้เข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติ เหมือนกับภาษาพูดที่ใช้เพื่อให้เข้าใจคนอีกคนหนึ่งแต่กว่าจะเข้าใจคอนเซปต์นี้ผมก็เกือบจะเลยวัยเรียนมาแล้ว
ถ้าเทียบกับภาษามันเหมือนกับการชี้ไปทางค้อน แล้วบอกว่านี่คือค้อน เป็นไม้ที่ประกอบเข้ากับโลหะแข็งๆ แต่ไม่บอกว่าเอาไว้ทำอะไร
ประเด็นนี้ น่าจะหมายถึง จะใช้ภาษาให้คล่อง มันต้องหัดพูดเยอะๆ สินะ
ผมก็คิดเหมือนกันว่า
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาเชิงจำนวน1 + 1 = 2
2 * 2 = 4
แต่ดูเหมือนจะแคบไปเพราะมีเรื่อง ตรรกศาสตร์ กับ set ด้วย
จริงๆก็ทุกวิชานั่นแหละ ประวัติศาสตร์ กฏหมาย เป็นต้นคนชอบบอกเรียนไปไม่ได้ใช้แต่จริงๆเราสามารถประยุกต์ใช้ได้
ผมเป็นครูคณิตครับ และผมก็บอกประจำ
อยากให้ดูตัวอย่างการสอนของฟินแลนด์อะครับ เป็นการสอนที่ดี และครูมีความตั้งใจสูงมาก
ไม่แปลกหรอก อาจารย์ยังไม่รู้เลยไอ้ที่นอกเหนือจากบวกลบคูณหารนั่นเอาไปทำอะไรได้บ้างในชีวิตจริง
ในความเป็นจริง คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ใช้ในชิวิตประจำวัน มากที่สุดวิชาหนึ่งทุกวันนี้ ผมถามตัวเอง วิชาที่เรียนในมหาลัย วิชาไหนบ้าง ที่นำมาใช้ได้จริง
นึกอยู่นาน
สุดท้ายก็มีเพียง ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ นี่แหละ
ผมใช้หมดนะ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ด้วย แล้วก็ที่ขาดไม่ได้ ภาษาไทย
ฟิสิกส์นี่ ตอนขับรถใช้บ่อยมาก F=ma ทำให้ระลึกเสมอว่า อย่าวิ่งตัดหน้ารถสิบล้อ 555
ผมว่าการเรียนแบบที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรนี่ก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ คือการเรียนแบบคนหมู่มากโรงเรียนไม่สามารถผลิตคนที่เฉพาะเจาะจงด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้ว การเรียนรู้เครื่องมือ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่พอถึงจุดที่จะใช้แล้ว เราก็จะนึกออกเองว่า สิ่งที่เราจะทำนี่ต้องหยิบเครื่องมือตัวไหนมาใช้ คือโรงแรียนสอนหมดแล้วว่านี่ ประแจนะ ไว้ขันน๊อต นี่ค้อนนะ ไว้ทุบ นี่พู่กันนะ ไว้วาดรูป ส่วนจะขันน๊อตตัวไหน ไว้ทุบอะไร ไว้วาดอะไร ไว้อนาคตค่อยให้คนนั้นตัดสินเอง บางคนอาจจะไม่ใช้ก็ได้
คือตอนเด็ก ตัวเด็กเองก็ไม่รู้หรอกว่าอนาคตอยากเป็นอะไร ผู้ใหญ่เองก็ไม่รู้ การสอนแต่เครื่องมือหลาย ๆ อย่างโดยที่ไม่ได้เจาะจงว่าเอาไว้ทำอะไร ก็เป็นสิ่งที่โอเคนะผมว่า เพราะสมองมนุษย์นั้นมีอย่างจำกัด และไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นอัจฉริยะจำได้ทุกอย่าง
อืม ถ้าสายอาชีพก็ว่าไปอย่างสามารถเจาะจงไปเลยว่าจะเชี่ยวชาญทางด้านไหนแล้วเรียนเฉพาะที่เกี่ยวกับด้านนั้น
กลัวจะลืมซะก่อน พอถึงเวลาจะใช้ก้อไม่รู้อยู่ดี >.<
