สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) จะ เสนอมาตรการ ให้สายชาร์จมือถือมีมาตรฐานเดียว เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถ้าหากดูสายชาร์จในท้องตลาดปัจจุบันก็แบ่งได้เป็น Micro USB, USB-C สำหรับ Android และ Lightning ของแอปเปิล ประกาศนี้ผู้ที่น่าจะกระทบหนักที่สุดคงเป็นแอปเปิล ล่าสุดมีท่าทีจากแอปเปิลออกมาแล้ว
โดยแอปเปิลออกแถลงการณ์ว่าข้อกำหนดนี้จะเป็นการหยุดนวัตกรรม มากกว่าส่งเสริมให้เกิดสิ่งใหม่ รวมทั้งส่งผลเสียกับลูกค้าและเศรษฐกิจของยุโรปด้วย อย่างไรก็ตามแอปเปิลเองก็ระบุเพิ่มเติมว่าการบังคับใช้นั้นที่จริงไม่จำเป็น เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C เป็นสายชาร์จมากขึ้นอยู่แล้ว
แอปเปิลยังเปิดเผยผลการศึกษาโดย Copenhagen Economics ที่แอปเปิลให้เงินสนับสนุนว่าหากบังคับใช้สายชาร์จมาตรฐานเดียว จะทำให้ลูกค้าในยุโรปมีต้นทุนเพิ่มทุน 1,500 ล้านยูโร ขณะที่ประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมที่ได้กลับกันนั้นอยู่ที่ 13 ล้านยูโร
ที่มา: Reuters
Comments
จ้าาาา
55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555พูดมาได้ นวัตกรรมใหม่ก็ร่วมกันพัฒนาได้จะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
ได้ข่าวว่าพี่เป็นคนผลักดันให้มันเกิดจากการออก Macbook ที่มีแต่ type C ล้วนๆ
I need healing.
ยับยั้งนวัตกรรมหรือยับยั้งค่าลิขสิทธิ์สำหรับผลิตสาย lightning?
เอาจริงๆ สาย charge notebook มีความหลากหลายมากกว่าอีก ถ้าผลักดันให้ไปใช้ type c หมดก็ลดไปได้เยอะ
ช่วงนี้หลายเจ้าเริ่มย้ายไปใช้ USB-C PD กันแล้วนะครับ ผมว่าไม่นานเท่าไรหรอก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
รายได้จากสายกำลังจะหาย พอเขาจะบังคับก็เพิ่งมาโวยวายเนี่ยนะ?
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Lightning พี่ยัง USB 2.0 อยู่เลย ฝั่ง USB-C เค้าไป USB 3.2 gen 1-2 กันแล้ว
ต้นทุนเพิ่มทุน > ต้นทุนเพิ่มถึง
ปัญหาจริงๆคือคนที่ยังใช้สายชาร์จรุ่นเก่าทั้งหลายจะหาอะไหล่สำรองยากขึ้น&แพงขึ้นด้วย (บ้านเราอาจไม่มีปัญหาตรงนี้เท่าไหร)
ต่อไปถ้ามี usb-d e f ถึง z มันไม่โดนบังคับทุกรอบเหรอ
MacBook กับ iPhone นี่คนละเจ้าของกันเหรอครับ? รู้สึกมันเหมือนขัดๆกับคำพูดตอน MB เปลี่ยนมาใช้ USB-C ยังไงไม่รู้ 55+
ท่านช่างย้อนแย้งยิ่งนัก
ท่าจะลืมว่าปี 2017 ตอนเปิดตัว iPad Pro ก็ทิ้ง Lightning port มาซบ type-C แล้วไม่ใช่รึ
แล้วอ้างเรื่องนวัตกรรม แล้วอย่างที่ท่านเคยใช้ 30-pin connector ของตัวเองที่ใช้มาตลอด 11 ปี ในขณะที่คนอื่นใช้ micro USB อันนั้นเรียกนวัตกรรมตรงไหนบ้าง?
แล้วตอนปี 2014 ที่ทิ้ง 30-pin เปลี่ยนมา Lightning port (ซึ่งก็ที่มีแต่ Apple เท่านั้นที่ใช้) ก็แช่ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลเท่าเดิม ในขณะที่คนที่ใช้ micro USB เค้าไปถึงไหนๆกันแล้ว นั้นก็เรียกนวัตกรรม?
