โดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องการเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์มาตลอด และที่ผ่านมาเขาก็แสดงออกชัดเจน ล่าสุดถึงกับจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งซึ่งตอนนี้ยังนับคะแนนไม่เสร็จอย่างเป็นทางการเพราะต้องนับคะแนนที่เลือกผ่านไปรษณีย์ด้วย เช่นเดียวกันกับฐานเสียงของเขาที่ต้องการเห็นทรัมป์เป็นประธานาธิบดีต่อไป
มีการสร้างกลุ่มใน Facebook ชื่อว่า STOP THE STEAL มีคนเข้าร่วมสูงและเร็วที่สุดในบรรดากลุ่มต่างๆ ของ Facebook ไม่ถึง 22 ชั่วโมงหลังจากเริ่มต้นสร้างกลุ่มมีผู้ใช้งานเข้าร่วมมากกว่า 320,000 คน เรียกได้ว่ามีสมาชิกใหม่ 100 คนทุก 10 วินาที เป้าหมายของกลุ่มคือ ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งครั้งนี้ และเชื่อว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามขโมยการเลือกตั้งครั้งนี้ไป โดยกลุ่มนี้มีส่วนในการจัดการประท้วงไปยังหน่วยนับคะแนนต่างๆ ด้วย ซึ่งล่าสุด Facebook แบนกลุ่มนี้ไปแล้ว เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะยุยงให้เกิดความรุนแรง
Tom Reynolds โฆษกของ Facebook กล่าวว่าได้ลบกลุ่ม STOP THE STEAL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "มาตรการพิเศษ" ที่ใช้ในการเลือกตั้ง และเราเห็นว่ามีการเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงจากสมาชิกบางคนในกลุ่ม
ภาพจาก Facebook
กลุ่ม STOP THE STEAL อัปโหลดวิดีโอความยาว 1 นาทีไปยังหน้า Facebook แสดงให้เห็นฝูงชนที่อยู่นอกหน่วยเลือกตั้งในดีทรอยต์พร้อมตะโกนให้หยุดนับคะแนน มีคนแชร์วิดีโอไปอย่างรวดเร็วกว่า 2,000 ครั้ง และสื่อต่างๆ ที่โพสต์ในกลุ่มนี้ก็แพร่ไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่า Facebook Groups มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การใช้ชื่อว่า STOP THE STEAL ก็เป็นการสนับสนุนทรัมป์อย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาโพสต์ในโซเชียล อ้างว่าฝ่ายตรงข้ามควบคุมการเลือกตั้งครั้งนี้ และความเชื่อนี้ก็แพร่อย่างรวดเร็วในกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มสนับสนุนทรัมป์
กลุ่ม STOP THE STEAL ก่อตั้งโดย Kylie Jane Kremer อดีตนักเคลื่อนไหวในองค์กร Women for America First
ที่มา - New York Times
Comments
สงสัย ลุงทรัมป์ ผมจะแพ้ซะแล้วครับ :) คน Gen Y นี่เอาเรื่องเลยทีเดียว แต่เลือกตั้งแพ้ คือแพ้นะครับ ออกจากตำแหน่งไปโดยดี
ทีประเทศตัวเองแบนได้นะ สัส ไม่กลัวปิดกั้นเหรอ ไม่กลัวระเมิดสิทธเหรอ
ใจเย็นๆครับ อยู่ในความสุภาพหน่อยครับ
เค้าก็แบนโดยอิงตามกรอบกฎหมายบ้านเค้านี่ครับ ว่าแต่คอมเม้นไม่น่ารักเลย
ไหนครับ คุณมีความเครียดอะไร ลองเล่าให้หมอฟังซิ
ไม่เป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแล้วเหรอครับ ?
