กูเกิลเปิดตัว Pixel 3a และ Pixel 3a XL เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสร้างความน่าสนใจทั้งราคาที่อยู่ในระดับกลาง แถมมีกล้องเทียบเท่า Pixel 3 (และบอกว่า เหนือกว่า X ด้วย) นอกจากนั้น Pixel 3a ยังมีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นของหายากในสมาร์ทโฟนยุคนี้ และกูเกิลก็มีเหตุผล
เว็บ Android Authority ได้สัมภาษณ์ Soniya Jobanputra ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของกูเกิล ซึ่งได้บอกสาเหตุที่ Pixel 3a ยังมีช่องหูฟังว่า "เรารู้สึกว่าลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนในราคานี้ กลุ่มนี้ ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกใช้หูฟังมากกว่า"
ประเด็นนี้น่าสนใจว่า ขณะที่สมาร์ทโฟนโดยเฉพาะรุ่นบน ต่างเลือกตัดช่องหูฟังออกไป แล้วผลักให้ลูกค้าใช้หูฟังไร้สายแทน คำอธิบายของกูเกิลก็บอกได้ว่า หูฟังแบบดั้งเดิมนั้นยังจำเป็นสำหรับการขายสมาร์ทโฟนระดับกลางหรือถูกกว่านั่นเอง
ที่มา: Android Authority
Comments
แล้วเอาอะไรมามั่นใจว่าคนซื้อแพงเขาไม่ต้องการครับ
I need healing.
เพราะเค้าคิดว่าคนซื้อแพงมีตัง มีกำลังซื้อหูฟังไร้สายได้หลักๆ คือเค้าห่วงคนระดับกลางถึงล่างว่า ไม่มีตังซื้อหูฟังไร้สายก็เลยจะไม่ซื้อมือถือไปด้วยเลย เพราะจะฟังเพลงไม่ได้
+1 นั่นสิครับเห็นด้วย หูมีสายแพงกว่ามือถือมีเยอะแยะนะ แล้วตัวท็อปๆ ราคาหลักหมื่นเท่ากันมีสายก็ยังดีกว่าไร้สาย
พอคนซื้อหูฟังไร้สายมาปุ๊บ เงินหมด ต้องถอยมาเล่นมือถือตัวล่างแทน
เพราะตัวล่างก็มีบลูทูทเหมือนๆกัน
ผมใช้ 2 XL ก็ยังต้องการรูหูฟังนะ
เหมือนกำลังบอกว่า ถ้าไม่ใช่ราคาระดับนี้ ก็ไม่ได้ต้องการ
ผมรักรูหูฟัง
ลองทำสองโมเดล แบบมีกับไม่มีมาดูสิ แล้วจะรู้คำตอบตลาดเอง
ส่วนตัวแล้วรู 3.5 มันจำเป็นมาก...
เพราะเคยบ่นไว้เยอะกับเส้นด้านหลัง iphone6s ว่ามันไม่สวย ... ไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเอง
เลยต้องจำใจถอย iphone7 มาแทน iphone5 ที่ใกล้ตาย ... ผลคือไม่มีรู 3.5
ใช้ไปซักพัก หงุดหงิดกับการที่มันต่อกับใครไม่ได้
เลยถอย airpods มาใช้ ... แทนที่หูฟังเดิม (หูฟังแถมพกพายาก ไม่มีกล่องใส่เหมือนรุ่นเก่า)
ซักพักยังมีปัญหาต่อลำโพง ต่อ aux ในรถ เลยต้องหาสายแปลง 3.5 to lightning มาใช้
แต่เบื่อต้องถอดหัวต่อในรถมาฟังลำโพงในบ้าน...เลยต้องถอยลำโพง bluetooth มาฟัง
สรุป...ของเก่าที่มีทั้งหูฟังดี ๆ ลำโพงเพราะ ๆ ตอนนี้เลยไม่ค่อยได้ใช้เลย ... เพียงเพราะ iphone7 มันไม่มีรู 3.5
เขร้ๆๆๆ แบ่งชนชั้นกันชัดเจนเลยทีเดียว
ผมว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่คงมองมือถือเป็นอุปกรณ์ในการสื่อสารเป็นหลักและการเป็นอุปกรณ์เอนเตอร์เทนแค่แบบ casual ไม่ใช่ระดับซีเรียส ทุกเส้นทางเลยมาบรรจบกันในรูปแบบนี้
