Apple Maps มี เวอร์ชันใช้งานผ่านเว็บ มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาและยังเป็นสถานะเบต้า ล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ Look Around ให้ใช้งานผ่านเว็บได้แล้ว

Look Around เป็นฟีเจอร์ซูมรายละเอียดพื้นที่โดยรอบในแผนที่ หรือพูดง่าย ๆ คือ Street View เวอร์ชัน Apple Maps นั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้มีมา ตั้งแต่ iOS 13 และ ทยอยเพิ่มเมือง ที่รองรับมากขึ้นเรื่อย ๆ (แต่ยังไม่มีประเทศไทย) การใช้งานทำได้ผ่านอุปกรณ์แอปเปิลเท่านั้น ซึ่งล่าสุดสามารถใช้งานผ่านเว็บได้แล้วนั่นเอง

แอปเปิลขยายเครื่องมือสำหรับธุรกิจ Business Connect ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยรองรับธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้านหรือสถานที่ตั้ง ให้สามารถลงทะเบียนยืนยันตัวตนได้เช่นกัน จากเดิมกำหนดว่าต้องมีพิกัดสถานที่ด้วย

แอปเปิลยังประกาศเพิ่มความสามารถใหม่สำหรับธุรกิจที่ลงทะเบียน Business Connect รองรับการแสดงข้อมูลยืนยันในแอปเมล (Branded Mail), แสดงโลโก้ยืนยันเมื่อจ่ายเงินผ่าน Tap to Pay บน iPhone และภายในปีหน้าจะมี Business Caller ID แสดงชื่อธุรกิจ โลโก้ และแผนกที่ติดต่อ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อต้องโทรศัพท์ติดต่อหาลูกค้า ป้องกันปัญหาสายหลอกลวง

แอปเปิลอัปเดต Apple Maps เวอร์ชันบนเว็บที่เพิ่ง เปิดตัว เมื่อเดือนที่แล้ว รองรับเบราว์เซอร์ Firefox เพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ใช้ได้เฉพาะ Safari, Edge และ Chrome โดย หน้าซัพพอร์ต ของแอปเปิลเพิ่งอัปเดตข้อมูลนี้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม

ในตอนนี้สถานะของ Apple Maps ยังเป็น beta สามารถเข้าได้ผ่านลิงก์นี้ รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ โดยจะเพิ่มเติมภาษาอื่นในอนาคต

ที่มา: MacRumors

แอปเปิลประกาศเพิ่มคุณสมบัติแผนที่โดยสารแบบเรียลไทม์ (Real-Time Transit) ใน Apple Maps สำหรับพื้นที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รองรับข้อมูลรถไฟมากกว่า 20 สาย รวมทั้งรถเมล์และรถราง

คุณสมบัติแผนที่โดยสารแบบเรียลไทม์นี้ทำให้ผู้ใช้งาน Apple Maps ได้ข้อมูลกำหนดเวลาเดินทาง ทั้งเวลาออกเดินทาง และเวลาถึงที่หมายที่เป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะหากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เส้นทางขัดข้องหรือการเดินทางล่าช้า โดยแอปเปิลใช้ข้อมูลจากหน่วยงาน ODPT หรือ Open Data Public Transportation Council

Apple Maps บริการแผนที่ของแอปเปิล เริ่มเปิดใช้งานเวอร์ชันบนเว็บเป็นครั้งแรกแล้ว จากก่อนหน้านี้จำกัดเฉพาะการดูข้อมูลผ่านแอปในอุปกรณ์เท่านั้น ทำให้รองรับการใช้งานกับผู้ใช้ทั่วโลกผ่านเบราว์เซอร์ โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์แอปเปิลก็ได้

ตอนนี้ Apple Maps บนเว็บยังมีสถานะเป็นเบต้า รองรับการใช้งานพื้นฐานที่สำคัญ เช่น แนะนำเส้นทางขับรถ, เส้นทางการเดิน, แนะนำสถานที่และข้อมูลเพิ่มเติมต่าง ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ Apple Maps จะเพิ่มฟีเจอร์ Look Around ที่คล้ายกับ Street View ใน Google Maps ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

แอปเปิลส่งเอกสารเพิ่มเติมเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมาย DMA ของยุโรป โดยมีข้อมูลใหม่เรื่องแผนการเปิดให้ผู้ใช้ iOS ในยุโรปสามารถ ลบSafari ออกจากระบบได้ถ้าต้องการ โดยแอปเปิลระบุว่าตั้งเป้าเปิดตัวเลือกนี้ในช่วงปลายปี 2024

