Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA ได้เข้าร่วมงานสัมมนา World Government Summit ที่ดูไบ และได้ให้ความเห็นในประเด็นหนึ่งที่กลายเป็นบทสนทนาขณะนี้ โดยเขาบอกว่าขณะที่ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมาก แนะนำให้เด็กรุ่นใหม่มีความรู้และเรียนเขียนโค้ด Huang นั้นมีมุมมองที่ต่างออกไปนั่นคือไม่จำเป็น
เขาบอกว่าตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคเริ่มต้นของการปฏิวัติด้วย AI ทำให้การเขียนโปรแกรมไม่ใช่ทักษะที่จำเป็นมากเท่าก่อนหน้านี้ การเขียนโค้ดเป็นงานที่สามารถจัดการได้ด้วย AI เขาจึงมองว่ามนุษย์ควรสนใจหัวข้อความรู้อื่นมากกว่าเช่น ชีววิทยา, การศึกษา, การผลิต หรือเกษตรกรรม
เขาเสริมในประเด็นการเขียนโค้ดไม่จำเป็นแล้วว่า เพราะสิ่งที่ NVIDIA ทำช่วยให้ทุกคนในโลกเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ นี่คือความมหัศจรรย์ของ AI จากนี้ภาษาที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้ ก็คือภาษาที่ทุกคนเกิดมาและใช้อยู่ติดตัว ซึ่งที่จำเป็นคือการรู้วิธีคุยกับ AI นั่นเอง
อย่างไรก็ตามความเห็นของ Huang นี้ ก็มีคนเห็นต่างอยู่ เช่นนักวิเคราะห์สายเทคโนโลยี Patrick Moorhead มองว่า เรามักได้ยินเรื่องราวของเครื่องมือสักอย่างที่สามารถ ทดแทนการเขียนโค้ดอยู่ตลอด ซึ่งมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง โลกยังต้องการโปรแกรมเมอร์อยู่เสมอ เขาจึงไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
ที่มา: Tom's Hardware
Jensen Huang, CEO of Nvidia, argues that we should stop saying kids should learn to code. He argues the rise of AI means we can replace programming languages with human language prompts thus enabling everyone to be a programmer. AI will kill coding. pic.twitter.com/SxK9twhEby
— Dare Obasanjo🐀 (@Carnage4Life) February 24, 2024
Comments
ถ้าจะเอาแค่ เขียนโค้ด พิมพ์โค้ด ใช้ เอไอ ก้พอได้นะ เห็นมีหลายตัวที่มาช่วยตรงนี้ แต่ไปถึงออกระบบ ออกแบบฐานข้อมูล ไม่น่าไหวไหม รอดูอนาคตต่อไป อาจจะมี เอไอ อย่างที่พูดก็ได้
เชื่อว่ามีแน่นอนครับ ยิ่งถ้าเป็น AI ที่เทรนเขียนโค้ดอย่างเดียวโดยเฉพาะอาจจะดีกว่าใช้คนเขียนด้วยซ้ำนี่แค่พึ่งเริ่ม อีก 10 ปีไม่ต้องพูดถึง
คนที่พูด ไม่ใช่คนทั่วไปซะด้วยสิ แต่ดันเป็นคนที่รู้จริง ทำจริง สร้างบริษัทเองจริง เดฟอาจจะกลายเป็นสายเก็บ requirement(ความต้องการ) แล้วก็มาทะเลาะกับ AI ให้สร้างระบบให้ต่อ😆😆😆
AI เพิ่งเริ่มใช้งานจริงจังได้ไม่นานมันยังพัฒนาได้ก้าวกระโดดขนาดนี้มันเติบโตแบบ exponential เลยดังนั้นสิ่งที่เขาพูดมันย่อมเป็นไปได้แน่ๆ และคนพูดก็ไม่ใช่ไก่กาเด็กน้อยด้วยซ้ำไป