ก็นี่แหละ คำพูดสวยหรู หรือ วาทกรรมที่ดูดี มันก็เป็นแค่หน้ากากที่เอาไว้ปิดบังความเลวทรามไว้
ส่วนตัวก็พอเข้าใจสัจธรรมนี้นะ เลยไม่เคยอินกับคำพูดเลย focus แค่การกระทำ
ประชาธิปไตยคือต้องให้เกียตริเสียงทุกเสียงเท่ากัน การประท้วงให้หยุดนับคะแนนคือการละเมิดสิทธิ์คนอื่นที่เขาไปลงคะแนนนะครับ เสรีภาพต้องไม่ขัดกับพื้นฐานประชาธิปไตย เคสนี้คือขัดอย่างรุนแรง ดังนั้นแบนไปก็ถูกต้องแล้วนะครับ
นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่งเมื่อหกปีก่อน แต่นั่นเป็นการขัดขวางไม่ให้ประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ต่างจากกรณีนี้ที่เป็นการประท้วงให้หยุดนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้ง ซึ่งถ้ามีกรุ๊ปนัดแนะให้ไปขัดขวางฯ fb ก็คงแบนเหมือนกัน
ไม่สิครับ การตั้งกลุ่มเพื่อพูดคุยเรื่องใดก็ตาม สามารถคัดค้านโดยการใช้เหตุผลกันได้ แต่การแบน มันคือการตัดบทการพูดคุยนั้น ให้คนกลุ่มหนึ่ง ที่ควรมี "สิทธิ" ที่จะได้พูด เขาไม่ได้พูด
มันไม่ได้ต่างอะไรกับการปิดปากเลย
สิทธิในการพูดคุยเรื่องการละเมิดสิทธิ์คนอื่นเนี่ยนะ
ใช่ครับ
รู้สึกว่ามันไม่น่าจะถูก และหงุดหงิดที่ได้เห็นหรือได้ยินใช่มั้ย ?
ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันตอนที่เห็นคนพูดเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่ได้พูดถึงการเคารพ ความรู้สึก หรือความคิดเห็นคนอื่น
คนมักเรียกร้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เมื่อตัวเองเป็นผู้กระทำและ โวยวายว่าโดนคุกคาม เมื่อตัวเองโดนกระทำ
ส่วนตัวผมรู้สึก รังเกียจ การกระทำแบบนี้มากเลยจะเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว
ไม่สิ เคสนี้มันไม่ใช่ว่าเรื่องที่คุยมันไม่เคารพความรู้สึกหรือความคิดเห็นคนอื่น แต่เรื่องที่คุยมันผิดหลักประชาธิปไตยไงครับ ถ้าเกิดเหตุนี้ในบ้านเราก็พูดได้เลยว่าเรื่องที่คุยมันผิดรัฐธรรมนูญ เหมือนการไล่ให้คนอื่นไปอยู่นอกประเทศอ่ะ นั่นก็ผิดหลักรัฐธรรมนูญ
ประชาธิปไตยไม่ใช่เสรีภาพจนพูดอะไรก็ได้ มันมีกรอบอยู่ว่าเรื่องที่พูดมันต้องไม่ขัดต่อหลักของกฎหมายและหลักของประชาธิปไตย
กลับมาที่เรื่องที่คุณโยงไป สมมติมีคนตั้งกลุ่มเหน็บแนมคนที่คุณเคารพรัก มันผิดกฎหมายหรือเปล่า เอากฎหมายที่มันควรจะเป็นธรรมจริงๆ นะไม่ใช่ทำมาเอื้อประโยชน์ให้ใคร ถ้าเค้าสร้างเรื่องทำให้อีกฝ่ายเสียหายเจ้าตัวก็แจ้งดำเนินคดีได้ หรือถ้าเนื้อหาที่พูดมันยุยงให้คนใช้ความรุนแรง (แบบที่ FB กล่าวอ้างในเคสนี้) มันก็ผิดกฎหมายเหมือนกัน
ซึ่งเคสตามข่าวมันคือการที่คนตั้งกลุ่มขึ้นมาพูดเรื่องที่ละเมิดกฎหมายชัดเจน แล้ว FB ก็ให้เหตุผลว่า "มีความเป็นไปได้ที่จะยุยงให้เกิดความรุนแรง" อีก
ถูกผิดว่าไปตามหลัก แต่หงุดหงิดที่ได้เห็นหรือได้ยิน ถ้ามันไม่ได้ผิดหลักหรือกฎอะไรก็ต้องปรับที่ตัวเองครับ ไปอ่านทำไมให้หงุดหงิดเอง