ในเอกสารฉบับนี้ยังมีรายละเอียดเรื่องหน้าจอเลือก default browser ที่เริ่มใช้ใน iOS 17.4 และแอปเปิลยังจะเปิดตัวเลือกสำหรับแอพนำทาง (default navigation app) เช่น การเลือกใช้ Google Maps แทน Apple Maps โดยตั้งเป้าในเดือนมีนาคม 2025

ที่มา - Apple (PDF) via Thurrott

แอปเปิลประกาศพรีวิวฟีเจอร์ใหม่บางส่วนของบริการออนไลน์ ซึ่งแอปเปิลเรียกรวมกลุ่มธุรกิจนี้ว่า Services โดยจะมาพร้อมกับการอัพเดตระบบปฏิบัติการชุดใหญ่ช่วงปลายปี หลายตัวก็ประกาศไปแล้วในคีย์โน้ตของ iOS 17 , iPadOS 17 , macOS Sonoma และซอฟต์แวร์อื่น อย่างไรก็ตามหลายฟีเจอร์ยังใช้งานไม่ได้ในไทย มีรายละเอียดดังนี้

แอปเปิลประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ สำหรับค้นหาข้อมูลและสถานที่ ซึ่งจัดการแสดงดนตรีสด ในแอปของแอปเปิลเองคือ Apple Music และ Apple Maps โดยใช้ข้อมูลจาก Shazam ที่เพิ่มฟีเจอร์ค้นหานี้เมื่อปีที่แล้ว

ใน Apple Maps ได้เพิ่มไกด์แนะนำมากกว่า 40 รายการ เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและการแสดงสดที่โดดเด่นทั่วโลก ตอนนี้รองรับข้อมูลมากกว่า 10 เมือง ได้แก่ ชิคาโก ดีทรอยต์ ลอสแองเจลิส แนชวิลล์ นิวยอร์กซิตี้ ซานฟรานซิสโก เบอร์ลิน ลอนดอน ปารีส เวียนนา โตเกียว เมลเบิร์น ซิดนีย์ และเม็กซิโกซิตี้

ส่วนใน Apple Music ได้เพิ่มหัวข้อใหม่ เซตลิสต์เพื่อดูรายละเอียดการแสดงทัวร์ของคอนเสิร์ตใหญ่ รายชื่อประเทศ-เมือง ที่จะจัดการแสดง รวมทั้งรายชื่อเพลงในเซตที่แสดงด้วย

แอปเปิลเปิดตัว Apple Business Connect เครื่องมือสำหรับเจ้าของธุรกิจ ในการปรับแต่งข้อมูลธุรกิจ เพื่อแสดงผลใน Apple Maps ไม่ว่าจะเป็นโลโก้, ภาพร้านค้า ตลอดจนข้อมูลอื่นที่ต้องการนำเสนอ เช่น โปรโมชัน เมนูอาหารกรณีเป็นร้านอาหาร ไปจนถึงใส่ Action เช่น การจองโต๊ะผ่าน OpenTable หรือจองที่พักกรณีเป็นโรงแรม

ข้อมูลธุรกิจดังกล่าว ยังเชื่อมต่อไปแสดงผลในแอปอื่นของแอปเปิลด้วย เช่น Messages, Wallet, Siri และแอปอื่น ซึ่งเจ้าของธุรกิจสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้เช่นกัน

Apple ปรับปรุงระบบแผนที่ Apple Maps เล็กน้อย โดยตอนนี้เปลี่ยนไปแสดงพื้นที่ไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของประเทศยูเครนสำหรับผู้ใช้งานนอกรัสเซีย

รัสเซียเข้าบุกยึดแหลมไครเมียของยูเครนตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งตอนนั้น Apple ก็ปฏิเสธจะกำหนดไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของประเทศใด แต่ในปี 2019 ก็ได้อัพเดตเพื่อระบุว่าไครเมียเป็นแผ่นดินของรัสเซียสำหรับผู้ที่ใช้งานแผนที่จากรัสเซีย ทำให้รัสเซียพอใจแต่ฝั่งยูเครนก็ตั้งคำถามในเรื่องนี้

H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังที่มีกว่า 400 สาขาในประเทศจีน แต่กำลังโดนบอยคอตต์โดยสื่อและรัฐบาลจีนอย่างหนัก หลังประกาศไม่มีความเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง เนื่องจากปัญหาสิทธิมุนษยชน และการใช้แรงงานแบบบังคับ (forced labor)

