ในรายงาน ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ของ Netflix ซึ่งมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 15% มีประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงมาก โดย Netflix บอกว่าจะเลิกรายงานจำนวนสมาชิกบนแพลตฟอร์ม มีผลตั้งแต่ปีหน้า ทั้งนี้ในไตรมาสที่ผ่านมา Netflix มีจำนวนสมาชิกอยู่ 269.60 ล้านบัญชีทั่วโลก
สาเหตุนั้น Netflix บอกว่า ต้องการให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาที่ตัวเลขรายได้ และอัตราการทำกำไรเป็นหลัก ในอดีตที่บริษัทเริ่มให้บริการสตรีมมิ่ง รายได้ยังไม่มาก จำนวนสมาชิกบนแพลตฟอร์มเป็นตัววัดผลที่สำคัญว่าธุรกิจมีการเติบโต แต่ตอนนี้บริษัทมีโครงสร้างรายได้จากสมาชิกที่หลากหลายในแต่ละประเทศ มีรายได้จากโฆษณาเพิ่มมาในบางประเทศ การดูที่จำนวนสมาชิกทั่วโลก จึงไม่สามารถสะท้อนภาพธุรกิจได้แล้ว ควรดูที่รายได้รวมมากกว่า
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าสาเหตุจริง ๆ เพราะ Netflix เชื่อว่าจากนี้ตัวเลขสมาชิกจะกลับมาลดลงอีกครั้ง (เคย ลดลง ในปี 2022 ) ซึ่งช่วงที่ผ่านมาจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นสูงเพราะ Netflix เปิดระบบป้องกันการหารบัญชี
ตัววัดหนึ่งที่สะท้อนว่าทำไม Netflix ไม่อยากให้ดูจำนวนสมาชิก คือรายได้เฉลี่ยต่อสมาชิกหรือ ARM ซึ่งนำรายได้รวมหารด้วยจำนวนสมาชิก เพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับรายได้รวมที่เพิ่ม 15% นั่นเอง ซึ่งเป็นไปตามที่ Netflix บอกว่าแพ็คเกจสมาชิกในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมาก ตัวอย่างที่อาจทำให้เห็นภาพเป็นดังนี้
- สหรัฐอเมริกา: Standard with ads 258 บาทต่อเดือน ($6.99), Premium 848 บาทต่อเดือน ($22.99)
- ญี่ปุ่น: Standard with ads 188 บาทต่อเดือน (¥790), Premium 472 บาทต่อเดือน (¥1,980)
- ไทย: Mobile 99 บาทต่อเดือน, Standard 349 บาทต่อเดือน, Premium 419 บาทต่อเดือน
- อินเดีย: Mobile 66 บาทต่อเดือน (₹149), Standard 220 บาทต่อเดือน (₹499), Premium 287 บาทต่อเดือน (₹649)
ทั้งนี้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคู่แข่งหลายราย ก็ไม่เคยเปิดเผยจำนวนสมาชิก เช่น Apple TV+ หรือ Amazon Prime Video ขณะที่ Disney+, Paramount+ ยังมีการรายงานจำนวนสมาชิก
ที่มา: CNBC
Comments
มองอีกแบบคือเป็นสมาชิกกันเกือบทั้งโลกแล้ว จะให้ไปหาสมาชิกจากไหนมาเพิ่มอีก สมัครคนละ 2 ไอดี?
ถ้าสมัครของอินเดีย แต่มาดูที่ไทย จะได้ภาษา อินเดียใช่มั้ยครับผมสงสัยเฉยๆ
อยากรู้ด้วยครับ เพื่อนฝากถามมาเหมือนกัน
จำไม่ได้เรื่องภาษา แต่ตอนเราไปดูที่ญี่ปุ่น มันมีคอนเทนต์ของญี่ปุ่นขึ้นมาให้ดูเพียบเลย
เหมือนมันน่าจะอิงจากไอพีมากกว่านะครับ เพราะผมสมัครของไทยแต่พอมาดูที่เยอรมันก็ได้ภาษาและคอนเทนต์เป็นเยอรมันครับ
เคยมีคนต่าวชาติล็อกอินทิ้งไว้ที่โรงแรมในเชียงใหม่ที่ผมไปเที่ยว
ผมเปิดดูก็มีคอนเทนต์ไทยครับ แต่ Default ภาษาเป็นของเค้า
คิดว่าอิงตาม Geo IP ประเทศนั้นๆ
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
ไม่ฮะ อิงตามพื้นที่ที่เปิด
อิงตามพื้นที่ครับ ผมเปิด netflix ที่เยอรมันก็ขาด content ไทยเพียบ แถม subtitles ได้ไม่เท่าตอนอยู่ที่ไทยอีก
รายได้รวม เพิ่ม 15% , ARM เพิ่ม 1% .. ถ้า จำนวนสมาชิก ไม่ค่อยเพิ่ม , แล้ว รายได้เพิ่ม จากไหน ?