โอ้ กฎหมายที่ตัวเองรู้สึกไม่เป็นธรรมเหรอครับ ในขณะก็มีคนอีกจำนวนมาก ที่อาจจะมากกว่า มองว่ามันเป็นธรรมอยู่แล้ว เอายังไงดีล่ะ
แต่ตามจริงผมก็รู้สึกเหมือนกันนะ เพราะมันมีกฎหมายที่ห้าม มอเตอร์ไซค์ ขึ้น ไฮเวย์ ซึ่งผมก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมเหมือนกัน
แต่ตามจริงผมโยงไปเคส ที่กำลังเรียกร้องเสรีภาพในการแสดงออก โดยใช้การกระทำ หยิบเอาศาสดาของอิสลามมาปู้ยี้ปู้ยำนะ
อะไรเป็นธรรมไม่เป็นธรรมมันก็เห็นได้ชัดด้วยหลักฐานนี่ครับ ล่าสุดก็เคสเดียวกัน ชุมนุมที่เดียวกัน พวกนึงโดนคดีม.116 อีกพวกโดนปรับ 200 บาท หรือจะเคสเรื่องหุ้นสื่อที่มีส.ส.คนนึงเคยทำ production house แล้วโดนตัดสินให้ริบทั้งตำแหน่งทั้งรายได้จากตำแหน่งทั้งหมดทันที กับอีกพวกนึงที่ถือหุ้นสื่อตรงๆแต่ท่านว่าไม่เกิดกำไรเลยไม่โดนอะไรเลย แบบนี้มันชัดนะครับว่าเป็นธรรมหรือเปล่า
ส่วนเรื่องที่คุณมองว่าเรื่องห้ามมอเตอร์ไซค์ขึ้นไฮเวย์มันไม่เป็นธรรม คุณรวมกลุ่มกันเรียกร้องเรื่องนี้เองก็ได้นี่ครับ
ประชาธิปไตยจริงๆ มันเปิดให้คุณมีสิทธิเรียกร้องในเรื่องที่คุณมองว่ามันไม่เป็นธรรมได้ในบริบทที่กฎหมายกำหนดไง ทุกวันนี้ที่เค้าเรียกร้องกันนี่เพราะมันไม่ใช่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ มันมีความไม่เป็นธรรมในกฎหมายที่ฝ่ายนึงเรียกร้องได้ แต่อีกฝ่ายเรียกร้องไม่ได้
ตามหลักการประชาธิปไตย เราไม่สามารถละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นได้ครับ
ส่วนเรื่องความรู้สึกเป็นนามธรรม ปัจเจก หลายคครั้งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตรรกะเหตุผล
ไม่ควรนำ 2 เรื่องที่ระดับความสำคัญและความชัดเจนต่างกันมาเปรียบเทียบกัน แล้วอ้างเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปว่าหลักการอย่างนั้นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ แบบนี้เขาเรียก irrelevant comparison ครับ
That is the way things are.
ถ้าเป็นเรื่องคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่โปร่งใส สามารถพูดได้ครับ และเชิญชวนจัดตั้งม๊อบเรียกร้องให้มีการตรวจสอบได้ แต่ไม่ใช่ให้หยุดนับคะแนน
เพราะคิดว่าไม่โปร่งใสเลยให้หยุดนับคะแนน มันคือการละเมิดสิทธิ์คนอื่นครับ ให้นับจบก่อนค่อยให้ตรวจสอบ
พอตรวจสอบแล้วว่ามีผิดจริง ให้เฉพาะหน่วยนั้น ๆ จัดการเลือกตั้งใหม่ครับ แล้วนับคะแนนอีกรอบ
เท่าที่ฟังจาก Live คุณสุทธิชัย
เห็นว่า การนับคะแนนจนเสร็จ มันมีผลต่อการที่ศาลจะตัดสินนะครับ ไม่รู้ว่าจริงเท็จยังไง
เขาเลยจะให้หยุดก่อน (ซึ่งอันนี้ผมก็ว่ามันตลกดี)
น่าจะแหละครับ เพราะว่ามันคนละเฟสกันแล้ว ถ้าหยุดคืออาจจะต้องนับใหม่ทั้งรัฐ แต่ถ้าจบแล้วก็ต้องนับใหม่แค่ส่วนที่มีปัญหา (คือตัดสินโดยศาลว่าจะให้นับใหม่ทัั้งรัฐหรือส่วนนึงที่น่าจะมีปัญหา) แต่ต้องดูบทกฏหมายเขาแหละครับ
555 พอโดนคุณ OFFiiz ยัอนเกล็ดเข้าไปแบบนี้ มีหลายคนออกมาเถียงเป็นพัลวันเลย
อุ๊ตะ
That is the way things are.