แม้ H&M จะออกมาโพสต์บน Weibo ว่าบริษัทไม่เกี่ยวข้องกับจุดยืนทางการเมืองใดๆ และยังให้ความเคารพผู้บริโภคในประเทศจีนอยู่เสมอ แต่กระแสบอยคอตต์ก็ไม่ได้ซาลง

แอปเปิลประกาศยกเครื่องแผนที่ใหม่ทั้งหมดสำหรับพื้นที่ประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ โดยเป็นแผนที่ที่แอปเปิลพัฒนาและเก็บข้อมูลขึ้นมาเอง แบบเดียวกับของอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ Apple Maps ยังเพิ่มคุณสมบัติ Look Around สำหรับชมพื้นที่ของเมืองในมุมมองเดินถนนอีก 3 เมือง ได้แก่ ลอนดอน, เอดินบะระ และ ดับลิน ซึ่งแอปเปิลระบุว่าจะเพิ่มเมืองอื่น ๆ อีกในอนาคต

ข้อมูลเส้นทางที่ Apple Maps เพิ่มเติมนอกจากนี้ยังมี เส้นทางจักรยาน, ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ และข้อมูลกล้องตรวจจับความเร็ว

ที่มา: แอปเปิล

Apple Maps แอปแผนที่พื้นฐานใน iOS เพิ่มเมืองที่แสดงผลในโหมด Look Around (มองไปรอบๆ) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Street View ของ Google Maps ได้แก่ โตเกียว โอซาก้า เกียวโต และนาโกย่า ของประเทศญี่ปุ่น

คุณสมบัติ Look Around เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Apple Maps ตั้งแต่ iOS 13 อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้ก็ยัง จำกัดเมือง ที่สามารถแสดงข้อมูลนี้ได้ โดยทั้งหมดเป็นเมืองใหญ่ในอเมริกา อาทิ บอสตัน ชิคาโก ลาสเวกัส นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส เป็นต้น

แอปเปิลระบุว่า คุณสมบัติ Look Around เป็นการแสดงข้อมูลโดยรอบของสถานที่นั้นด้วยมุมมองแบบ 360 องศา

จากข่าว Apple สร้างช่องทางลงทะเบียน สำหรับโรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจ COVID-19 เพื่อที่จะแสดงบนแผนที่ Apple Maps ได้นั้น ล่าสุด เปิดให้ใช้งานใน 50 รัฐของสหรัฐฯแล้ว รวมถึงเปอโตริโกด้วย

แผนที่จะแสดงจุดตรวจครอบคลุมทั้งโรงพยาบาล, คลีนิกที่เปิดให้ตรวจโดยเฉพาะ รวมถึงสถาบันอื่นๆ ที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อตรวจ COVID-19 โดยผู้ใช้สามารถค้นหาแผนที่ในหมวด COVID-19 Testing ซึ่งจะเป็นหมวดค้นหาที่ปรากฏด้วยกันกับสถานที่สำคัญอื่นๆ อย่างร้านยา ร้านขายอาหารเดลิเวอรี่ เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ กูเกิลออกรายงานความหนาแน่นของคนในพื้นที่สำคัญต่างๆ โดยใช้ประโยชน์จาก Google Maps เพื่อจะได้เป็นข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาแก้ปัญหา COVID-19 ต่อไป ล่าสุด แอปเปิลก็ทำรายงานออกมาด้วยเช่นกัน ใช้ข้อมูลไม่ระบุตัวตนจากผู้ใช้งาน Apple Maps แสดงกราฟให้รู้ว่า คนออกมาขับรถและออกมาเดินกันลดน้อยลงขนาดไหน

รายงานของแอปเปิล ครอบคลุม 63 ประเทศ ครอบคลุมประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพด้วย แอปเปิลระบุว่าข้อมูลที่รวบรวมมาแสดงรายงานไม่เชื่อมโยงกับ Apple ID และแอปเปิลไม่เก็บข้อมูลประวัติว่าผู้ใช้งานเดินทางไปไหนมาบ้าง แสดงข้อมูลย้อนหลังไปถึงเดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน

Apple สร้าง ช่องทางลงทะเบียน สำหรับโรงพยาบาลที่รับตรวจ COVID-19 เพื่อที่จะแสดงบนแผนที่ Apple Maps ได้ เวลาผู้ใช้งานต้องการค้นหาว่า มีโรงพยาบาลไหนใกล้เราที่สามารถตรวจ COVID-19 ได้บ้าง เมื่อโรงพยาบาลกรอกข้อมูลมาแล้ว ทาง Apple จะเป็นฝ่ายพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง

