สมาพันธ์คอมพิวเตอร์จีน (China Computer Federation - CCF) ประกาศตัดสัมพันธ์กับ IEEE Computer Society หลังทาง IEEE ห้ามไม่ให้พนักงานหัวเว่ยทำหน้าที่บรรณาธิการวารสารหรือรีวิวงานวิจัย โดยระบุว่า IEEE ได้เฉออกจากแนวทางที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อมนุษยชาติ และเสียใจที่ Computer Society ยอมต่อกฎหมายท้องถิ่นที่ละเมิดแนวทางเปิดกว้างในทางวิชาการ
ทาง CCF ระบุว่ามี 3 มาตรการ ได้แก่ หยุดสื่อสารและหยุดความร่วมมือกับ Computer Society ทั้งหมดชั่วคราว, ไม่แนะนำให้สมาชิกของ CCF ส่งงานวิจัยเข้าร่วมในงานประชุมวิชาการหรือวารสารของ Computer Society, แนะนำให้สมาชิกหยุดช่วย Computer Society รีวิวรายงานวิชาการ
ที่มา - CCF
Comments
ดูไปดูมา กลายเป็นเจ็บทั้งคู่ แต่ระยะยาวสหรัฐเสียเปรียบ เหมือนถือไพ่อยู่เหนือดีๆ ไม่ชอบ กลายเป็นเปิดไพ่ขู่เขาไปทั่ว ต่อไปทุกประเทศจะระแวงสหรัฐกันหมด และพึ่งพาตัวเองมากขึ้น กลายเป็นคำว่านานาชาติ หน่วยงานกลาง จะค่อยๆ หายไป
เห็นด้วยครับ ผมว่ารอบนี้ส่งผลเสียต่ออเมริกาในระยะยาวเลยแหละ เผลอๆ ได้ไม่คุ้มเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าเอาความสะใจ ถ้าเอาชื่อว่าได้ปราบบริษัทจีน แน่นอนว่าครั้งนี้ทำสำเร็จแน่ และถ้าหนักจริงๆ อาจทำให้หัวเว่ยล้มได้ แต่นั่นก็ทำให้บริษัทจีนหายไปเพียงแค่หนึ่งบริษัท แต่ของแบบนี้ตายหนึ่งเกิดสิบ คิดว่าจีนไม่มีศักยภาพที่จะกลับมาได้หรือไง จีนอาจจะเป๋ไปพักนึง แต่เชื่อว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นโดยพึ่งพาแต่เทคโนโลยีของตัวเองกลับมาบุกตลาดโลกแน่นอน
ซึ่งถ้าพิจารณาก่อนที่อเมริกาจะแบนหัวเว่ย ก็ถือว่าอเมริกาถือไพ่เหนือกว่าอยู่แล้ว ถือเทคโนโลยีระดับล่าง/พื้นฐานเอาไว้เยอะมาก องค์กรควบคุมมาตรฐานก็อิงอเมริกาอยู่เยอะ ถ้าอยู่ในสภาพนี้ก็ยังตีกินต่อไปอีกยาวๆ อีกหลายสิบปีเลย แต่พอทำแบบนี้แล้วจบกัน กระต่ายตื่นกันหมด เทรนด์จะเปลี่ยนไปเป็นการพัฒนาและพึ่งพาเทคโนโลยีของตัวเองกันแน่นอน
ทรัมพ์สุดโต่งเกินไปจนบางครั้งก็ไม่รู้ว่านี่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วหรือมีแต่ลูกบ้าอย่างเดียว แต่เกมการเมืองแบบนี้สุดโต่งก็มีแต่ยับแหละครับ เพราะฝั่งจีนยังมีการดูเชิง นิ่ง สุขุมและรอบคอบกว่าเยอะเลย ถ้าฝั่งจีนมีลูกบ้าด้วยคนเนี่ย ป่านนี้แบนการผลิต iPhone แบนส่งแร่ Rare earth และแบนสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ ไปแล้ว ถ้าจีนทำจริงเนี่ยได้ผลแน่นอนเพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสะดุดและมีปัญหากับทรัมพ์แน่ แต่จีนคงไม่ลูกบ้าอย่างนั้นและน่าจะทำอย่างรอบคอบกว่า เพราะถ้าไปเล่นแบบนั้น การลงทุนในจีนของบริษัทต่างชาติก็ไม่น่าเชื่อถือและมีปัญหาในระยะยาวอีกเช่นกัน
ผมว่าที่ Trump ทำก็เพื่อตอบสนองนโยบายและการรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐฯ และเป็นการรักษาคำพูดที่ให้ไว้ตอนเลือกตั้ง รวมถึงประชาชนบางส่วนก็เหลืออดกับสถานการณ์ในสหรัฐฯ ตอนก่อนเลือกตั้งก็เยอะ เลยเลือกเข้าเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นหลัก
ส่วนอีกเรื่องก็จีนทำธุรกิจและต่อสู่แบบเอาเปรียบสหรัฐฯ ไปทั่ว ไหนจะเรื่องจารกรรมอีก (ก็คงไม่แพ้แบบกับที่สหรัฐฯเอาเปรียบคนอื่นไปทั่วในนามเสรีภาพ เพื่อคงความเป็นใหญ่และการคงอยู่ของพันธมิตรในโลกที่ทุกอย่างอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯ ทั้งหมด)
แต่ก็อย่างที่ว่า สุดโต่งเกินไปก็มีแต่ผลเสียในระยะยาวทั้งสหรัฐฯ เองและทั่วโลก แน่นอนว่ามีผลกับการเลือกตั้งปี 2020 แน่นอนไม่มากก็น้อย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมว่าจริงๆ ตอนนี้ USA นี่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วนะ แค่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา บริษัทฝั่ง IT นี่กอบโกยกันเมามันขนาดไหนก็เห็นอยู่ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมๆ ที่ผ่านมาไง คนที่เคยได้ประโยชน์ได้น้อยลง
ถ้ากลับไปแบ่งแยกเหมือนก่อนนี่ก็สายไปแล้วที่จะรู้สึกตัว
tag Chinam นี่พิมพ์ tag ผิดป่าวครับ?