การpromptให้ AI ก็จะกลายเป็นเหมือนการเขียนcodeรึปล่าวก็เหมือนจากการเขียนโปรแกรม ก็เริ่มจากเขียนคำสั่งCPUโดยตรง แล้วมีภาษาในระดับสูงขึ้นมาเลื่่อย promptให้AI ก็น่าจะกลายเป็นภาษาระดับสูงขึ้นมารึปล่าว
AI ก็น่าจะพัฒนาไปเหมือนกันสามารถทำตามความต้องการได้โดยไม่ต้อง prompt ซับซ้อนอะไร หรือถ้าพัฒนาไปจนถึง AGI มันก็สามารถจัดการทุกอย่างได้โดยตัวมันเอง
คนระดับนีัมาพูดแบบนี้ แนวโน้มความเป็นไปได้ 80% อยู่ที่เขาจะทำมันหรือเปล่า คนสายอาขีพนี้ก็คงถูกบีบให้มีทักษะที่เด่นกว่า AI ถ้า AI ทำแทนได้ คนเขียนโค้ดคงโยกย้ายไปเป็นสายเก็บข้อมูลแทน
ถ้า ai ได้ขนาดนั้นก็ดี เพราะบางบั๊ค งมแก้ตั้งนานกว่าจะได้
สาย sw จะได้มีคนที่มีความรู้เฉพาะทางมากขึ้น
ไม่ต้องเก่งเขียนโค้ดอย่างเดียส
เห็นด้วยอย่างยื่งครับ จะได้เอาเวลาไปโฟกัสกระบวนการว่าถูกต้องไหม มากกว่าจะเสียเวลาว่าบั๊กอยู่ตรงไหน
เอาจริงๆก็ต้องรอดูแหละ ว่า AI มันจะไปชนเพดานตรงไหนไหม ที่เขาพูดมามันก็พอฟังขึ้น แต่มันจะไม่ใช่ในเร็ววันนี้หรอก หลักสิบปีขึ้นไปช่วงเทสล่ามาใหม่ๆ ผมก็คิดว่าอีกซัก 10ปีมันคงมีรถ Autonomous แล้วมั้ง นี่ก็เกินสิบปีแล้ว ยังไม่ถึง level 3 เลย
จะดีเหรอ ไม่ต้องเรียนวิศวะก็สร้างตึกได้งี้เปล่านะ
เจ้าของโครงการหลายที่เขาก็ไม่ได้จบวิศวกรรม แต่เขารู้วิธีควบคุมคนที่จบวิศวกรรมให้สร้างอาคารให้เขาได้คิดใหม่นะครับ มันดูตลก
ผมจะหมายถึงวิศวกร AI ที่สร้างตึกนะครับ ใช้ AI กดๆ ออกแบบ คำนวณมาให้หมด
ก็ถ้า AI มันทำถูกต้องตามตำรา ผมว่าก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะครับ
Coding ก็เหมือนกัน AI ทำได้แน่ๆ และทำได้ดีกว่าคนด้วย ถ้า AI มันเก่งพอ
กลัวมันนอกตำรานี่ซิครับ เคยเจอ คำสั่งอะไรไม่รู้มันยังป้อนมาให้เรา ก็เอาไปค้นหาต่อลองรันก็ไม่ผ่าน สรุปได้มันมโนคำสั่งมาให้เราจี้ต่อๆ มันให้คำสั่งอื่นมาแทนงี้ ปวดหัวเลยงงกับมัน
เคยเจอเหมือนกันครับ แต่ถ้าทำงานเฉพาะทาง (อย่าง Coding) ผมว่ามันเก่งกว่าคนแน่ๆ
ผมคิดว่าเป็นไปได้ ที่ความจำเป็นที่จะต้องเรียนเขียนโค้ด จะลดลงได้ในอนาคต แต่ผมยังไม่เข้าใจว่า ทำไมความรู้เรื่อง ชีววิทยา, การศึกษา, การผลิต หรือเกษตรกรรม ในอนาคตจะได้รับผลกระทบจาก AI น้อยกว่า
ตอนนี้เทรนด์ผลักดันไป AI แบบไม่มีแผ่ว ไม่ว่าอะไรก็ต้องผนวกด้วย AI เสมอ ผมกลัวว่านี่จะเป็นกับดักของมนุษยชาติมากกว่าเพราะ AI ในปัจจุบัน ตราบใดที่มันยังไม่มีการตื่นรู้ เรามีสิทธิ์ลงเหวกันได้หมดเพราะหลงระเริงว่าเราสามารถเอา AI มาทำแทนทุกอย่างได้แต่ความสามารถของมันไม่ได้เกินมนุษย์เลย แค่ว่ามันช่วยหาคำตอบให้เราได้เร็วขึ้นแค่นั้น
แต่ถ้า AI เกิดตื่นรู้ขึ้นมาก็เกิดปัญหาอีกชุดหนึ่งอีก...
