แนวทางของกูเกิลนั้นชัดเจนว่า ต้องการเอา Gemini มาเป็นผู้ช่วย AI แทน Google Assistant แต่ถึงแม้ Gemini สนทนาภาษามนุษย์ได้ลื่นไหลกว่า กลับยังขาดฟีเจอร์สั่งงานหลายๆ อย่างของ Assistant ทำให้ยังไม่สามารถแทนกันได้อย่างสมบูรณ์
ล่าสุด 9to5google รายงานว่า Gemini เริ่มออกส่วนขยายกลุ่ม Utilities Extension ที่สั่งงานควบคุมมือถือได้แบบเดียวกับที่ Assistant ทำได้แล้ว เช่น ตั้งนาฬิกาปลุก, ตั้งนาฬิกาจับเวลา, เปิดแอพ, เปิดเว็บ, ถ่ายภาพแบบตั้งเวลา, ปรับระดับเสียง, ปรับระดับความสว่างหน้าจอ, หยุด-เล่นเพลงหรือวิดีโอ เป็นต้น
กูเกิลประกาศปรับโครงสร้างองค์กรของฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับบริการค้นหาข้อมูล (Knowledge & Information) เพื่อให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของ AI และบริการค้นหาข้อมูล ซึ่ง Gemini จะเข้ามามีบทบาทต่อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากขึ้น รายละเอียดดังนี้
กูเกิลอัปเดตความสามารถของอุปกรณ์สมาร์ทโฮมทั้ง Nest Camera และฟังก์ชันใน Google Home ด้วยพลังของ Gemini AI เพื่อให้รองรับการทำงานที่ฉลาดมากขึ้น มีรายละเอียดดังนี้
ความสามารถแรก เป็นการแยกแยะข้อมูลในวิดีโอ โดย Nest Camera สามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจวัตถุที่เห็นในภาพดีขึ้น ไม่ใช่แค่จับว่ามีการเคลื่อนไหว ผู้ใช้งานสามารถค้นหาด้วยคำถามเช่น "Did the kids leave their bikes in the driveway?" แล้ว Google Home สามารถค้นวิดีโอย้อนหลังที่ตรงกับเงื่อนไขที่ถามออกมา
สัปดาห์ที่ผ่านมา กูเกิลเปิดตัว Gemini พร้อมปล่อยแอพเวอร์ชัน Android ( ยังเปิดให้ดาวน์โหลดเฉพาะในสหรัฐ ) ประเด็นที่น่าสนใจคือการติดตั้ง Gemini ใน Android จะปิดการทำงานของ Google Assistant เดิม (ตาม แนวทางใหม่ของกูเกิลที่ Gemini จะมาแทนทั้ง Bard, Assistant, DuetAI ) การพูดคำว่า Hey Google หรือกดปุ่มโฮมค้างจะเรียก Gemini ขึ้นมาแทน Assistant
ซัมซุงประกาศหยุดซัพพอร์ต Google Assistant บนสมาร์ททีวีของตัวเอง มีผลวันที่ 1 มีนาคม 2024 โดยอธิบายว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฝั่งกูเกิลเอง (ซัมซุงไม่ได้ระบุชัด แต่น่าจะหมายถึงการเปลี่ยนนโยบายในรอบเดียวกับ Google Assistant ประกาศยกเลิกฟีเจอร์ที่คนใช้งานน้อย จำนวน 17 รายการ )
รุ่นที่ได้รับผลกระทบได้แก่
ตอนงานเปิดตัว Pixel 8 กูเกิลเปิดตัว Assistant with Bard รวมผู้ช่วย AI สองตัวคือ Google Assistant และ Bard เข้าด้วยกันให้เก่งขึ้นกว่าเดิม
ปัญหาสำคัญในสายตาผู้ใช้คงไม่ใช่เรื่องความเก่ง แต่เป็นชื่อแบรนด์ที่ยาวและชวนสับสน (ตกลงจะ Assistant หรือ Bard) ซึ่งกูเกิลเองดูเหมือนรับทราบปัญหานี้ และมีคนไปลองแกะไฟล์ APK ของแอพ Google บน Android เวอร์ชันใหม่ล่าสุด พบว่าชื่อแบรนด์เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็น... Bard อย่างเดียว
Google Assistant ประกาศถอดฟีเจอร์และคำสั่งเสียงที่คนใช้งานน้อย ตัวอย่างฟีเจอร์ที่ถูกตัดออกได้แก่
