ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลุ่มราคาหมื่นถึงสองหมื่นในช่วงที่ผ่านมามีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ตัวเลือกค่อนข้างเยอะ จุดเด่นจุดด้อยรวมๆ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ แต่สิ่งที่เหมือนกันในสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้คือสเปคกล้อง, หน้าจอ,งานประกอบและฟีเจอร์ที่ถูกปรับลดลงมาจากรุ่นท็อป

ทว่าสิ่งที่ Google ให้มาใน Pixel 3a ได้ทลายข้อจำกัดข้างต้นของสมาร์ทโฟนระดับหมื่นกลางไปถึง 2 อย่างคือเรื่องกล้องที่เหมือนกับรุ่นท็อปทุกประการและการใช้หน้าจอ OLED ไม่รวมสิ่งที่อาจเหนือกว่า (?) คือการมาพร้อมกับพอร์ทหูฟัง 3.5 มม.

งานประกอบ Pixel 3a แตกต่างจาก Pixel 3 ในแง่ของวัสดุที่เปลี่ยนจากกระจกมาเป็นพลาสติกแข็ง ในแง่ของสัมผัสค่อนข้างรู้สึกได้ว่ามีความบอบบางมากกว่า แต่ก็เบากว่าเช่นกัน

Pixel 3a (สีม่วง) กับ Pixel 3 XL

ส่วนฟีเจอร์ที่ถูกตัดไป หลักๆ ก็คือชาร์จไร้สาย การกันน้ำและลำโพงคู่ด้านหน้า ที่ถึงแม้จะยังคงเป็นลำโพงคู่อยู่ แต่ลำโพงล่างถูกขยับมาอยู่ด้านข้างที่พอร์ทชาร์จแทน โดยลำโพงด้านบนยังคงเหมือนเดิม

ในแง่การใช้งาน หากใครที่คุ้นกับลำโพงคู่หน้าของ Pixel อาจรู้สึกแหม่งๆ เล็กน้อยกับทิศทางของเสียง แต่ก็ต้องบอกว่าดีกว่าสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นไม่เว้นแม้แต่เรือธงเอง ที่มักมีลำโพงมาให้แค่เฉพาะด้านล่างเท่านั้น ส่วนคุณภาพเสียงรู้สึกว่าไม่แตกต่างจาก Pixel 3 นัก ที่ให้เสียงมาครบทั้งต่ำกลางและสูง

ส่วนหน้าจออย่างที่เกริ่นไปว่า Pixel 3a ให้มาเป็น OLED ซึ่งเมื่อเทียบกับหลายๆ รุ่นในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะเป็น IPS LCD ซึ่ง OLED เหนือกว่าในแง่ของคอนทราสต์สี โดยเฉพาะสีดำที่ดำสนิท ไปจนถึงประหยัดพลังงานกว่า ซึ่งคาดว่าสาเหตุที่ Google ยังคงใช้ OLED บน Pixel 3a ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฟีเจอร์ Always On ที่แสดงผลนาฬิกาและไอคอนแจ้งเตือนตลอดเวลาบนหน้าจอ

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะใช้แพแนล OLED เหมือนกับรุ่นท็อป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ว่า Pixel 3a แตกต่างจาก Pixel 3 หรือแม้แต่ Pixel 2 XL (จอเป็น pOLED) คือโทนสีที่ซีดกว่าเล็กน้อย ถ้าหากคุณเปลี่ยนจาก Pixel 2 XL หรือสมาร์ทโฟนที่เป็นจอ AMOLED สีสดๆ อาจพอสัมผัสได้ถึงความแตกต่างนี้

เรื่องกล้อง อาจไม่ต้องบรรยายมากเพราะไม่แตกต่างจาก Pixel 3 ทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ยกเว้นแค่ไม่มีชิป Visual Core มาให้เท่านั้น ทำให้การประมวลผลภาพอย่าง HDR+ จะอยู่ที่ซีพียูและจีพียูแทน ซึ่งความเร็วในการประมวลผล HDR+ แทบไม่รู้สึกว่าช้ากว่า Pixel 3 จนรู้สึกได้ มีเพียงแค่โหมด Portrait ที่ต้องประมวลผลเอฟเฟ็คโบเก้หลังถ่ายเท่านั้น ที่รู้สึกได้ว่าประมวลผลช้ากว่า Pixel 3

Portrait

Portrait

HDR+

HDR+

Night Sight

Night Sight

กล้องหน้า

กลอ้งหน้า

สุดท้ายคือเรื่องของแบตเตอรี Pixel 3a ให้แบตเตอรี่เยอะกว่า Pixel 3 เล็กน้อยที่ 3,000 mAh (Pixel 3 อยู่ที่ 2,915 mAh) ในแง่การใช้งาน อาจจะด้วยเป็นคนใช้โทรศัพท์เยอะและชินกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ของ XL ทำให้รู้สึกว่าแบตเตอรี่รุ่นนี้หมดไว ไม่สามารถออกจากบ้านตอนเช้าแล้วแบตเตอรีเหลือเมื่อกลับถึงบ้านตอนค่ำๆ ได้ ต้องพกพาวเวอร์แบงค์หรือมีที่ชาร์จติดตัวไปด้วย

อีกหนึ่งข้อสังเกตและยังไม่มีคำอธิบายจาก Google คือ Pixel 3a มาพร้อมกับแพทช์ความปลอดภัยเดือนมีนาคม (แต่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา) ซึ่ง Google บอกแค่ว่าจะได้รับแพทช์ทีเดียวในเดือนมิถุนายน

สรุป

ด้วยราคาของ Pixel 3a ที่ 399 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยรวมภาษีในสหรัฐ (แล้วแต่รัฐ) คร่าวๆ ก็ราว 14,000 บาท ส่วน Pixel 3a XL ที่เริ่มที่ 479 หรือราว 17,000 บาท (ไม่รวมค่าหิ้ว ถ้าซื้อกับร้านหิ้วในไทย) กับประสบการณ์รวมๆ ที่ไม่แตกต่างจาก Pixel 3 / 3 XL โดยเฉพาะกล้องและการได้รับอัพเดตตรงจาก Google ส่วนตัวถือว่าคุ้มค่ามากๆ ใครที่สนใจ Pixel 3 แต่ลังเลเรื่องราคา Pixel 3a น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น