ปัญหามันคือคณิตศาสตร์ ในแต่ละระดับมันยังไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการบอกว่าเอาไปทำอะไรที่ยิ่งใหญ่มากจนเด็ก ๆ ต้องร้องว้าว อยากเรียน นะครับ ในตอนท้ายที่สุดจะบอกมันเป็นพื้นฐานของการสร้างจรวดอวกาศ การสร้างเกม การสร้างบ้าน สร้างมือถือ ก็จะโดนเด็กถามว่ายังไง พออธิบายก็จะเจอสูตรที่ซับซ้อน เด็กจะงงเข้าไปอีก
ถ้าจะบอกใช้ในชีวิตประจำวันง่าย ๆ ก็จะเจอว่าจำทำใมมีสูตรคนทำหมดแล้วนี้ จำสูตรทำใม เครื่องคิดเลขก็มี excel ก็มีถ้าจะใช้ในชีวิตประจำวัน
คณิตศาสตร์แต่ละระดับมันเป็นพื้นฐานของระดับที่สูงกว่าไปเรื่อย ๆ จนจะเข้าถึงวิธีใช้แท้จริง ก็ต้อง ป.ตรี ป.โท ป.เอก ซึ่งสูตรมันจะซับซ้อนมาก
ผมก็เคยสงสัยตอนเด็ก ว่า 2 pie R มาจากใหนใครคิดเนี้ยทำใมต้องจำ ครูผมก็เคยบอกมันมาจากกระบวนการหาจากสูตรที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งถ้าอธิบาย ก็ซับซ้อนงงไปอีก เขาเลยบอก เลยบอกง่าย ๆ ว่าจำไว้นั้นแหละไว้หาความยาวเส้นรอบวงก็พอ
ถ้าจะบอกว่า เส้นรอบวงจำไปใช้หาอะไร ถ้าอธิบายง่าย ๆ ก็บอกไปหาเส้นเชือกรอบวง หาขนาดแผ่นกระดาษที่จะทำทรงกระบอกได้ ก็จะมีคนบอก ยังงี้กดเครื่องคิดเลข หรือใช้ excel ง่าย ๆ ก็ได้เขาทำสูตรหมดแล้วจำทำใม ให้รกสมอง
แต่แท้จริงแล้ว สูตรเส้นรอบวงมันแค่พื้นฐานที่จะนำไปสู่การใช้สูตรนี้ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยใช้สูตรเส้นรอบวงมาช่วยในการแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่หาเส้นรอบวงในชีวิตประจำวันเฉย ๆ จะยกตัวอย่างสมการสูตร 2 pie R มาแก้ปัญหา ก็งงไปอีก
พอมาทำงานโปรแกรมเมอร์ สูตรคณิตศาสตร์ สมการต่าง ๆ ใช้มากมายเลย แก้ปัญหาได้หลายอย่างเลยในตอนเขียนโปรแกรม
ผมอาจจะคิดมากไป เพราะไม่ได้เรียนการสอนมา พวกครูอาจจะมีวิธีการยกตัวอย่างได้ง่ายกว่านี้
ตอน ม.ต้น เป็นเด็กเกลียดคณิตศาสตร์ เคยสงสัยเรื่องสูตรต่างๆ ที่เรียนมากมายสูตรหาความยาวด้านตรงข้ามมุมฉากก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้ววันนึงก็ได้เห็นโมเดลจำลองสามเหลี่ยมมุมฉากที่มีกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสแนบทั้งสามด้าน ไม้ในกล่องด้าน a,b มันย้ายไปใส่ด้าน c ได้พอดีเลยประทับใจมาก มากจนคิดว่าทำไมตอนสอนครูไม่ยกมันมาอธิบายด้วยฟระ..
ตอนเด็กชอบวิทยาศาสตร์มากกว่า ชอบที่หนังสือมันอธิบายเป็นรูป/สามารถทดลองได้ ติดใจในเรื่อง life cycle ของน้ำ/ความดัน/ระบบคาน-รอก
..ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เก่ง math หรอกนะ เรื่องส่วนใหญ่ที่จำได้ก็เป็นพวกที่มีเป็นโมเดลจำลอง/รูปอธิบาย ไอ้พวกสูตรเพียวๆ เนี่ยจำไม่ได้
นึกว่าจะมีแต่เด็กไทยที่ถาม เห็นในพันทิปมีกระทู้ถามว่าเรียนเลขไปทำไมมาอยู่เรื่อย แต่ดูแล้วจะเป็นปัญหาระดับโลกสินะ
555 เป็นกันทั่วโลกเลย ปกติก่อนเริ่มสอน ก็ต้องบอกวัตถุประสงค์การเรียนรู้ก่อนไม่ใช่เหรอครับ....555 นี้ล่ะที่เค้าเรียกว่า Common Issues ที่แท้จริง...