กูเกิลประกาศการเปลี่ยนแปลงในบริการผู้ช่วย Google Assistant โดยบอกว่าเพื่อให้การลงทุนในเทคโนโลยี ที่จะปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น เป็นไปตามความสำคัญ กูเกิลจะยกเลิกการสนับสนุนฟีเจอร์ที่ถูกใช้งานน้อย ซึ่งมีทั้งหมด 17 รายการ มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม เป็นต้นไป โดยเมื่อเรียกใช้งาน จะได้การตอบกลับว่าฟีเจอร์นี้ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว
ฟีเจอร์ทั้งหมดที่ยกเลิก สามารถดูได้ที่นี่ ตัวอย่างเช่น ส่งอีเมลด้วยคำสั่งเสียง, แก้ไขเวลานัดหมายเดิมใน Google Calendar, เรียกใช้แอป Calm เป็นต้น
กูเกิลยืนยันการปลดพนักงานรอบล่าสุด โดยการปลดพนักงานครั้งนี้ไม่ได้ระบุจำนวนที่ได้รับผลกระทบ แม้มีรายงานไม่ทางการว่าอยู่ที่หลายร้อยคน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบริการ Google Assistant ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
เบื้องต้นกูเกิลบอกว่าการปลดพนักงานครั้งนี้ เพื่อรองรับการโฟกัสเป้าหมายใหญ่ของบริษัทและโอกาสข้างหน้า พนักงานที่ได้รับผลกระทบจะได้รับความช่วยเหลือเพื่อหาบทบาทหน้าที่ใหม่ภายในต่อไป
James Park และ Eric Friedman สองผู้ร่วมก่อตั้ง Fitbit ที่กูเกิลซื้อกิจการมา ตั้งแต่ปี 2019 ได้ลาออกจากบริษัทซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรรอบนี้ด้วย
Google Assistant บริการผู้ช่วยถามตอบของกูเกิล ประกาศ ว่าฟีเจอร์แนะนำข้อมูลสัตว์รายวัน "Animal of the Day"จะไม่สามารถเรียกข้อมูลได้อีก มีผลตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา
กูเกิลบอกว่าผู้ใช้งานยังสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์แบบระบุได้ เช่น ถามว่าสุนัขจิ้งจอกอาศัยอยู่ที่ไหน เป็นต้น
Animal of the Day เป็นหนึ่งในหัวข้อเฉพาะบน Google Assistant ที่ให้ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับสัตว์สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงคลิปสั้นของสัตว์เหล่านั้น ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าจอหรือโทรศัพท์ ด้วยรูปแบบเนื้อหานี้จึงทำให้มีผู้ปกครองหลายคนใช้เนื้อหานี้สำหรับทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก
กูเกิลเปิดตัว Assistant with Bard เป็นการรวมผู้ช่วย AI สองตัวคือ Google Assistant และ Bard เข้าด้วยกัน เพื่อให้เก่งขึ้นกว่าเดิม
อินเทอร์เฟซของมันยังเป็นการสนทนาผ่าน Google Assistant แต่ได้รับพลังด้าน generative AI และตรรกะเหตุผลเพิ่มมาจาก Bard รองรับการป้อนข้อมูลด้วยเสียงพูด ข้อความ และภาพ เราสามารถยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเพื่อเป็นอินพุตแล้วสั่งให้ AI ทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาพนั้นได้
Assistant with Bard ยังเข้าถึงบริการบางตัวของกูเกิล เช่น Gmail และ Docs ทำให้เราสามารถสั่งให้สรุปอีเมลทั้งหมดของสัปดาห์นั้น คัดเลือกอีเมลที่สำคัญมาสรุปให้อ่านได้ด้วย
ตอนนี้ Assistant with Bard ยังแค่นำมาโชว์เท่านั้น บอกว่าจะเปิดทดสอบทั่วไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