วิสัยทัศน์แคบไปหน่อย เอาแค่Aiวาดรูปถามว่ามีมนุษย์คนไหนวาดได้เร็วแล้วสวยเท่าAiบ้าง ที่บอกว่าวาดเละๆนี่ไม่ใช่ไปเอาสมัยmidjourneyเพิ่งบูมมานะ ผ่านมาแค่ปีเดียวAiมันพัฒนาไปขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นคนวาดฝึกปีเดียวคิดว่าจะวาดเก่งได้แค่ไหน นี่เพิ่งเริ่มเองนะในอนาคตข้างหน้าข้อจำกัดหรือความผิดพลาดน่าจะโดนแก้ไปหมดแล้วแถมAiก็ไม่ได้หยุดพัฒนามันก็เก่งขึ้นไปได้เรื่อยๆแต่คนต่างหากที่มีข้อจำกัดในการพัฒนา แค่ก้าวข้ามมนุษย์เนี้ยมันอยู่ที่เวลาแล้วว่าจะทำได้เร็วแค่ไหนอนาคตskynetหรือthe matrixก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ถ้าควบคุมไม่ดีพอ คนเก่งๆระดับโลกเค้ายังกลัวกัน แต่ผมไม่กลัวตรงนี้เท่าไหร่เพราะกว่าจะพัฒนาถึงจุดนั้นน่าจะไม่ทันได้อยู่เห็น
เหมือนคุณพยายามเทียบผลลัพธ์จากเครื่องจักรกับคนนั่นแหละ มีมนุษย์คนไหนทำอาหารได้เร็วและอร่อยเท่าเครื่องจักรสำเร็จรูปบ้าง มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เครื่องจักรจะสามารถทำงานได้เร็วกว่าคน แต่ถ้าคุณศึกษาผลลัพธ์ทั้งหลายที่ได้จาก AI (ซึ่งแน่นอนว่ามันดีขึ้นเรื่อย ๆ) คุณจะเห็นได้เองว่าสิ่งที่มันผลิตออกมาก็ไม่ได้หนีจากมนุษย์ไปไหน แค่มันเร็วขึ้นมาก ๆ แค่นั้น และแค่ความเร็วนี่แหละที่ทำให้ AI ตอบโจทย์มาก ๆ ในการช่วยเหลือมนุษย์ นักวิจัย AI เองก็ไม่เคยเคลมว่ามันจะมาแทนที่มนุษย์เพราะรู้ข้อจำกัดของมันดี มีแต่พวก Businessmen พวกนี้แหละที่พูดหว่านล้อมไปเรื่อย
AI เก่งจริง เก่งพอ ๆ กับพวกพูดหว่านล้อมนักลงทุนนั่นแหละ
ผมก็ยังไม่เข้าใจนิยามคำว่าไม่เกินความสามารถมนุษย์ของคุณอยู่ดีว่าหมายถึงอะไรกันแน่ การที่ทำอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้มันไม่พอให้เรียกว่าเกินความสามารถมนุษย์อีกเหรอ หรือต้องสร้างไทม์แมชชีนหรือไปต่างมิติไรงี้ได้ถึงเรียกว่าเกินความสามารถมนุษย์ แล้วการที่Aiมันพัฒนาเรียนรู้ได้ทำให้ผมมองว่าความเป็นไปได้ในสิ่งนี้มันค่อนข้างไกลมากและไม่ใช่แค่ลมปากหลอกให้มาลงทุนแน่นอน
สิ่งที่คุณไม่สังเกตเลยคือ AI ติดกำแพงเดิมมาตั้งแต่เทรนด์นี้มาใหม่ ๆ แล้ว มันหาคำตอบที่มันเคยศึกษาได้ยอดเยี่ยมกว่ามนุษย์มาก แต่เมื่อออกจากสิ่งที่มันเรียนรู้มามันไขว้เขวมากกว่ามนุษย์ที่เก่งที่สุดในสายนั้นแบบกู่ไม่กลับ Lee Sedol เคยเอาชนะ AlphaGo ได้เพราะหมากตาที่ 74 ที่ AlphaGo ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น หรืออย่างล่าสุดที่คนสายสื่อกลัวกันมากที่สุดอย่าง AI Art ที่วาดภาพสวยมากในไม่กี่อึดใจ แต่พอออกจากในสิ่งที่มันไม่รู้ (ในช่วงนั้น เช่น มือ) มันเป๋แบบไม่เป็นท่าเลย และมนุษย์นี่แหละที่ไล่ตามเช็ด