การยุยงให้ก่อความรุนแรงมันไม่ใช่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นครับ
มันไม่ได้มีแค่กลุ่มนี้นะครับที่มีคนยุยงให้เกิดความรุนแรง
แต่ facebook และใครหลาย ๆ คน บอกว่ามันคือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
อย่าเอาการกระทำต่ำ ๆ ของคนไม่กี่คนมาเหมารวมว่าเป็นการกระทำของคนทั้งหมด
เนี่ย ถ้าจะเอามาตรฐานเดียวกัน ก็ต้องทำเหมือนกันสิ ใช่มะ ?
ถ้ากลุ่มเขาเองคุณไม่ห้ามปรามกลุ่มเล็กๆที่ว่านั่นมันก็พูดง่ายๆครับ คือเขาเห็นด้วยกับการกระทำสถุลๆน่ะครับ แค่ไม่แสดงออก
ส่วนเรื่องทำไมไม่แบนให้หมด คนฉลาดอย่างคุณหาคำตอบเองได้แน่นอนครับ เพราะว่าเหตุผลมันง่ายมากๆ ขนาดเด็กมันยังเข้าใจภายในสี่คำ
รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะครับแค่อยากลองเปิดประเด็นให้ได้ลองเอะใจ สงสัย และฉุกคิด
การใช้เหตุผลแบบกำปั้นทุบดินในหลาย ๆ เรื่อง โดยที่ไม่แคร์ความจริงในด้านอื่น มันควรจะต้องเกิดความรู้สึกขัดแย้ง และควรหาคำตอบในสิ่งนั้น ๆ
ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเสมอมา มักเกิดจากการใช้เหตุผลแบบกำปั้นทุบดิน เพื่อให้การกระทำของตัวเองนั้นถูกต้อง โดยไม่แคร์ว่า ในมุมมองของด้าน ๆ อื่น ๆ เป็นยังไง ชั้นจะสรุปแบบนี้ แค่นั้นจบ สุดท้ายมันก็ไม่จบจริง
คุณมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่คุณไม่มีเสรีภาพในปลุกระดมคนไปขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ์เสรีภาพของผู้อื่น
เห็นด้วยเลย
พวก social จะกลัว+ทำตามเฉพาะ กม.อเมริกา
แต่ประเทศอื่นขอมา ข้าไม่ให้
ประชาธิปไตยที่ชวนงง ให้ทุกคนเท่าเทียมกัน : หมายความว่าทุกคนมีทรัพย์สินเท่ากัน ไม่มีรวย จน ทำงานอาชีพใดก็มีรายได้เท่ากัน ขยัน-ขี้เกียจ ก็มีรายได้เท่ากัน ส่งเสริมให้ทุกคนมีเสรีภาพ : หมายความว่าเลือกได้ว่าจะขยัน-ขี้เกียจ จะศึกษาเพิ่มหรือหยุด ขวนขวายสร้างความเจริญให้ตนเองได้หรือจะอยู่เฉยๆ ก็ทำให้ทุกคนไม่เท่าเทียมกัน ตกลงว่าสองอย่างนี้ไปพร้อมกันได้จริงๆหรือเปล่า
?
ผมเข้าใจว่าประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของความเท่าเทียม (Equility) แต่เป็นเรื่องของความเสมอภาค (Equity) ครับ (สมัยมัธยมวิชาสังคมผมเคยท่องอยู่ว่าประชาธิปไตยคือสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค)
กล่าวคือ ประชาธิปไตยไม่ได้แปลว่าทุกคนจะได้ทุกอย่างเหมือนกัน แต่แปลว่าทุกคนจะได้โอกาสหรือสิทธิเหมือนกันครับ
เช่น ทุกคนสามารถเป็นนายกได้ภายใต้เงื่อนไขที่เหมือนกัน ไม่มีใครมีเงื่อนไขหรือสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล อะไรทำนองนี้ครับ
ซึ่งมันก็เข้ากันได้กับหลักเสรีภาพ เพราะถึงจะมีโอกาส แต่คุณมีเสรีภาพที่จะคว้าหรือไม่คว้าไว้เองครับ
+1 ชัดเจนครับ
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด.. ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม(คอมมี่) มีคอนเซพทุกคนเท่าเทียม ทำงานผลผลิตเข้ากองกลาง ปันส่วนพื้นฐานเท่าเทียม(แต่ในทางปฏิบัติ ไปไม่ถึงฝันกันเลย จีนปัจจุบันก็ทุนนิยมจ๋าเลย)ประชาธิปไตยแบบทุนนิยม โลกเสรี ทำมากได้มากตราบที่ไม่เบียดบังสิทธิ์ผู้อื่น ผลักโลกไปเร็วดีแต่ก็นะ..