ทำถูกแล้ว การโดนอันธพาลรังแก มันก็ต้องสู้กลับ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า อย่ากระทำเพียงฝ่ายเดียว ก่อนทำควรคิดว่า เป้าหมายของตนเอง คือ อะไร?
เห็นด้วยครับ เพราะ IEEE มันควรเป็นหน่วยงานกลาง ไม่ใช้สหรัฐสั่งก็ทำตามไปหมดต่อไปคงต้องตั้งหน่วยงานกลางที่ไม่ต้องขึ้นกับประเทศไหนเลย
กลายเป็นสงครามเย็นแหงๆ
I need healing.
"ได้เฉออกจาก" นี่ตอนแรกผมนึกว่าพิมพ์ผิด ก็คิดอยู่นานว่าตั้งใจจะเขียนว่า แฉ เฉลย หรืออะไร จนมานึกออกเออมันอ่านเฉก็ได้นี่หว่า lol
สหรัฐยุคทรัมป์มันบ้าอำนาจเกินไป สมาคมเทคโนโลยีต่างๆที่คอยกำหนดมาตรฐานระดับนานาชาติโดนกดดันให้ร่วมแบนไปด้วย
การลงทุนในวิจัยในจีนสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตนวัฒกรรมก็อาจจะเกิดจากเงื้อมมือชาวเอเชียมากขึ้น
แต่ด้วยโลกปัจจุบัน คิดผลงานได้ที่ไหนก็มักเอาผลงานไปกระจุกที่อเมริกา แล้วพึ่งอเมริกาในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
แต่เมื่อมีสงครามการค้า ความร่วมมือที่ผ่านมาจู่ๆกลายเป็นหายไปในอากาศ เพราะดันเข้าไปร่วมเอาผลงานไปกระจุกที่อเมริกาเอง
จีนก็คงลดความร่วมมือต่างๆลงเป็นพึ่งตนเองมากขึ้น
เขามีแค่จีนกับเมกาหรอถึงบอกว่าไม่เป็นนานาชาติอีกต่อไป ?
น่าจะหมายถึงว่าพอมีปัญหากับอเมริกาสามารถโดนตัดออกไปได้เลย
การกีดกันชาติใดชาติหนึ่ง ก็เรียกนานาชาติไม่ได้แล้ว
หมายถึงเมื่อชาติใดชาติหนึ่งมีปัญหากับอเมริกา สามารถจะถูกเตะออกจากสมาคมที่เป็นนานาชาติได้ทุกเมื่อ ดูเหมือนว่าอเมริกามีอำนาจล็อบบี้สมาชิกในสมาคมให้ร่วมแบน
อยากเห็นองค์กรไอทีประกาศย้ายที่ตั้งจากสหรัฐไปยุโรปคงสนุกน่าดู
คือเข้าใจว่าต้องทำตามคำสั่ง แต่ถ้ามาบังคับใช้กับกรณีองค์กรที่รับหน้าที่ระดับนานาชาติแบบนี้ เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ทำให้ America ดูยิ่งใหญ่เลยแฮะ โลกเราไม่ควรจะแตกแยกขนาดนั้น เง้อ
..: เรื่อยไป
ข่าวต้นทางเป็นการตัดสัมพันธ์กับ Communications Society (ComSoc) นะครับ ไม่ใช่ Computer Society.
อันนี้เห็นด้วย IEEE ทำเกินไปอะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
IEEE ตัดสิท reviewer อันที่จริง งานวิจัยโดนลอกก่อน approve โดย reviewer คนจีนนี่เยอะอยุ่ สามเดือนนี่ได้งานใหม่ออกมาเหมือนเป้ะ แต่เคสนี่เล่นไม่ส่งงานวิจัยเลย มันเกินไปหน่อย
ผลของการทำอะไรไม่คิด ต่อไปก็จะมาหลายมาตรฐานมาให้คนใช้ปวดหัวเล่น
ส่วนที่ว่าเพราะจีนชอบลอกเลยต้องตอบโต้ ก็ถามกลับว่าอเมริกาประเทศเสรี มีอะไรทำตามกฎหมายไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ใช่เหรอ สุดท้ายก็ไม่ต่างกับที่ไปว่าประเทศอื่นเป็นอันธพาลหรอก
จีนยังไม่ออกหน้า ตอนนี้ดูเหมือน อเมริกากำลังกำจัดแค่บริษัทจีน จีนคงรอเอาคืนอยู่ขอแค่มีเหตุผลดีๆหนุน บริษัทอเมริกาโดนแน่