ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งนี้ จะมีการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล เครือข่ายพลเมืองเน็ต ระบุ ยังมีความน่ากังวลหลายประการ
- บังคับผู้เกี่ยวข้องกับภัยไซเบอร์ระดับวิกฤต ต้องให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ถ้าโดนร้องขอ และเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล
โดยใน พ.ร.บ. ไซเบอร์มีการกำหนดระดับของความรุนแรงภัยไซเบอร์ไว้ 3 ระดับ
1) ภัยระดับไม่ร้ายแรง หน่วยงานที่ดูแลคือ คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) สั่งดำเนินการได้ แต่ต้องขอหมายศาลก่อน
2) ภัยระดับร้ายแรง หน่วยงานที่ดูแลคือ คณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) หน่วยงานสามารถสั่งดำเนินการได้ ต้องรายงานศาลภายใน 48 ชั่วโมง
3) ภัยระดับวิกฤต หน่วยงานที่ดูแลคือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดำเนินการได้เลย ไม่ต้องขอหมายศาล
เนื่องจากเนื้อหากฎหมาย มาตราที่ 66 - 68 ระบุว่า ถ้าเกิดมีภัยไซเบอร์ระดับวิกฤต ร้ายแรง เลขาธิการสามารถดำเนินการได้ทันทีไม่ต้องขอหมายศาล และสามารถขอข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องกับภัยไซเบอร์นั้นได้แบบเรียลไทม์ และบังคับว่าผู้นั้นต้องให้ความร่วมมือโดยเร็ว (มาตรา 67) และเพียงมีเหตุต้องสงสัย ก็สามารถขอข้อมูลได้
ภาพจาก สนช.
- นิยามของภัยความมั่นคงไซเบอร์ กินความหมายกว้าง อาจส่งผลให้ "เนื้อหา" ก็สามารถเป็นภัยไซเบอร์ได้
ตัวนิยามภัยไซเบอร์ นอกจากจะมีความหมายเป็นภัยต่อระบบโครงสร้างความปลอดภัยแล้ว ยังรวมถึงภัยที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งยังกำกวม และอาจทำให้ "เนื้อหา" สามารถเป็นภัยไซเบอร์ได้
สำหรับความคืบหน้า พ.ร.บ. ไซเบอร์ จากที่จะมีการพิจารณาใน สนช. วันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้เลื่อนออกไปเป็นสัปดาห์ถัดไปแทน (25 ก.พ.-1 มี.ค.) อ่านกฎหมายฉบับเต็มได้ ที่นี่
ที่มา - Art Suriyawongkul , Post Today
Comments
เอาให้เต็มที่เลยค่ะ อยากทำไรก็ทำ
เนื้อหาเป็นภัยต่อประเทศ ผมว่าเป็นภัยของ คสช. หรือภัยของตัวเองซะมากกว่า ออกกฎหมายกดขี่ประชาชนอีกแล้ว น่าเบื่อจริงๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมว่าจะโอนเงินไปสิงคโปร์ซักหมื่นล้านครับ
ถ้าไม่เห็นด้วย เราทำอะไรได้บ้างครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เราต้องร้องผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งคำร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ในประเด็นที่เราไม่เห็นด้วยครับ ตามมาตรา 213 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
ไม่ขัดข้องหรอกนะถ้ามันเป็นสิ่งที่วิกฤติจริงๆ แต่นิยามวิกฤติคืออะไรมีเหมือนไม่มีแล้วกระบวนการแนวทางตัดสินก็ไม่ชัดเจนสุดท้ายก็ตามใจกูแบบนี้คือจะยัดเยียดความวิกฤติให้ใครก็ได้น่ะสิ เฮ่อ
อยากให้มีประชามติออนไลน์ที่ประชาชนจำนวนนึงสามารถทำได้เองและไปขอหยั่งเสียงแบบทั่วไปได้ ถ้าถึงระดับนึงแล้วสามารถยกระดับไปสู่การทำประชามติจริงๆได้จัง
กฎหมายประเทศไทย เขียนขึ้นเพื่อตีความอีกที ยิ่งใช้กับระบบการพิพากษาแบบกล่าวหาของไทยอีกแล้ว ยิ่งฉิบหายกันไปใหญ่
การวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายนี้ตอนนี้เค้าก็อาจจะตีความว่า กฏหมายนี้นำมาซึ่งความมั่นคงทางไซเบอร์ คนที่วิพากษ์วิจารณ์มีเจตนาทำให้กฏหมายนี้ไม่เกิดขึ้น เป็นเจตนาจะทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางไซเบอร์ เป็นความผิดได้อีก ผมว่าเค้าทำได้ถ้าเค้าจะทำ
จากที่ผ่านมาพรบ.คอมฯ มันเป็นเครื่องมือของฝ่ายเผด็จการเพียงฝ่ายเดียว แค่วิจารณ์รบ. ก็กลายเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่พอเป็นรบ.พลเรือนแม้แต่กล่าวหาใส่ร้ายหยาบๆคายๆก็ตีความว่าเป็นการวิจารณ์โดยสุจริต?
+1 บังคับใช้กับผู้กระทำความผิดจริงๆมันก็พอได้อยู่ แต่ส่วนใหญ่เอาไปใช้กับฝ่ายตรงข้ามหรือพวกเห็นต่าง... เฟี้ยววว.....