ไล่ปิดจุดอ่อนของมันแบบไม่จบไม่สิ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทที่ทำงานร่วมกับ AI ถึงเอาเป็นเอาตายมากกับเหมืองข้อมูลและพยายามเก็บทุกเม็ดเท่าที่กฎหมายอำนวยให้ทำ แข่งกันสร้างโมเดลที่ครอบคลุมที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว AI มันก็ติดกำแพงสิ่งที่มันไม่รู้อยู่ดี แน่นอน มันอาจจะปิดจุดอ่อนเองได้ในกระบวนการใหม่ แต่มันเกิดขึ้นหรือยัง
เฉลย มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างวิธี Trial-and-error ที่เคยใช้กันมาตั้งแต่ยุค ML เกิดขึ้นมาใหม่ ๆ แต่ (Virtually) ไม่มีใครใช้มันอีกแล้วเพราะกว่าจะได้โมเดลมันช้ามาก ใช้วิธีเหมืองข้อมูลแล้ว Assisted เอานั้นสร้างโมเดลได้เร็วกว่า
ทั้งคุณและ CEO ต้นข่าวต่างก็พูดในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นทั้งคู่ แต่ภายใต้ความเชื่อมั่นว่ามันต้องทำได้ แต่คุณใช้สิ่งนั้น Debate กับข้อเท็จจริงปัจจุบันอยู่ จะถูกจะผิดมันคือเรื่องของอนาคต ผมแค่อยู่และวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และนั่นทำให้ผมมองอย่างอื่นจาก CEO คนนี้ไม่เป็นอย่างอื่นเลยนอกจากการปั่นหุ้น คำพูดไม่ต่างจากนักธุรกิจโฆษณาสินค้าเลยแม้แต่นิดเดียว
คุณอ้างว่าเชื่อแต่ข้อเท็จจริงกับปัจจุบัน แต่ผมมองว่าคุณเชื่อแต่สิ่งที่คุณอยากจะเชื่อกับสิ่งในอดีตมากกว่าปัจจุบัน มันเห็นๆอยู่ว่าคุณไม่มองถึงจุดแข็งของและการทำงานของAiด้วยซ้ำที่มีพัฒนาการได้ไวมองแต่ข้อผิดพลาดจุดด้อยจากอคติที่มี ทั้งๆที่คนที่เข้าใจจริงๆจะรู้ว่าข้อผิดพลาดพวกนี้มันเกิดได้กับทุกๆอย่างนั่นแหละแม้แต่คนจริงๆก็ยังผิดพลาดสูงมากดังนั้นการแก้ไขข้อผิดพลาดไม่ได้เป็นเรื่องแปลก(จริงๆข้อผิดพลาดของAiต้องนับว่าเป็นฝีมือมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาด้วยซ้ำ) AlphaGoที่คุณยกมาว่าแพ้Lee Sedolเจ้าตัวยังออกมาพูดเองว่าตอนนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนเอาชนะคอมพิวเตอร์ได้แล้วนี่คือAiที่มีศักยภาพในการพัฒนาจนเหนือกว่ามนุษย์มากแล้วเรื่องนี้มันตั้งหลายปีก่อนสมัยAiยังไม่เป็นกระแสบูมที่พัฒนาจนทำลายกำแพงไปหลายอันแล้วด้วยนะ
อย่างที่บอกไป มันแล้วแต่ว่าคุณอยากจะเชื่ออะไรมากกว่า ผมไม่ห้ามคุณเชื่อในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น และคุณมองผมผิดที่ว่าผมไม่เคยมองถึงจุดแข็งของ AI เพราะผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยี AI มาโดยตลอดว่าจะสามารถนำมาเป็นผู้ช่วยที่สำคัญของมนุษยชาติได้ เพราะในทุก ๆ เทคโนโลยีมันก็เป็นแบบนี้ และมันเก่งมาก ๆ ในการหาคำตอบที่มันเคยได้รับ Dataset มา