กูเกิลออก Android Feature Drop ประจำไตรมาส รอบเดือนกันยายน 2023 มีของใหม่ที่สำคัญคือ วิดเจ็ต Assistant At a Glance ปรับหน้าตาใหม่ โดยกูเกิลบอกว่าใช้พลัง AI ช่วยแจ้งเตือนข้อมูลสำคัญๆ ได้แม่นยำขึ้น เช่น สภาพอากาศ การเดินทาง เหตุการณ์สำคัญๆ
วิดเจ็ต At a Glance อันเดิมปล่อยออกมาพร้อม Android 12 แล้วไม่เคยถูกอัพเดตอีกเลย เวอร์ชันใหม่ปรับหน้าตาเป็นธีม Material You โดยสามารถใช้ได้กับ Android 9 ขึ้นไป ผมลองกับเครื่องตัวเองก็พบว่าได้เวอร์ชันใหม่แล้วเช่นกัน
กูเกิลส่งอีเมลถึงพนักงาน พูดถึงแผนงานในอนาคตของบริการผู้ช่วย Assistant โดยระบุว่าจะทำให้ AI สร้างเนื้อหาหรือ Generative AI เข้ามาช่วยในการทำงานมากขึ้น
ประเด็นน่าสนใจในอีเมลนี้บอกว่า Generative AI มีแนวโน้มจะเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่ง Assistant เป็นบริการที่มีโอกาสนำความสามารถนี้เข้ามาเสริมการใช้งานได้อีกมาก โดยตอนนี้มีทีมงานส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบโครงการนี้แล้ว จะเริ่มต้นที่ Assistant ในมือถือก่อน นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ เพื่อรองรับทิศทางนี้ ผลคือมีพนักงานจำนวนเล็กน้อยที่ถูกปลดออกด้วย
Axios ระบุว่าพนักงานตอนนี้มีพนักงานกูเกิลที่ดูแลโครงการเกี่ยวข้องกับ Assistant ตามทิศทางนี้ระดับหลายพันคน
Google Lens สามารถใช้ค้นหาสภาพผิวหนังที่คล้ายกันจากภาพได้แล้ว เพียงถ่ายภาพผิวหนังที่มีผื่นแปลก ๆ ไฝ ผมที่ร่วง ตุ่มบนริมฝีปาก หรือรอยนูนบนร่างกาย โดย Lens จะจับคู่รูปภาพสภาพผิวหนังที่คล้ายกัน รวมถึงยังระบุศัพท์ทางการแพทย์และสาเหตุการเกิด เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลต่อไปได้
อีกส่วนหนึ่งคือฟีเจอร์นำภาพจาก Google Lens ไปถามต่อใน Bard ที่ เปิดตัวในงาน Google I/O ที่ผ่านมา จะเริ่มใช้ได้ในสัปดาห์หน้า
- Read more about Google Lens ค้นหาสภาพผิวหนังที่คล้ายกันจากภาพได้แล้ว
- Log in or register to post comments
กูเกิลประกาศหยุดออกอัพเดตซอฟต์แวร์ ให้กับอุปกรณ์หน้าจอสัมผัส (Smart Display) ของผู้ผลิต 3rd Party โดยระบุไว้ใน หน้าซัพพอร์ตของวิธีการโทรออกหรือรับสาย Duo ผ่านอุปกรณ์ดังกล่าว ว่าอุปกรณ์ที่จะไม่ได้รับอัพเดตได้แก่ Lenovo Smart Display (รุ่น 7", 8" และ 10"), JBL Link View และ LG Xboom AI ThinQ WK9 Smart Display
แม้ปัจจุบันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของ Google Assistant และ Google Bard จะยังไม่ใช่ตัวเดียวกัน แต่ในการพัฒนา Bard ที่โมเดลประมวลผล LaMDA ทาง Google ก็มีการดึงทีมงานจาก Google Assistant ที่เชี่ยวชาญการทำ AI รูปแบบการสนทนาและการเข้าใจคำสั่งพูด (conversational AI and speech understanding) มาช่วยในการพัฒนา Bard ด้วย
อีกส่วนที่ทีม Google Assistant เชี่ยวชาญและเข้ามาช่วย คือการแปลงงานวิจัย ให้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์และให้บริการจริงกับลูกค้าจำนวนมากมาหลายปี
อย่างการประกาศ เปิดให้สมัครทดสอบใช้งาน Bard เมื่อคืนนี้ หนึ่งในคนที่ประกาศคือ Sissie Hsiao ตำแหน่ง Vice President and General Manager ของ Google Assistant
กูเกิลประกาศว่าฟังก์ชัน Reminders ใน Google Calendar และใน Google Assistant จะย้ายไปอยู่ใน Google Tasks เพื่อให้สามารถจัดการรายการสิ่งที่ต้องทำรวมอยู่ในที่เดียว
โดยหลังการเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้งานที่ต้องการสร้าง Tasks ใน Calendar สามารถใช้ Assistant ในการสร้าง เหมือนกับที่ทำผ่าน Reminders กูเกิลบอกว่าข้อดีของการใช้ Tasks คือสามารถสร้างขึ้นได้จากทุกแอปของ Google Workspace ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Docs หรือ Chat ในส่วนของ Tasks และเชื่อมต่อกันทั้งหมด
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับผู้ใช้ Google Workspace ทุกคน โดยผู้ใช้งานบัญชีส่วนบุคคล กูเกิลจะเริ่มแจ้งเตือนให้ย้ายไป Tasks ตั้งแต่ 6 มีนาคม เป็นต้นไป และจะย้ายทั้งหมดโดยอัตโนมัติในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ที่มา:
Marques Brownlee หรือ MKBHD ยูทูบเบอร์คนดัง รีวิวแอพผู้ช่วยส่วนตัวผ่านการสั่งงานด้วยเสียง (voice assistant) บนสมาร์ทโฟน 4 ตัวคือ Google Assistant, Siri, Bixby, Alexa เปรียบเทียบกันอีกครั้งในเวอร์ชันปลายปี 2022 ผลคือ Google Assistant ยังเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดิม
แอพทั้ง 4 ตัวทำงานพื้นฐาน เช่น ตั้งเวลา รายงานสภาพอากาศ ตอบคำถามข้อมูลทั่วไปได้ค่อนข้างดี (ยกเว้น Siri ตั้งเวลาได้ทีละอัน) ความเด่นในด้านอื่นคือ Google Assistant และ Bixby ควบคุมการทำงานของมือถือด้วยเสียงได้ดีที่สุด สามารถสั่งถ่ายภาพได้ และเปิดซีรีส์ตอนที่ระบุจากแอพ Netflix แล้วเล่นได้ทันที (Siri ทำได้แค่เปิดแอพ Netflix เท่านั้น)
กูเกิลอัพเดตข้อมูลใน หน้าซัพพอร์ต ระบุว่าคุณสมบัติผู้ช่วย Duplex on the Web จะปิดตัวลงและยุติการสนับสนุนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022
Duplex เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่กูเกิล เปิดตัวในปี 2018 โดยตอนแรกมาในรูปแบบผู้ช่วยจัดการงานทางโทรศัพท์ ซึ่งมีจุดเด่นคือการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ให้ดูเหมือนคุยกับมนุษย์จริง ๆ ในปี 2019 กูเกิลขยายการทำงานของ Duplex มารองรับการทำงานบนเว็บไซต์ สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android เน้นไปที่งานจองตั๋วหนังหรือจองรถเช่า ช่วยลดขั้นตอนเช่นการกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลบัตรเครดิต โดยอาศัยค่าจดจำใน Chrome
- Read more about Google ประกาศปิดบริการผู้ช่วย Duplex เวอร์ชันบนเว็บ
- Log in or register to post comments
มีรายงานว่าผู้ใช้ Samsung Galaxy Watch 4 ประสบกับปัญหาหลายประการในการใช้งาน หลังจากมีการอัพเดทล่าสุดที่ทำให้ Galaxy Watch 4 สามารถที่จะใช้งาน Google Assistant ได้
ผู้ใช้งานรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้บน Reddit ว่าเขาประสบกับปัญหาการที่ตัว Galaxy Watch 4 ไม่สามารถเชื่อมต่อกับกับโทรศัพท์ของเขา และยังหายไปจากรายการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของ Galaxy Wearable app และไม่สามารถที่จะเชื่อมต่ออีกครั้งได้เลย ซึ่งก็มีผู้ใช้งานหลายรายใน Reddit ประสบปัญหาในลักษณะคล้ายกัน