คอมมี่ในวงเล็บหมายถึงอะไร ?
ถ้าหมายถึงคอมมิวนิสต์
คอมมิวนิสต์กับสังคมนิยมไม่เหมือนกันนะครับ
งั้ยผมคงเข้าใจสังคมนิยมกับคอมมี่ผิด คงต้องทำความเข้าใจใหม่edit..พอจะเข้าใจละ คอมมี่คือยึดมาจัดการหมด(โดยชนชั้นกรรมกร ตามหลักการ) สังคมนิยมคือยึดบางส่วน จะประณีประนอมกว่า คือเป็นรัฐสวัสดิการที่ทุนยังอยู่ได้ด้วย ..ขอบคุณที่แน่ะนำ
ก็ประชาธิปไตยแบบทุนนิยมไงครับ
คุณคงสับสนระหว่างประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสท์ อาจจะเพราะเพิ่งตื่น หรืออาจจะพยายามเข้าใจแบบนี้ อะไรก็ตาม
แต่คุณมั่วมากๆ มาหลายครั้งแล้วนะครับ
ประชาธิปไตย = ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงแหล่งรายได้เท่าๆกัน
ไม่ได้แปลว่าทุกคนต้องได้เท่ากัน นั่นมันคอมมิวนิสต์
ไม่เข้าใจตรงไหนครับ
คนเห็นด้วยกับเผด็จการคลึกคลื้นกันใหญ่เลย
📸
ครึกครื้น
ผมว่าบางคนยังไม่ค่อยเข้าใจหลักการของประชาธิปไตยนะ
That is the way things are.
ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นเรื่องการศึกษาด้วยแหละครับ (ไม่ได้หมายถึงพวกคนเหล่านั้นไม่มีการศึกษา แต่หมายถึงระบบการศึกษาเราไม่ได้สอนประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น)
อย่างเท่าที่ผมจำได้ สมัยผมเป็นนักเรียนนี่ แทบจะสอนกันมาเลยว่าการโหวตเท่ากับประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การเรียนการสอนในห้องแต่รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆในสถานศึกษาด้วย และเพื่อนๆผมหลายคนก็เชื่อแบบนั้นว่าถ้าเราโหวตนี่แหละคือประชาธิปไตยแล้ว
ไหนจะเรื่องวาทกรรมประชาธิปไตยต่างๆที่มักจะพูดถึงแต่เรื่องสิทธิเสรีภาพตัวเอง แต่ไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงความเสมอภาคหรือสิทธิเสรีภาพผู้อื่นเท่าไหร่เลย มันก็เลยทำให้บางคนเกิดความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับประชาธิปไตยไปด้วย
+1024ไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ส่วนใหญ่ก็พูดกันแต่สิทธิเสรีภาพของตนเอง ซึ่งมันต้องมีควบคู่กัน
เพราะถ้าเรียกร้องแต่เสรีภาพตนเองแล้วไม่เคารพเสรีภาพผู้อื่น ก็ไม่ต่างจากเผด็จการ
อคติทำให้เสื่อมก็เป็นฉะนี้
เอ๊~ทำไมมันดูคล้ายๆแถวนี้หว่า แล้วถ้ามี v.2 v.3 จะตามไปแบนต่อรึเปล่า
อ่ะ งั้น ขอสละพลีชีพ 1 Comment เพื่อประชาธิปไตย นะครับ สิทธิ์การโพสผม ยิ่งไม่ค่อยมีกับเค้าอยู่นะคร๊าบบ
ประชาธิปไตยยกตัวอย่าง ทุกคนมี 1 สิทธิ์ คุณจะไปลงคะแนนให้ใครก็ได้ เรื่องของคุณนะครับ ชนะคือชนะ แพ้ก็รอไปนะครับแก้มือคราวหน้า
ประชาธิปไตย (แบบทุนนิยม)ยกตัวอย่าง คือ วง ..NK48 นะคร๊าบบ คุณอาจจะใช้พลังเงินซื้อแผ่น CD ทำให้คุณมีหลายสิทธิ์ได้ แต่คุณจะไปลงคะแนนให้ใครก็ได้ เรื่องของคุณนะครับ