ตอนนี้ มาตรฐาน USB C มันทั้งรับ ทั้งส่งข้อมูลความเร็วสูงมากๆ ส่งไฟพลังงานสูงได้ เสียบสลับด้านได้ แถมทุกวันนี้ท่านก็เอามาใช้ชาร์ต MacBook ท่าน มันไม่ใช่นวัตกรรมตรงไหน
งั้น Macbook USB Type C กับ Ipad Pro ก็เป็นทางเลือกที่ Apple คิดว่าหยุดยั้งนวัตกรรม หรอ ?? ขัดแย้งในตัวเองมาก ECO System มากครับ หึหึ
Lightning port นี่นวัตกรรมเต่าเลยนะ 555 ยังไม่เป็น usb3 เลย
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
แอปเปิ้ลนี้เขาเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านสายชาร์ตเพียงอย่างเดียวหรือเนี่ย
"อย่างไรก็ตามแอปเปิลเองก็ระบุเพิ่มเติมว่าการบังคับใช้นั้นที่จริงไม่จำเป็น เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C เป็นสายชาร์จมากขึ้นอยู่แล้ว"
ประโยคนี้ดูย้อนแย้งตัวเองดีนะ สรุปคือ ถึงไม่เปลี่ยน อย่างไงแอปเปิลก็เปลี่ยนอยู่ดี แต่ถ้าเปลี่ยนก็เป็นการยับยั้งนวัตกรรม งงในงง
ประโยคนี้ไม่ย้อนแย้งนะ แอปเปิลไม่อยากให้ออกเป็นกฎบังคับ ไม่ได้บอกว่า usb-c ไม่ดี ส่วนเรื่องยับยั้งนวัตกรรมคงเป็นเรื่องอนาคต ถ้าจะมี port ใหม่ๆ มันจะยาก เพราะต้องไปผ่านกฎหมายให้ใช้ได้ก่อนถึงจะออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ port นั้นๆ ออกมาได้ แล้วทุกคนก็ต้องใช้ port เหมือนๆ กัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ข้อดีข้อเดียวของ Lightning คือ กินพื้นที่น้อยกว่า Type-C อย่างเดียวเลยเท่าที่เห็นแต่ถ้าใครเคยแกะ หรือดูคลิ๊ปแกะ iPhone จะเห็นว่า พื้นที่รอบๆ Lightning ก็ยังเหลือๆ ที่จะยัด Type-C
แสดงว่า Apple ออกแบบไว้รอเปลี่ยนเป็น type c อยู่แล้ว แต่ไม่ไปเพราะ.....
มองได้ 2 ด้านนะ ผมมองว่า
ทางแรก ลดขยะได้จริง และ สาย 1 เส้นใช้ได้ทุกอย่าง สบายไม่ต้องเสียเงินซื้อหลายแบบ
ส่วนอีกด้าน ถ้ากำหนดไปแล้วแสดงว่าจะใช้มาตรฐานเดิมนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่ามาตราฐานใหม่จะเป็นที่ยอมรับแม้จะได้รับความนิยมนอกยุโรปไปสักพักแล้วก็ตาม แต่ก็นำมาขายในยุโรปโดยตรงไม่ได้(หิ้วกันมาเอง) และถ้ามีตัวใหม่ที่ดีกว่ามาของที่มาจากไลน์การผลิตแบบเก่าที่มีเยอะๆจะทำยังไง โล๊ะทิ้ง? จะเอามาขายแบบคู่ขนานก็ไม่ได้ เพราะจะผิดต่อมาตราการนี้ทันที ยกเว้นจะมีการเว้นช่องไว้ให้มีการเจรจาได้เป็นรอบๆไป ไม่หักดิบว่าต้องขายได้แบบเดียวเท่านั่นในตลาดยุโรป
ไม่อยากเปลียนก็ไม่ต้องเปลี่ยนครับ สู้ๆ แอปเปิล
หยุดยั้งนวัตกรรมด้านกำไร
oxygen2.me , panithi's blo g
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
"เราออกแบบสายให้เปื่อยง่าย เพื่อให้คนเปลี่ยนบ่อย ๆ เป็นการสนับสนุนนวตกรรมของผู้ผลิต" -- พี่เปิ้ลไม่ได้กล่าวไว้
ที่เค้าว่ายับยั้งน่าจะหมายถึง เพราะมันจะไม่มีคนที่จะคิดสายที่มันดีกว่าสาย USB-C ออกมาเพราะทุกคนถูกบังคับว่าต้องใช้ USB-C ?
ชักอยากรู้มากขึ้นว่า "จะทำให้ลูกค้าในยุโรปมีต้นทุนเพิ่ม 1,500 ล้านยูโร" คือยังไง?
