Tony Fadell อดีตวิศวกรแอปเปิลผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา iPod ได้เปิดโอกาสให้ผู้ติดตามสอบถามประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการพัฒนา iPod ทาง Twitter ของเขา โดยคำตอบของ Fadell นั้น ก็มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง
Fadell มองว่าความสำเร็จของ iPod (ตลอดจน iPhone รุ่นแรก) เกิดจากการปล่อยสินค้าสู่ตลาดในเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งการออกแบบใหม่ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ นอกจากนี้เขาบอกว่าโครงการ iPod นั้นพัฒนาและออกสินค้าได้รวดเร็วมากจนเกินความคาดหมายของสตีฟ จ็อบส์
เขายังพูดถึงกลยุทธ์หนึ่งคือการออก iPod รุ่นอัพเกรดใส่ฟีเจอร์ เพื่อรักษาระดับราคาที่สูงไว้ ขณะเดียวกันก็ออกรุ่นราคาถูกให้มีราคาถูกลงเรื่อย ๆ ทำให้ได้ทั้งกำไรและเพิ่มฐานลูกค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มของแอปเปิลในเวลาเดียวกัน
เมื่อถามถึงคู่แข่งที่แอปเปิลกลัวในตอนนั้น Fadell บอกว่าเขามองโซนี่คือคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะโซนี่ครองตลาดอุปกรณ์ฟังเพลงทุกหมวดอยู่ก่อนหน้า แต่ก็มองว่าที่โซนี่ไม่ชนะในตลาดนี้ เนื่องจากโซนี่ก็ไม่ต้องการให้ MP3 เข้ามาแย่งตลาดซีดีที่ตนเองมีธุรกิจ Sony Music อยู่ด้วย จึงเป็นความขัดแย้งกันเองภายใน
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกประการของ iPod คือการรองรับ Windows และพอร์ต USB 2.0 ในตอนนั้น Fadell บอกว่าเดิมทีสตีฟ จ็อบส์ไม่เห็นด้วยเลยกับแผนนี้ เพราะต้องการให้รองรับเฉพาะ Mac และใช้ FireWire เพื่อควบคุมประสบการณ์ใช้งาน แต่คนที่ช่วยโน้มน้าวจนจ็อบส์เปลี่ยนใจก็คือ Walt Mossberg นักข่าวสายไอทีชื่อดัง เพื่อนสนิทของสตีฟ จ็อบส์
Comments
iPhone iPad ก็จะเป็นแนวเดียวกัน คงราคาที่สูงไว้ และขายรุ่นที่ถูกไปด้วย
Sony มีเทคโนโลยีชั้นนำหลายอย่าง คนก็คิดว่าถ้าเอาสิ่งที่ Sony มีมารวมกันนี่เจ๋งเลย
แต่ถึงเวลามันเตะตัดขาภายในกันครับ อารยธรรมทรามมาก เทียบได้กับประเทศเราช่วง 10 - 20 ปีที่ผ่านมาเลย
MD sony เลยไม่เกิด
ตอนนั้นโคตรอยากได้มากๆ สวยเท่ น่าใช้ อัดเพลงจาก cd ได้
แต่ยุค mp3 กำลังมา เลยจบเลย
จริง ๆ md มีอายุประมาณ 7-8ปีแล้วในช่วงที่ mp3 ออกมานะครับ
แต่มันไม่เกิดเพราะว่าอุปกรณ์มันแพงไปหมดมากกว่ามั้ง??
ใช่ครับ ออกมานานแล้วในญี่ปุ่นก็ฮิตมาก แต่จุดเด่นยังไม่มากพอ ถึงจะอัดเพลงจาก cd ได้ แต่คนก็ยังฟังแบบ cd เดี่ยวๆ อยู่มากกว่าพอเครื่อง mp3 ออกมา ยัดได้เป็น 100 เพลง ตอบโจทย์เลย เพราะย้ายเพลงจากในคอมมาใส่ได้ง่ายๆ เลย
จนเกิดความคาดหมาย = จนเกินความคาดหมาย
ถ้าเป็นอย่างที่จอบส์บอกขึ้นมาจริง เราอาจจะไม่เห็น mp3 เกลื่อนแบบทุกวันนี้ก็ได้ เพราะหลักๆมันมาจากเครื่องเล่น mp3 ล้วนๆ
“การออก iPod รุ่นอัพเกรดใส่ฟีเจอร์ เพื่อรักษาระดับราคาที่สูงไว้ ขณะเดียวกันก็ออกรุ่นราคาถูกให้มีราคาถูกลงเรื่อย ๆ ทำให้ได้ทั้งกำไรและเพิ่มฐานลูกค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มของแอปเปิลในเวลาเดียวกัน”รู้สึกเหมือน iPhone ก็เดินตลาดตามแนวทางนี้แฮะ
นึกถึงอารยธรรม Memory $tick ไม่มีอะไรต่างกับ sd card เลย นอกจากราคาที่แพงกว่า
เหมือนเป็นกันทุกที่ ที่ผู้บริหารมักจะไม่ค่อยฟังคนเก่งๆ ที่อยู่ภายใน แต่กลับเชื่อข้อมูลจากคนข้างนอก
ออกแนวดูถูกคนใน ถ้าเอ็งเก่งกว่าข้าก็คงไม่มาเป็นลูกน้องข้าหรอก.. คนนอกพูดอะไรน่าเชื่อถือกว่าเสมอ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
คำว่าสำเร็จ ยังใช้ได้อยู่ไหม
นึกว่าคู่แข่งคือ Zune 555
Zune เห็น James Gunn เอาไปไว้ในหนัง Guardians Of The Galaxy (อารมณ์ของตกยุคที่ชาวเทอร่าไม่ใช้แล้ว) เหมือนมีข่าวว่า Microsoft ไม่พอใจกับฉากฮาที่ว่า
ยอมรับว่า iPod ประสบความสำเร็จ
แต่ผมยังรู้สึกชอบ Apacer Mp3 Player ถูกๆมากกว่าเยอะ
มันง่ายไม่ต้องลง iTune โยนๆไฟล์ใส่จบ ราคาหลักพันต้นๆด้วย
ถ้าเทียบๆ music player ในตอนนั้น ผมค่อนข้างบูชา click wheel ครับ ถือว่านี่คือประดิษฐ์ที่เปิดโลกของผมเลย
เหมือนกันเลย พูดถึง iPod จะนึกถึง click wheel เป็นลำดับแรก ว้าวมากจากคนที่มี iPod 4 เครื่อง แต่ไม่เคยใช้ iPhone :P
ตอนนั้นใช้ apacer เหมือนกัน รุ่นมีจอสี
เห็นเพื่อนใช้ ipod แล้วรู้สึกแปลกที่แบบเออมันไม่มีจอ ใช้ถนัดเหรอ
กับอีกคนใช้รุ่น classic รู้สึกว้าว มาก ปุ่มมันเจ๋งดีรูดๆได้ เสียงดีมาก
หูฟัง bluetooth sony ยังใช้กับ ps4 ไม่ได้เลยทุกวันนี้
My iOS apps My blog
การปล่อยสินค้าสู่ตลาดในเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งการออกแบบใหม่ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เห็นด้วย คิดมาดี