ไหนรอบที่แล้ว ออกมา แถ ลง ว่า ที่ต้องตัดออก เพราะทำให้เครื่องบางไง
พอ Samsung ทำมือถือ บางๆ มีรู 3.5 ได้ ก็ออกมา แถ ลง ต่อ ว่าลูกค้าไม่ต้องการ
ลักลั่นยอกย้อน จริงๆ
ส่วนตัวมีปัญญาซื้อมือถือเรือธง แต่ตอนนี้หูฟังบลูทูธยังเข้าไม่ถึงจริง ๆ (ถ้าเป็นแนว ear bud พอว่า แต่ครอบหูนี่ยังถือว่าแพงเอาเรื่องอยู่)
เลยอยากใช้มือถือที่มีช่องเสียบหูฟังมากกว่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ไหนๆ ก็ไม่กันน้ำ ก็เลยใส่มาให้สินะ
ที่ผมดูใน gsmarena, Samsung Galaxy S10 ก็มีรู 3.5 แล้วก็กันน้ำได้ IP68 นะครับ
Xperia Z1 มีทั้งช่องหูฟังและกันน้ำครับ
นี่รุ่นปู่เลยนะ แต่เก่ากว่านี้ก็มีฟีเจอร์นี้เหมือนกัน
ต่อให้ผมมีงบไม่อั้น ผมก็ยังเลือกหูฟังมีสายเป็นหลักอยู่ดี
ทุกวันนี้คือตัดปัญหาย้ายไปใช้ dap แทน มือถือจะมีหรือไม่มี 3.5mm ก็ช่างมันแล้ว
คงจริงอย่างว่าละมั้ง
Bluetooth ธรรมดาสู้แบบมีสายธรรมดาไม่ได้ Hi-Res แพงเกิน aptX ตัวเลือกก็จำกัด ยิ่ง aptX-HD ยิ่งจำกัด แต่ยอมรับว่าสะดวกก็กันมากเลยสร้างมูลค่าที่ตรงนี้
หูฟังมันก็มี Character เฉพาะตัว คงแทนกันไม่ได้มากไร้สายก็มีต้วเลือกน้อยกว่า แถมแพงกว่าอยู่แล้ว
ป.ล. ว่าแต่ Pixel 3a(XL) ถ้าใช้ 3.5" ที่มากับเครื่อง กับต่อผ่าน DAC 3.5" ทางช่อง USB-C มันจากออกพร้อมกัน หรือเลือกว่าออกช่องไหนได้ไหม ???
ทำไมไม่ตอบว่า ตัวแพงใส่อะไรเข้ามาถึงจำเป็นต้องรูหูฟังที่กินที่ไรแบบนี้ยังดูดีซะกว่า
เค้าบอกว่าหูฟังราคาถูกมักมีสาย ไม่ได้บอกว่าหูฟังมีสายมักราคาถูก
เช่น Sennheiser Orpheus
ผมใช้บลูทูธรวมถึง true wireless สะดวกมากใช้จนติดไปแล้ว แบบมีสายกลายเป็นเกะกะไปเลย
3.5 นี่ทำเพื่อปวงประชา และ เหมาะสมที่สุดแล้วWireless สะดวก แต่ไม่สุดเหมือนสาย
ถ้ายังพัฒนา protocol ไร้สายที่ส่งสัญญาณ lossless แบบบิทเรทเต็มๆไม่ได้ (LDAC ยังได้แค่ 990kbps)
คนใช้หูฟังดีๆ ก็ยังอยากใช้ช่อง 3.5mm อยู่ล่ะนะ
ตอนนี้เลยยังใช้ samsung ที่ไม่ทิ้งรูนี้แม้แต่ในตัวเรือธงก็ตาม
ใส่ 3.5 มามันยากชนาดนั้นเลยเหรอ
ส่วนตัว สงสัยว่า ความพยายามตัด 3.5
เป็นเหตุผลด้านธุรกิจ มากกว่า ทางเทคนิค ชอบกล
ประมาณ 3.5 มันไม่มีลิขสิทธิ
จีนผลิตจนล้นตลาด ฝรั่งก็ไม่ได้อะไร
ตัดรู 3.5 เพื่อบังคับให้หูฟังทุกอันต้องมี Bluetooth ได้ค่าลิขสิทธิ ดีกว่า
เดี๋ยวนี้ TW ถูกๆเยอะแยะนะ ผมสั่ง QYC จาก Aliexpress ตกเกือบๆ 600 บาทเสียงกลางๆใช้มาสามเดือนยังโอเคอยู่ นี่ก็รอ Redmi มาส่งอยู่เหมือนกัน
ประเด็นคือ ผมมี Grado SR225e แต่มันเสียบฟังกับมือถือตรงๆไม่ได้นี่สิครับ หูฟังไร้สายก็ไม่มีตัวไหนเสียงโดนใจเลย
นี่ของผมยังแค่หลักพันนะครับ พวกที่เค้าใช้ตัวเป็นหมื่น ผมว่าเค้าเซ็งกว่านี้อีก