สังคมนิยมยกตัวอย่าง ทุกคนไม่มีสิทธิ์เลือกนะครับ ถือว่าคนเท่าเทียมกัน นะคร๊าบ จะเป็นคนขับ TAXI หรือ หมอ จะขยันหรือขี้เกียจ ได้เงินเท่ากันเป๊ะๆ นะครับ เพราะถือว่า ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร เอาทรัพย์ยากรณ์มารวมกันแล้วแบ่งปัน ตามหน้าที นะครับ (เช่นระบบสหกรณ์ เป็นต้น)
สังคมนิยม (แบบเผด็จการ)เหมือนสังคมนิยม แต่เพิ่มต้องทำตามคำสั่งรัฐบาลเท่านั้น เพิ่มลงไปนะคร๊าบบ ทำดีทำเพื่อประชาชน เน้นว่าส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ก็รุ่งเรืองไปเหมือนเมืองจีน ที่น่าจะกลายเป็น สังคมนิยม (แบบทุนนิยมไปแล้ว) ทำไม่ค่อยดี สหภาพก็แตกแบบ สหภาพโซเวียต สมัยก่อน
ส่วน ... ประชาธิปไตย กึ่งสังคมนิยม ใส่ระบบทุนนิยมลงไป (พ่วงเผด็จการเข้าไปอีกนิดนึง ละมั๊ง) ใส่ชุดความคิดที่ว่า ผมลงคะแนนเสียงแบบนี้ พวกคุณต้องลงคะแนนแบบเดียวกับผมเท่านั้น ไม่งั้น ผมจะยกลำโพงทุ่มขาซะให้เดี้ยงเลย แบบนี้
...
ผมว่าเราไม่ต้องยกตัวอย่างก็ได้นะคร๊าบบ แค่มองออกไปนอกหน้าต่างก็พอแล้ว ..
ประชาธิปไตยแบบทุนนิยมผมว่ามันผิดนะฮะถ้าหนึ่งคนมีหลายเสียงก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้วฮะ
สังคมนิยมหลายที่ก็มีการเลือกตั้งครับ (แต่มีอยู่พรรคเดียวให้เลือกนะ)
ไม่น่าใช่ครับ
ข้อแรก ทุนนิยมเป็นหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่หลักบริหารปกครอง น่าจะเป็นเสรีนิยมมากกว่าข้อสอง สังคมนิยมก็ไม่ได้หมายถึงทุกคนไม่มีสิทธิ์เลือก แต่เป็นแนวคิดที่ว่ารัฐมีหน้าที่จัดการให้เกิดความเหลื่อมล้ำให้น้อยที่สุด (ตรงข้ามกับเสรีนิยมที่เชื่อว่ารัฐควรทำแต่น้อย ปล่อยให้กลไกสังคมจัดการเอง)
ทีนี้คำว่าความเหลื่อมล้ำมันก็ตีความได้หลายระดับ รัฐช่วยอุดหนุนสิ่งที่เป็นพื้นฐานเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมขั้นต่ำสุด หรือรัฐเป็นผู้ควบคุมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อให้เท่ากันแบบเป๊ะๆอย่างการที่รัฐอุดหนุนให้ทุกคนได้เรียนฟรี หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค อันนี้เป็นแนวคิดแบบสังคมนิยมนะครับ ถ้าเสรีนิยมต้องปล่อยเลย
ส่วนที่คุณเรียกว่าสังคมนิยม จริงๆมันเรียกว่าคอมมิวนิสต์ครับซึ่งถ้าเอาตามปู่มาร์กซ์ว่า มันเป็นแค่ขั้นตอนแรกเพื่อให้ตัวกลาง(คือรัฐชั่วคราว)เป็นคนจัดการกระจายทรัพยากรจากชนชั้นสูงและนายทุนมาให้ชนชั้นกรรมาชีพ เมื่อกระจายทรัพยากรจนหมดแล้วก็ให้ชนชั้นกรรมชีพปกครองตัวเอง
แต่ประเทศที่เอาแนวคิดปู่ไปแปลงเป็นคอมมิวนิสต์ ดันไม่ยอมกระจายทรัพยากร แถมไม่ยอมออกจากตำแหน่งซักที คอมมิวนิสต์ก็เลยเป็นแค่คณาธิปไตยไปซะงั้น
ตอนนี้รัฐจอร์เจียมีคะแนนห่างกันแค่พันนิดๆเอง ถ้าไบเดนแซงได้นี่จบเลย
มันจบแล้วครับนาย