ขึ้นราคา adaptor port typec to lightning สำหรับ iPhone รุ่นเก่า
ขึ้นราคา adaptor แบบ fast charge ขายแยกสำหรับ iPhone รุ่นใหม่
ปล. Adaptor ในกล่อง จ่ายไฟเท่าเดิมนะจ๊ะ
อันนี้ก็เดาเอาเอง apple ไม่ได้กล่าวไว้
คำพูดจากคนที่ออกแบบสายต่อเพิ่มความยาว USB มา โดยเพิ่ม"ติ่ง"เอาไว้ เพื่อไม่ให้ใช้กับอุปกรณ์ usb คนอื่นได้
ผมมีสายแบบในลิงค์นี้อันนึง
https://external-preview.redd.it/JCh-ccCEdNkrVebc-qAS200xsEW9l7AePAftKmtQlKY.jpg?auto=webp&s=325d64c50618b1a00669023ce8e9b633865803ae
อย่างน้อยพี่ควรอัพไส้ใน Lightning ของ iphone เป็น usb 3 แบบสมัย ipad หน่อยเถอะ
ไม่น่าจะทำได้นะครับสเปคมันไม่น่าจะไหว แต่สิ่งสำคัญกว่าน่าจะเป็นการลงงบวิจัยที่ไร้ประโยชน์เพราะตอนนี้ทุกอย่างอยู่ใน type-c หมดแล้วมีให้พร้อมใช้ ทำไลต์นิ่ง2มาก็ไม่แตกต่างจะเป็นเหมือนตอนเอาพอร์ต firewire มาชนกับ usb ที่ไม่มีใครเขาเอาด้วยจนต้องหายไปเอง
ทำไปแล้ว
แอปเปิลยืนยัน Lightning พอร์ทบน iPad Pro รองรับ USB 3.0 ตอนนี้ก็มีสาย usb-c ออก lightning แล้ว
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นว่า ipad ออก usb-c ข่าวพวกนี้เลยหายไปหมด
เรื่องนวัตกรรมผมว่าถูกส่วนหนึ่งนะ ก่อนหน้านี้สมมติถ้ากำหนด micro usb เป็นมาตรฐาน กว่าจะได้ใช้ usb-c ต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง ใช้คู่กันไประยะหนึ่ง หรือจะบังคับรุ่นที่วางขายใหม่ต้อง usb-c ไปเลย จัดการกับอุปกรณ์เก่า สายเก่า ค้าง stock ยังไง ถ้าไม่บังคับ ใครพร้อมก็ไปก่อนเลย ใครยังไม่พร้อม อย่างอุปกรณ์ถูกๆ หลายตัวก็ยังเป็น micro อยู่ก็ยังขายได้ เช่นกัน ถ้ามี port ใหม่ที่ดีกว่า usb c กระบวนการเปลี่ยนผ่านจะเป็นรูปแบบไหนผมว่ามันมีข้อดีข้อเสียแหละครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อันนี้ผมมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในทั้งสองฝั่ง เห็นด้วยในเรื่องการลดขยะ และไม่เห็นด้วยในการบังคับจนนวัตกรรมในอนาคนมันเกิดยาก ซึ่งผมยังเชื่ออยู่ว่าถ้าของมันไม่ดีจริง มันก็จะสูญพันธุ์ไปเอง เพราะในอดีตก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแอปเปิลไม่ได้ทำของที่จะเป็นที่ยอมรับหรือประสบความสำเร็จเสมอไป
ประเด็นคือมันไม่ควรเป็นกม. เพราะงี้เวลาจะขยับไปมาตรฐานถัดไปก็ต้องรอ EU ออกกม.ใหม่งี้หรอ? เพราะถ้าเอาพอร์ตอื่นมาจะขาย EU ไม่ได้งี้?
USB-C ปลดล๊อคเครื่องง่ายเฃย
คือมันก็มีเหตุผลนะ แต่ในบริบทนี้แล้วเหมือนคำพูดของท่านวิษณุเลยอะ
เหมือนมานานแล้ว หรือว่าเพิ่งจะมารู้สึกว่าเหมือนตอนเค้าไปทำงานให้ฝ่ายตรงข้ามครับ? พอดีแกทำงานให้ทั้งสองฝ่ายอะนะ
แล้วแต่คุณจะคิดเลยครับ
ชอบ Lightning แค่ตรงมันเล็ก ที่สายหัวมันเป็นทรงตัน ส่วนฝั่งเครื่องก็รูโล่งๆ
ส่วน USB-C หัวสายกลวงๆ ตรงกลาง แถมฝั่งเครื่องเองมีแกนตรงกลาง กลัวไม่ทนเท่า แต่อนาคตไป C หมดก็ C เหอะ จะได้ไม่ต้องพกสายเยอะแยะ หัวชาร์ทหลายๆ แบบอีก
เออ เวลาพูดว่ามันหยุดนวัตกรรม ตัวสาย Lightning ของ Apple เองมากกว่าที่หยุดนวัตกรรม เพราะแทบไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่ๆ ให้รองรับมากนัก
ผิดกับฝั่ง USB-C ที่ตั้งแต่มันเปิดตัวมา ก็มี USB-PD หลังจากที่พวก Fast Charge เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น (ออกมาทีหลัง และมีมาไม่นาน) แล้วก็ปรับให้รองรับ USB 3.1-3.2 และรองรับ Thunderbolt 3 (เอามาต่อ eGPU เล่นเกมได้เลย) และยังมีอีกเยอะในแพลนที่กำลังออกมา เวลาซื้อ USB-C มาใช้จึงต้องตรวจสอบนิดนึง แต่ก็ไม่ยากเกินไป ซึ่งจะเห็นว่านับวัน USB-C ก็พัฒนาไปไกลจน Lightning ดูไร้นวัตกรรมอย่างที่บอกไปข้างต้น
กลับมาที่ตัวข้อบังคับทางกฎหมาย เอาจริงๆ ในยุโรปก่อนหน้านี้ก็มี micro USB ที่ถูกเสนอมาก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งพอมาเป็น USB-C ก็ถูกเสนอให้เปลี่ยน เอาจริงๆ ตัวการบังคับใช้กฎหมาย มันดีในแง่การลงทุนพัฒนาด้วยซ้ำ ว่าการบังคับมาตราฐานมันชัดเจน การผลิต และจัดจำหน่ายก็จะมีสเกลที่มากพอ และทำให้ราคามันถูกลง สุดท้ายผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ ผู้ผลิตบางกลุ่มก็ไม่ต้องลงทุนไปกับมาตราฐานที่หลากหลายมากเกินไปก็มีหลักยึดชัดเจน ส่วนกลุ่มบริษัทที่อยากพัฒนา ก็ต้องหาทางปรับเปลี่ยนเอาตามระบบไป คือกฎหมายมันไม่ใช่จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ซะที่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยอยู่แล้ว แต่มันแค่ช้ากว่า (นึกไม่ออก ให้นึกเรื่องพวก Industrial Satandard)
Lightning ไม่รองรับ PD??