แล้วก็ทำให้ราคาเบ็ดเสร็จระหว่างเรือธงกับตลาดกลางถูกถ่างมากขึ้นไปอีก
จะได้แบ่งชนชั้นง่ายขึ้นครับ
เห็นใครใช้หูฟังมีสาย = ตลาดล่าง
ผมใช้ iPhone XS กับหูฟัง Monster Turbine อันเก่าก็ซื้อตัวแปลง 3.5 - Lightning มาใช้
ชีวิตมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นนะ เสียบ Adapter ทิ้งไว้คาสายหูฟังไม่มีรู 3.5 มาให้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าโทรศัพท์ขาดหายอะไร
+1 บางคนโวยวายซะจนเว่อร์ เหมือนโลกนี้ไม่มีอแดปเตอร์แปลง บางคนยอมลงทุนซื้อลำโพงใหม่แทนที่จะซื้อสายแปลงอีก แล้วมาบ่นว่าเปลืองเงิน โอ้ววววพระสงฆ์
หูฟังอันเป็นพันเป็นหมื่นซื้อได้ ตัวแปลงอันละไม่กี่ร้อยซื้อไม่ได้ @_@ ส่วนตัวถ้าหูฟังผมแพงแล้วอยากใช้งานกับ Device ใหม่จริง ๆ ผมซื้อตัวแปลงติดมันทุกอันเลย
แต่มือถือผมมีช่อง 3.5 นะ แต่ใช้ Bluetooth เพราะความสะดวกและไม่เกะกะไม่ได้สนใจเรื่องคุณภาพเสียงเท่าไร ขอแค่เสียงออกพอละ - -* ไม่ได้ใช้ฟังเพลง ใช้ดู Youtube
สายแปลงพวกนี้มันไม่ได้แปลงแค่ Interface แต่มันมี DAC ในตัวด้วยครับ (มันคือการต่อ External DAC นั่นแหละ) ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคุณภาพเสียงตามราคานั่นเอง อันไม่กี่ร้อยคาดหวังคุณภาพเสียงไม่ได้หรอกครับ ถ้าจะเอาเสียงดีๆหน่อยก็หลักพัน จะซื้อใส่ทุกตัวมันก็ลำบาก
ส่วนสายแปลง 3.5-USB-C มันมีแบบแปลงแค่ Interface ซึ่งราคาไม่กี่ร้อยด้วยก็จริง แต่ปัญหาคือมันดันใช้ไม่ได้กับทุกอุปกรณ์ครับ
มือถือเดิมๆ มี 3.5 มาให้ มันก็แปลงเป็น analog อยู่แล้วนะครับ
ส่วนมือถืออย่างไอโฟนใหม่ๆ ที่ไม่รู 3.5 แล้วเราไปซื้อ สายแปลงที่ Apple ขายมันก็เหมือนๆ DAC ที่ติดเครื่องมานะ คุณภาพก็ปกคงระดับปกติ ยกเว้นจะอยากได้ DAC ดีๆ ก็จ่ายแพงขึ้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากรุ่นเดิมๆ ที่มีรู 3.5 แยก ถ้าเราจะใช้แค่ 3.5
เหมือนมีคนเคยทดสอบว่าเสียงจาก 3.5mm ใน 6s เสียงดีกว่าผ่านสายแปลงนิดหน่อยนะครับ
แต่เอาจริงๆสายแปลงมันก็มีข้อดีอยู่ เพราะเราเลือกสายดีๆครั้งเดียวใช้กับมือถือไหนก็ได้ ต่างจากแบบเดิมที่ต้องมานั่งดูว่าเครื่องนี้ใช้ DAC ดีรึเปล่า ตัดปัญหาเวลาเลือกมือถือใหม่จะได้ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องเสียง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ผมยกเรื่อง DAC มาเพราะผมแค่ต้องการจะสื่อว่าสายแปลงมันไม่ได้มีแค่สายแปลงราคาถูกไม่กี่ร้อย แต่คุณภาพมันตามราคาครับ สาเหตุสำคัญที่ผมไม่อยากใช้สายแปลงก็ยังเป็นเรื่องของความสะดวกอยู่ครับ
apple usb type c to 3.5mm ถอด hi-res ไม่ได้ครับ นี่ว่ากันที่เขาว่าตัวแปลงที่ดีเกือบที่สุดในตลาดแล้วนะ
dac ในมือถือเรือธงของฝั่ง samsung ถอด hi-res ได้หมด...
