บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix) บริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (ICO) ในเครือธนาคารกสิกรไทย ประกาศขาย token ระดมทุนจากภาพยนตร์เรื่อง "บุพเพสันนิวาส 2" ร่วมกับบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด และบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
token ที่ขายมีชื่อเรียกว่า Destiny Token (ล้อกับชื่อ "บุพเพสันนิวาส") มีจำนวน 16,087 หน่วย มูลค่ารวม 265 ล้านบาท มีระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 2 ปี การันตีผลตอบแทน 2.99% ต่อปี และเพิ่มอีก 2.01% หากรายได้รวมของภาพยนตร์ทะลุ 1,000 ล้านบาท (รวมกันเป็น 5% ต่อปี)
ชนิดของเหรียญ token ที่ขายมีด้วยกัน 3 ระดับราคาคือ
- I am Glad Token(G) ราคา 5,559 บาท จำนวน 15,559 โทเคน
- I am Delighted Token(D) ราคา 155,559 บาท จำนวน 459 โทเคน
- I am Happy Token(H) ราคา 1,555,559 บาท จำนวน 69 โทเคน
ผู้ซื้อ token ยังจะได้สิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น ดูภาพยนตร์รอบพิเศษ, มีชื่อท้ายเครดิตของภาพยนตร์ และของที่ระลึกอื่นๆ
สถานะปัจจุบันของ Destiny Token อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจะขายผ่านแอพ Kubix ต่อไป ตัวแอพจะเปิดดาวน์โหลดในเดือนมีนาคม
ที่มา - Kubix
Comments
เออ ไอเดียเข้าท่า แล้วซื้อคืนในราคาการันตีดอกเบี้ยด้วยหรือเปล่าครับ หลังจากรับรู้รายได้ของภาพยนตร์แล้ว อารมณ์เหมือนยืมเงินไปลงทุน ดอกเบี้ยต่ำ หรือให้คนซื้อวัดดวงเอาเอง
ปล. อ๋อ เข้าใจแล้วครับ พอดีอ่านข้ามไปหน่อย
รายได้รวม 1000 ล้านคงยาก เห็นแค่ พี่มาก..พระโขนง ที่ถึง (ยอดรวมทั่วประเทศ)
ฉายชนกับ Dr.Stange and the Multiverse of Madness ซะด้วย
ลงทุนแบบ kickstarter แต่ใช้ token ระบุตัวตนเหรอ???
แล้วมันต่างกับตราสารหนี้ยังไง ? หรือใช้ชื่อ Token, เหรียญ แล้วมันสร้างความสนใจได้มากกว่า ?
ยุคโควิดยาก จริงๆ
มันสิ้นเปลืองพลังงานไหม??
ผลตอบแทน 2.99 ตอนขายกลับโดนภาษีคริปโต+ภาษีเงินได้อีก สรุปจะเหลือกำไรเท่าไรครับ
ก็ขึ้นอยู่กับฐานภาษีเงินได้ของแต่ละคนครับ ถ้ารวมรายได้อื่นแล้วเงินได้สุทธิไม่ถึง 150000 ก็ไม่ต้องเสียภาษี ได้กำไรเต็มๆ เคสนี้คำนวณกำไรง่ายด้วย ทุกอย่างอ้างอิงเงินบาทอยู่แล้ว
ได้ระดมทุน+ได้โฆษณา
คล้ายๆ กับซื้อพันฐบัตรของรัฐบาลหรือกองทุนตราสาหนี้แบบจำกัดระยะเวลาเลยแฮะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เล่นสูตรหุ้นได้ไหมครับ แบบว่าเปิดตลาดมาชักเข้าออกสามครั้งหอบกำไรหนี ใครมาทีหลังก็ซวยไป
ถ้าซื้อแล้ว ระหว่างทางขายต่อได้ไหม
นอกเรื่องนิดนึง ผมไม่คิดว่ามันจะดังเหมือนละครแฮะ พันล้านนี่น่าจะแค่ฝันไป
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เหมือนเอาคอนเซ็ปต์การระดมทุนหมู่ (crowdfunding) ใน Kickstarter หรือแพล็ตฟอร์มอื่นๆ มาย้อยแมว แต่งสีสันนิดหน่อย ใส่ระบบ Token เพื่อให้ดูทันสมัยและได้พื้นที่โฆษณาแบบฟรีๆ
ปล. บ่นไปงั้นแหละ อาจจะซื้อสักเหรียญเล่นๆ ติดพอร์ตไว้ เผื่อรวยกับเขาบ้าง
ก็ปรกตินะครับ พื้นฐานของการพัฒนาเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ของญี่ปุ่น ก็ทำแบบนี้ จับเอานู่นนี้มาผสมกันออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ผมว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่ๆ คิดแบบนี้ได้ก็จะดี เพราะการคิดอะไรใหม่ๆ จากศูนย์ในปัจจุบันมันเป็นอะไรที่สูญเปล่าทางเศรษฐกิจมาก เพราะเมื่อเราคิดอีกฝากโลกนึงอาจมีคนทำไปแล้วก็ได้ ดังนั้นต่อยอดนวัตกรรมน่าจะเป็นหนทางที่เด็กไทยน่าจะถูกปลูกฝังมากขึ้น ทำออกมาขายได้ก็ถือประสบความสำเร็จแล้ว
สิ่งที่คนไทยเราขาดคือ คนให้ไอเดียในการผลิตสินค้านี่แหล่ะครับ ส่วนใหญ่เราถนัดซื้อมาขายไปกันมากกว่า เพราะมันรวยเร็วกว่า แต่ก็ไม่ยั่งยืน
ถ้าคำว่ารวยคือ 2.99 ต่อปี ก็ซื้อได้เลยครับ มันไม่มีทางได้มากกว่านั้นหรอก