และเราก็ได้เห็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์แล้ว แต่เทคโนโลยีแม้แต่กับสิ่งที่เราเคยมองว่ามันจะมาแทนที่คนมาเป็นร้อยปีอย่างอุตสาหกรรมการผลิตก็ไม่เคยมาทดแทน Traditional Method ได้เลยเพราะ "ข้อมูล" นี่แหละ และเราก็ได้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ของจุดอ่อนของมันเช่นกัน แน่นอนมีกลุ่มคนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันจะไม่มีทางมาแทนที่แบบเบ็ดเสร็จ (เหมือนที่พ่อค้าคนนี้เคลม) คุณอ้างว่าคุณเข้าใจมันดีถึงกล้าบอกว่ามันจะมาแทนที่ได้ คุณนี่เก่งกว่านักวิจัย AI สายตรงอีกนะนี่
คุณอาจจะสับสนระหว่าง ANI (Artificial Narrowed Intelligence) ที่เป็นของที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และ AGI (Artificial General Intelligence) ที่เป็นสิ่งที่กำลังศึกษาอยู่ ผมพูดถึง ANI เป็นหลักเพราะในกระแสไม่มีใครกำลังพัฒนา (หรืออาจจะมีคนซุ่มพัฒนา) AGI อยู่ ประกอบกับเรื่องทางจริยธรรมที่ยังตีไม่ตกว่า ถ้าเกิดเรามี AGI ขึ้นมา ผลกระทบจริง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร คนจะต้องทยอย Lay Off กันไหม หรือมันจะเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายกว่านั้น (คนไม่ต้องทำงานเลยอีกต่อไป หรือโดน AGI ยึดอำนาจเหมือนในนิยายไซไฟ)
วาดรูป ถ่ายภาพ แต่งเพลง ทำ CG ทำหนัง ตอนนี้ AI ทำแทนได้หมด
และก็ออกมาเละเทะ...
(ไม่มีข้อมูลรองรับ แต่ถ้าต้องการแค่ผลตอบรับก็หาได้ไม่ยาก ว่าสื่อที่ใช้ AI ร่วมสร้างนั้นโดนกลุ่มผู้บริโภคตอกกลับยังไงบ้าง เหมือนรายการเดียวที่คนค่อนข้างโอเคคือการใช้ AI ช่วยพากย์เสียงเพราะนักพากย์ฝรั่งเล่นตัวเกิน)
ว่าจะถามพอดี นักพากย์ฝรั่งทำไมถึงเล่นตัวเกินขนาดนั้นล่ะครับ จนโดน AI มาถล่มในที่สุด
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
นักพากย์บ้านเขานี่ประหนึ่งนักแสดงเลยล่ะ ราคาพอ ๆ กับการจ้างนักแสดงสนับสนุน อย่างดราม่า Bayonetta 3 ที่นักพากย์ได้ไป $20,000 ที่เกิดเสียงแตกกันหลายฝั่ง ทั้งฝั่งที่บอกว่าเรื่องนี้มันต้องตกลงกันทั้งนายจ้างและลูกจ้าง และฝั่งที่บอกว่า $20,000 ต่อเดือนถือว่าน้อยเกินไปสำหรับนักพากย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักพากย์ในแฟรนไชส์ตำนานอย่าง Bayonetta แต่ที่ประจักษ์คือ ราคาเหล่านี้สูงกว่าการจ้างศิลปินวาดภาพหรือแต่งเพลงอย่างง่ายอีก ผมเคยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับแฟน Bayo บางกลุ่ม เขาบอกนักพากย์เรื่องมาก แต่นั่นก็แค่กลุ่มตัวอย่างเล็ก ๆ ไม่สามารรถนำไปอ้างกับภาพรวมได้