เรียนคณิตศาสตร์มันไม่ได้แค่คิดเลขเป็นอย่างเดียวครับมันปรับปรุงกระบวนการคิดของคนได้ด้วย
ผมเห็นด้วยนะ การกระทำของสิ่งมีชีวิต ก็เพื่อสนอง need ของตัวเองทั้งนั้น ถ้าไม่มี need แล้วเราจะกระทำไปทำไม?แล้วการที่จะกระทำการใดๆ มันก็ต้องมีองค์ความรู้พื้นฐาน ซึ่งก็ประกอบไปด้วย เครื่องมือ (สูตร) และวิธีใช้ (การประยุกต์) เป็นอย่างน้อย
แล้วตอนนี้ที่สอนๆ กันคือ เครื่องมือ แล้วก็ต้องไปหาทางใช้กันเอาเอง
คำถามคือว่า แล้วถ้ามันไม่มี need เลย หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่า need คืออะไร มันจะเกิดการกระทำหรือไม่? แล้วถ้าไม่เกิดการกระทำ มันจะเกิดองค์ความรู้ในหัวหรือเปล่า?
The worst is "your don't know what you don't know"
ไม่ว่าวิชาไหนที่เราเรียนๆกันมา มันช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราได้นะ มันเกี่ยวโยงกันหมดสามารถนำมาใช้ในชิวิตประจำวันได้ เช่นคณิตศาสตร์สอนให้รู้จักมากกว่า-น้อยกว่า ซึ่งอันนีเป็นพื้นฐานในการดำรงค์ชีวิต (หามาให้พอสำหรับคนในครอบครัว), การทำมาหากิน(การลงทุน),การอยู่ให้รอดในสังคม (รู้เท่าทันกลโกง) ฯลฯ ซึ่งมันต้องการหลายๆองก์ความรู้มาประกอบกัน ผู้ที่จะประสพความสำเร็จย่อมพึงมีครับ
ที่พูดมาคือให้ไปเรียน สายอาชีพมาก่อน นั่นเอง
แต่ทำได้นะครับ คือปรับให้ คนที่จะเข้า วิศวะ ต้องผ่านช่างกลมาก่อน
ใครจะเรียน คณิตศาสตร์ สถิติ วิทยาการคอม ก็ไต้องปเรียนพาณิชย์ มาก่อน
แล้วยื่นผลว่าผ่าน ช่างกล, ปวช. ปวส. เอาผลฝึกงานกับ บ. ไปยื่นเข้า มหาลัย
คนที่เรียน ม.4-6 จะเข้าพวกที่ต้องท่องจำจริงๆ อย่าง วิทยาศาสตร์ กฏหมาย
หรือ วิชาทางการแพทย์
แค่นี้ก็มันส์แล้ว (โดนด่ากระจายแน่นอน)
ก็บอกได้นะ แต่กลัวจะงงกว่าเดิม...เหมือนคนจบแล้วมาดูเด็กๆเรียน คงคิดเหมือนกัน "มันยากตรงไหน"
คิดเหมือน Elon เป๊ะเลย ถ้าเราไม่รู้ว่าจะต้องรู้เพื่ออะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจใช่ไหม
แรงจุงใจเดียวคือเพื่อให้ได้เกรดดีๆ แต่ทุกวันนี้เกรดก็บอกอนาคตได้ไม่ชัดเจนนักด้วย
เรื่องพวกนี้มันเป็นธรรมชาติ เราฝืนไม่ค่อยได้ แต่ใช้ประโยชน์จากมันได้
การทดลองจริง หรือ Clip VDO การทดลอง ทดสอบ ก็มีส่วนช่วยให้คนเรียนเข้าใจและจดจำเนื้้อหาได้ดีขึ้นนะครับ
ชอบเรียนคณิตศาสตร์ที่สุดตรงไปตรงมา ถ้ามีทฤษฎีรองรับ 555
จริงๆ "ภาษา" ต่างๆ ก็มีรูปแบบที่ "ถูกต้อง" เหมือนเป็นสูตรสมการเหมือนกันนะครับ เพียงแต่สมการของคณิตศาสตร์ ใช้ผิดผลก็ออกมาผิด แต่ภาษา ใช้ผิดก็อาจจะได้ผลถูก (สื่อให้ผู้รับสารเข้าใจได้) ได้
จริงๆมันควรจะแยกย่อยปัญหาหลักที่ใช้คณิตศาสตร์แก้ให้เล็กลงด้วย เอาไว้อธิบายว่าเรียนทำไปทำไม เช่น บทนี้สอนแก้ปัญหาตรงส่วนไหนก็การสร้างจรวด