ถ้าไม่ใช้ฟัง hi-res ก็อาจจะไม่มีประเด็น (เพราะ BT ทั่วไปก็ส่งสัญญาณ hi-res ไม่ได้ ต้องไป ldac)
อ่า เดี๋ยวนะครับ นี่เรากำลังพูดถึงอะไรกันอยู่ @_@ เรากำลังพูดถึงช่อง 3.5mm ถ้าไม่มีมันเป็นปัญหามากมั้ยนะครับ
คุณบอกว่า apple usb type c to 3.5mm ถอด hi-res ไม่ได้ แล้ว iPhone 6s ที่มีช่อง 3.5 internal DAC มันรองรับ Hires เหรอครับ @_@
มันไม่ใช่มือถือทุกเครื่องนะครับที่มีช่อง 3.5 แล้วจะรองรับ Hires ทุกอัน มันมีไม่กี่เจ้าแหละครับที่ให้ DAC เทพติดเครื่องมา อันนี้ผมว่าคุณหลงประเด็นแล้วอ่ะครับ
ส่วน Lighting to 3.5 ที่รองรับ Hires มีครับ 3rd party หลายเจ้าทำออกมาขาย ส่วนราคาก็แล้วแต่คุณภาพที่ท่านต้องการครับ อันนี้ก็เป็นราคาที่คุณต้องจ่ายเพื่อแลกคุณภาพ หวังว่าคงเข้าใจนะครับ คนที่เค้าใช้หูฟังเพื่อฟังเพลงธรรมดาไม่ใช่ Hires มีเยอะครับ เพราะงั้น ตัวแปลงธรรมดาก็น่าจะเพียงพอ ส่วนฝั่งดรอย Type C to 3.5 ที่รองรับ Hires ก็มีเยอะเหมือนกันครับ ราคาไม่แรงด้วย
แต่การฟัง Hires บน iOS นี่ลำบากนะครับ ใช้แอนดรอยอาจจะง่ายกว่า
ส่วนเรื่องความสะดวกจริง ๆ ถ้าหลายท่านรับไม่ได้ที่จะต้องมาใช้สายแปลง อาจจะต้องชั่งใจเอาเองครับว่าระหว่างความยุ่งยากกับสายแปลงแลกกับการใช้มือถือเครื่องนั้นมันคุ้มมั้ยที่จะต้องแลก
ผมไม่ได้ใช้มือถือ apple แต่ยกตัวอย่างตัวแปลงของ apple เพราะเป็นตัวแปลงที่ได้ชื่อว่าเกรดดีที่สุดในตลาดเท่าที่มีการวัดค่าด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ และเสียงค่อนข้างดี(เท่าที่เคยซื้อมาลองฟัง) ไม่นับ external dac ทั่วไปนะ นับเฉพาะ"ตัวแปลง"(เพราะถ้า external dac ขนาดมันใหญ่จนพกพาไปข้างนอกยาก) ว่ามันยังมีข้อจำกัดมากมาย ไม่นับตัวแปลงของฝั่ง android ที่หลายค่ายลักไก่ ทำตัวแปลงมาแบบไม่มี dac ในตัว ใช้ข้ามเครื่องไม่ได้ เรียกว่าจำกัดซะยิ่งกว่า แถมส่วนใหญ่เสียงแย่กว่า internal dac ในมือถือเรือธงที่เคยมีมาเสียอีก(ด้วยข้อจำกัดขนาด)
ส่วนฝั่ง android ผมใช้เรือธง samsung ก็ฟัง hi-res มาได้ตั้งหลายปีแล้วครับเสียงดีกว่า external dac ถูกๆหลายตัวอีก