โดยบน Apple Maps ผู้ใช้จะเป็นเป็นสัญลักษณ์ ทางการแพทย์สีแดง พร้อมแสดงข้อมูลทั่วไปของสถานที่ตรวจสอบ เช่นเป็นโรงพยาบาล หรือเป็นคลีนิกหรือเป็นห้องปฏิบัติการ พร้อมชื่อสถานที่ เบอร์โทรติดต่อ และเว็บไซต์ของสถานที่นั้นๆ

DuckDuckGo ประกาศการใช้งาน MapKit JS ของแอปเปิลเพื่อนำเฟรมเวิร์คของ Apple Maps มาใช้แสดงผลการค้นหา ทั้งการอ้างอิงตำแหน่งที่ตั้งของผลการค้นหาและการแสดงแผนที่ใหญ่ โดย DuckDuckGo ให้เหตุผลด้านความเป็นส่วนตัวผู้ใช้

DuckDuck Go เองก็เป็นเสิร์ชเอนจินที่เน้นและให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มาตลอด ขณะที่การใช้งาน MapKit ของแอปเปิล ทาง DuckDuckGo ยืนยันว่าไม่มีการส่งข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ อาทิ หมายเลข IP ไปให้แอปเปิลหรือ third party แน่นอน ส่วนเรื่องการระบุตำแหน่งที่ตั้ง DuckDuckGo ผ่าน GEO::IP และเมื่อเซิร์ฟเวอร์ได้ IP จากเบราว์เซอร์ผู้ใช้แล้ว จะไม่มีการเก็บข้อมูลหรือเรียกขอข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม

ผลิตภัณฑ์หนึ่งที่แอปเปิลเปิดตัวมานานแล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่นิยมกันนักแม้แต่ในกลุ่มผู้ใช้ iOS ก็คือบริการแผนที่ Apple Maps ซึ่งมีมา ตั้งแต่ iOS 6 แอปเปิลเองก็ทราบปัญหานี้ และล่าสุดก็ออกมาเปิดเผยเองว่าจะยกเครื่อง Apple Maps โดยนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด

เว็บไซต์ TechCrunch ได้สัมภาษณ์พิเศษ Eddy Cue รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการและอินเทอร์เน็ตของแอปเปิล ซึ่งตอนนี้รับผิดชอบ Apple Maps ด้วย ตลอดจนทีมงานที่เกี่ยวข้อง โดยบอกว่าที่ผ่านมาแอปเปิลรับฟังปัญหาทั้งหมด นับตั้งแต่ Apple Maps เปิดตัว และแอปเปิลก็ลงทุนต่อเนื่องเพื่อปรับปรุง Maps ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

หากใครใช้งาน Apple Maps เมื่อคืนวานนี้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน จะพบปัญหาเมื่อพยายามค้นหาสถานที่หรือขอเส้นทาง โดยขึ้นข้อความ Directions Not Available และ Route information is not available at this moment

ในเวลาต่อมาแอปเปิลได้แสดงข้อมูลในหน้า System Status บอกว่ามี 2 ระบบที่ขัดข้อง ได้แก่ ระบบค้นหาเส้นทางในแผนที่ และระบบเสิร์ชในแผนที่ เกิดปัญหาตั้งแต่เวลา 19:48น. ถึง 00:05น. ตามเวลาในประเทศไทย กระทบกับผู้ใช้ทุกคนทั่วโลก

ปัญหานี้อาจไม่ใหญ่นัก เพราะถึงไม่ใช้ Apple Maps ก็ยังใช้แอพแผนที่ตัวอื่นได้ แต่ถ้าใช้ระบบ CarPlay ก็จะลำบากหน่อยเพราะไม่สามารถเรียกแอพอื่นมาใช้งานแทนได้

Apple เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Ito World บริษัททำข้อมูลการเดินทาง เพื่อเพิ่มจุดจอดแชร์รถจักรยานไว้ในแผนที่ Apple Maps ใช้ได้ใน 179 เมือง, 36 ประเทศ ส่วนใหญ่ยังกระจุกอยู่ในยุโรป และสหรัฐฯ ด้านภูมิภาคอื่นที่ใช้ได้คือ อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น

ผู้ใช้สามารถค้นหาจุดจอดจักรยานใกล้เคียงได้โดยพิมพ์ bike sharing ที่แถบค้นหา แต่ในแผนที่สามารถบอกได้เพียงจุดจอดว่าอยู่ที่ไหน ยังไม่สามารถระบุจำนวนจักรยานที่เหลืออยู่ และจุดว่างที่สามารถนำจักรยานไปจอดคืนได้