Lightning ใน iPad Pro รองรับ USB3
มันพัฒนาได้ แค่มันยังไม่ทำ อีกอย่างสาย type c มาตรฐานห่วยมาก
มีทั้งรองรับ/ไม่รองรับ PD รองรับ/ไม่รองรับ USB3 รองรับ/ไม่รองรับ USB-C to DP
คือถ้าสายจะหลายมาตรฐานขนาดนี้ ควรกำหนดให้ระบุหน้ากล่องเลยว่าสายนี้รองรับอะไรบ้าง
iPad Pro ใช้ USB-C
ใช้ Lightning มาก่อนนะครับ รองรับด้วย แต่สุดท้ายก็ไป USB-C หมด จบเลย
แอปเปิลยืนยัน Lightning พอร์ทบน iPad Pro รองรับ USB 3.0
ขอบคุณครับนึกว่าใช้ตั้งแต่ต้นดูแต่ gen ล่าสุด แต่ตัวเก่ารองรับ 3.0 ดันให้สายไม่รองรับมาซะงั้น....
ก็ที่คุณกล่าวมานั่นแหะครับ "มันพัฒนาได้ แค่มันยังไม่ทำ" คือการตอกย้ำกว่า Apple คือผู้หยุดยั้งนวัตกรรม ถ้าทำได้ก็ทำมาเลย ไม่ใช่รอให้ USB-C เค้าทำไปก่อน พอเค้านิยม เค้าจะอิงมาตราฐานนี้แล้วมาโวยวายครับ
ส่วน USB-C มาตราฐานสายมีปัญหา สร้างความสับสน อันนี้ไม่เถียง ต้องแก้ไข แต่เป็นเรื่องของการการพัฒนารูปแบบการนำเสนอให้รัดกุมชัดเจน ซึ่งพัฒนาได้ และ USB-IF ก็ทำอยู่เช่นกัน
ไม่โวยได้ไง กำลังจะปล่อย lighning 2 กับ iPhone 12 พอดี 555
แต่เห็นด้วยเรื่องการพัฒนาสายที่ดีกว่า usb c มันจะยากไปด้วยเพราะเอาไปขายไม่ได้
สาเหตุที่ Apple อยากใช้ Lightning ต่อ เพราะจะได้เก็บค่าลิขสิทธิ์กับบรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมต่างๆที่จริงตอนออกแบบจอนนี่ไอฟ์อยากจะเอาไปใช้กับพวก MacBook ด้วยซ้ำ แต่ความสามารถมันอ่อนด๋อยเหลือเกิน เลยจำใจต้องไปใช้ usb-c
นวัตกรรมจาก บ. เดียว หรือนวัตกรรมจากทั้งโลกรวมกันอันไหนจะมากกว่ากัน
อันนี้ผมกับเห็นด้วยกับ Apple นะ, ปล่อยให้เป็นไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดีกว่าถ้าไปบังคับว่าทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้ USB-C แล้วใครมันจะไปลงทุนพัฒนา USB-D,E,F เพราะพัฒนามาก็ไม่สามารถเอาไปใช้ได้
+1
ถ้าดูตามกฎหมายถือว่าน่าห่วงเลย
เรื่องนี้ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
USB type C มาจาก USB-IF ซึ่งเป็นองค์กรกลางครับ ถ้าวันไหนความสามารถมันไม่เพียงพอ บริษัทต่างๆก็ผลักดันกันให้ USB-IF เปลี่ยน เมื่อ USB-IF เปลี่ยน regulation มันก็เปลี่ยนตามเอง
ปัญหามันอยู่ที่บางบริษัทไม่อยากใช้มาตรฐานกลาง จะเอาแต่ proprietary เก็บค่าต๋งเอากำไรจากผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดมากกว่า
อีกอย่าง proprietary บางตัวเนี่ย ขัดขวางนวัตกรรมชัดๆครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันจะกลายเป็น USB-IF ผูกขาดหน่ะสิครับ อะไรที่ผูกขาด การแข่งขันไม่มี ไม่มีอะไรกระตุ้นให้เร่งพัฒนา ถ้ามีคนอื่นนอกเหนือจาก USB-IF คิด port เชื่อมต่อแบบอื่นที่ดีกว่าได้ กว่าจะผลักดันให้แก้กฎหมายอาจจะทำได้ยากและใช้เวลานาน และเสี่ยงด้วย กว่าจะแก้ได้ USB-IF อาจจะมาปรับตัวให้ทัดเทียมแล้วก็ไม่ต้องแก้ port สุดท้ายใครจะอยากเสี่ยงมาคิดแข่งผมว่าไม่ควรเป็นกฎหมายบังคับ แต่อาจจะเป็นการสนับสนุนชั่วคราว เช่นอุปกรณ์ที่ใช้ port usb-c ได้รับการสนับสนุน หรือลดภาษี 3 ปี 5 ปี ก็ว่าไป เพื่อเร่งช่วงเปลี่ยนผ่าน Apple ก็ใช่ว่าจะแหกคอกขนาดนั้น อุปกรณ์หลายตัวก็ใช้ usb-c หรือชาร์จไร้สายก็ใช้มาตรฐานเดียวกับชาวบ้านอยู่
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมมองว่าไม่น่าผูกขาดนะคับ ยกตัวอย่างตอน micro usb บูมสุดๆ apple ออก lighting มา ก็มีคนคัดค้านบ้าง แต่จริงๆมันสะดวกมากกว่า จนคนไม่ได้สนใจคัดค้านอะไร
จนกระทั่ง usb 3.0 มา และ type c มา ข้อดี lighting ที่มีมากกว่าก็เริ่มหายไปเรื่อยๆจนสู้ไม่ได้ แต่เจ้าตัวรั้งจะใช้แต่ของตัวเองเรื่อยๆ จนผู้ซื้อเริ่มระอาแล้ว รัฐสภายุโรปเลยบังคับข้อนี้ออกมา
ทุกวันนี้ผมอยากให้มีพอร์ตที่เป็นหัวบอล จะหมุนทางไหนก็ไม่มีปัญหาเรื่องสายหมุนเกลียว สายงอหักใน แถมเรียงสายได้สวยด้วย และควบคู่กับแม่เหล็กที่ยึดให้มันไม่หลุดง่าย เหมือน Mac safe แต่ก็คงได้แค่ฝัน
USB-IF ผูกขาดอย่างไรครับ?