อีกอย่างหูฟัง full size เกรดดีๆ ถ้าจะเอาแบบไร้สาย ต้องจ่ายเพิ่ม 3-5 พันบาทในระดับรุ่นเดียวกัน โดยที่มักจะมี spec บางอย่างด้อยลงด้วยซ้ำ จริงอยู่ว่าถ้าเลือกความสะดวก ดูแค่ youtube ผมก็ใช้หูฟังแถมก็พอครับ แต่ถ้าคุณซื้อมือถือเครื่องละหลายหมื่น โดยใช้กับหูฟังตัวละเฉียดหมื่นแล้วเสียงแย่ลงหรือต้องเสียเงินซื้อตัวแปลง ก็คงรู้สึกเหมือนโดนลด feature ลงนั่นแหละ
+1 บางคนไปไกลถึงเรื่อง DAC
พูดราวกับว่าสมัยก่อนมือถือมีช่องหูฟังมาพร้อมกับ DAC เทพ
รุ่นใหม่มันก็มาพร้อมกับ DAC ระดับเดิมนะแหละ แค่ตัดช่องหูฟังออก คุณไปซื้อ adapter มาใส่มันก็จบ
เวลาต่อสายแปลง มันใช้ DAC ที่สายแปลงครับ ไม่ได้ใช้ DAC ในเครื่อง
จริงอยู่ว่าสายแปลงแบบที่ไม่มี DAC และใช้ DAC ในเครื่องก็มี แต่มันมีแค่ USB-C และไม่ซัพพอร์ตทุกเครื่องด้วยครับ
เท่าที่ลองมา มือถือจีนเรือธง ที่แถมตัวแปลงมา มักลดเกรดของ dac ลง(ด้วยข้อจำกัดของขนาด) หรือบ้างเจ้าลักไก่ทำตัวแปลงหลอกๆ ซึ่งลองมาหลายรุ่น เสียงมันแย่กว่า internal dac ของเรือธงเกาหลีที่ยังแถมรู 3.5mm หรือแม้แต่ apple usb type c to 3.5mm ตัวละ 390 บาทเสียอีกครับ
ลำโพงบางตัวมันก็เสียบหัวแปลงค้างไว้ไม่สะดวกนะ
เช่นลำโพงคอมฯ ที่บ้านกับที่ที่ทำงาน เพราะต้องคอยสลับต่อคอมฯ ต่อมือถือ
จะเสียบคาไว้ไม่ได้...แถมฟังเพลงไปชาร์จไปด้วยก็ไม่ได้อีก
อันนี้ผมว่าเกินไปละครับ @_@
ไม่สะดวกนี่คือยังไงอ่ะครับ ลำโพงอันเดิมต้องเสียบกับคอมแล้วสลับกับมือถือ ถ้ามือถือคุณมีช่อง 3.5 เวลาสลับกับลำโพงกับคอมคุณใช้ยังไงอ่ะครับ วางข้าง ๆ แล้วสายมันสลับให้เองอัตโนมัติเหรอครับ @_@ มันก็ต้องถอดจากคอมมาเสียบกับโทรศัพท์อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ อันนี้แค่ถอดเพิ่มอีกสายเป็นถอดตัวแปลงออกด้วยเพื่อจะเสียบกับคอมนี่มันลำบากขนาดนั้นเลยเหรอครับแหม่ - -
ส่วนตัวแปลงที่ชาร์จไปด้วยฟังเพลงไปด้วยมีขายครับ เยอะแยะถ้าจะพยายามหาข้อมูลสักนิด
อ่อ ถ้าคุณอยากสะดวกจริง ๆ เลยนะครับ
ลองซื้อแบบนี้มาใช้ครับ https://www.amazon.com/STEREO-Manual-Speaker-selector-available/dp/B073GWCRP3
อะไรอะไรก็เกินไปเกินไป...@_@ต้องใช้ชีวิตแบบไหนถึงจะพอดี...