ด้านบริษัทแชร์จักรยานที่แผนที่ของ Apple รองรับคือ Citi Bike, Ford GoBike, BIKETOWN, Santander Cycles, Bicing, BIXI, CityCycle, Nextbike ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในยุโรปและสหรัฐฯ

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ Apple Maps ใช้ Icon ที่สื่อถึง Apple Campus I หรือ Infinite Loop และเป็นตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Apple เอง หลังจากได้มีการสร้าง Apple Campus II (ชื่อทางการ Apple Park) ซึ่งมีกำหนดการเปิดใช้งานภายในปี 2017 นี้ ทีมออกแบบของ iOS เล็งเห็นว่าควรถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นจึงเป็นที่มาของ Icon ใหม่ ใน iOS 11 Beta

iOS 11 นั้นยังอยู่ในช่วงพัฒนา ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ในเวอร์ชั่นที่ปล่อยให้ใช้จริง หรืออย่างเร็วที่สุดที่จะได้เห็น Icon ในเวอร์ชั่นใช้จริงคงเป็น iOS เวอร์ชั่น Golden Master คาดว่าคงจะปล่อยพร้อมกับการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนหน้านี้

ช่วงนี้มีผู้ใช้หลายคนที่ตั้งข้อสังเกตว่า Uber แอบทำการติดตามผู้ใช้แม้ว่าจะเลิกเรียกรถไปนานแล้วนับวันหรือนับสัปดาห์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่อเนื่องมาจากคราวที่แล้วที่ Uber ขอสิทธิการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้กำลังใช้บริการ โดยในคราวนั้น Uber แจ้งว่าจะขอใช้เป็นเวลา 5 นาทีเท่านั้น เพื่อนำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงบริการ

เว็บไซต์ Bloomberg รายงานข่าวว่าแอปเปิลเตรียมแผนการให้นักพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญด้านการรวบรวมข้อมูล ฟอร์มทีมกันพัฒนาระบบแผนที่ Apple Maps โดยใช้โดรนเป็นเครื่องมือสำคัญ สอดคล้องกับข่าวว่าแอปเปิลได้รับอนุมัติให้ใช้โดรนจากองค์กรควบคุมการบินกลางของสหรัฐฯ (FAA) มาก่อนหน้านี้

Bloomberg ระบุแหล่งข่าวว่าเป็นบุคคลวงใน เขาบอกว่าแอปเปิลต้องการใช้โดรนบินสำรวจสัญลักษณ์บนท้องถนน ติดตามการเปลี่ยนแปลงของถนน และจุดที่มีการก่อสร้าง ข้อมูลที่ได้มาจะส่งให้ทีมแอปเปิลอย่างรวดเร็ว เพื่อนำข้อมูลไปอัพเดตแผนที่ได้ทันที นอกจากนี้ แอปเปิลกำลังพัฒนาแผนที่ภายในอาคารสถานที่ (indoor maps) ด้วย

Tim Cook ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในโอกาสทำงานเป็นซีอีโอมาครบ 5 ปี เขาตอบคำถามว่าอะไรคือความผิดพลาดของแอปเปิลบ้าง คำตอบของเขามี 2 อย่าง

อย่างแรกคือ Apple Maps ซึ่ง Tim Cook บอกว่าตอนแรกมีปัญหามาก แต่สุดท้ายแล้วแอปเปิลต้องกล้ายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยบริษัทใหญ่ๆ ในอดีตที่มีอีโก้สูงจนไม่ต้องการยอมรับความผิดพลาดลักษณะนี้ เขาบอกว่ายิ่งยอมรับเร็วยิ่งเป็นเรื่องดี เพราะมีโอกาสปรับปรุงตัวทัน และถ้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนก็จะให้โอกาส ซึ่งตอนนี้ Maps ของแอปเปิลก็ถูกปรับปรุงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนภูมิใจแล้ว

หลาย ๆ คนอาจจะทราบดีว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเรื่องความพยายามที่จะเก็บทุกอย่างที่ยังไม่ได้เปิดตัว หรือวางขายจริงเป็นความลับอยู่เสมอ แต่ในสองปีที่ผ่านมานี้่แอปเปิลกลับเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถที่จะดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการของตัวเองในรูปแบบของ Public Beta ไปทดลองใช้ก่อนได้โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้พัฒนา