Basecamp แอพจัดการโครงการชื่อดัง (บริษัทของ David Heinemeier Hansson ผู้สร้าง Ruby on Rails) เปิดตัวบริการใหม่ Hey เป็นระบบอีเมลแนวคิดใหม่ ที่แก้ปัญหาความน่ารำคาญหลายเรื่องของอีเมล
Hey มีแนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ระบบป้องกันคนแปลกหน้าส่งอีเมลมารบกวน โดยทุกครั้งที่ได้รับอีเมลจากคนที่ไม่รู้จัก อีเมลจะเข้าไปอยู่ในกล่อง The Sreener ให้เรากดเลือกว่าจะรับอีเมลจากบุคคลนั้นอีกหรือไม่
เมื่อเราบอกรับอีเมลจากบุคคลนั้นแล้ว อีเมลจะถูกแยกเป็น 3 หมวด (แนวคิดคล้ายๆ Gmail/Inbox) ได้แก่
- Imbox (ไม่ใช่ Inbox) อีเมลที่สำคัญจริงๆ
- The Feed จดหมายข่าว เมลประชาสัมพันธ์ เมลกลุ่มที่ไม่ต้องอ่านก็ได้ เก็บเข้าหมวเดเดียวกันให้อ่านยามว่าง
- The Paper Trail เมลที่เรามักไม่อ่าน แต่ต้องการเก็บไว้ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบยืนยันการสั่งสินค้า
นอกจากการคัดแยกอีเมลเป็นหมวดหมู่ Hey ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจคือ
Reply Laterสำหรับการอ่านเมลแต่ไม่มีเวลาตอบ เราสามารถกดปุ่ม Reply Later เพื่อเก็บไว้ตอบในภายหลังรวดเดียวได้ ตรงนี้ Hey บอกว่าตั้งใจทำปุ่มนี้มาให้เฉพาะกิจ แตกต่างจากแพลตฟอร์มอีเมลอื่นๆ ที่ต้องใช้ปุ่ม Mark Unread หรือติดดาวไว้ให้รู้ว่าต้องมาตอบทีหลัง
เมื่อมีเวลาตอบอีเมล (ซึ่งคนส่วนใหญ่มักตอบรวดเดียวชุดใหญ่) Hey จะมีหน้าจอ Focus & Reply เรียงอีเมลทั้งหมดที่ค้างไว้ใน Reply Later ให้อยู่ในหน้าจอเดียว เพื่อให้ไล่ตอบรวดเดียวจบโดยไม่ต้องสลับหน้าจอเลย
Filesเวลาค้นหาไฟล์ในอีเมล เราต้องนึกถึงอีเมลนั้นๆ ก่อนแล้วค่อยหาไฟล์ ซึ่ง Hey ทำหน้าจอ Files รวมไฟล์แนบทั้งหมดไว้ที่เดียวกัน และสามารถฟิลเตอร์ไฟล์ตามผู้ส่งหรือตามประเภทไฟล์ได้
Hey ยังมีฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ "ควบคุม" อีเมลได้ตามต้องการ เช่น กรณีที่ได้รับอีเมล Subject ไม่ชัดเจน เราสามารถแก้ชื่อ Subject ได้เองเพื่อมาตามค้นได้ในภายหลัง
กรณีที่เป็นอีเมลคุยกันเป็นกลุ่ม (thread) เราสามารถกด Ignore เพื่อไม่ให้อีเมลนั้นแสดงผลได้, ถ้ามีใครสักคนอีเมลแยกมาถึงเราในหัวข้อที่คุยกันเป็นกลุ่ม จัดเมลเข้ากลุ่มได้, ตั้งค่า notification แยกเป็นรายคนหรือรายหัวข้อได้
Hey ยังบล็อคการตามรอย (tracking) จากเทคนิคการฝัง pixel มาในอีเมล ที่บรรดานักการตลาดชอบใช้กัน
ฟีเจอร์ทั้งหมดจำเป็นต้องใช้ผ่านที่อยู่อีเมลอันใหม่ @hey.com และไคลเอนต์อีเมลของ Hey ซึ่งจะมีบนทุกแพลตฟอร์ม (Web, Mac, Windows, Linux, iPhone, iPad, Android) ในราคา 99 ดอลลาร์ต่อปี ได้พื้นที่เก็บข้อมูล 100GB แต่ตอนนี้ยังเปิดบริการเฉพาะคนที่ได้รับเชิญเท่านั้น
HEY is an homage to email. Our serenade to the greatest, digital communication protocol ever devised. Email isn't dead, it just needed some original ideas, like requiring consent before others can take your attention or a shield to protect from spy pixels. https://t.co/J7OCCTolEp
— DHH (@dhh) June 15, 2020
อย่างไรก็ตาม หลังการเปิดตัว Hey ทาง Basecamp ก็มีปัญหากับแอปเปิลทันที ในประเด็นเรื่องการจ่ายเงินค่าสมาชิก 99 ดอลลาร์ที่ต้องเสียส่วนแบ่ง 30% ในแอปเปิล ("App Store Tax") โดยแอปเปิลแจ้งกับ Basecamp/Hey ว่าต้องให้ผู้ใช้จ่ายเงินผ่าน App Store เท่านั้น ไม่สามารถไปจ่ายนอกแอพได้ และถ้า Hey ไม่ทำตาม ก็จะถอดแอพ Hey ออกจาก App Store
Hey ระบุว่าในแอพเวอร์ชัน iOS ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านแอพ และไม่มีลิงก์ให้ผู้ใช้กดไปจ่ายเงินนอกแอพด้วย ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ Netflix หรือ Spotify ทำอยู่ แต่ก็ไม่ทราบเหตุผลที่แอปเปิลออกมาขู่ Hey เพียงรายเดียว ทำให้ David Heinemeier Hansson ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ทางทวิตเตอร์ โดยเรียกแอปเปิลว่าเป็น "แก๊งมาเฟีย" และเรียกร้องให้ EU เข้ามาสอบสวนแอปเปิลในเรื่องนี้ด้วย
Wow. I'm literally stunned. Apple just doubled down on their rejection of HEY's ability to provide bug fixes and new features, unless we submit to their outrageous demand of 15-30% of our revenue. Even worse: We're told that unless we comply, they'll REMOVE THE APP.