ง่ายมากเลยครับ ขึ้นราคากับลด content investment
ผมเสริมครับในการขายสินค้ามันจะมี
"รายได้ต่อใบเสร็จ" (Bill per cappita)
ในหลายๆธุรกิจ จะรายงานเลขตัวนี้เพราะ
มันบ่งบอกถึงความสามารถได้ครับ
เช่น เซเว่น ทรู เอไอเอส อาฟเตอร์ยู
(ซึ่งอาจจะเรียยกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ
ผมชินคำนี้มากกว่านะคำอื่นผมจำไมไ่ด้)
ผมยกตัวอย่างตัวเลขละกัน
สมมติมากขึ้น
อาจจะมาจาก
- คนซื้อของเยอะขึ้น > เช่น ของมีคุณภาพดี
- ราคาของเพิ่มขึ้น > เพราะ? ต้นทุนมากขึ้น? เพิ่มราคาขาย? สมาชิกลดลง?
- ราคาของเพิ่มมากว่าจำนวนคน
ในกรณีเท่าเดิม หรือน้อยลงก็กลับเหตุ
สมมติถ้ารายงานว่าเพิ่มขึ้นลดลง
มันจะเหลือแค่นักวิเคราะห์ที่ทำงานจริงจัง
ไปถามแหละว่าจำนวนสมาชิกมันยังไง
เอาไปวิเคราะห์ เพราะ "รายได้ต่อบิล"
มันทำให้คิดได้เยอะ แต่ ถ้ารายงาน Gross profit
สื่อกับคนไม่ได้ตามธุรกิจลึกก็จะแบบ
"เออก็ยังกำไรหนิ" เมื่อสังคมไม่ตื่นตัว
นักลงทุนก็ไม่ตื่นตัวครับ เพราะถ้าเกิดอาการ
"Unrest" จาก "public" สิ่งนักลงทุนจะทำ
คือ "เก็งกำไรจากอารมณ์ของผู้คน" แบบ
คนไม่ไว้ใจงั้นตู "take profit"
บางทีก็ไม่เข้าใจผู้ถือหุ้นนะ จะให้มันกำไรเติบโตไปตลอดมันก็ยากเกินไปสำหรับบางธุรกิจ
That is the way things are.
ผู้ถือหุ้นยังไงก็คือผู้ถือหุ้นครับ ไม่มีใครเข้ามาถือหุ้นเพราะต้องการสนับสนุนองค์กรหรอกครับ มาเพื่อเอากำไรกันทั้งนั้น
แต่เจ้าของกิจการที่ฟังผู้ถือหุ้นมากกว่าความเป็นจริงของธุรกิจตัวเองแล้วพังก็มีนะครับ สุดท้ายแล้วผู้ถือหุ้นต้องการแค่กำไร แต่ไม่ได้รู้ว่าต้องบริหารธุระกิจยังไง ยังไงแล้ว เจ้าของกิจการต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ดี
..: เรื่อยไป
ผมว่าไม่เรียกว่าธุรกิจตัวเองนะครับ เพราะถ้ามีผู้ถือหุ้นอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองมันก็ไม่ใช่ธุรกิจตัวเองอยู่แล้ว เงินที่ใช้ดำเนินการส่วนหนึ่งก็ของผู้ถือหุ้นหรือเปล่านะ
แต่ก็ถูกนะที่ต้องบริหารเรื่องพวกนี้ให้ดี ส่วนจะฟังไม่ฟังก็คงขึ้นอยู่กับสัดส่วนหุ้นที่ถือแหละครับถ้าปัญหาเยอะไม่ง้อผู้ถือหุ้น ก็ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด
ป.ล. คิดว่านะ