USB-IF ไม่ใช่องค์กรเดี่ยวนะครับ เป็นองค์กรที่เกิดจากบริษัทต่างๆมารวมกันช่วยกันผลักดันนวัตกรรมด้วยซ้ำ(Apple เองก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมเป็นหนึ่งในบอร์ดด้วย)
ถ้าจะพูดว่านานและเสี่ยงสำหรับ individual ในการคิดเทคโนโลยีและกระจายออก มันก็นานและเสี่ยงเป็นปกติอยู่แล้วครับในวงการนี้(เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ) แต่การสร้างนวัตกรรมจากบริษัทต่างๆผ่านองค์กรกลาง(ที่เกิดจากหลายๆบริษัท) มันเสี่ยงน้อยกว่าการโดน proprietary ยึดอยู่แล้ว
อันนี้ขอยกตัวอย่างเรื่อง USB type C ก็แล้วกันครับ ในปัจจุบันสาย USB type C มีเยอะมากหลากหลายยี่ห้อแต่ละยี่ห้อก็มี นวัตกรรมแตกต่างกันออกไปเช่นการชาร์ต แต่การกำหนดบังคับให้อย่างน้อยสายเหล่านั้นต้องเป็น USB-IF complianceเป็นการรับประกันได้ว่าอย่างน้อยในนวัตกรรมที่ต่างกัน คุณก็ยังใช้ความสามารถขั้นต่ำของมาตรฐานนั้นๆได้
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
การเป็นองค์กรกลาง หรือจากหลายบริษัทรวมตัวกันไม่ได้ทำให้ไม่ผูกขาดนะครับ แต่ความรุ่นแรงมันไม่เท่า เพราะไม่ได้เน้นกำไร แต่ผูกขาดยังส่งผลในเรื่องของการแข่งขันหรือตัวเลือกมันไม่มีครับ คือมันมีความต่างได้อยู่แต่ในข้อจำกัดตามมาตรฐานและผมเห็นว่าถ้า USB-IF พัฒนาได้ดีอยู่แล้ว จะโดน proprietary ยึดได้อย่างไร ถ้าโดนยึดได้จริงแปลว่ามันแย่กว่า แข่งขันไม่ได้ นั่นยิ่งย้ำว่าไม่ควรใช้มาตรฐานตาม USB-IF ถ้าพัฒนาแล้วไม่ได้ห่างมากไม่มีทางโดน proprietary ยึดหรอกครับ ถ้า USB-IF พัฒนาได้ดีกว่า port อื่นๆ ตายหมดเอง ส่วนกรณีไม่ต่างมากมันก็คงอยู่ต่อไปคู่กัน
เสริมนิดนึง ผมไม่ได้อยากให้มีสายหลายแบบนะครับ ผมแค่คิดว่ามันไม่ควรเป็นกฎหมาย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
USB-IF ไม่ใช่ผู้ผลิตสาย หรือพอร์ตโดยตรง เป็นผู้ออกมาตราฐานกลาง แล้วให้สมาชิกไปทำขายตามาตรฐานจะบอกว่าผูกขาดนี่น่าจะลำบากหน่อย
proprietary แบบ แอปเปิ้ลไงครับ ... ทำให้อย่างอื่นดีกว่า แม้สายจะห่วย แต่อย่างอื่นดี ก็ต้องใช้สายห่วยต่อไป
มันแข่งขันได้อยู่แล้ว (ก็อะไรที่ไม่ใช่แอปเปิ้ล ใช้ USB-C กันเกือบหมดอ่ะนะ เหลือที่เป็น Micro อยู่ก็ไม่มาก ซึ่งที่ไม่มาก็คือผลักภาระนั่นแหล่ะเพราะค่า Connector ไม่ได้เปลี่ยน แต่ดันภาระมาอยู่ที่ค่าสายเส้นอื่นแทน .... เดี๋ยวนี้หูฟังไร้สายยังมาใช้ USB-C ด้วยเลย) แต่มันมีรายที่ใหญ่มากระดับ Market share สูงมาก ขวางอยู่ เพราะของที่รายใหญ่มากขายมันดีเกือบทุกจุด ยกเว้นสาย
คุณจะหยุดสิ่งนี้ได้อย่างไรโดยไม่บังคับ ผมก็มองไม่ออก
ตัวกระตุ้นให้เร่งพัฒนามันมีอยู่แล้วครับ
เพราะถ้ามีใครคิดว่าต้องใช้อะไรผ่าน Connector ใดๆแล้วมันทำไม่ได้ ผู้นั้นย่อมต้องเข้าไปทำอะไรใน IF อยู่แล้ว และ IF เองก็เป็น Non-profit ด้วย (บริหารขาดทุนนะ) ... คือ IF มันไม่ใช่บริษัทในลักษณะนั้นนะครับ ฟีลจริงๆมันก็เหมือน Blognone + Wikipedia + Github อ่ะ ใครอยากเข้ามาก็เข้ามา มาตรฐานเองก็ Open อยู่ในระดับนึง มันแค่พัฒนาของชิ้นเดียวกันไปในทิศทางเดียวกัน ...