ตอนเรียนมัธยมเคยถามครูคณิตเหมือนกัน ว่า Matrix มันเอาไปใช้ทำอะไร? ครูก็ตอบไม่ได้อีก -..-ต่อ ป.ตรี เข้าเรียน comsci ได้ใช้เต็มๆยันทำงาน :)
ปัญหาเรื่องการศึกษาของอเมริกาดูไม่ต่างจากไทยสักเท่าไรเลยแฮะเคยดูสารคดีแม้แต่อเมริกาเองยังต้องไปดูงานถึงฟินแลนด์ แต่ก็เอามาปรับใช้อะไรไม่ได้เพราะระบบการจัดการต่างกันมาก
อันนี้ เป็นความชอบส่วนตัว..ผมเรียนคณิต เพราะสมองล้วนๆ..ไม่เคยถามเหตุผล..เพราะการแก้ปัญหา ไม่จำเป็นต้องใช้คณิตเสมอไป
มันขัดกับ connecting the dots ของ Steve Jobs นะ
ใครที่บังเอิญเป็นสาวกของทั้งสองคนพร้อมกันอาจจะต้องเลือกแล้วหล่ะ
เอาสองคนนั้นมา connect กันเลย 555
ชอบจริงๆเลย เรียนไปไม่รู้ว่าใช้ทำอะไรตอนนั้น โดยเฉพราะภาพตัดกรวยกับพาราโบล่า
อ่า... ผมนึกถึงตอนสมัยเรียนมัธยม
เคยถามครูคณิตศาสตร์คนหนึ่ง ถึงที่มาของค่ามุมต่าง sin 10, cos 3, sin 7, เป็นต้น ว่าค่ามันหาได้อย่างไร ครูตอบมาว่าระดับนี้เธอยังไม่จำเป็นต้องรู้ เค้าไม่ออกสอบหรอก เอาที่มีเรียนให้รอดก่อนเหอะ ...อ้าว
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัว ผมต้องไปค้นคว้าหาในห้องสมุดอยู่เป็นสัปดาห์(รร.ไม่มีอินเทอร์เน็ต) ยังหาไม่เจอ เลยไปถามครูอีกครั้ง ครั้งนี้ครูก็ตอบแบบเดิมพร้อมเสนอว่าลองลงเรียนพิเศษกับครูมั๊ย ถถถ
ผมเคยทำ โดยการใช้ไม้บรรทัดวาดและหาเอาตรงนั้นเลย
ครูพูดถูกแล้วครับ มันอธิบายได้หมด แต่บอกไปคุณตอนนั้นก็ไม่เข้าใจ
เหมือนให้เด็ก ป.6 มานั่งเรียน Calculus ละครับ
ถ้าได้ออกแบบเครื่องบินบังคับ 1 ลำ คุณจะรู้ว่าเรียนตรีโกณมิติไปทำไม sin cos tan ปีทาโกรัส ใช้จนรู้สึกว่ามันสอนดีกว่าครูสอนมาปีนึงอีก
ถ้าได้เขียนโปรแกรมควบคุม multicopter คุณจะรู้ว่า div/int เอาไว้ทำไม
ผมว่าของพวกนี้เห็นภาพชัดว่าเราเรียนกันไปทำไม แล้วมันสร้างความเข้าใจง่ายกว่าการเรียนแบบสวดมนต์
สวดมนต์ได้ แต่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร หรือไม่รู้ว่าเอาไปทำไม
" Elon ก็นั่งอ่านหนังสือเก่าๆ เกี่ยวกับจรวดของโซเวียต ที่ดูเหมือนว่าซื้อมาจากอีเบย์ และในที่สุด Elon ก็กลายเป็นเซียนด้านจรวด และเป็นซีอีโอของ SpaceX "
กราบ ชาบู ชาบู
ปล. โควทข้อความจากข่าวยังไงนะครับ ?
ใช้ > นำหน้าข้อความที่จะ quote ครับ ส่วนจะจบ quote ก็เว้นสองบรรทัด
นึกถึงตอนบวช แข่งกันกับแก๊งพระใหม่ ใครจะท่องมนต์ได้เร็วสุด เยอะสุด บวชพรรษานึงผมเริ่มจากพาหุง มหาจักรวาล บทให้พรนู่นนี่ แล้วไปสวดพระปริตร พระอภิธรรม ได้หมดทุกบทยันสวดสะเดาะเคราะห์ ชนะไปโดยปริยาย วิธีการคือนั่งท่องไปอ่านคำแปลไปด้วย บทสั้นๆนี่วันเดียวก็จำได้แล้ว
ตอนนี้คืนวัดไปหมดแล้ว อาราธนาศีลยังลำบากเลย แฮะๆ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง เช่นกว่าจะรู้ลำดับความสำคัญของเครื่องหมายก็ล่วงเลยมาจนถึงปริญญาตรี