คือปกติผมฟังเพลงตลอด
ที่ทำงานก็มีลำโฟงคอม มี่บ้านก็ลำโพงคอม ในรถต่อ aux
หูฟังที่บ้านและอีกอันที่ทำงาน
ถ้าต้องซื้อหัวแปลงทุกอันก็คือ 5 อัน
เวลาทำงานต่อลำโพงกับคอม เมื่อก่อนก็ถอดหัวต่อเสียบไอโฟนฟังเพลงได้เลย...แต่ถ้าต้องใส่หัวแปลงมันลำบากเพิ่มเพราะต้องคอยถอดคอยใส่
คอมที่บ้านดูหนังต้องถอดหัวแปลง...ฟังเพลงตัองใส่หัวแปลง...มันวุ่นวาย
ซื้อ Bluetooth เพิ่มสำหรับฟังเพลงเลยเป็นอีกทางเลือกนึง
คืออยากจะสรุปว่าการที่ไม่มี 3.5 มันทำให้ความสะดวกลดลง
เท่านั้นครับ...ที่อยากจะสื่อ...มันคงไม่ถึงกับ”ลำบาก”
ความสะดวกแต่ละคนไม่เหมือนกัน...
ต่างคนต่างให้ความเห็นในมุมมองของคนเอง...
จากประสบการณ์ใช้งานจริง...จากความรู้สึกส่วนตัว
ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์ความสะดวกของใครว่า “เกินไป” นะครับ
แต่ถ้าอยากพิมพ์”แขวะ”...เพื่อความสบายใจก็...เอาที่ท่านสบายใจครับ
ถ้าจะพูดเรื่องความสะดวก ไม่เอาคุณภาพเสียงเป็นที่ตั้งนะครับ ความเป็นไร้สายตอนนี้ช่วยให้ผมใช้งานได้สะดวกมากขึ้นนะครับ หูฟังที่ต้องชาร์จทุกวัน ตรงนี้รับได้ เพราะจริงๆ มันก็ไม่ควรเอามาใส่ฟังต่อเนื่องนานเกินไปอยู่แล้ว ช่วงที่พักก็ชาร์จทิ้งไว้เลยรู้สึกไม่ใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่ ส่วนลำโพงไร้สายนี่สบายเลยครับ ไม่ติดปัญหาเรื่องระบบไฟ
+1
เห็นด้วยครับตอนนี้หูฟังมีสายผมแทบจะเลิกใช้เลย
แต่ก็ต้องทำใจกับคุณภาพเสียงจริงๆ
ขอโทษครับ
แนะนำเรื่องชาร์ทละกัน ใช้ที่ชาร์ทไร้สายเลยครับ
ขอบคุณครับ
บางคนเขาใช้หูฟังกับอุปกรณ์อื่นด้วย ซึ่งมันจำเป็นต้องถอดไปถอดมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความยุ่งยากครับ
มันมีมนุษย์พันธ์ที่ขี้เกียจชาร์จแบตด้วยนะครับ . . . .
/ แบตหมด โยนทิ้ง หยิบแบบมีสายมาใช้ แล้วปล่อยอิไร้สายนอนอยู่ในเก๊ะไป
แต่โทรศัพท์ใหม่แบตมาไม่ค่อยเต็มนะครับ อาจจะต้องซื้อมาสต็อควันละสักสี่ห้าเครื่อง
ผมก็เกือบๆ คล้ายๆ ครับ ทุกวันนี้มีอุปกรณ์ให้ชาร์ท มือถือ tablet นาฬิกา ถึงบางอัน จะหลายๆ วันค่อยชาร์ท แค่ก็ขี้เกียจชาร์ทละครับ ฮ่าๆ ซื้อ bluetooth เสียบต่อหูฟังมาลองขำๆ ของไม่มียี่ห้อ ก็ยังขี้เกียจชาร์ทเลยครับ
ผมออกกำลังกาย วิ่ง พอมีแอพอด แทบไม่เคยแตะหูฟังเก่า
จะตัด 3.5 mm ออกก็ได้ แต่ต้องให้ USB-C เป็น 2 พอร์ต โดยที่เป็น USB 2.0 ทั้งคู่หรือจะเป็น USB 3.0+ 1 พอร์ต แล้วอีกพอร์ตเป็นแค่ USB 2.0 ก็ได้
อยากได้ USB-C มากกว่าหนึ่งช่องเหลือเกินครับ เมื่อคืนเสียบโอนข้อมูลกับ SSD ปรากฎว่าแบตหมดตั้งแต่ยังโอนไม่ถึงครึ่งทาง ? วางชาร์จไร้สายไว้ก็ไม่ช่วยเพราะมันร้อนจนหยุดชาร์จ