และถ้าของมันต้องใช้และมันต้องใช้ + เสนอเข้าไปแล้วโดนตีตก + ของมันดีตริงๆ
โลกยุคนี้มีทาง Public เยอะแยะไปหมด ... ก็ไปเริ่มจากที่ที่ไม่ใช่ยุโรป (เช่นจีน)
มันขวางไม่ได้นะ เพราะถ้าน้ำมันเชี่ยว เรือก็ล่มไปด้วย
แถเพื่อให้ความเห็นแก่ตัวของตัวเองดูมีเหตุผล มีมาตรฐานกลางไม่ใช่การขวางการพัฒนา แต่มันจะพัฒนาไปในทางเดียวกันไม่สะเปะสะปะ ขนาดไม่มีมาตรฐานมากำหนด บางบริษัทยังดันทุรังใช้สายคุณภาพต่ำเทคโนโลยีล้าหลัง หาเงินกับผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมอยู่เลย
lighting จะหายไปเองถ้ามีคนทำหัวแปลง lighting เป็น usb-c ได้สำเร็จ โดยไม่มีปัญหา และมีราคาถูก
เห็นด้วยกับแอปเปิ้ล ไม่ควรออกมาเป็นกฏหมาย ไม่งั้นของใหม่ ๆ จะไม่มีทางเกิดเลย แล้วมันจะผูกขาดด้วย USB หมดลองคิดสภาพว่าถ้ากฏหมายบังคับให้อะไร ๆ ก็ต้องตาม USB หมด แล้ว USB มันจะพัฒนาไปได้สักเท่าไรเชียว
ผมเชื่อว่า USB-C เกิดมาได้ ส่วนนึงได้แนวคิดมาจาก Lighning เรื่อง Reversible แล้วนำมาต่อยอด
สมมุติ อนาคตการส่งผ่านข้อมูลความเร็วสูงและชาจแบบ Wireless ทำให้เซฟพื้นที่ในเครื่องได้แต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะไม่ผ่านกฏหมาย หรือต้องรอให้ USB นำไปใช้เจ้าเดียว เจ้าอื่นไม่ต้องเกิดกันเลย
จริงของเขา ไม่ควรบังคับด้วยกฎหมายไม่งั้นจะไม่มี interface ใหม่ออกมาอีกต่อไป
ทำไมผมถึงได้เข้าใจว่า เขา (European Commission) ต้องการกำหนด "ขั้นต่ำ" ของอุปกรณ์ทั่วไปว่า ต้องเริ่มต้นด้วย/หรือรองรับ USB-C (เหมือนที่ขั้นต่ำของปัจจุบันคือ Micro USB (ตามความเข้าใจของผม)) ในอนาคตถ้ามีเทคโนโลยีใดๆ ที่ดีกว่า ก็ค่อยมากำหนด "ขั้นต่ำ" กันใหม่
ไม่ใช่ว่า "จากนี้และตลอดไป" เสียหน่อย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ไม่ตลอดไปหรอกครับ แต่การที่เป็นกฎหมายมันไม่ได้แก้ง่ายๆ และในเวลาสั้นๆ นะครับ ในขณะที่ปัจจุบันอย่าง usb-c ออกมาก็เริ่มขาย early adopter ทั้งหลายที่จ่ายแพงได้มากกว่าก่อน รุ่นท็อปๆ ออกมาก่อน ผลิตได้ mass ขึ้นราคามันก็ถูกลง แล้วลงมารุ่นล่างๆ เรื่อยๆ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มันจะไม่มีเทคโนโลยีใหม่ออกมาสิครับ เพราะเอามาใช้ก็ผิดกฎหมายจะให้แก้กฎหมายทีก็ยุ่งยาก
USB-IF Members ในนั้นรวมกันพันบริษัทได้มั๊ง จะบอกว่าหยุดยั้งนวัตกรรม ถ้าของมันต้องใช้ สายมันต้องทำงานได้ มันก็ต้องปรับให้มันใช้ได้ ถ้าบริษัทใหญ่ใดใน USB-IF คิดอะไรที่เวิร์คมันก็ต้องผลักดันให้เกิด และใครจะไม่อยากให้เกิด ... ส่วนข้างในจะทำให้ทำอะไรได้มากกว่าหรือเพิ่มเติม มันก็ไม่ได้เป็นข้อห้าม เพียงแต่ก็ต้องทำให้ได้ขั้นต่ำตามมาตรฐานด้วย
ในแง่ของตัวนำสัญญาณ เอาจริงๆ หลายตัวก็มีมาตรฐานมานานแล้ว RJ-45 ก็เป็นมาตรฐานที่ถูกบังคับใช้กันมากี่ปีแล้วไม่รู้ จะบอกว่าหยุดยั้งการพัฒนา ก็ตั้งแต่ CAT1-CAT2 ปี 1990 บนหัว RJ45 (8P8C) มาจนถึงทุกวันนี้ CAT8 ผ่านมา 30 ปี++ แล้ว ก็ถ้ามองอันนี้ว่า การมี 8P8C ใช้กันเป็นมาตรฐานนั้น นับว่าเป็นการหยุดยั้งการพัฒนา ก็คงได้ (แต่จาก Voice Only มาเป็น 25GBps แถมส่ง Power ได้ด้วย นี่ไม่นับเป็นการพัฒนาสินะ)