แต่ถ้าพูดถึงความไม่แฟร์ของการจ่างนักพากย์ที่มีอยู่จริง ก็มีกรณีเหล่านั้นอยู่อย่าง Crunchyroll ที่จ้างนักพากย์ในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน อันนั้นก็ต้องว่ากันในอีกหัวข้อหนึ่ง
คนไม่รู้โค้ด จะรู้ได้ไง AI เขียนถูก
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เขียน test case คุมครับ
คือเฮียแกเก่งจริง เชื่อว่าทุกคนก็คงรับฟังไอเดียของเค้าล่ะ แต่โลกนี้ทุกอย่างมีต้นทุน ตอนนี้ NVIDIA ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของ AI ก็ไม่แปลกที่เค้าจะมองในมุมนี้
การจะสร้าง AI model ให้เชี่ยวชาญในแต่ละงาน แต่ละอุตหากรรม ต้องใช้เงินเท่าไหร่ องค์กรขนาดเล็กจะเทรนโมเดลเองได้มั้ย หรือต้องซื้อโมเดลจากเจ้าใหญ่มาใช้ แล้วข้อมูลที่เป็นความลับจะจัดการยังไง ผมอาจจะยังเข้าใจ AI ได้นิดเดียว แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้เมื่อไหร่
อีกอย่าง ตอนนี้ AI เรียนรู้การเขียนโค๊ดจากฐานข้อมูลที่คนพัฒนาไว้ ในขณะที่ภาษาโปรแกรมมิ่งนั้นพัฒนาไปเรื่อยๆ แบบนี้คนพัฒนาภาษาต้องคอยสอน AI ให้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆแทนที่จะทำ document ให้คนอ่าน เอิ่ม นึกภาพไม่ออกจริงๆ 😅😅
..: เรื่อยไป
จะไปถึงจุดนั้นมันก็ไม่ง่าย เปิดประเด็นมาไม่มีกรอบเวลา ขายของได้เต็มๆช่วงนี้
อย่างน้อย pseudo code ควรได้นะ เป็นกระบวนสร้างlogicที่สำคัญ
อย่างล่าสุดผมเจอเคส น้องจบใหม่ ส่งcode มาให้ if-else เต็มเลย10if น้องเขาเอาgpt เจนมา ก็เป็นหน้าที่ senior เราที่ต้องแน่ะนำว่าแบบนี้ คุณเอาเข้าarray loop ได้นะบลาๆๆ แล้วก็ยกเคส แบบนี้ เขียนแบบนี ก็คุยกันแบบภาษาดอกไม้ไป(สมัยผมยังละอ่อน ผมเจอวิศวกร commentแบบเห็บหมามาก รณรงค์คนไทยโตไปไม่ทำนะครัส เราไม่ใช่ฝรั่งที่แยกงานออกจากอารมณ์ได้ :)
เท่าที่ผ่านมาผมเห็น วิศวกร/dev ส่วนใหญ่ที่แข็งๆ ที่ไม่ได้ลงcodeแล้ว pseudo flow เกิดจากการสะสมประสบการณ์เขียนโค้ด
จนกลายเป็นความชำนาญครับ ทุกวันนี้ผมก็ใช้นะ ขี้เกียจนั่งพิมพ์ยาวๆ แต่ท้ายสุดผมก็มานั่งตรวจอยู่ดี test caseผ่าน แต่ทำไมมันช้าๆจัง ก็เข้าไปดู
ก็พบกับความอิยังนิ อยู่บ่อยๆในตัวsource code
นักศึกษาที่เรียนสายคอมอยู่ เป็นกำลังใจในการเรียนครับ ไม่ใช่เห็นข่าวนี้ปาหนังสือทิ้งเลยสิ่งที่คุณเรียนได้ใช้แน่นอนครับ thread, cpu,circle,architecture บลาๆ ได้ใช้แน่นอนครับเป็นความรู้รอบโต๊ะเวลาคุณทำงานสายIT แต่คุณยังไม่เข้าใจจนกว่าคุณจะทำงานแล้วเจอปัญหา แล้วนำสิ่งที่เรียนมาใช้แก้ปัญหาได้ครับ สู้ๆเหล่าทาเคชิ ทาเคโกะ :)
coding เป็น snippet ก็คงได้ แต่ software engineering as a whole คงต้องเป็นมนุษย์ต่อไปนี่แหละ
ก็ประมาณ super compiler แทนที่จะเขียนคำสั่งก็ใช้พูดสั่งไปตรงๆให้มันแปลงภาษาคนเป็นภาษาเครื่อง