— DHH (@dhh) June 16, 2020
There is no chance in bloody hell that we're going to pay Apple's ransom. I will burn this house down myself, before I let gangsters like that spin it for spoils. This is profoundly, perversely abusive and unfair.
— DHH (@dhh) June 16, 2020
Comments
น่าสนใจ
แอพเมลแนวคิดใหม่ น่าสนใจมาก
เห็นด้วยเลยว่าหลายๆไอเดียดีมาก คือเหมือนปรับแต่งการทำงานของแอพอีเมลล์ให้เข้ากับการรับข้อมูลข่าวสารผ่านอีเมลล์ในยุคนี้ ที่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาทดแทนเอกสารแบบกระดาษ (หลายๆฟังก์ชั่น เราทำเองได้ แต่ถ้าแอพทำให้ได้เลยก็สะดวกดี)
ว่าแล้วก็แอบเหล่ไปทาง Gmail ว่า what do you think about these cool things 555+
..: เรื่อยไป
Google: เดี๋ยวเราจะเลียนแบบ แต่แทนที่จะเอาไปใส่ใน Gmail เราจะสร้าง mail ตัวใหม่ขึ้นมาแทน แล้วอีก 2 ปีเราจะปิดระบบเพราะ "คนใช้น้อย"
ศพอื่นๆในสุสาน Google : "เฮ้ ยินดีตอนรับเด็กใหม่"
555+
..: เรื่อยไป
ไอเดียเจ๋งมากครับ
Apple ลงทุนสร้าง platform มาแล้ว ก็ควรต้องจ่ายเงินให้ Apple นะ เหมือนไปขอพื้นที่บ้านเค้าขายของแต่ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าแผง (แต่เอาจริงๆ 30% มันอาจจะโหดไปสำหรับ developer ที่เพิ่งเข้า platform ใหม่ๆ Apple ควรมีวิธีจัดการที่ดีกว่านี้)
จ่ายค่าเช่ารายปีไปแล้ว แอปไม่ได้ใหญ่
Apple ดันใช้วิธีล็อคให้ลง App ผ่านแพลตฟอร์มตัวเองเท่านั้นด้วยอ่ะสิครับ คือบังคับกลายๆว่ายังไงก็ต้องขายผ่านทางนี้แล้วต้องจ่าย 30% ซึ่งสำหรับรายใหม่ๆนี่ก็หนักหนาจริงๆ
อย่างน้อยก็น่าจะมีโมเดลแบบขั้นบันไดหน่อย เช่นยอดที่จ่ายผ่านแอปหนึ่งแสนเหรียญแรกอาจจะหัด 10% แล้วก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นไปตามยอดเงินที่จ่ายผ่านแอป มันจะได้ไม่โหดร้ายกับ dev ใหม่ ๆ มากเกินไป
ผมว่ามันควรจะเป็นระดับขั้นตามรายได้ของบริษัทเจ้าของแอพซะมากกว่า หรือลดค่า % ให้น้อยลงมาอีก รายย่อยจะได้อัพขึ้น Store ได้มากขึ้น แข่งขันกันแฟร์ๆ และควรจะเปิดให้แอพทำเงินนอก Store ได้เสียที แบบ Playstore ที่ไม่ได้บังคับอะไรตรงนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แล้วเปิ้ลจะขูดเงินได้อย่างไร ทิม ทำอาหารไม่ได้กล่าวไว้
คือเค้าก็เลี่ยงแหละ ไม่อยากจ่ายแต่ ถ้าเค้าทำตามกฎแล้วไม่ต้องจ่ายมันก็ ok นี่
ผมว่าเค้าสงสัยว่าทำไมต้องจ่ายทั้งที่ทำตามกฎ(หรือไม่ก็คิดไปเอง)
แต่ก็นะคนบ่นเค้าก็ต้องบ่นเค้าข้างตัวเองเหมือนกัน
ไอเดียดีหมดทุกอันเลยอ้ะ