สายที่เป็น Mobile connection ก็ควรจะไปทางเดียวกับ LAN มานานแล้ว ทั้งเพื่อลดความสับสน และกำหนดกรอบให้ไปในทางเดียวกัน และรับรองการใช้งานแบบ Backward ด้วย
Interface ไม่ใช่ของควรเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยนะ ยิ่งถ้าเป็นสายสำหรับการชาร์จบน Portable Device มันไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ จะมี 99 Interface กับ สายอีก 99x99 ชนิด เพื่อแปลงไปมาทำไม ถ้าวัตถุประสงค์คือการ "ชาร์จ" .... ในกรอบ 5-10 ปี มันไม่ควรจะเปลี่ยนเลยสักครั้งด้วยซ้ำ
ทั้งหมดแล้วตัว Connector มันไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปมากเลย ไส้ในและวิธีการคุยกันต่างหากที่ทำให้เปลี่ยน คือตัวนำไฟฟ้า มันมีแค่นั้นอ่ะ ...
ขืน usb-c หมด แล้วจะขายสายเปื่อยได้ยังไงกันล่ะ
พูดออกมาได้ xxxxx !!
PS. การทำกิจอันใดเพื่อธรรมชาติ ไม่ควรจะตีราคาเป็นเงินได้นะครับ
ใครที่ ตีราคา การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนเงิน
ผมว่า มันแย่นะ
เห็นด้วย งดแจกถุงพลาสติกก็น่าจะแจกถุงขยะน่าจะแจกฟรีบ้าง
อาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่ด้วยการที่มันตีราคาเป็นเงินออกมาได้นี่แหละครับ ที่หลายครั้งมันทำให้การแก้ปัญหาทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว เหมือนที่สิงคโปร์แก้ปัญหามลภาวะทางอากาศโดยการปรับเงินบริษัทที่เกี่ยวข้องกับไฟป่าที่อินโด หรือใกล้เข้ามาอีกนิดก็หน่วยงานในข่าวนี้แหละ (EU) ที่มักจะใช้การปรับเงินเป็นมาตรการในการควบคุมเรื่องต่างๆ
ยังดื้ออีกจะกลายเป็น "โศกนาฏกรรม"
เลือกไม่ถูกเลย Apple ก็ผูกขาดหัว lightning ไม่ให้เจ้าอื่นทำแข่งขันก็ไม่ช่วยให้เกิดการพัฒนาอยู่ดี (พัฒนาในแบบที่ Apple ทำกำไรมหาศาลก่อนค่อยขยับต่อ) EU ก็จะบังคับ USB-C ให้ทุกเจ้าต้องใช้อันเดียว มันดู extreme เกินไป แต่จริง ๆ คุมกำเนิดหัวคอนเนคเตอร์ไว้ก็ดี เพราะพวกอินดี้มันชอบเยอะ ทำอะไรแปลกประหลาดให้ผู้ใช้ลำบากมาเยอะ ถ้าคอนเนคเตอร์ถูกห้ามไว้ไม่ให้ยุ่งคนคงเอาสมองไปคิดพัฒนาส่วนอื่น เอาจริง ๆ ไม่ต้องมีสายหลายเส้นประหยัดทองแดงลงดีที่สุด
ก่อนจะบังคับให้ apple ใช้ usb c ทำให้ usb c เป็นมาตรฐานเดียวกันก่อนดีกว่า ตอนนี้มีหลายแบบมากและสับสนไปหมด ทั้งรองรับ pd, ไม่รองรับ pd แต่ละเจ้าก็มีของตัวเอง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาบอกว่ารองรับหรือไม่, ทั้งรองรับ usb c 3.1 หรือไม่รองรับ เป็นต้น และอีกอย่าง adapter usb c แบบมีหลาย port ตอนนี้ก็มีน้อยมากมีทั้งรองรับ pd หรือไม่อีก
ไม่ได้บอกว่า apple ไม่ควรเปลี่ยนนะ แต่ถ้าเปลี่ยนทีก็ควรจะเริ่มที่ปีนี้เลย เสียดายที่ airpods pro ไม่ใช่ usb c ถ้าเป็นนะ คงเหลือแค่ iphone กับ ipad, air, mini