หน้าจออัจฉริยะ Nest Hub Max เพิ่มทางเลือกของคนที่ขี้เกียจพูดคำว่า "Hey Google" หรือ "Ok Google" ทุกครั้งก่อนสั่งงาน โดยเปิดให้สแกนใบหน้าของเราเก็บไว้ได้ เมื่อเราอยู่ในรัศมีของกล้อง Nest Hub Max ก็สามารถพูดประโยคสั่งงานได้โดยตรงเลย
ฟีเจอร์นี้เรียกว่า Look and Talk ต้องใช้การแยกแยะใบหน้า (Face Match) คู่กับการแยกแยะเสียง (Voice Match) พร้อมกัน กูเกิลบอกว่าฟีเจอร์นี้เป็นทางเลือกแบบ opt-in และวิดีโอที่ถ่ายใบหน้าของเราจะถูกเก็บในเครื่องเท่านั้น ไม่ส่งกลับเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลแต่อย่างใด
กูเกิลประกาศความร่วมมือกับ Volvo Cars เพิ่มฟีเจอร์สำคัญคือรองรับการสั่งงานด้วยเสียงจากระยะไกล
เราสามารถสั่ง "Hey Google" ผ่านอุปกรณ์ใดๆ ที่รองรับ Google Assistant (ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือลำโพงอัจฉริยะ) ให้เปิดแอร์ เปิดฮีทเตอร์ สั่งล็อค-ปลดล็อครถ และดูสถานะของรถยนต์ (เช่น แบตเตอรี่) ในกรณีของคำสั่งสำคัญๆ อย่างการปลดล็อครถ จะมีระบบ two-factor authentication ยืนยันตัวตนอีกชั้น
ฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงจากระยะไกล จะใช้ได้กับรถยนต์ Volvo ที่ใช้ระบบความบันเทิงในรถเป็นแอนดรอยด์ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ามีรถรุ่นใดบ้าง และใช้ได้ในประเทศไหนบ้าง
กูเกิลประกาศนำฟีเจอร์หลายอย่างที่เคยมีเฉพาะ Google Pixel มาสู่ Android ยี่ห้ออื่นๆ ด้วย ได้แก่
- ควบคุมมือถือด้วยใบหน้า (เน้นสำหรับผู้พิการ) คือ Camera Switches ที่เป็นส่วนหนึ่งของตัว OS เลย และ Project Activate แอพที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถสื่อสารกับบุคคลรอบตัวได้ง่ายขึ้น เช่น ขยับปากแล้วให้มือถืออ่านใบหน้า แล้วออกเสียงพูดให้แทนเรา
- แอพ Lookout ที่ช่วยคนพิการทางสายตาอ่านข้อความรอบตัวแล้วออกเสียงให้ฟัง รองรับการอ่านข้อความที่เป็นลายมือแล้ว
กูเกิลอัพเดตหน้าตาของ Android Auto เวอร์ชันบนหน้าจอรถยนต์ให้ใช้งานสะดวกขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่คือเล่นเกมง่ายๆ จาก GameSnacks ได้ด้วย (เฉพาะตอนที่รถจอดนิ่งเข้าเกียร์ P เท่านั้น)
ฟีเจอร์อื่นของ Android Auto
- รองรับ work profile ของ Android แล้ว
- ถ้าเป็นมือถือสองซิม ตั้งค่าได้ว่าจะให้โทรออกจากซิมไหน หากสั่งโทรในรถ
- สั่งจ่ายเงินค่าน้ำมันด้วยเสียงได้ เช่น “Hey Google, pay for gas” จะเป็นการจ่ายด้วย Google Pay ในปั๊มน้ำมันที่รองรับในสหรัฐ
เมื่อพูดถึง Android Auto ของกูเกิล มีรูปแบบการใช้งานอยู่ 2 ประเภท คือ แสดงผลบนหน้าจอของรถยนต์ (หากรถยนต์รุ่นนั้นรองรับ) หรือแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์เอง (หากรถยนต์ไม่รองรับ) แบบหลังมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Android Auto for Phone Screens และเริ่มใช้งานครั้งแรกในปี 2019
แต่ช่วงหลัง ผู้ใช้แอนดรอยด์หลายคนน่าจะเห็น Google Assistant Driving Mode เริ่มเข้ามาแทนแล้ว ล่าสุดกูเกิลยืนยันว่าเลิกทำ Android Auto for Phone Screens อย่างเป็นทางการใน Android 12 (แต่ใน OS รุ่นก่อนๆ ยังใช้ได้เหมือนเดิม) และเปลี่ยนมาใช้ Assistant Driving Mode แทน