usb c มันก็มีมาตรฐานเดียวครับ แต่มันสามารถเอาไปใช้งานได้หลายรูปแบบ เพราะเอาจริง ๆ มันก็แค่ interface แบบนึงครับ
กำหนดมาตรฐานหรือสเปกของสายขั้นต่ำไปก็ได้นะ ก็กำหนดสเปกให้สูงกว่า lighting ไปหรือให้เท่า usb-c ก็ได้ ไม่ต้องกำหนดรูปแบบ เพราะผมเข้าใจว่าเบื่อ lighting เพราะสเปกมันห่วยมาก ณ ปัจจุบัน
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ spec ครับแต่อยู่ที่ interface ให้มันเป็นแบบเดียวกันเพื่อให้ลดขยะแล้วใช้งานด้วยกันได้ เหมือน USB-A 2.0 กับ 3.0+ นั่นแหละ
ก็แอปเปิ้ลผลักดัน USB-C จนทำแมคบุคมามีรูเดียวแล้ว เปลี่ยนแมคบุคโปรให้มีแต่รู USB-C แล้ว แต่ไม่ยอมให้ไอโฟนใช้โดยไม่มีเหตุผล แล้วบอกว่าคนอื่นหยุดยั้งนวัตกรรมเนี่ยนะ พูดออกมาได้อะครับ
ทำไมหลายคอมเม้นถึงมั่นใจจังว่า Apple จะทำสายชาร์จได้ดีกว่า?
หยุดยั้งนวัตกรรม? อันนี้ผมไม่เห็นว่า Apple จะทำได้ดีกว่าตรงไหน ถ้าทำได้ดีกว่า(ณ ตอนนี้) ไม่งั้นคงไม่มีกฏหมายมาบังคับหรอกครับ
EU คือโซนที่เห็นปัญหาของผู้บริโภคเป็นหลักครับ หลายคนอาจจะไม่เข้าใจหรือไม่ชิน
ปัญหาหลักๆตอนนี้คือทุกวันเรายังได้ยินคำว่า "มีสายชาร์จแบบนี้ไหม แบบนั้นไหม" และขยะสายชาร์จเยอะจริงๆ ฉนั้น EU จัดการแบบนี้ถูกแล้วครับ
ปล. ถ้างั้นผมขอเสนอให้ Apple เปลี่ยนปลั๊กหัวชาร์จไอโฟนเป็นแบบของตัวเองเลยครับ (เอาแบบต้องใช้รูเดียวไปเลย) จะได้เสียบเข้ารู ปลั๊กไฟมาตรฐานไม่ได้เหมือนกัน
ผมว่าเขาไม่ได้เจาะจงหมายถึง apple นะครับ แต่หมายถึงใครก็ได้
เอาอย่างไงก็ได้ครับ ต่อให้ Apple Lightning เป็นมาตราฐานผมก็โอเค ขอแค่อันเดียวพอ
ผมเข้าใจในมุมมองของผู้บริโภคนะ เพราะใครๆ ก็ไม่อยากยุ่งยาก อยากได้อะไรที่ดี อยากได้นวัตกรรม อยากรักษาสิ่งแวดล้อม แต่หลายอย่างมันก็ขัดกันหรือไปด้วยกันได้ยาก
ก็ดีกว่าจริงๆนะ magsafe Lightning (ตอนออกใหม่ๆ) usb-c
เทียบกับ สายชาร์จ surface นี่ อยากสาบส่ง
อย่างหัวเชือมต่อที่ใช้แม่เหล็กผมอยากให้มีสักมาตรฐานนะ ผมว่ามันดีมากกับอุปกรณ์พกพาเวลาพลาดกระชากสายก็ไม่ดึงเอาอุปกรณ์ตกไปด้วย
ปัญหาคือ MagSafe เป็นสิทธิบัตรของแอปเปิล เลยยากตรงนี้แหละ ยกเว้นว่าแอปเปิลจะยอมปล่อยให้ใช้สิทธิบัตรนี้เป็นของสาธารณะ (ซึ่งยาก)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
มันเป็นเรื่องผลกระทบในอนาคต ยังไงยุโรปผลักดันอยู่แล้ว ใครค้างคาอะไร ที่ถกเถียงกันตอนนี้ก็จำ URL ข่าวไว้แล้วค่อยเอามาพูดกันอีกทีครับ blognone อีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าไม่น่าจะหายไปไหนหรอก มันเป็นความมั่นใจของแนวคิดทั้ง 2 ฝั่งนั่นหล่ะ ลองให้เขาทำไปก่อนเด๊ี๋ยวก็รู้กันเองแหล่ะ อาจดีหรืออาจไม่ดีก็ได้
ถกกันตอนนี้มันพาลจะทะเลาะกันเปล่าๆ เหมือนตั้งธงกันในใจแล้วหาเหตุผลหาเหตุการณ์ในอดีตที่รองรับมาประกอบกันทีหลังแล้ว แบบนี้ต้องรอดูผลในอนาคตอย่างเดียวเท่านั้นแหล่ะ